"อย่าทำแบบนี้!"กู้อวิ๋นซีออกแรงขัดขืน แต่อย่างไรก็ไม่อาจหลุดจากการพันธนาการที่มือไปได้ราวกับในคืนแต่งงาน มือสองข้างของนางถูกผ้าม่านมัดไว้กับเสาไม้ ไม่อาจสลัดให้หลุดได้ชายหนุ่มยืนอยู่ด้านหลังของตัวนางกู้อวิ๋นซีมองเห็นใบหน้าของเขาไม่ชัด แต่ต่อให้ไม่มอง ก็รู้ว่าตอนนี้เขามีท่าทางอย่างไร"อย่าทำแบบนี้..." นางกัดริมฝีปาก ริมฝีปากบางกำลังสั่นไหวน้อยๆ "อย่าทำแบบนี้เลย ขอร้องล่ะ"พระสนมหรงกับแม่เฒ่าชิงและเยียนเป่ยต่างก็อยู่ด้านนอกประตูทำไมเขาถึงได้ทำแบบนี้กับนางในช่วงเวลาแบบนี้ ในสถานที่นี้ ด้วยสถานะเช่นนี้!"ขอร้องข้าเหรอ?" จวินเย่เสวียนก้มหน้า ริมฝีปากบางเฉียดผ่านหัวไหล่บอบบางของนางไปพลังไอเย็นจัดจนสามารถเสียดแทงเข้าถึงกระดูกได้ เย็นจนกู้อวิ๋นซีอดที่จะตัวสั่นเทิ้มไม่ได้ร่างกายเย็นวาบ นางไม่กล้าแม้แต่จะก้มหน้าลงไปมองเสื้อผ้าถูกถอดลงไปกองตรงช่วงเอว ผ้าชิ้นสุดท้ายบนร่างกายก็ถูกเขาดึงทึ้งออกไปแล้วกู้อวิ๋นซีหลับตาลง พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ "ขอร้องล่ะ ข้าขอร้องท่าน อย่าทำแบบนี้เลย อื้อ!"หน้าอกถูกบีบรัด นางตกใจจนเบิกตาโพลง คิดอยากที่จะขัดขืน แต่ก็ไม่กล้าขยับเยอะ"จวินเย่เสวี
จวินเย่เสวียนโบกมือหนึ่งทีปึก ผ้าม่านที่มัดมือทั้งสองข้างของกู้อวิ๋นซี ขาดออกไปตามเสียงกู้อวิ๋นซีตัวอ่อนไปทั้งร่าง จนเกือบจะล้มร่วงลงไปบนพื้นเขาเพียงแค่ยกมือขึ้นมาเฉยๆ กู้อวิ๋นซีก็ถูกเขาหยิบตัวขึ้นมาแล้ว โยนลงไปบนเตียงนางตกใจจนรีบจัดแจงใส่เสื้อผ้าของตัวเองให้เรียบร้อยกว่าที่จะใส่เสื้อผ้าได้ ไม่ง่ายเลย เมื่อเงยหน้ามองขึ้นไป ก็ไม่เห็นเงาร่างของจวินเย่เสวียนอยู่ในห้องแล้วจวินฉู่หลียืนอยู่ข้างประตู ไม่กล้าหันหน้ากลับมามองนาง กลัวว่าสายตาของเขาจะสร้างความเสื่อมเสียให้กับตัวนางแต่นาง ไม่บริสุทธิ์มาตั้งนางแล้ว"ซีเออร์..." เมื่อไม่ได้ยินเสียงสวมใส่เสื้อผ้าของหญิงสาวบนเตียง จวินฉู่หลีจึงลองถามออกไป "เจ้า...เสร็จแล้วหรือยัง?"กู้อวิ๋นซีไม่รู้ว่าจะตอบคำถามนี้อย่างไรเสื้อผ้าสวมใส่เสร็จแล้ว แต่ความรู้สึกของร่างกายมันยังไม่สงบลงราวกับว่า...ราวกับคนสารเลวนั่นยังคงอยู่ในร่างกายของนางอย่างนั้น หว่างขาสองข้าง ยังคงรู้สึกเจ็บปวดอย่างทรมานในที่สุดจวินฉู่หลีก็หันกลับมา มองนางหนึ่งทีเมื่อมั่นใจแล้วว่านางสวมเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อย เขาถึงได้หมุนตัวเดินมาหยุดที่ข้างเตียงบนใบหน้าของนาง
