“ฉันรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคืนนี้ทำให้เธอรู้สึกคับแค้นใจ ฉันสัญญาว่า ฉันจะ…” “คุณจะออกไปมั้ย?”เสิ่นหยินอู้หยิบขวดเจลอาบน้ำขว้างใส่เขา “ไปให้พ้น!” ฉินเย่ที่ตอนแรกตั้งใจจะอธิบายงุนงงอยู่กับที่ นี่เป็นครั้งแรกที่เสิ่นหยินอู้พูดจารุนแรงกับฉินเย่ฉินเย่ยืนอยู่กับที่ ใบหน้าอึมครึมและริมฝีปากที่ตรงราวกับเส้นตรง เผยให้เห็นอารมณ์ของเธอ เสิ่นหยินอู้ยืนมองเขาอย่างเยือกเย็น สีหน้าบ่งบอกว่าไม่อยากเห็นเขาอีกต่อไปผ่านไปชั่วครู่ ฉินเย่ก็หมุนตัวแล้วเดินออกไป เมื่อเขาออกไปแล้ว เสิ่นหยินอู้รู้สึกว่าไหล่ของเธอมีหินทับลงมาจนเกือบจะล้ม เธอยืดมือพยุงกำแพงแล้วนั่งลงช้าๆ พิงกำแพงและหลับตาลงความโกรธที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ คงเป็นเพราะคำพูดของฉินเย่ทำให้เธอโกรธจนเวียนหัวคลื่นไส้ คลื่นไส้?เสิ่นหยินอู้เปิดตาขึ้นทันทีเมื่อนึกถึงบางอย่าง แย่แล้ว อารมณ์ที่ปั่นป่วนขนาดนี้จะส่งผลต่อลูกในท้องไหมนะ?และเธอสังเกตว่าช่วงนี้เธอไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ ถึงแม้จะบอกว่าจะพยายามสงบสติอารมณ์ทุกครั้ง แต่ก็จะควบคุมอารมณ์ไม่ได้เพราะเรื่องบางอย่างเสมอ มันเกิดอะไรขึ้น?เสิ่นหยินอู้เอื้อมมือ
ยิ่งคิดถึงเรื่องนี้ เจียงฉูฉู่ก็ยิ่งเกลียดเสิ่นหยินอู้จนไม่สนใจคำห้ามปรามของคนรอบข้างในขณะที่ผู้ช่วยหลี่ ผู้ช่วยของฉินเย่ที่ถูกเรียกมาหลังเลิกงาน กำลังยืนอยู่ที่ประตูและเฝ้าดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในเงียบๆเขากอดอกพิงกำแพง มองภาพนี้ด้วยความรู้สึกหมดความอดทนแน่นอนว่าความอ่อนโยนที่เห็นภายนอกนั้นเป็นการเสแสร้งทั้งหมดแม้ว่าจะเห็นใจและสงสารเจียงฉูฉู่ที่หน้าผากบาดเจ็บเช่นนี้ และยังได้ยินหมอบอกว่าจะเป็นแผลเป็น เพราะการเสียโฉมเช่นนี้สำหรับผู้หญิงนั้นเป็นเรื่องที่กระทบกระเทือนต่อจิตใจเป็นอย่างมากแต่เมื่อคิดว่าเสิ่นหยินอู้ที่เป็นเลขาของพวกเขากำลังตั้งครรภ์อยู่ เขาก็ไม่รู้สึกสงสารเจียงฉูฉู่เลยยิ่งไปกว่านั้นพวกเพื่อนของเจียงฉูฉู่ก็พยายามบอกกับฉินเย่ว่าเสิ่นหยินอู้เป็นคนที่ผลักเจียงฉูฉู่จนล้มลงจนเจียงฉูฉู่ต้องกลายเป็นแบบนี้เขาฟังแล้วก็ยิ่งโกรธ เสิ่นหยินอู้ที่พยายามรับความทุกข์จากการท้องด้วยตัวเองเพียงคนเดียว จะเป็นไปได้อย่างไรที่เธอจะทำเรื่องแบบนั้น?ถึงแม้ว่าเธอจะผลักจริงๆ มันก็ต้องมีเหตุผลในใจของผู้ช่วยหลี่เขาเอนเอียงไปทางเสิ่นหยินอู้ ดังนั้นเขาจึงมองเจียงฉูฉู่และเพื่อนๆของเธอด้
