หลังจากนั้นไม่นานชายที่สวมชุดป้องกันสีน้ำเงินเทา รวมทั้งสวมถุงมือและปลอกแขนป้องกันก็วิ่งเข้ามาอย่างตื่นเต้นทันทีที่เขาเดินเข้าประตูมา เขาก็มองเห็นชาร์ลีแล้วรีบพูดอย่างตื่นเต้นว่า “สวัสดีครับคุณเวด! ไม่เจอกันนานเลยนะครับ!”อิจิโร่อยู่ที่นี่มานานแล้ว ในช่วงเวลานี้เขาติดต่อกับคนของอัลเบิร์ตหลายคนทุกวันและใช้เวลาส่วนใหญ่ดูแลสุนัขอยู่ในฟาร์มสุนัขแห่งนี้ด้วยเมื่อเวลาผ่านไปเขาก็อดที่จะรู้สึกอ้างว้างอยู่ภายในใจไม่ได้เมื่อเขาได้ยินว่าชาร์ลีอยู่ที่นี่และต้องการพบเขาในตอนนี้ เขาก็อดที่จะรู้สึกตื่นเต้นอย่างมากไม่ได้เขาตื่นเต้นมากเพราะเขาไม่ได้พบคนรู้จักหรือเพื่อน ๆ ของเขามาเป็นเวลานานแล้ว ถึงแม้ว่าชาร์ลีจะไม่ใช่เพื่อนของเขาแต่อย่างน้อยก็ถือว่าเป็นคนรู้จักคุ้นเคยได้ไม่ใช่เหรอ?การได้พบกับคนรู้จักคุ้นเคยจึงถือว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับเขาได้ยากมาก ๆชาร์ลีมองไปที่อิจิโร่ก่อนจะยิ้มแล้วพูดว่า “อิจิโร่ ตอนนี้นายพูดภาษาออสเกียนได้ค่อนข้างดีแล้วนะ ฉันไม่ได้ยินสำเนียงญี่ปุ่นจากคำพูดของนายเลย ช่วงนี้นายเรียนหนักหรือเปล่า?”อิจิโร่ยิ้มอาย ๆ ในขณะที่พูดว่า “นอกจากดูแลสุนัขอยู่ทุกวันแล้ว ผมยังใช้
หลังจากนั้นไม่นานจิโร่ก็ถูกซ้อมจนเลือดอาบเต็มใบหน้าและเกือบจะหมดสติไปสองสามครั้งแต่ทุกครั้งที่เขากำลังจะหมดสติก็จะถูกปลุกขึ้นมาด้วยกำปั้นอันเกรี้ยวโกรธของอิจิโร่!ตอนนี้อิจิโร่แข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนแล้วถึงแม้ว่าเขาจะเคยเป็นทายาทเศรษฐีที่ไม่ได้ทำอะไรนอกจากดื่มเหล้าทั้งวัน แต่ในช่วงเวลานี้เขาทำงานหนักอยู่ที่ฟาร์มสุนัขของอับเบิร์ตทุกวัน ดังนั้นสมรรถภาพทางกายของเขาจึงดีขึ้นอย่างมาก เขาอาจจะไม่แข็งแกร่งถึงขั้นจะเรียกว่าปรมาจารย์ได้ แต่เขาสามารถกำราบจิโร่ที่วัน ๆ ไม่ได้ทำอะไรเลย นอกจากดื่มเหล้าตามแบบฉบับทายาทเศรษฐีผู้มั่งคั่งจิโร่เพิ่งรู้ตัวว่าร่างกายของเขาอ่อนแอแค่ไหนก็ในเวลานี้นี่แหละ หลังจากโดนพี่ชายชกด้วยกำปั้นไม่กี่ครั้ง เขาก็รู้สึกราวกับว่าสูญเสียชีวิตไปแล้วครึ่งหนึ่งเขาร้องไห้อย่างน่าสมเพช “พี่ครับ! ได้โปรดยกโทษให้ฉันในฐานะที่เราเป็นพี่เป็นน้องและเป็นเพื่อนร่วมชาติด้วยเถอะครับ! ปล่อยผมไปเถอะ…”พูดจบจิโร่ก็ยังคงร้องไห้อย่างน่าสมเพชเวทนาอิจิโร่กัดฟันกรอดแล้วก่นด่าออกมาว่า “ตอนนี้แกจำได้แล้วเหรอว่าเราเป็นพี่น้องกัน? แกยังจำได้ว่าเราเป็นเพื่อนร่วมชาติเหมือนกันเหรอ?!”“จิโร่ แ
