สายตาการจ้องมองของเขาแรงมากจนจั๋วซือหรานสังเกตถึงและหันไปมองเขาสีหน้าของเหยียนชางดูแย่เหลือเกิน นางรู้ 'อาการป่วยเรื้อรัง' ของท่านอ๋องยเฟิงได้อย่างไรอาการของของเฟิงเหยียน นอกจากผู้เฒ่าที่น่านับถือของตระกูลเฟิงและตระกูลเหยียน ผู้ที่รู้มีจำนวนไม่มากผู้เฒ่าของตระกูลจั๋ว อาจรู้เพียงเล็กน้อยเนื่องจากสองครอบครัวนี้มีสัญญาการหมั้นกันนางรู้ได้อย่างไรเหยียนชางพูดอย่างจนปัญญา "หาเรื่องกับตระกูลเหยียนของเรายังไม่เพียงพออีก เจ้าอยากให้ตระกูลเฟิงเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยอีกหรือ"จั๋วซือหรานเห็นเขาฟ้องร้องเช่นนี้ นางไม่โกรธ "ก่อนหน้านี้ หัวหน้าเหยียนกลัวจะแก้ไขยาก จะอายคนอื่นมิใช่หรือ ข้าจะช่วยรท่าน ท่านชอบเล่นการใหญ่หรือ เช่นนั้นพวกเราก็เริ่มการใหญ่กันเถอะ ”เหยียนชางอึ้งเลย "..."สีหน้าของเขาจากซีดกลายเป็นสีแดง และสีหน้าของเขาน่าดูมากเขาพูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง จั๋วซือหรานกลายเป็นผู้นำไปซะแล้วจั๋วซือหรานมองไปที่ซือหลี่ไม่กี่คนนั้นและซือเจิ้งที่มีดวงตาเป็นประกาย"ข้าขอให้พวกเจ้าทุกคนเป็นพยานด้วย ในอีกสี่วัน ข้าจะแข่งกับคุรชายเหยียนฉีในด้านทักษะทางการแพทย์ และพวกเราจะวินิจฉัยและรักษาท่านอ
“เช่นนั้น ข้ามีเรื่องหนึ่งคงต้องรบกวนท่านอ๋อง…”หลังจากที่จั๋วซือหรานฝากเรื่องกับซือคงเซี่ยน ตัวนางเองนั้นก็กลับบ้านด้วยความรู้สึกสบายขึ้นด้านหลังนาง บนชายคาหอคอยดำของหน่วยสืบสวนพิเศษมีร่างสูงยาวของผู้หนึ่ง คนผู้นี้สวมชุดสีดำและสวมหน้ากากที่มีลวดลายเปลวไฟบนใบหน้าเขามองดูเส้นทางที่ร่างบางนั้นเดินมีคนเดินเข้ามาหาเขาด้วยท่าทางที่แสดงความเคารพ คนผู้นั้นถือกระบี่ยาวที่มีรายเรียบง่ายด้วยมือทั้งสองข้าง “ท่านขอรับ”“อืม” เสียงต่ำของเขาดังจากภายใต้หน้ากาก เขาเอื้อมมือหยิบกระบี่ยาว และห้อยไว้ที่เอว ด้ามจับของกระบี่นั้นถูกสลักด้วยอักษรหนึ่งตัว ‘เหยียน’ เขาค่อย ๆ ถอดหน้ากากบนใบหน้าออก ด้วยมืออีกข้างหนึ่ง จึงเผยให้เห็นใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา“ช่วงนี้ติดตามตัวนางไว้ก่อน ระวังอย่าให้ใครจับได้ และดูว่านางต้องการจะทำอะไร” เขาสั่งด้วยน้ำเสียงนิ่งขรึม“รับทราบ“*ในยามค่ำคืน เสียงกระดิ่งข้างนอกแสดงให้ว่า เป็นเวลาเที่ยงคืน จั๋วซือหรานลุกขึ้นจากเตียง นางสวมชุดสีดำและเดินออกจากเรือนจั๋วอย่างเงียบ ๆ นางเดินไปตามถนนราวกับเทพยาดาในยามค่ำคืน เวลาผ่านไปไม่มาก ก็ถึงจุดมุ่งหมายของนางเรือนหลังใหญ่ ก
