ช่วงนี้ในเมืองหลวงเงียบสงบ อย่างน้อยภายนอกก็เป็นเช่นนี้เหล่าองค์ชายล้วนทุ่มเทแรงกายแรงใจเตรียมการแข่งขันทางทหาร และแยกกันไปหาสถานที่ฝึกกลุ่มของตนนี่คือการแข่งขันที่เกี่ยวข้องกับการแย่งชิงตำแหน่งองค์รัชทายาทที่มองมิเห็น ใคร ๆ ก็อยากจะเปล่งประกายทั้งนั้นทางด้านเซียวหลินเทียน นอกเหนือจากการฝึกฝนของตนแล้ว ก็ยังให้ความสนใจกับการเคลื่อนไหวของบรรดาคู่ต่อสู้อีกด้วยเขามิได้คาดคิดที่จะส่งใครไปแอบดูวิธีการฝึกฝนของคู่ต่อสู้ แต่เขามิดูก็มิได้หมายความว่าคู่ต่อสู้จะมิอยากรู้เกี่ยวกับเขาจ้าวซวนจับสายลับสองกลุ่มที่องค์ชายคังกับองค์ชายเว่ยส่งมาได้ เซียวหลินเทียนเหยียดหยามพฤติกรรมเช่นนี้มากมีแผนการเช่นนี้ ก็เอาไปใช้พัฒนาความแข็งแกร่งของกลุ่มของตนก็ได้ เหตุใดต้องมาต่อสู้กันเองด้วยเล่า!พวกเขาเป็นคนฉินตะวันตก เป้าหมายของพวกเขาคือการเอาชนะอีกสามแคว้นที่เหลือ การสอดแนมตนจะไปมีประโยชน์อะไรกัน!เซียวหลินเทียนแค่ให้จ้าวซวนปล่อยตัวสายลับไป มิได้ทำให้พวกเขาต้องอับอายแต่องค์ชายเว่ยกับองค์ชายคังกลับมิได้รู้สึกขอบคุณ พวกเขาแค่รู้สึกว่าเซียวหลินเทียนกำลังตบหน้าพวกเขาองค์ชายคังได้ยินว่า กลุ่มของเซียว
ฮองเฮาเว่ยยิ้มเยาะ “เยี่ยนเอ๋อร์ เจ้าคิดดูสิ ยิ่งเจ้าขยะนั่นมีชื่อเสียงมากเท่าไร เขาก็จะยิ่งมีศัตรูมากขึ้นเท่านั้นมิใช่หรือ? องค์ชายคัง องค์ชายรุ่ยและองค์ชายเย่จะสามารถเชื่อใจได้หรือ?”“ผู้นำคนหนึ่งสามารถผลักดันเขาไปต่อสู้ด่านหน้าได้ ดีกว่าที่เจ้าจะจัดการกับเขาเพียงลำพังใช่หรือไม่เล่า!”“ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เขามีคนที่มีความสามารถมากมาย แทนที่จะใช้เวลาเพื่อป้องกันมิให้เขาชนะ สู้ช่วยกระพือให้ปัญหามันใหญ่ขึ้นจะดีกว่า ส่งเขาไปยังตำแหน่งสูง ๆ แล้วค่อยตัดไฟตั้งแต่ต้นลม!”องค์ชายเว่ยเริ่มสนใจคำพูดของฮองเฮาเว่ย “ท่านแม่ ตัดไฟตั้งแต่ต้นลมอย่างไรหรือ?”“เยี่ยนเอ๋อร์ พวกเจ้าทุกคนกำลังลงเข้าชิงตำแหน่งองค์รัชทายาท ยิ่งความสามารถของเจ้าสูงเท่าไร เสด็จพ่อของเจ้าก็ยิ่งต้องระวังมากขึ้นเท่านั้นมิใช่หรือ?”“ในเวลานี้ หากมีหลักฐานแน่ชัดว่า เจ้าขยะนั่นต้องการแย่งชิงบัลลังก์ เสด็จพ่อของเจ้าจะยังทนขยะผู้นั้นได้หรือ?”องค์ชายเว่ยฟังแล้วก็ตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แต่แล้วก็ตั้งสติ หรี่ตาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วหัวเราะพลางเอ่ย“เสด็จแม่ ลูกเข้าใจแล้ว แผนของท่านแยบยลยิ่งนัก!”“ฮ่าฮ่า ข้ารู้แล้วว่าต้องทำเยี่ยง