อะไรนะ?” ทั้งอิจิโร่และจิโร่ต่างตกตะลึงอยู่ในเวลานี้ชาร์ลีต้องการหุ้นโคบายาชิ ฟาร์มา 80%?!เขาขอมากเกินไปแล้ว!เขาไม่เพียงเรียกร้องราคาที่สูงลิบลิ่วเท่านั้นนะ!แต่ยังมาขู่กรรโชกเขาด้วย!อิจิโร่มีสีหน้าที่ดูอึดอัดเป็นอย่างมากอันที่จริงตอนแรกเขาคิดว่าชาร์ลีจะขอแค่เงินเท่านั้น นอกจากนี้ก็คงไม่สำคัญอะไรถ้าชาร์ลีจะเรียกร้องเงินหลายพันล้านดอลลาร์ เขาก็แค่ทำใจยอมรับแล้วยื่นเงินให้ชาร์ลีทันที เพราะท้ายที่สุดแล้วเขารู้ว่าบริษัทโคบายาชิ ฟาร์มาจะสามารถหาเงินกลับคืนมาได้อย่างรวดเร็วแต่เขาไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าชาร์ลีจะขอหุ้นของโคบายาชิ ฟาร์มาถึงแปดสิบเปอร์เซ็นต์แทน!ทันทีที่จิโร่ซึ่งยืนอยู่ข้าง ๆ ได้ยินดังนี้เขาก็เข้าใจเจตตาของชาร์ลีได้ทันทีทำไมชาร์ลีถึงต้องการควบคุมหุ้นของโคบายาชิ ฟาร์มา?นั่นต้องเป็นเพราะเขาต้องการผลิตยาแก้โรคกระเพาะของนักปรุงยาให้เต็มกำลังการผลิตยกตัวอย่างเช่น ถ้ามูลค่าตลาดปัจจุบันของโคบายาชิ ฟาร์มาอยู่หนึ่งแสนล้านดอลลาร์และต้องโอนหุ้นให้ชาร์ลีไป 80% ก็ดูเหมือนว่าชาร์ลีจะได้รับหุ้นที่มีมูลค่าถึงแปดหมื่นล้านดอลลาร์เลยนะแต่เนื่องจากพี่ชายของเขาถูกกักขังไว้ที่ฟาร์ม
จริง ๆ แล้ว พี่น้องทั้งสองคนได้คิดหาทางออกได้แล้ว ณ จุดนี้ในเวลานี้เงินเป็นเพียงของนอกกายและวัตถุแปลกปลอมเท่านั้นสิ่งที่สำคัญสำหรับพวกเขาในตอนนี้ก็คืออิสรภาพและตัวตนของพวกเขาในฐานะหัวครอบครัวโคบายาชิ!ถึงแม้ว่าจะมีหุ้นอยู่ในมือแค่ 10% เขาก็ยังสามารถรับประกันได้ว่า เขาจะยังมีชีวิตที่ดีต่อไปได้จนตลอดชีวิตนี้แต่ถ้าเขาติดแหง็กอยู่ที่ฟาร์มสุนัขในต่างประเทศ เขาก็คงไม่มีโอกาสกลับมาประสบความสำเร็จอีกเลยตลอดชีวิตนี้ดังนั้นถ้าเขาต้องมีทางเลือกแค่สองทางนี้ ทางเลือกที่ว่านั้นไม่ผิดอะไรกับนรกและสวรรค์เมื่อจิโร่ได้ยินว่าเขายินดีจะยกหุ้นให้ชาร์ลี 90% เขาก็กำลังจะสูญเสียโอกาสนั้นแล้ว เขาจึงโพล่งออกมาอย่างสิ้นหวัง “คุณเวดครับ ถ้าคุณยินดีที่จะร่วมมือกับผม ผมจะยกหุ้นให้คุณ 95%!”ชาร์ลียิ้มเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า “จิโร่ ฉันคิดว่านายได้สติช้าไปหน่อยนะ ฉันคิดว่าถ้าได้ร่วมมือกับพี่ชายของนายในเรื่องนี้จะดีกว่า”ทันทีที่ชาร์ลีพูดออกมาดังนี้อิจิโร่ก็มีสีหน้าที่ดูตื่นเต้นขึ้นทันที แต่ในทางกลับกันจิโร่กลับรู้สึกว่าเขาได้ตกลงไปในเหวลึกและรู้สึกท้อแท้สิ้นหวังอย่างมากอิจิโร่คุกเข่าลงกับพื้นอย่างตื่นเต้
