ตายคนเดียวดีกว่าต้องมาตายอยู่ที่นี่กันทั้งสองคนกู้อวิ๋นซีเตรียมใจพร้อมที่จะตายไว้เรียบร้อยแล้วแต่นางไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดเลย!กระบี่เล่มนั้นไม่ได้แทงเข้าไปในร่างกายของนางในจังหวะที่กู้อวิ๋นซีกำลังจะฆ่าตัวตายนั้นชายชุดดำที่ถือกระบี่ไว้ก็ตกใจจนรีบเก็บดาบหลบอย่างรวดเร็วชายชุดดำที่ถือมีดจับนางไว้เป็นตัวประกันเองก็รีบเอามีดออกเช่นกัน!หากว่าผู้หญิงคนนี้ตายไป จวินเย่เสวียนก็จะต้องฆ่าพวกเขาทุกคนให้ตายโดยไม่ห่วงอะไรอีกแน่!แต่ใครก็ไม่คาดคิด ในจังหวะที่ทั้งสองคนกำลังตกตะลึงกันอยู่นั้น ช่วงจังหวะนั้น ร่างสูงโปร่งของจวินเย่เสวียนก็ได้มาอยู่ตรงหน้าแล้ว!“อ๊า…” มีเสียงร้องอย่างเจ็บปวดดังขึ้นที่ข้างหูกู้อวิ๋นซีรีบลืมตาขึ้นมาทันที ก็เห็นแขนข้างหนึ่งตกอยู่บนพื้น ซึ่งแขนข้างที่ขาดนั้นยังคงกำกระบี่ยาวเอาไว้ในมืออยู่!ร่างสูงใหญ่ที่อยู่ข้างตัวก็ล้มลงไปเช่นกันกู้อวิ๋นซีถึงเพิ่งได้สังเกตว่า คนที่ใช้มีดสั้นกดที่คอเพื่อจับนางเป็นตัวประกันนั้น ก็ถูกฝ่ามือกระแทกโจมตีจนต้องล้มลงไปบนพื้นแล้วเช่นกัน“ท่าน…” นางยังไม่ทันได้พูดอะไร ก็ถูกจวินเย่เสวียนดึงตัวเข้ามาในอ้อมกอดแล้วจวินเย่เสวียนสีหน้า
จวินเย่เสวียนบาดเจ็บขนาดนี้ การที่คิดจะกลับไปเลย ก็คงเป็นไปได้ยากกู้อวิ๋นซีหาถ้ำที่ค่อนข้างมิดชิดเจอที่หนึ่ง หลังจากจัดแจงให้เขาไปพักเรียบร้อยนางก็ไปหาสมุนไพรสำหรับห้ามเลือดตรงบริเวณรอบๆ ถ้ำ จากนั้นก็เปิดเสื้อของจวินเย่เสวียนออกร่างนั้นเต็มไปด้วยแผลเก่าและแผลใหม่ จนนางเห็นแล้วก็อยากจะร้องไห้เทพแห่งสงครามเสวียนอ๋อง ชนะศึกมีชื่อเสียงได้รางวัล ล้วนแต่เป็นสิ่งที่เขาใช้ชีวิตเข้าแลกมาทั้งนั้น!คนข้างนอกก็เห็นเพียงแสงเจิดจรัสบนตัวของเขา แต่ไม่รู้เลยว่าเขาต้องลำบากและได้รับบาดเจ็บเพื่อราษฎรชาวหนานหลิงตั้งเท่าไร!กู้อวิ๋นซีพยายามสงบจิตใจอย่างรวดเร็ว นางใช้เข็มเงินสกัดจุดเพื่อห้ามเลือดของเขาไว้ส่วนหนึ่งจากนั้นก็บดสมุนไพร แปะไว้บนบาดแผลของเขานางถอดเสื้อนอกของตัวเองออก จากนั้นก็ฉีกออกเป็นชิ้นผ้าขนาดปานกลางเพื่อใช้สำหรับในการพันแผลให้เขาเลือดค่อยๆ หยุดไหล แต่จวินเย่เสวียนเสียเลือดมากเกินไป คงจะไม่ฟื้นคืนสติในเร็วๆ นี้แน่กู้อวิ๋นซีมองไปด้านนอกหนึ่งทีที่แห่งนี้ ลึกลับมากพอคนชุดดำคงหาไม่พบ ส่วนเยียนเป่ยเองก็คงไม่อาจหาพบในเร็วๆ นี้คืนนี้ เกรงว่าบาดแผลของจวินเย่เสวียนคงทำให้เขามี