เมื่อคิดถึงตรงนี้ สีหน้าของเจียงฉูฉู่ก็เปลี่ยนไป “เขาไปไหนแล้ว? รีบหยุดเขาไว้!” เจียงฉูฉู่จ้องมองไปที่ซูเชี่ยวด้วยความไม่พอใจ "เธอจะพูดจาซี้ซั้วไร้สาระไปเพื่อ? ในเมื่อฉินเย่โทรเรียกเขามา เขาก็ต้องเป็นคนของฉินเย่ เธอหยาบคายกับเขาขนาดนี้ ถ้าเขาเอาเรื่องแย่ๆของฉันไปบอกฉินเย่ขึ้นมาจะทำยังไง?” ซูเชี่ยวอึ้งอยู่ที่เดิม คาดไม่ถึงว่าฉูฉู่จะกล่าวหาเธอ "ฉัน ฉันแค่เห็นเธอร้องไห้เพราะเศร้าใจและอารมณ์ก็ไม่ค่อยดี ฉันก็เลยคิดจะให้เขาโทรหาฉินเย่ก็แค่นั้นเอง" เจียงฉูฉู่ไม่มีความคิดที่จะฟังซูเชี่ยวอธิบายอะไรอีกต่อไป เดิมทีสำหรับเธอแล้ว สถานการณ์ในปัจจุบันมาถึงตรงนี้มันถือว่าไม่ดีเลยสักนิด ดังนั้นเธอจึงวางแผนให้ตัวเองได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยเพื่อที่ฉินเย่จะได้เบี่ยงเบนความสนใจทั้งหมดมาที่ตัวเธอ แต่ใครจะรู้ อาการบาดเจ็บเล็กน้อยกลายเป็นการบาดเจ็บสาหัส เธอคงทำเกินไปจริงๆ ช่างมันเถอะ สิ่งที่สำคัญคือเธอบาดเจ็บรุนแรงขนาดนี้ ฉินเย่ยังจะออกไปในเวลาแบบนี้อีก นี่คือสิ่งที่เจียงฉูฉู่ไม่อยากให้เกิดขึ้นมากที่สุด หากเธอเสียโฉมและถ้าฉินเย่ไม่ต้องการเธอ เธอจะให้เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร? ภายในใจของเจียงฉูฉู่ต
หลังจากพูดจบ ฉินเย่ก็เดินขึ้นไปชั้นบนไปโรงพยาบาลด้วยฝีก้าวที่มั่นคง หลังจากฟังเจียงฉูฉู่พูดแล้ว และกำลังจะลงไปชั้นล่างเพื่อไปหาผู้ช่วยหลี่ แต่เมื่อเห็นฉินเย่กลับมาแล้ว เขาก็หยุดฝีเท้าลง “ประธานฉิน ฉู ฉูฉู่เธอ…” อย่างไรก็ตาม ก่อนที่พวกเธอจะพูดจบ ฉินเย่ก็เดินผ่านพวกเธอไปโดยไม่แม้แต่จะชายตามอง ฉินเย่ในเวลานี้อยู่ในอารมณ์ที่แย่มากเพราะเขาทะเลาะกับเสิ่นหยินอู้ สีหน้าของเขาก็ดูแย่มากเช่นกัน ผู้หญิงหลายคนสัมผัสได้ถึงความเย็นเยียบที่แผ่ออกมาจากร่างกายของเขาอย่างชัดเจน พวกเธอตกตะลึงอยู่กับที่และไม่กล้าก้าวไปข้างหน้าเพื่อหยุดรั้งเขาไว้และพูดอะไรกับเขา แต่จู่ๆฉินเย่กลับสังเกตเห็นบางสิ่งบางอย่าง ฝีเท้าของเขาชะงักไปครู่หนึ่ง เขาหันไปมองคนคนหนึ่งในกลุ่มของพวกเธอ "คุณ ทำไมยังอยู่ที่นี่อีก?" ซูเชี่ยวยืนอยู่กับทุกคน แต่ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกถึงสายตาอันเย็นชาที่ตกลงมาบนหัวของเธอ เธอเงยหน้าขึ้นและสบตาเข้ากับสายตาที่อันตรายและเฉียบคมของฉินเย่ เธอตกใจจนหนังศีรษะของเธอชาไปหมด และเธอไม่รู้จะอธิบายอย่างไร "เย่!" ในเวลานี้ เสียงของเจียงฉูฉู่ก็ดังขึ้นจากที่ไม่ไกลพอดี ทุกคนมองไปตามเสียงนั้นแ