หลิงอวี๋หมดคำพูด เด็กผู้นี้เสพติดการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงไปแล้วหรือ?ตั้งแต่เดินทางไปไร่นาของเซียวหลินเทียนครั้งที่แล้วและได้กระต่ายตัวน้อยกลับมาสองตัว เด็กผู้นี้ก็เอาแมวมาเลี้ยงอีกหนึ่งตัว ที่เกินไปกว่านั้นคือเมื่อสองวันก่อนเอางูตัวสีขาวทั้งตัวมาเลี้ยงอีกหลิงอวี๋กลัวงูที่สุด เมื่อนางเดินเข้าไปเห็นงูตัวหนึ่งพันรอบแขนของหลิงเยวี่ยก็กรีดร้องอย่างตกใจขึ้นมาทันทีหลิงเยวี่ยระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ทั้งยังอุ้มงูขาวไว้ในอ้อมแขนอย่างกับสมบัติล้ำค่า พลางเอ่ยอย่างกระตือรือร้น “ท่านแม่ เสี่ยวไป๋เชื่องมาก มันมิกัดคนนะขอรับ ท่านแม่ลองลูบมันดู...”“เอาออกไป ๆ…”หลิงอวี๋วิ่งหนีไปในเรือนด้วยความตื่นตระหนก พลางตะโกนด้วยความโกรธ “ใครให้เจ้าตัวนี้กับเยวี่ยเยวี่ย? ออกมาเลยนะ ข้าสัญญาว่าจะมิทุบตีเจ้าจนตาย!”เซียวหลินเทียนเข้ามาคุยกับหลิงอวี๋พอดี เมื่อเห็นท่าทางโกรธเกรี้ยวของหลิงอวี๋ ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างด้วยความตกใจเขามิเคยเห็นหลิงอวี๋ดูโกรธและกลัวถึงเพียงนี้มาก่อน เขาทั้งประหลาดใจทั้งรู้สึกตลก นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน?ในความทรงจำของเซียวหลินเทียน หลิงอวี๋เป็นคนมิเกรงกลัวฟ้าดิน เมื่อเผชิญหน้ากับอ
“ท่านแม่ ท่านแม่อย่าไป เยวี่ยเยวี่ยมิเลี้ยงแล้ว!”หลิงเยวี่ยพุ่งเข้าไปกอดหลิงอวี๋ แต่หลิงอวี๋หลบเขากับตะโกนอย่างมิชอบ “อย่าเอามือที่สัมผัสกับงูมากอดข้า ไปล้างมือให้สะอาดก่อนค่อยมา!”หลิงเยวี่ยจึงทำได้เพียงต้องไปล้างมือ ตอนเดินผ่านเซียวหลินเทียนก็มองงูขาวอย่างอาลัยอาวรณ์เซียวหลินเทียนอุ้มงูขาว ทั้งยังถูกหลิงอวี๋จ้องอยู่ด้วย เขารู้สึกผิดพลางเอ่ย “ข้า… ข้าคิดว่าเจ้าจะชอบมัน!”“ท่านต่างหากที่ชอบ...”ทั้งครอบครัวของท่านชอบมัน!หลิงอวี๋อดทนมิพูดคำด้านหลัง พลางเอ่ยอย่างมิพอใจ “ท่านรู้จักหม่อมฉันเท่าใด? ท่านรู้หรือว่าหม่อมฉันชอบอะไรมิชอบอะไร?”“เซียวหลินเทียน ต่อไปหากท่านจะให้สัตว์ชนิดใดกับเยวี่ยเยวี่ยจะต้องได้รับการอนุมัติจากหม่อมฉันก่อน! หากท่านกล้าให้อะไรมั่ว ๆ ทำให้หวาดกลัวอีก หม่อมฉันจะเอาของที่น่ากลัวไปใส่ให้เต็มเรือนของท่าน!”เซียวหลินเทียนเป็นคนผิดจึงทำได้เพียงยิ้มพลางเอ่ย “ได้ ๆ ครั้งหน้าหากข้าจะให้อะไรข้าจะบอกเจ้าล่วงหน้า!”“ท่านรีบไปเถิด! วันนี้เรือนบุหงามิต้อนรับท่าน! เอาสิ่งที่เอามาให้ไปไกล ๆ อย่าให้หม่อมฉันเห็นมันในตำหนักอีก!”เซียวหลินเทียนผู้น่าสงสารมิทันได้พูด