สองพี่น้องนี่ เสียสติกันไปหมดแล้ว!กู้อวิ๋นซีพยายามดึงมือของตัวเองกลับอย่างสุดแรง แล้วหันไปมองค้อนผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างเตียง"ข้าไม่ใช่ภรรยาของเจ้า!"จวินฉู่หลีไม่ได้โกรธ แต่กลับยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยนมากขึ้นอีก "คนทั่วทั้งแผ่นดินต่างรู้กันว่าเจ้าคือภรรยาของข้านะ!""ข้าไม่ใช่!" คนที่แต่งงานกับนาง อีกทั้งผู้ชายที่เข้าหอกับนางคือจวินเย่เสวียน ไม่ใช่เขา!"คืนนี้เจ้าเองก็ได้เห็นกับตาตัวเองแล้ว เขากับข้าได้..."กู้อวิ๋นซีกัดริมฝีปาก หลังจากที่สีหน้าขึ้นเป็นสีแดงระเรื่อน้อยๆ แล้ว ก็เปลี่ยนเป็นสีขาวซีดอย่างรวดเร็ว"เจ้าเองก็ได้เห็นแล้ว ยังจะทนได้อีกอย่างไร? หากว่าเจ้ายังสามารถทนได้อีก เจ้ายังนับเป็นผู้ชายได้อีกหรือ?"นางจ้องมองไปที่จวินฉู่หลี พยายามจะสงบอารมณ์ตัวเองให้ได้มากที่สุด "จวินฉู่หลี หากว่าเจ้ายังเป็นผู้ชาย ตอนนี้ก็จงมอบหนังสือหย่ามาให้ข้าซะ ไล่ข้าออกไปจากจวนอ๋องเลย!""เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดในวันนี้ ข้าเป็นคนทำให้มันเกิดขึ้นมาเองกับมือ หากว่ามีความผิด นั่นก็ล้วนเป็นความผิดของข้าทั้งหมด เกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วย"รอยยิ้มของจวินฉู่หลี อบอุ่น อ่อนโยน เสมือนสายลมในฤดูใบไม้ผลิเสมอ
กู้อวิ๋นซีอยากจะพูดกลับไปมากว่าตัวเองไม่ใช่ภรรยาของเขาแต่นางรู้ว่าปัญหานี้เขาไม่เคยให้ความสำคัญเลยขาของนางยังคงรู้สึกไม่สบายอยู่ เมื่อกี้ มันเจ็บมากจริงๆตอนที่ถูกจวินฉู่หลีอุ้มกลับไป ตลอดทาง ลมเย็นๆ ยามค่ำคืนพัดเข้ามาโดนตัวเขามองดูเขาที่สวมชุดคลุมยาวสีขาวทั้งตัว ชายผ้าพลิ้วไหว ทำให้นางรู้สึกผ่อนคลายอย่างประหลาดหากไม่ใช่จวินเย่เสวียนเข้ามาวุ่นวาย ตอนนี้บางทีนางอาจจะเป็นภรรยาของเขาจริงๆ แล้วก็ได้ด้วยนิสัยของจวินฉู่หลี ชีวิตหลังแต่งงานของพวกเขา น่าจะอบอุ่นและสมบูรณ์แบบมากแน่เหตุใดจวินเย่เสวียนถึงได้ร้ายกาจเช่นนี้นะ?เหตุใดจะต้องทำลายทุกอย่างนี้?เหตุใดในเมื่อเขาใจโหดเพียงนี้ ชั่วร้ายเพียงนี้ แต่จนถึงตอนนี้นางก็ยังไม่อาจเกลียดเขาได้เลยจริงๆ?จวินฉู่หลีเดินช้ามาก ราวกับไม่อยากให้สิ้นสุดทางเดินนี้อย่างนั้นตอนแรกกู้อวิ๋นซียังกลัวว่าเขาจะเหนื่อยที่อุ้มนาง แต่คิดไม่ถึงเลยว่าตลอดทางที่เดินมานี้ ฝีเท้าของเขายังเดินอย่างมั่นคง ลมหายในสม่ำเสมอไม่เหน็ดเหนื่อยเลยสักนิดแต่ถึงจะไม่อยากให้เดินจนจบเส้นทางนี้อย่างไร สุดท้ายก็ต้องสิ้นสุดในที่สุดจวินฉู่หลีก็อุ้มนางกลับมาจนถึงหอหนิงซ