เมื่ออยากจะร้องไห้ ดวงตาของเธอแทบจะเต็มไปด้วยน้ำตา แต่กลับไม่มีน้ำตาหยดลงมาสักหยด ในที่สุดดวงตาของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีแดง จากนั้นเธอก็หันหลังกลับอย่างดื้อรั้น เธอซ่อนน้ำตาทั้งหมดไว้โดยหันหลังให้เขา ทันใดนั้นฉินเย่ก็รู้สึกจวนตัวเล็กน้อย เขายังคงจำตอนเด็กๆที่เธอร้องไห้เสียงดังต่อหน้าเขาที่ทั้งน้ำตาและน้ำมูกไหล เหมือนกันกับที่เธอดึงชายเสื้อของเขาเบาๆเช่นนี้ เธอมองเขาอย่างน่าสงสารและสูดจมูกอีกครั้ง ดวงตาของเธอเป็นสีแดง มันเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? เธอหยุดร้องไห้ต่อหน้าเขาและซ่อนน้ำตาเอาไว้ ในที่สุดฉินเย่ก็เข้าใจว่าทำไมเขาถึงรู้สึกว้าเหว่อยู่ภายในใจมาตั้งแต่แรก เพราะระหว่างเสิ่นหยินอู้กับเขามีช่องว่างที่ลึกมากๆอยู่ เธอไม่เห็นเขาเป็นคนสนิทชิดเชื้อที่สามารถแบ่งปันปัญหาทางอารมณ์ต่างๆได้อีกต่อไป “เย่...นายโกรธฉันจริงๆใช่ไหม?” เสียงอันนุ่มนวลของเจียงฉูฉู่ทำให้เขากลับมามีสติสัมปชัญญะอีกครั้ง ฉินเย่กลับมามีสติอีกครั้ง มองดูเจียงฉูฉู่ที่มีน้ำตาไหลอาบเต็มหน้า เขาเม้มริมฝีปากแล้วถามว่า "เกิดอะไรขึ้นตอนเย็นวันนี้?" เมื่อได้ยิน เจียงฉูฉู่ก็ตกตะลึง "อะไรนะ?" สายตาของฉินเย่ขยับขึ้นม
เจียงฉูฉู่ตกตะลึง สีบนใบหน้าของเธอค่อยๆหายไป คาดไม่ถึงเลยว่าฉินเย่จะพูดแบบนี้ออกมา หมายความว่าอะไรกันที่ว่าในเมื่อรู้ว่าตัวเธอไม่ระมัดระวังเอง ครั้งต่อไปก็ระวังให้มากขึ้น? ถ้าเช่นนั้น ตอนนี้เขาคงรู้สึกว่าที่วันนี้เธอล้มลงจนเป็นเช่นนี้มันคือปัญหาของเธอเองและไม่เกี่ยวข้องกับเสิ่นหยินอู้เลยสินะ? เขาไม่ได้คิดที่จะให้เสิ่นหยินอู้รับผิดชอบเลยใช่ไหม? ไม่สิ เธอไม่ควรคิดแบบนี้ในเวลานี้ สิ่งที่เธอควรคิดมากที่สุดในตอนนี้คือ ทำไมฉินเย่ถึงคิดแบบนี้หลังจากออกไปและกลับมา เสิ่นหยินอู้ต้องไปพูดอะไรบางอย่างกับเขาถึงทำให้เขาเปลี่ยนความคิดไปได้ หรือว่ามันจะเป็นแบบนั้น? เมื่อคิดอะไรบางอย่างได้ สีหน้าของฉูฉู่ก็ซีดลง ในขณะนั้น ฉูฉู่ไม่สนใจสิ่งใดอีกต่อไป และจู่ๆเธอก็กระโจนเข้าไปในอ้อมแขนของฉินเย่และร้องไห้ออกมาเบาๆ “ฉันขอโทษนะ สิ่งที่นายพูด ฉันจะจำไว้ ฉันก็แค่เจ็บแผลมาก และหมอก็บอกฉันว่ามันจะทิ้งรอยแผลเป็นไว้ ซึ่งนั่นทำให้ฉันรู้สึกสับสนมาก เมื่อกี้นายไปไหนมา? เย่ นายได้ยินมาใช่ไหมว่าฉันจะมีรอยแผลเป็นบนหน้าผาก นายก็เลยไม่ต้องการฉันแล้วเพราะนายรังเกียจฉันสินะ?” ความอ่อนโยนในอ้อมแขนกลับทำให้ภายใน