นอกจากนี้การแข่งขันทหารสี่แคว้นองค์ชายหนิงก็เป็นคนเอ่ยขึ้นมา นี่เห็นได้ชัดว่ากำลังรอให้เว่ยเหนือเข้าร่วมเซียวหลินเทียนพยักหน้าเล็กน้อย เขามองออกว่าองค์ชายหนิงมีความทะเยอทะยานค่อนข้างมากความขัดแย้งภายในฉีตะวันออกเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น องค์ชายหนิงเพียงต้องการใช้พลังของภายนอกมารวมฉีตะวันออกเข้าด้วยกัน แต่มิต้องการให้คนภายนอกยื่นมือเข้าไปในฉีตะวันออก ดังนั้นจึงยังคงรอและเฝ้ามองอยู่ทางด้านฉินตะวันตก แคว้นที่องค์จักรพรรดิยิ่งระมัดระวังคือเว่ยเหนือกับเยวี่ยใต้ ทางด้านฉีตะวันออกก็ต้องการส่วนแบ่งด้วย ดังนั้นจักรพรรดิอู่อันจึงมิค่อยเอาเรื่องการแต่งงานมาใส่ใจมากนักจักรพรรดิอู่อันกังวลอย่างมากเกี่ยวกับการแข่งขันทางทหารครั้งนี้ เขาเรียกองค์ชายทั้งหลายเป็นการส่วนตัวแล้วสั่งให้ทุกคนคว้าชัยชนะมาให้ได้มิว่าพวกเขาจะคิดหาวิธีอย่างไรก็ตาม“ความขัดแย้งภายในฉีตะวันออกเป็นเรื่องดีสำหรับเรา ยิ่งพวกเขาต่อสู้หนักขึ้นเท่าใด พลังของแคว้นก็ยิ่งสลายไปมากขึ้นเท่านั้น พวกเขาก็จะไม่มีความแข็งแกร่งในการต่อสู้กับฉินตะวันตกแล้ว!”“ดังนั้น ครั้งนี้พวกเจ้ามิเพียงแต่ต้องชนะการแข่งขัน แต่ยังต้องหาวิธีทำลายพั
เพราะองค์หญิงหกเป็นหลานสาวแท้ ๆ ของไทเฮา ไทเฮารักนางมากมาโดยตลอด นางมิหวังให้หลานสาวเดินเส้นทางที่ผิดไปอีกแล้วหลังจากที่ไทเฮาตำหนิองค์หญิงหก ในที่สุดนางก็ยอมใจอ่อน อนุญาตให้นางเข้ามาเฝ้านางกังวลว่าองค์หญิงหกจะจำได้มินาน จึงตั้งใจใช้คำที่รุนแรง“เซียวทง ข้าขอเตือนเจ้า การแข่งขันทางทหารครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง หากเจ้ากล้าทำอะไรที่ส่งผลกระทบต่อผลลัพธ์ ก็รอถูกตัดหัวได้เลย!”ไทเฮาเอ่ยอย่างเย็นชา “ข้ามิได้ขู่เจ้า! ตราบใดที่ฉินตะวันตกมิได้อยู่ในตำแหน่งที่จะมิแพ้ เสด็จพ่อของเจ้ายังคงมีองค์หญิงได้อีกมากมาย!”“แต่หากความเห็นแก่ตัวของเจ้าส่งผลเสียต่อผลประโยชน์ของฉินตะวันตก อย่าว่าแต่เสด็จพ่อจะมิปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ เลย ข้าก็มิอยากมีหลานสาวเยี่ยงเจ้าอีก!”คำพูดเหล่านี้จริงจังมากพอ อย่างน้อยก็ทำให้เซียวทงยับยั้งความคิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ในใจไปได้มากคราวนี้นางมาดูการแข่งขัน และจงใจพาเจียงอวี้กับเถาลี่มาด้วยตอนนี้สองคนนี้กลายเป็นนางรับใช้ส่วนตัวของเซียวทงแล้วแม้ว่าในนามแล้วพวกนางจะเป็นเพื่อนกัน แต่เซียวทงเกลียดพวกนางทั้งสองที่เข้าข้างหลิงอวี๋ในงานวันเกิดของเซี่ยโฮ่วตานรั่วและจงใจทำตามความปร