ในระหว่างทางกลับบ้าน ชาร์ลีได้รับการแจ้งเตือนทางโทรศัพท์การแจ้งเตือนนี้เป็นรายงานข่าวที่พาดหัวว่า “อิโตะ นานาโกะ นักกีฬาต่อสู้ป้องกันตัวหญิงที่มีความสามารถของญี่ปุ่นพ้นขีดอันตรายแล้ว แพทย์บอกว่าเธออาจต้องอำลาสังเวียนการต่อสู้ในอนาคตทันทีที่เห็นพาดหัวข่าวชาร์ลีก็รีบคลิกเข้าไปอ่านรายละเอียดของข่าวทันทีปรากฏว่าหลังจากนานาโกะกลับไปญี่ปุ่นแล้วเธอก็ได้รับการรักษาฉุกเฉินในโรงพยาบาลที่ดีที่สุดของโตเกียวทันทีนอกจากนี้เธอก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสในตอนนั้นด้วย จริง ๆ แล้วอวัยวะภายในของเธอทั้งหมดได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียหายทั้งหมดในเวลานั้น และอยู่ในสภาพวิกฤตที่เป็นอันตรายถึงชีวิตได้หลังจากได้รับการรักษาฉุกเฉินเป็นเวลาหลายชั่วโมง ในที่สุดเธอก็พ้นขีดอันตรายแล้วแต่ถึงแม้จะพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่สภาพร่างกายของเธอยังไม่สู้ดีนัก สื่อได้อ้างอิงคำพูดของเหล่าแพทย์ชั้นนำในโตเกียวที่บอกว่า นานาโกะดูเหมือนจะได้รับบาดเจ็บสาหัสทางร่างกายและอวัยวะภายใน พวกเขาไม่รู้ว่าเธอจะฟื้นตัวเต็มที่ได้เมื่อไหร่ ยิ่งไปกว่านั้นถึงแม้เธอจะพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่โอกาสที่เธอจะฟื้นตัวและกลับสู่สภาพเดิมก่อนได้รับบาดเจ็บนั้นมีอย
สำหรับชาร์ลีแล้ว…ไม่ว่าเขาจะใช้ตัวตนของปรมาจารย์เวดหรือนายน้อยแห่งตระกูลเวด เขาก็ไม่ได้ใส่ใจกับคนที่ไม่น่าสนใจอย่างดีแลนเลยแม้แต่น้อยถึงแม้ว่าตระกูลโคชจะเป็นตระกูลใหญ่และทรงอำนาจในอีสต์คลิฟฟ์ แต่ความแข็งแกร่งโดยรวมก็ไม่ได้ยอดเยี่ยมอะไรขนาดนั้นตระกูลโคชทั้งหมดไม่อาจรอดพ้นสายตาของชาร์ลีไปได้ แล้วนับประสาอะไรกับคนอย่างดีแลนไอแซครู้ดีถึงความแข็งแกร่งและความสามารถของชาร์ลีนี่คือคนที่ฆ่ากลุ่มแปดผู้ยิ่งใหญ่ที่ตระกูลเว็บบ์ส่งมาด้วยการใช้กระบวนท่าเพียงครั้งเดียว!ตระกูลโคชไม่ถือว่าเป็นคู่ต่อสู้ของชาร์ลีได้เลยแต่ไอแซครู้ว่าอีสต์คลิฟฟ์เป็นสถานที่แบบไหน มันไม่ใช่สถานที่เรียบง่ายแต่เป็นอะไรที่ลึกลับซับซ้อนมาก แท้จริงแล้วอาจมีอันตรายแอบแฝงอยู่มากมาย แม้แต่ในสถานที่ที่ดูเหมือนเงียบสงบ อะไร ๆ ก็เกิดขึ้นได้รวมถึงอันตรายทุกรูปแบบก็อาจโผล่ขึ้นมาแบบปุบปับได้ทั้งนั้นยิ่งไปกว่านั้นครั้งนี้ชาร์ลีกำลังจะเดินทางไปยังอีสต์คลิฟฟ์ตามลำพังด้วย ซึ่งไอแซคกลัวว่าเขาจะไม่มีคนคอยช่วยเหลือ ถ้ามีปัญหาอะไรเกิดขึ้นในอีสต์คลิฟฟ์ ดังนั้นเขาจึงเตือนชาร์ลีว่า “นายน้อยครับ ถึงแม้ตระกูลโคชจะไม่ได้มีอำนาจมากนัก แต่พว