จั๋วซือหรานฟังความเด็ดเดี่ยวจากน้ำเสียงของชายคนนั้นออก นางตัดสินใจหันหลังและเดินออกไปในทันที แต่พวกลาดตระเวนด้านนอกก็เข้ามาใกล้แล้วเดิมทีนางมาที่นี่เพื่อขอโทษเฟิงเหยียน ขอโทษที่ทำให้เขาต้องมีส่วนร่วมในการแข่งขันระหว่างนางกับตระกูลเหยียน และขอโทษเฟิงเหยียนเรื่องที่นางปฏิบัติก่อนค่อยมาแจ้งทีหลังอย่างไรก็ตาม นางมาที่นี่เพื่อขอโทษ และนางก็ไม่ถือสาหรอกที่ว่าดูเขาอาบน้ำ เพิ่มความผิดอีกนิดแล้วค่อยขอน้อมรับผิดความผิดเยอะไม่กังวล จั๋วหยุดหันตัว บิดเอวแล้วหันกลับมาอีกครั้งเสียงของเฟิงเหยียนยังคงเย็นชา “ยังไม่ออกไปอีกหรือ”“อา…” จั๋วซือหรานพูดเบา ๆ “ท่านอ๋องเฟิง ข้าขอโทษที่ทำผิดไป เกรงว่าข้าคงจะต้องอยู่ที่นี่สักพัก”นางยื่นมือออกและชี้ไปที่ประตู "องครักษ์ของตระกูลเฟิงเข้มงวดมากเสียจริง และข้าก็ตกเป็นเป้าหมายของพวกเขา โชคดีที่ทักษะการเคลื่อนไหวของข้าค่อนข้างดี ไม่เช่นนั้น ข้าคงถูกจับไปแล้ว"เสียงของเฟิงเหยียนดังจากอ่างอาบน้ำ “เจ้าแน่ใจได้อย่างไรว่าจะไม่ถูกจับได้”จั๋วซือหรานฟังคำพูดของเขา ราวกับว่าเขากำลังบอกว่า เขาจะต้องให้นางถูกจับแน่ ๆ หากเขาอยากให้นางถูกจับ ก็ทำได้ง่าย ๆ แค่เขาตะโ
จั๋วซือหรานถอนสายตาออก "ข้าแค่อยากหลบหน่วยลาดตระเวน ไม่ได้ตั้งใจรบกวนการรักษาอาการของท่านอ๋อง ข้าขอโทษจากใจจริง"เมื่อเขาได้ยินคำว่า "การรักษาอาการ" เฟิงเหยียนก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย น้ำเสียงของเขายังคงไม่มีความอบอุ่น "เจ้ามีเหตุอันใดจึงมาที่จวนตระกูลเฟิง"จั๋วซือหรานนึกถึงการเดิมพันระหว่างนางและเหยียนชางและจุดประสงค์ในการการเดิมทางมาที่นี่เสียงของนางอ่อนลงเล็กน้อย “ข้ามาที่นี่เพื่อขอโทษท่านอ๋อง”เฟิงเหยียนมองนางด้วยสายตาเย็นชา “บุกเข้าเรือนคนอื่นในยามวิกาล เจ้ามาขอโทษจริงหรือ ”จั๋วซือหรานพูดด้วยความตื่นตระหนกว่า “มันคือเรื่องเร่งด่วน ข้าไม่อยากให้ท่านอ๋องรับรู้เหตุการณ์จากผู้อื่นในวันพรุ่งนี้ วิธีนี้อาจเสียมารยาทไปหน่อย มิทราบว่า ท่านอ๋องต้องการการขอโทษอย่างสัตย์จริงเช่นใด คราวหน้าจั๋วจิ่วจะระวัง”เฟิงเหยียนมองดูนางครู่หนึ่งแล้วพูดเบา ๆ “มอบศีรษะมาพบข้า ”จั๋วซือหราน "..."เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้สิจั๋วซือหรานเงียบไปครู่หนึ่งแล้วอธิบายรายละเอียดต่าง ๆ ให้แก่เฟิงเหยียนฟัง“หัาหน้าของห้องหมอหลวง เหยียนชางกล่าวหาว่า ข้าลักลอบฝึกฝนวิชาของตระกูลเหยียน เขากล่าวหาข้าแอบซ้อมวิชาการตร