“ไม่มีใครได้เข้าไปในวังมาหลายปีแล้ว คนเช่นพระชายาเส้า ฮองเฮาเว่ยและพระสนมฮุ่ยล้วนแต่เป็นดอกไม้ในวันวาน! ทว่าเจ้าแตกต่างออกไป เจ้ายังสาวอยู่! เจ้าสามารถใช้สิ่งนี้เพื่อเหยียบพวกนางทั้งหมดไว้ใต้ฝ่าเท้าของเจ้าได้!”“เมื่อถึงเวลาเจ้ากลายเป็นสนมคนโปรดขององค์จักรพรรดิแล้วองค์หญิงหกจะยังกล้าทำให้เจ้าอับอายหรือ? ข้าเกรงว่าหากเจ้าพูดหนึ่ง นางก็จะมิกล้าพูดสองแล้ว!”เพื่อช่วยให้ลูกสาวของนางตั้งหลักในวังได้อย่างรวดเร็ว ฮูหยินเถาจึงสอนทุกสิ่งที่นางได้เรียนรู้มาตลอดชีวิตเกี่ยวกับวิธีทำให้บุรุษมีความสุขและวิธีปรนนิบัติบุรุษ...เพียงข้ามคืน เถาลี่ก็กระโดดออกจากความคิดที่เรียบง่ายของสตรีวัยเยาว์ไปสู่ความคิดของสตรีที่เป็นผู้ใหญ่ พลังงานทั้งหมดในร่างกายของนางก็กลายเป็นความทะเยอทะยานอันแรงกล้าแล้ว...เมื่อเผชิญกับความอับอายขององค์หญิงหก ภายนอกเถาลี่ก็ดูเหมือนจะยอมจำนน นางรู้ว่าตอนนี้ตนต้องทนทุกข์ทรมานก่อนที่นางจะกลายเป็นสตรีขององค์จักรพรรดิ!กระทั่งวันหนึ่งที่นางจะได้ผงาดขึ้นเป็นนางพญา นางจะทำให้องค์หญิงหกต้องชดใช้สำหรับการทำให้นางอับอายในวันนี้!เจียงอวี้กับเถาลี่คุกเข่าอยู่ทั้งคืน กระทั่งรุ่งสางขาข
เจียงอวี้มิรับรู้ความคิดของเถาลี่เลย นางยังรู้สึกผิดเล็กน้อยที่ต้องให้เถาลี่ได้กลิ่นเเหม็นเช่นนี้ไปกับตนเองด้วยจากแนวคิดนี้ เจียงอวี้จึงเริ่มที่จะทำงานบ้านส่วนใหญ่ รีบยกน้ำมาทำความสะอาดห้องกับเตียงนางยังใส่ใจย้ายเตียงของเถาลี่ไปไว้ใกล้หน้าต่างอย่างรอบคอบเพื่อที่นางจะได้กลิ่นน้อยลงด้วย...วันรุ่งขึ้น การแข่งขันทางทหารเริ่มขึ้นแล้วผู้เข้าร่วมจากสี่แคว้นมารวมตัวกันที่จัตุรัสคฤหาสน์ตระกูลกวนปัจจุบันคฤหาสน์ตระกูลกวนเปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชม บรรดาผู้มั่งคั่งในเมืองหลวงก็เดินทางด้วยรถม้ามาชมกันแต่เช้าในด้านหนึ่งพวกเขาอยากรู้ว่าการแข่งขันทางทหารเป็นเยี่ยงไร ในอีกทางหนึ่ง พวกเขาก็มาเพื่อให้กำลังใจกองทัพของฉินตะวันตกและส่งเสียงให้กำลังใจจัตุรัสที่สามารถรองรับคนได้หลายพันคนทำให้ผู้มั่งคั่งบางคนประหลาดใจกับความมั่งคั่งของตระกูลกวนแต่ตอนนี้จัตุรัสยังคงอยู่ แต่คฤหาสน์ตระกูลกวนบ้านแตกสาแหรกขาดไปแล้วทำให้คนที่รู้เรื่องวงในบางส่วนเศร้ามาก!เซียวหลินเทียน องค์ชายคัง องค์ชายเว่ย องค์ชายเย่ต่างพากลุ่มของตนมาเตรียมพร้อมสำหรับการเข้าร่วมแข่งขัน เดิมทีองค์ชายรุ่ยก็สมัครเข้าร่วมด้วย แต่สุดท้า