เมื่อเห็นว่านางตั้งป้อมเพียงนี้ ท่าทางแบบนี้ ทำให้จวินฉู่หลีรู้สึกขำขันรอยยิ้มตรงมุมปากของจวินฉู่หลีชัดขึ้น อบอุ่นยิ่งขึ้น "อย่ากลัวข้าเลย ข้าไม่มีทางทำร้ายเจ้าเด็ดขาด"ถึงแม้ คืนนี้จะผ่านประสบการณ์ "ได้ประจักษ์กับสายตาตัวเอง" มาแล้ว ในใจของเขาคล้ายกับว่าจะมีสัตว์ร้ายตัวน้อยๆ เกิดขึ้นมาแต่เขา ไม่มีทาง!อย่างน้อยเขาก็จะพยายามห้ามใจตัวเองไว้!กู้อวิ๋นซีกัดริมฝีปากล่าง แล้วลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ"นอนเถอะ" จวินฉู่หลีดึงผ้าห่มขึ้นให้นางอีกครั้ง"ต่อไป...เจ้าก็สามารถหยุดเขาไว้ได้ใช่ไหม" ตอนนี้นางยังคิดหาวิธีที่จะออกจากที่นี่ไม่ได้เลยคำขู่ของจวินเย่เสวียน ราวกับยังคงดังก้องอยู่ข้างหูคิดจะไปจากจวนเสวียนอ๋อง นอกจากว่า เจ้าจะข้ามศพข้าไปก่อนคนสารเลวนั่น ไม่เคยพูดล้อเล่น!ในตอนนี้กู้อวิ๋นซีรู้สึกอับจนหนทางกับอนาคตของตัวเองเหลือเกินแต่อย่างน้อย อย่าให้คนสารเลวนั่นมาทำเรื่องอย่างว่ากับนางก่อนที่นางจะหาวิธีออกไปจากจวนเสวียนอ๋องได้หรือไม่?นางกลัวมากจริงๆ...ใครจะไปคิดว่าจวินฉู่หลีที่รักและอบอุ่นกับนางเสมอจะส่ายหน้าออกมา "ขอโทษที่ข้า...ไม่สามารถทำได้""เจ้าบอกว่าข้าเป็นภรรยาของเจ้าน
จวินเย่เสวียนนั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าป้ายวิญญาณที่ไม่ได้สลักชื่อแส้ถูกเฆี่ยนลงมาบนหลังของเขาแรงๆ ไม่นาน เสื้อสีดำชุดนั้นก็เปียกชุ่มไปด้วยเลือดสดๆ เป็นวงกว้างแต่ว่าถึงอย่างไรเขาก็ไม่แสดงสีหน้าความรู้สึกอะไรเลย แม้กระทั่ง ในแววตาก็ไม่มีร่องรอยความสำนึกผิดเลยสักนิดสุดท้าย ขนาดมือที่กำแส้ของพระสนมหรงยังสั่นเทา เมื่อยกขึ้นมาอีกครั้ง กลับไม่อาจเฆี่ยนตีต่อไปได้ตีเขาไปจะมีประโยชน์อะไร?ต่อให้ตีเขาให้ตาย ก็เปลี่ยนการตัดสินใจของเขาไม่ได้เรื่องที่เขาอยากจะทำ ตัวนางเองไม่สามารถห้ามปรามได้อีกแล้วพระสนมหรงโกรธมากจนทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ สายตาทั้งคู่ไร้ล่องลอย"เขามีชีวิตอยู่ได้อีกแค่สามเดือนเท่านั้น"ประโยคที่พูดออกมา ทำให้ใบหน้าเย็นชาของจวินเย่เสวียน เกิดร่องรอยหวั่นไหวขึ้นในดวงตาฝ่ามือของเขา ค่อยๆ กำแน่นน้ำตาของพระสนมหรงอดที่จะไหลลงมาไม่ได้ "เหตุใดเจ้าถึงไม่รออีกสักหน่อย? อย่างน้อย รอให้เขา...รอให้เขาจากไปอย่างสบายใจ...""ฉู่หลีไม่ตายหรอก ลูกจะต้องสามารถหาทางช่วยเขาได้แน่!" จวินเย่เสวียนพูดเสียงแหบแห้งพระสนมหรงมองไปที่เขาอีกครั้งแผ่นหลังของเขายังคงมีเลือดไหลซึมฉับพลันนางก็เสีย