จวินเย่เสวียนตื่นขึ้นในเช้าตรู่วันถัดมาเมื่อเขาขยับแขน ฉับพลันแววตาของเขาก็เข้มขึ้นมีหญิงสาวคนหนึ่งนอนอยู่ในอ้อมแขนของเขาในตอนแรกเขาก็อยากจะกอดนางไว้ในอ้อมแขนต่อโดยสัญชาตญาณ แต่เมื่อเขายกแขนขึ้นมา ใบหน้าหล่อเหล่าก็พลันถมึงทึง“บังอาจ!”เขาดึงเสื้อของกู้อวิ๋นซี โยนตัวนางออกจากอ้อมแขนของตัวเองทันทีพลั่ก กู้อวิ๋นซีที่ไม่ทันตั้งตัว ถูกเขาจับโยนทิ้งลงไปบนพื้น จนเจ็บบริเวณหัวไหล่ไปหมดความเจ็บปวดทำให้นางได้สติขึ้นในทันตา“ฉู่หลี…” เมื่อเงยหน้าก็เห็นจวินเย่เสวียนนั่งใช้สายตาเย็นเยียบราวน้ำก้อนแข็งจ้องมองนางอยู่ก่อนแล้ว“เจ้าเรียกข้าว่าอะไรนะ?” สีหน้าของจวินเย่เสวียน บึงตึงสุดๆทำตัวเย็นชาห่างเหินกู้อวิ๋นซีรวบรวมสติของตัวเอง นวดหัวไหล่ที่กระแทกพื้นไปพลาง พูดว่า “…องค์ชายสี่”ฉับพลันด้านนอกก็มีเสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามา สีหน้าของกู้อวิ๋นซีพลันเปลี่ยนสี แล้วรีบไปยืนบังด้านหน้าของจวินเย่เสวียนทันทีโดยสัญชาตญาณผู้ชายที่อยู่ด้านหลังมองดูแผ่นหลังบอบบางของนาง แววตามีประกายที่ซับซ้อนพาดผ่านเขาพูดเสียงเรียบๆ ว่า “เป็นเยียนเป่ย เจ้าจะตกใจอะไร?”กู้อวิ๋นซีก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เตรียมต
ความจริงก็คือ จวินฉู่หลีตัวจริงก็อยู่ในจวนเสวียนอ๋องในเวลานี้อยู่ในหออวิ๋นหลีนั่นแหละนั่นเป็นเรือนที่มีความเงียบสงบเป็นส่วนตัว อวิ๋นซี ฉู่หลีเจ้านายของเรือนนั้น จะต้องเป็นคนที่รักหญิงสาวที่ชื่ออวิ๋นซีมากแน่ๆแต่เมื่อกู้อวิ๋นซีเดินเข้าไป หัวใจของนางก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาอย่างประหลาดนางได้เห็นผู้ชายที่สวมอาภรณ์สีขาวคนนั้นแล้วแว๊บแรกที่ได้เห็นเขา “สงบ” คำนี้ก็ผุดขึ้นมาในหัวของนางทันทีเขากำลังดีดพิณอยู่ชุดสีขาว ผมยาว แค่มองจากด้านข้างก็รู้ได้ว่าต้องเป็นคนอบอุ่นอ่อนโยน สง่างามไร้มลทินงดงาม งดงามราวกับออกมาจากภาพวาดงดงามราวกับไม่ใช่มนุษย์ปุถุชน แต่เป็นเหมือนเทวดาในโลกแห่งจินตนาการกู้อวิ๋นซียืนอยู่ตรงทางเดิน มองไปที่เงาร่างที่อยู่ในเรือนไม่ไกลนั้นด้วยอาการตกตะลึงจนตัวเย็นวาบและที่เย็นยิ่งกว่าตัวนางในตอนนี้ก็คือคำพูดของจวินเย่เสวียนที่ดังขึ้นมาจากด้านหลัง“เจ้ามีสามีที่สมบูรณ์แบบเช่นนี้ ยังจะกล้าไปคิดออกนอกลู่นอกทางกับผู้ชายคนอื่นอีกอย่างนั้นเหรอ?”“กู้อวิ๋นซี คิดจะเป็นผู้หญิงของข้า เจ้าไปเอาสิทธิ์นั้นมาจากไหน?”คำพูดของเขาเป็นดั่งมีดคมๆ ที่ทิ่มแทงเข้าไปยังหัวใจของนาง