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเธอจะยอมรับกับแผลเป็นแบบนี้ได้ หลังจากที่คุณหมอจากไปแล้ว เจียงฉูฉู่ก็ร้องไห้งอแงกับฉินเย่อีกครั้ง “เย่ แค่ฉันคิดถึงเรื่องรอยแผลเป็น ฉันก็รู้สึกเศร้ามาก นายคิดว่าหลังจากที่ฉันมีรอยแผลเป็น ฉันจะขี้เหร่มากไหม? นายจะรังเกียจฉันและจะทิ้งฉันไปไหม?” ริมฝีปากบางของฉินเย่ขยับ คำพูดที่เขากำลังจะตอบเธอ ในขณะนี้เขากลับไม่สามารถพูดออกมาได้แม้แต่คำเดียว ในท้ายที่สุด เขาทำพูดได้เพียงว่า "พักผ่อนให้แผลหายดีก่อนแล้วกัน" เจีจยงฉูฉู่รู้สึกผิดหวังมากที่เธอไม่ได้ยินคำสัญญาที่เธอต้องการ ก่อนที่จะนอนลง เธอถึงขั้นคิดว่าในช่วงสองปีที่ผ่านมาฉินเย่คงจะไม่ได้ตกหลุมรักเสิ่นหยินอู้ไปแล้วใช่ไหม? ไม่ได้ เขาคือผู้ชายที่เธอชอบ และเธอจะไม่ปล่อยเขาไปให้คนอื่นเด็ดขาด สำหรับการเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตของเขา เธอต้องใช้เรื่องนี้ให้เป็นประโยชน์เพื่อทำให้ฉินเย่เปลี่ยนความคิดทั้งหมดของเขากลับมาสนใจเธอ - เมื่อเสิ่นหยินอู้ตื่นขึ้นมา เธอรู้สึกเวียนหัว หลังจากนอนอยู่สักพักเธอก็รู้สึกคลื่นไส้อย่างรุนแรง เธอลุกขึ้นมาและรีบไปที่ห้องน้ำ เธอฟุบหน้าอยู่ที่อ่างล้างหน้า จากนั้นก็อาเจียนออกมา ใ
เมื่อถึงโรงพยาบาล โจวชวงชวงเป็นที่คนไปต่อคิว ลงทะเบียน จ่ายเงินและทำทุกๆอย่าง เพราะเสิ่นหยินอู้รู้สึกไม่ค่อยสบาย ดังนั้นเธอจึงขดตัวอยู่บนเก้าอี้ที่มุมห้องอยู่ตลอดเวลาเพื่อรอให้โจวชวงชวงจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยและมาหาเธอ เมื่อเห็นสีหน้าที่ค่อนข้างแย่ของเธอ โจวชวงชวงก็ยิ่งกังวลมากขึ้น “เธอโอเคไหม? ทำไมท้องแล้วเหมือนคนป่วยแบบนี้ล่ะ?” หลังจากพูดจบ โจวชวงชวงก็เอื้อมมือออกไปวัดอุณหภูมิบนหน้าผากของเธอ หลังจากแน่ใจว่าเธอไม่มีไข้แล้ว โจวชวงชวงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก หากไม่มีไข้ ก็อาจเป็นเพราะแพ้ท้อง คงไม่มีปัญหาอื่นๆอะไร เสิ่นหยินอู้ถูฝ่ามือของเธอโดยไม่รู้ตัวและหัวเราะเบาๆ "จริงๆแล้วก็ไม่เป็นไรมากหรอก ฉันแค่รู้สึกอยากนอน ไม่อยากกินตอนที่รู้สึกคลื่นไส้ แล้วก็อยากกินของหวานอยู่ตลอดเวลา" “กินของหวานเหรอ? แต่ต่อให้จะเป็นในเวลาปกติก็ไม่สามารถกินหวานมากเกินไปได้นะ ไม่ต้องพูดถึงในระหว่างตั้งท้องเลย งั้นเดี๋ยวเราถามหมอดูแล้วกัน” ภายใต้คำแนะนำของเธอ เสิ่นหยินอู้พยักหน้า "ได้" โจวชวงชวงมองเสิ่นหยินอู้ที่ตอนนี้ตอบตกลงโดยไม่สนใจว่าคำแนะนำจะเป็นเช่นไร เธอรู้สึกว่าหยินอู้ว่านอนสอนง่ายเป็