กู้อวิ๋นซีหลุบตาลง มองไปที่จอกน้ำชาตรงเบื้องหน้าหลังจากที่ผ่านเรื่องเมื่อคืนมา เดิมทีกู้อวิ๋นซียังคิดอยู่ว่าเมื่อพระสนมหรงเห็นตัวเองจะมีทีท่าอย่างไรต้องเผชิญหน้ากับผู้หญิงที่สร้างความวุ่นวายให้กับลูกชายทั้งสองคนของนาง เกรงว่าต่อไปพระสนมหรงคงไม่อาจปล่อยนางไปได้นางเพียงคิดไม่ถึงว่า พระสนมหรงจะจัดการโต้งๆ เช่นนี้ ใช้น้ำชาอาบยาพิษแก้วเดียวมาจัดการปัญหากู้อวิ๋นซีใช้สองมือรับมา แต่ก็ไม่ได้ดื่มลงไป แต่กลับวางไว้บนโต๊ะแทนพระสนมหรงมองไปที่น้ำชาจอกนั้น แววตาฉายประกายอะไรบางอย่างนางยิ้มเหยียดออกมาแล้วพูดว่า "ซีเออร์คงไม่คิดว่า ข้าจะสั่งให้คนวางยาในน้ำชาจอกนี้หรอกใช่หรือไม่?"กู้อวิ๋นซีมองไปที่นาง พยายามจะเหยียดยิ้มออกมาแต่รอยยิ้มนั้นก็ไปไม่ถึงดวงตาเช่นกันนางพูดอย่างเรียบเฉย "เสด็จแม่พูดล้อเล่นแล้ว เสด็จแม่มีความคิดรอบคอบ สติปัญญาเกินใคร ย่อมต้องรู้ดีแน่นอนว่า หากฆ่าลูก จะต้องทำให้ลูกชายทั้งสองของท่านต้องเจ็บปวดเสียใจ"นางพูดอย่างยิ้มๆ "ดังนั้น เสด็จแม่จะวางยาพิษลูกได้อย่างไรใช่ไหมเพคะ?""ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เหตุใดจึงไม่ดื่ม?" พระสนมหรงไม่อาจทนฝืนยิ้มได้อีกต่อไป สีหน้าค่อยๆ เย็นเยี
สุดท้ายยาห่อนั้นก็ตกมาอยู่ในมือของกู้อวิ๋นซีนางรู้ดีว่าไม่ว่าคืนนี้ทุกอย่างจะสำเร็จเรียบร้อยดีหรือไม่ นางก็ได้ทำเรื่องที่ถือเป็นการหักหลังจวินเย่เสวียนเรียบร้อยแล้วจากนี้ไป จวินเย่เสวียนจะต้องเกลียดนางมากแน่บางทีการที่พระสนมหรงจัดการเช่นนี้ถึงจะฉลาดและถูกต้องที่สุดแล้วก็ได้เกลียดนาง ก็ยังดีกว่าคิดถึงนางเป็นไหนๆความสัมพันธ์ที่ไม่ปกติเช่นนี้สมควรที่จะจบลงได้ตั้งนานแล้วความจริงแล้วงานเลี้ยงในคืนนั้น กู้อวิ๋นซีไม่ได้ประกาศอะไรออกไปมากในจวนอ๋องย่อมมีคนทำหน้าที่ประกาศทุกอย่างเพียงแค่ประกาศออกไปข้างนอกว่าคนที่เป็นแม่งานของงานเลี้ยงนี้คือพระชายาหลีอ๋องส่วนสาเหตุที่ว่าจัดทำไมก็ไม่มีใครได้รู้"วันนี้เสวียนอ๋องออกนอกเมือง ไม่รู้ว่าคืนนี้จะกลับมาทันหรือไม่เจ้าค่ะ" อันเซี่ยไปสืบข่าวมาได้ก็รีบกลับมาบอกกู้อวิ๋นซีทันทีกู้อวิ๋นซีพยักหน้ารับเขาจะกลับหรือไม่กลับมาก็เป็นเรื่องหนึ่ง ส่วนงานเลี้ยงนี้นางจะจัดหรือไม่จัดก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งถึงอย่างไรซะ คนที่ควรจะเชิญก็เชิญไปหมดแล้ว"ข้าจะไปพบแม่นางสองคนนั้นสักหน่อย"กู้อวิ๋นซีจัดการตัวเองอย่างเรียบง่ายจากนั้นก็ไปที่ห้องรับรองคืนนี้