คำถามนี้ กู้อวิ๋นซีไม่มีคำตอบให้กับเขาสองวันต่อจากนั้น กู้อวิ๋นซีก็พักรักษาตัวอยู่ตลอดในห้องมีเงาร่างอบอุ่นอ่อนโยนร่างหนึ่ง คอยอยู่ดูแล คอยปกป้องนางตลอดเวลาไม่ห่างไปไหนกู้อวิ๋นซีตื่นขึ้นมาในเวลาเช้าตรู่ของวันที่สาม ในที่สุดนางก็อาการดีขึ้นแล้วหลังจากป่วยหนักเนื่องจากตกใจมากจนหมดสติ ตัวร้อนจี๋ มึนๆ งงๆ ไม่ค่อยได้สติ จนถึงตอนนี้ก็จัดว่าอาการดีขึ้นมากแล้วอย่างแท้จริงเพียงแต่ร่างกายของนางก็ยังรู้สึกอ่อนเพลียอยู่จวินฉู่หลีรับเอายาที่สาวใช้นำมาส่งให้ที่หน้าประตู เมื่อเขาหันกลับมาก็เห็นว่านางลุกขึ้นมานั่งอยู่บนเตียงแล้วเขารู้สึกร้อนใจ วางชามยาลงแล้วเดินเข้าไปหาทันที เพื่อช่วยประคองนาง “ระวังหน่อย!”ตอนที่ฝ่ามือใหญ่แตะโดนมือของนาง กู้อวิ๋นซีก็ชักมือของนางกลับไปโดยสัญชาตญาณ“ข้าไม่เป็นไร แค่เพียงอยากออกไปเดินเล่นเท่านั้น”ไม่ได้เห็นแสงอาทิตย์มาตั้งหลายวัน รู้สึกเหมือนร่างกายจะยิ่งอ่อนแอลงแล้วนางจำเป็นจะต้องเข้มแข็งขึ้นจวินฉู่หลีมองฝ่ามือที่ว่างเปล่าของเขา ในดวงตาปรากฎประกายแห่งความเศร้าหมองแต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร เขายกยาเข้าไปตรงหน้านาง “ออกไปก็ได้ แต่ว่าจะต้องดื่มยาให้หม
การคัดเลือกพระชาให้เสวียนอ๋องเรื่องนี้ พระสนมหรงเริ่มดำเนินการไปตั้งนานแล้วหนิความจริงกู้อวิ๋นซีไม่อยากมีส่วนร่วมเลยจริงๆ แต่ทุกครั้งพระสนมหรงก็ดึงนางเข้าไปร่วมวงด้วยตลอดบอกว่า นางเองก็เป็นนายหญิงของจวนเสวียนอ๋อง เรื่องนี้นางจำเป็นจะต้องมีส่วนร่วมด้วยกู้อวิ๋นซีเพียงแค่คิดไม่ถึงว่า วันนี้จวินเย่เสวียนก็จะอยู่ด้วย“เสวียนเออร์ ก่อนที่เจ้าจะไปออกรบ ก็ได้เจอกับหญิงสาวเหล่านั้นแล้ว ไม่รู้ว่าในบรรดาพวกนาง เจ้าถูกใจคนไหนมากที่สุดกัน?”พระสนมหรงเพิ่งจะถามจบก็เห็นกู้อวิ๋นซีเดินเข้ามาพร้อมกับสาวใช้พอดีนางกวักมือเรียกอย่างยิ้มๆ “ซีเออร์ เจ้าเองก็มานั่งสิ”กู้อวิ๋นซีเดินเข้าไปอย่างช้าๆ ก่อนจะเอ่ยปากทักทาย “เสด็จแม่”จากนั้นก็เบนสายตาไปมองที่จวินเย่เสวียนนี่เป็นครั้งแรกที่นางได้เจอกับจวินเย่เสวียน หลังจากที่หายป่วยผ่านมาหลายวัน ดูเหมือนว่าบาดแผลของเขาจะอาการดีขึ้นไม่น้อยแล้วอย่างน้อยๆ สีหน้าของเขาก็ไม่ได้ขาวซีดเหมือนในตอนแรกอีกกู้อวิ๋นซีหลุบสายตาลง ก่อนจะทักทายเขาเสียงเบาๆ “องค์ชายสี่”น้ำเสียงไม่แข็งกระดาง แต่ก็ไม่อ่อนหวาน ไม่เย็นชา แต่ก็ไม่กระตือรือร้นดีใจนิ่งสงบเพียงนี้
