ตงฟางหลีพลันหลุบสายตาลง เพื่อปกปิดนัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความเย็นชาเอาไว้ ก่อนจะกดเสียงต่ำกระซิบกล่าวเตือนว่า “อีกครู่หนึ่ง เจ้าควรคิดให้รอบคอบเสียก่อนคิดจะเอ่ยสิ่งใดออกมา”กองเพลิงในครานี้ นับว่าเผาไหม้รุนแรงยิ่งนัด หากเอ่ยปิดพลาดแม้เพียงครั้งเดียว อาจจะทำให้พวกนางถูกเพลิงเผาไหม้จนเละเป็นจุลณก็ว่าได้
“หากว่ามิมีผู้ใดเข้าไปใกล้ตำหนักจริง ๆ แล้วนั้น เช่นนั้นแล้วองค์หญิงเย่ว์ลู่เข้าไปในตำหนักเยว่ชูได้อย่างไรกัน?” ตงฟางหลีพลางกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงนุ่มลึก “เกรงว่านางคงจะจงใจหลีกเลี่ยงขันทีและนางกำนัลสาวใช้เข้าไปเป็นแน่”“เจ้าหมายความว่าอย่างไรกัน?” ท่านอ๋องหลูหยางเอ่ยถาม“เมื่อครู่กระหม่อมได้เข้าไปด
ทว่า หากเป็นกลิ่นที่ติดตัวจริง ๆ ย่อมต้องติดตัวไปตลอดหรือค่อยๆ จางหายไป แทนที่จะส่งกลิ่นออกมาเป็นระยะๆ เช่นนี้เว้นแต่ว่า......ฉินเหยี่ยนเย่ว์คิดถึงความเป็นไปได้อย่างหนึ่งขึ้นมาในทันทีเมื่อมีความคิดนี้ผุดขึ้นมาในหัวนั้น ฉินเหยี่ยนเย่ว์พลันขมวดคิ้วพร้อมทั้งหัวใจที่เต้นรัวออกมาไม่หยุด นับว่าเป็นการ
“ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ ทรงอนุญาตให้นางดูด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ” ท่านอ๋องหลูหยางที่มีท่าทีร้อนใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้วนั้น เมื่อรู้ว่าหลานสาวหัวแก้วหัวแหวนของตนเองอาจจะยังมีชีวิตอยู่ บุรุษชายชาตรีที่ร่างกายกำยำพลางกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือไปในทันที “หากว่าเป็นเสมือนกับแมวตาบอดเจอหนูตายเล่า?” มุมปากของฉินเหย
องค์จักรพรรดิหาได้ตำหนิที่ท่านอ๋องหลูหยางทำตัวไร้มารยาทไม่ เมื่อคนตายฟื้นคืนชีพขึ้นมาเช่นนี้ ท่านอ๋องหลูหยางเองก็มิจำเป็นต้องให้คนผมขาวส่งคนผมดำไปเสียก่อน นี่ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีอีกเรื่องหนึ่งองค์จักรพรรดิจึงหันกลับมามองไปที่ฉินเหยี่ยนเย่ว์อีกครั้งฉินเหยี่ยนเย่ว์พลันรีบคุกเข่าลงกับพื้นไปใน
หลังจากที่ตงฟางหลีเห็นซูเตี่ยนฉิง สีหน้าที่เต็มไปด้วยความมืดครึ้มของเขาพลันอันตรธานหายไปในทันที ก่อนจะปรากฏร่องรอยความนุ่มนวลอันอบอุ่นขึ้นมาแทน น้ำเสียงยังกดแผ่วเบาลงมาหลายส่วน “ฉิงเอ๋อร์ อากาศหนาวยิ่งนัก เหตุใดเจ้าถึงไม่ไปพักที่เรือนรับรองข้าง ๆ เล่า?”ซูเตี่ยนฉิงเพียงขบเม้มริมฝีปากของตนเอง ก่อนจะก
ซูเตี่ยนฉิงหาได้หยุดฝีเท้าตัวเองไม่ ก่อนจะรับจ้ำก้าวเข้าไปในเรือนรับรองในทันที เมื่อแผนการของตงฟางอิงประสบความสำเร็จแล้วนั้น เขาพลันแลบลิ้นปลิ้นตาออกมา ด้วยใบหน้าน้อย ๆ ที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ“นางให้เจ้ามาหรือ?” น้ำเสียงของตงฟางหลีเอ่ยออกมาด้วยความเย็นชา พร้อมทั้งกลิ่นอายรังสีฆ่าฟันที่แผ่กระจาย
“แย่แล้ว ไม่ดีแล้ว เกิดเรื่องขึ้นกับท่านอ๋องสิบ” นางกำนัลผู้หนึ่งพลางร่ำไห้กรีดร้องออกมา “หมอหลวง รีบไปตามหมอหลวงมาเร็วเข้า”ผู้คนที่อยู่ภายในห้องโถงต่างก็ตกใจไปในทันที ไม่นานนักทุกคนจึงพากันมารวมตัวกัน นางกำนัลขันทีต่างก็รีบเร่งเข้าไปแจ้งแก่ฮองเฮาในทันใดในยามนี้ บรรยากาศภายในห้องโถวพลันเริ่มเกิดค