แคลร์รู้สึกสะเทือนใจมากกับคำพูดอันแผ่วเบาของชาร์ลีเธออดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปหาชาร์ลีแล้วอิงแอบอยู่ในอ้อมแขนของเขาอย่างอ่อนโยน เธอเงยหน้ามองดูดวงดาวบนท้องฟ้าพร้อมกับพูดอย่างมีความสุขว่า “หลังปีใหม่ปีนี้ก็นับเป็นปีที่สี่ที่เราได้แต่งงานกันมาแล้วนะคะ”“ใช่แล้วครับ” ชาร์ลีอดที่จะถอนหายใจไม่ได้ในขณะที่พูดว่า “แป๊บ ๆ ก็สี่ปีแล้ว วันเวลาช่างผ่านไปเร็วจริง ๆ”“เร็วเหรอคะ?” แคลร์ตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง “วันเวลาไม่ได้ผ่านไปเร็วสำหรับฉันเลยค่ะ ตลอดสี่ปีที่ผ่านมามีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้น มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากเหลือเกินโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคุณ”ชาร์ลีเอามือแตะจมูกในขณะที่พูดว่า “อะไรเหรอ? ผมเปลี่ยนแปลงยังไง?”แคลร์พยักหน้าในขณะที่พูดว่า “คุณเปลี่ยนไปแน่สิ! ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกที่คุณมีต่อคนอื่น ความรู้สึกสังหรณ์ของคุณ หรือนิสัยใจคอของคุณ ดูเหมือนว่าคุณจะเปลี่ยนไปมากนับตั้งแต่วันแรกที่เราได้แต่งงานกัน”ในขณะที่กำลังพูดอยู่นั้นแคลร์ก็พึมพำเบา ๆ ว่า “แต่จริง ๆ แล้วมันแปลกมากเลยนะคะ คุณดูเหมือนมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ แต่บางครั้งที่ฉันคิดถึงเรื่องนี้ ฉันก็รู้สึกราวกับว่าทุกอย่างเป็นเรื่อง
หลังได้ยินคำพูดของแคลร์ชาร์ลีก็หัวเราะโดยไม่ได้พูดอะไรเขารู้ว่าทำไมนายท่านวิลสันถึงหยุดพูดถึงเรื่องนี้หลังจากที่เขาแต่งงานกับแคลร์ ก็อาจเป็นเพราะนายท่านวิลสันรู้สึกว่าได้ชดใช้หนี้ให้กับตระกูลเวดแล้ว โดยให้เขาได้แต่งงานกับแคลร์และทำให้เขาได้มีครอบครัวแต่ชาร์ลีไม่สามารถบอกเรื่องนี้ให้แคลร์รู้ได้ในเวลานี้จู่ ๆ แคลร์ก็มองขึ้นไปบนท้องฟ้าในขณะที่พูดอยากเบิกบานใจว่า “โอ้โห! มีหิมะตกจริง ๆ ด้วย!”ชาร์ลีเงยหน้าขึ้นแล้วมีละอองหิมะเย็น ๆ ตกลงมาบนหน้าผากของเขา หลังจากตกลงมาบอกกล่าวอย่างเป็นนัย ๆ ว่าความหนาวเย็นกำลังจะมาเยือนแล้ว ละอองหิมะนั้นก็ละลายหายไปในทันทีในตอนแรกมีเกล็ดหิมะโปรยปรายลงมาเพียงเล็กน้อย แต่ประมาณสิบนาทีต่อมาเกล็ดหิมะก็เริ่มโปรยปรายไปทั่วท้องฟ้าในยามค่ำคืนนับเป็นเรื่องยากจริง ๆ ที่หิมะจะตกหนักอย่างนี้ในเมืองทางตอนใต้อย่างโอลรัส ฮิลล์แคลร์ทำตัวเหมือนเด็ก ๆ ในขณะที่เธอเต้นรำอย่างมีความสุขอยู่กลางหิมะเมื่อหิมะเริ่มตกมากขึ้นแคลร์ก็พาชาร์ลีออกไปที่ลานบ้าน หลังจากนั้นเธอก็เก็บหิมะจากหลังคารถก่อนจะบอกกับชาร์ลีว่า “ถ้าหิมะตกแบบนี้ไปเรื่อย ๆ เราก็จะปั้นตุ๊กตาหิมะได้ แล้วก็ปา