"เสวียนเออร์!" พระสนมหรงหน้าง้ำ!แต่จวินเย่เสวียนก็ไม่สนใจ เขายังพูดต่อด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย "ให้ซีเออร์น้อยหาคนที่เหมือนกับนางทุกอย่างมาสักคนก็ได้!"นัยน์ตาของพระสนมหรงปรากฎร่องรอยของความไม่พอใจ แต่เมื่อมองไปยังกู้อวิ๋นซีก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มแย้ม"ซีเออร์อย่าโกรธไปเลย ท่านพี่สี่ของเจ้าก็แค่...""ข้าเข้าใจความหมายของท่านพี่สี่แล้ว"กู้อวิ๋นซีพยักหน้า ไม่เพียงไม่มีร่อยรอยแห่งความไม่พอใจ กลับกันยังดูแจ่มใสสดชื่นขึ้นทันตา"ที่บ้านของข้ายังมีพี่สาวอีกหลายคนที่ยังไม่ออกเรือน ความหมายของท่านพี่สี่คือ สนใจในตัวพี่สาวทั้งหลายของข้าใช่หรือไม่?"จวินเย่เสวียนจ้องมองนางด้วยสายตาเย็นเยียบแต่กู้อวิ๋นซีกลับทำเป็นมองไม่เห็น ยังคงยิ้มบางๆ แล้วพูดต่อ "อีกวันสองวันข้ากำลังคิดจะกลับไปที่จวนแม่ทัพพอดี ดังนั้นท่านพี่สี่ เดี๋ยวข้าจะช่วยดูๆ ให้ท่านเอง ดูว่าพี่สาวท่านไหนยินดี...""พี่สาวของเจ้า มีหน้าตาเหมือนเจ้าอย่างนั้นเหรอ?"สายตาลึกซึ้งของจวินเย่เสวียน ไม่ปรากฎถึงรอยยิ้มเลยสักนิด "เช่นนั้นก็ดี หากว่าเจ้าเองก็มีพี่สาวฝาแฝด ก็ให้นางแต่งกับข้าเลยก็ได้!""เช่นนี้ ข้าเองก็จะได้ไม่ต้องเลือกอีก!"จ
กู้อวิ๋นซีชะงักฝีเท้าเล็กน้อย มองไปที่จวินเย่เสวียนซึ่งนั่งอยู่บนราวกั้นไกลๆนางก้มหน้าตอบด้วยสีหน้าอ่อนโยน "ท่านพี่สี่เป็นพี่ชายที่อาหลีรักและเคารพมากที่สุด งานแต่งของท่านพี่สี่ อาหลีย่อมต้องใส่ใจอยู่แล้ว""ข้าเป็นภรรยาของอาหลี สมควรที่จะคิดถึงอาหลีเป็นหลักในทุกเรื่อง สิ่งใดที่อาหลีใส่ใจ ข้าย่อมต้องใส่ใจด้วยเป็นธรรมดา"อาหลี!นางใช้วิธีการเช่นนี้ในการแยกเขากับฉู่หลีอย่างนั้นเหรอ?จวินเย่เสวียนนัยน์ตาเย็นเยียบ กระโดดลงจากราวกั้นแล้วเดินเข้ามาหานางแต่สายตาของกู้อวิ๋นซีกลับมองเลยเขาไป มองไปยังเงาร่างที่อยู่สุดทางเดินยาว "อาหลี!"จวินเย่เสวียนกำหมัดแน่น เดินไปที่บันไดตรงกลางทางเดินยาวก่อนจะก้าวเท้าเดินจากลงไปจวินฉู่หลีมองเขาอยู่นาน ถึงได้เดินเข้าไปหากู้อวิ๋นซี "พวกเขาบอกว่าเสด็จแม่เรียกเจ้าไปพบ ข้ากำลังจะไปดูพอดีว่าเสด็จแม่เรียกเจ้าไปคุยเรื่องอะไร""อาหลีกลัวว่าเสด็จแม่ของเจ้าจะกลั่นแกล้งข้าอย่างนั้นเหรอ?""ซีเออร์ อยู่ในจวนอ๋อง อย่าได้พูดจาเหลวไหล" จวินฉู่หลีพูดตำหนิเสียงเบากู้อวิ๋นซีกลับยิ้มออกมาอย่างเฉยเมย "อยู่ในจวนอ๋อง ใช่หรือไม่ว่าจะต้องรักษากฎในทุกเรื่อง? สถานที่เช่นน