หลังจากได้รับการอนุญาตจากเฟิงเหยียน จั๋วซือหรานก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อนางกระโดดลงจากกำแพงของจวนเฟิง ขาของนางก็อ่อนไร้เรี่ยวแรงจนนางต้องล้มลงกับพื้นร่างกายทุกส่วนของนางกำลังกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดอย่างรุนแรงหน่วยสืบสวนพิเศษสมชื่อเสียจริง หน่วยงานนี้ถนัดในการใช้วิธีการทรมานเสียจริง วิธีการเหล่านั้น...ด้วยความสามารถในการฟื้นตัวของนาง จนถึงตอนนี้นางยังคงเจ็บปวดอยู่จั๋วซือหรานพลิกฝ่ามือของนาง และยาเม็ดสีขาวสองเม็ดก็ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของนาง นางใส่เข้าไปในปากของตนเองมีเงามืดแวบวับอยู่ที่มุมไกล จั๋วซือหรานสังเกตถึงเงานั้น ความจริงเมื่อนางออกมาจากตระกูลจั๋ว นางสังเกตเห็นว่า มีใครบางคนแอบมองนางอยู่ในความมืดจั๋วซือหรานรู้สึกต้องเป็นคนของหน่วยสืบสวนพิเศษแน่ ๆ ทันใดนั้นสมองของนางปรากฏภาพของชายลึกลับผู้หนึ่ง ชายผู้สวมชุดคลุมสีดำและหน้ากากเพลิงไฟชายผู้นั้นไม่ใช่คนธรรมดาเสียจริงอย่างไรก็ตาม คนที่ติดตามและแอบดูในความมืดไม่ได้มีเจตนาที่จะเข้าใกล้หรือทำร้ายนาง และด้วยสภาพของจั๋วซือหรานในปัจจุบัน นางไม่อยากสร้างปัญหาใหม่อีก นางเลยทำเป็นมองไม่เห็นหลังจากแอบเข้าไปในจวนเฟิง คนที่แอบตาม
“ใครจะรู้ล่ะ แต่ก่อนหน้านี้มีข่าวแพร่สะพัดในวังหรือว่า ห้องหมอหลวงรักษาไทเฮาที่นอนสลบไม่ได้ แต่คุณหนูจั๋วจิ่วได้ทำการรักษาให้หายแล้วไม่ใช่หรือ”“นั่นอาจเป็นเรื่องจริงก็ได้ อย่างไรก็ตาม ที่นี้ มันน่าตื่นเต้นมากที่ได้จะได้ชม”เมื่อจั๋วซือหรายตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้น ข้าวลือก็แพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงปากต่อปาก!ชั่งเวลาที่ทานอาหารเช้า จั๋วหวายฝึกซ้อมตอนเช้าเสร็จและรีบกลับไปที่สวนจี๋หย่าย่วนเขาไม่สามารถระงับความตื่นเต้นในน้ำเสียงของตนได้“ท่านพี่ จริงไหมเนี่ย จริงหรือท่านพี่...ท่านพี่จะประลองกับตระกูลเหยียน จะแข่งฝีมือทางการรักษาจริงหรือ”คำพูดของจั๋วหวายทำให้มารดาของเขาตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง และทันใดนั้นนางก็มองไปที่จั๋วซือหรานจั๋วซือหรานยิ้มและไม่พูดอะไรจั๋วหวายรู้คำตอบแล้ว ดวงตาของเขาเป็นประกายจั๋วซือหรานถามเขา "กลัวหรือ"“ข้าไม่กลัวหรอกนะ” จั๋วหวายตอบอย่างไม่ลังเลอวิ๋นเหนียงไม่ได้ไร้เตียงสาเหมือนเขา นางมองจั๋วซือหรานด้วยความกังวล "แม่รู้ว่าลูกมีพรสวรรค์อย่างมาก และมีความสามารถมากมายที่แม่ไม่รู้ แต่ตระกูลเหยียนถนัดการแพทย์ไม่ใช่หรือ"นั่นเป็นเพราะในโลกนี้มีคนที่มีพรสวร
จั๋วซือหรานยืนอยู่ข้างนอก เมื่อนางได้ยินคำพูดเหล่านั้น นางหยุดก้าวเท้า และไม่รีบเดินเข้าห้อง“นั่นคือตระกูลเหยียนนัก พวกข้าทำให้พวกเขาไม่สบายใจง่ายเช่นนี้ได้หรือ” ผู้อาวุโสห้าพูดต่ออย่างโกรธ ๆ “ แม้แต่ หน่วยสืบสวนพิเศษ ก็ยังเข้าข้างพวกเขา นางเคยถูกจับกุมครั้งหนึ่ง นางยังไม่ได้เรียนรู้บทเรียนหรือ นางกล้าก่อเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร แล้วทีนี้ มันจะแก้ปัญหาอย่างไรล่ะ”ผู้อาวุโสห้าไม่ทันสนใจที่จะรักษาความเคารพต่อผู้อาวุโสใหญ่ อีกต่อไป เขาจ้องมองไปที่ผู้อาวุโสใหญ่“ จั๋วหลาน ถึงเวลานนั้น เจ้าจะทำปกป้องนางอีกครั้งหรือ การที่รุกรานตระกูลเหยียน นั่นหมายถึงการรุกรานตระกูลเฟิง เวลานี้ นางไม่ได้หมั้นหมายกับเฟิงเหยียน ก่อนหน้านี้ นางเคยทำให้ตระกูลเฟิงไม่พอใจไปครั้งหนึ่งแล้ว ตอนนี้ก่อเรื่องเช่นนี้อีกครั้ง นางกำลังวางแผนที่จะทำให้ตระกูลเฟิงขุ่นเคืองโดยสิ้นเชิงใช่หรือไม่”ผู้อาวุโสใหญ่มีบุคลิกที่สงบ เมื่อต้องเผชิญกับความก้าวร้าวของ ผู้อาวุโสห้า เขาไม่ตอบสนองและสีหน้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ดูเหมือนเขาไม่โกรธกับคำพูดอย่างแรงของผู้อาวุโสห้าเขาเพียงเหลือบมองไปทางประตู ราวกับว่า เขาสังเกตเห็นใครบางค
ผู้อาวุโสห้ายังคงโกรธอยู่ "นี่ จะตายแล้ว ยังไม่รู้จักผิดอีก"“ หากพวกท่านกำลังพูดถึงการแข่งขันกับตระกูลเหยียนละก็” เดิมทีก่อนที่จั๋วซือหรานเข้ามา นางว่าจะไว้หน้าให้พวกเขา แต่เมื่อนางได้ยินคำพูดของผู้อาวุโสห้าจากข้างนอกนอกจากนั้นแล้ว เมื่อครู่ผู้อาวุโสห้ายังอยากโจมตีนางอย่างไม่ลังเล ซึ่งทำให้จั๋วซือหรานเลิกความคิดนี้โดยสิ้นเชิงจั๋วซือหราน ม้วนริมฝีปากของเขา มองไปที่ ผู้อาวุโสห้า และถามด้วยรอยยิ้ม "โอ้ คุณจะไม่แกล้งทำเป็นไม่รู้ตอนนี้เหรอ?"ใบหน้าของ ผู้อาวุโสห้า แข็งทื่อ "คุณพูดอะไร!"“ข้าหมายถึง เมื่อวาน ตอนที่ข้าถูกตระกูลเหยียนกล่าวหาว่า ข้าแอบฝึกทักษะทางการแพทย์ของตระกูลนั้น และข้าถูกหน่วยสืบสวนพิเศษพาตัวไปและถูกสอบปากคำอย่างทรมานเพื่อให้ช้าสารภาพความผิด พวกท่านแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องมิใช่หรือ”จั๋วซือหรานถามแล้วพูดต่อ "ข้าเสนอแข่งขันกับตระกูลเหยียน เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของข้า ทีนี้พวกท่านไม่แสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องแล้วหรือ"ผู้อาวุโสห้าได้ยินคำพูดของจั๋วซือหราน เขาขมวดคิ้วและหน้าแดง แต่เขายังคงพูดอย่างไม่ยอม "ทำไม เจ้าสร้างปัญหาเอง เจ้ายังต้องการให้ครอบครัวช่วยเจ้าแก้ปัญห