“เพราะอะไร? ทำไมถึงเป็นอย่างนี้?”ผ่านไปนาน หลิวไห่ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว พึมพำกับตัวเอง เวลานี้เขานึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง ทำไมถึงให้ผีร้ายครอบงำจิตใจ? ทำไมถึงโลภเงินเท่านั้น? ครอบครัวสุขสันต์ไม่ดีหรือ?“ท่านพ่อ พวกเราพันไม่ควรหมื่นไม่ควรทำร้ายคนเพื่อเงิน กรรมตามสนองแล้ว กรรมตามสนองแล้วจริง ๆ!”หลิวต้ากอดหลิวไห่ร้องไห้โฮพลางพูด“เฮ้อ พี่หลิว ท่านก็อย่าเสียใจไปเลยนะ คนตายไปแล้วมิอาจฟื้นคืน”“นั่นสิพี่หลิว สงบสติอารมณ์เถิด”......พ่อครัวคนอื่น ๆ ต่างส่งเสียงปลอบมอบสายตาเห็นใจให้ ในฐานะที่เป็นคนบ้านเดียวกัน เดิมก็เห็นใจปกป้องกันอยู่แล้ว ถูกฆ่าล้างตระกูล ช่างโหดเหี้ยมโดยแท้ฉินอวิ๋นฟานเห็นสภาพดังนี้จึงเอ่ย “พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องเสียใจกับเขาหรอก คิดถึงตัวเองก่อนเถอะ หลิวต้าเป็นผู้รอดชีวิตเพียงหนึ่งเดียวของพวกเจ้าหกครอบครัว”“โชคดีที่ยังเหลือผู้รอดชีวิต อย่างน้อยก็ไม่ถึงกับ...”ในบรรดาพวกเขามีคนหนึ่งกำลังพูดปลอบ ทว่าเขาเพิ่งพูดไปได้ครึ่งเดียว สีหน้าพ่อครัวอีกคนหนึ่งเปลี่ยนสีฉับพลัน โพล่งปากขึ้นว่า “เมื่อ เมื่อกี้ท่านพูดว่าอะไรนะ?! หกครอบครัว? หลิวต้าเป็นคนเดียวที่รอด?”“มิผิด!”ฉิ
“ถูกต้อง! เป็นฝีมือของพวกเราหกคนจริง ๆ ต่อให้ตายพวกเราก็ต้องลากไอ้บัดซบหลี่เถี่ยตั้นลงนรกไปด้วย! ทุกอย่างล้วนเป็นมันนั่นแหละที่สอนพวกเราอยู่เบื้องหลัง ทุกการพูดก็มันนี่แหละเป็นคนสอนพวกเรา!”เมื่อคนคนหนึ่งสิ้นหวังจะเลือกที่จะเอาให้สุดไปเลย ไม่ปกปิดอะไรอีก สารภาพทุกอย่างออกมาหมด คำให้การก่อนหน้านี้ถูกล้มล้างโดยตรงตอนนี้ หูหมิงชิงเห็นภาพตรงหน้าแล้วปากอ้าตาค้าง สองตาวิงเวียน ลางร้ายผุดขึ้นมาในสมอง“เอาตัวหลี่เถี่ยตั้นมา!”โดยรวมเรื่องราวกระจ่างแล้ว ฉินอวิ๋นคังย่อมรู้หลักจะโจมตีต้องโจมตีจุดตาย จะไม่เปิดโอกาสให้ฉินอวิ๋นฮุยรอดไปได้เด็ดขาด ต้องทำให้เรื่องนี้พิสูจน์แน่ชัดจึงจะดีทันทีที่ได้ยินชื่อหลี่เถี่ยตั้น ฉินอวิ๋นฮุยสิ้นหวังแล้ว ต่อให้เขามีสามเศียรหกกรก็ช่วยอะไรไม่ได้ พยานกลับลำกะทันหัน คนที่คอยเสี้ยมอยู่ข้างหลังถูกจับ ไม่ว่าใครก็หมดโอกาสกลับดำเป็นขาวต่อนาทีที่หลี่เถี่ยตั้นถูกจับ เขาก็รู้ว่าตัวเองจบสิ้นแล้ว พอเห็นหกคนล้อมวงร้องไห้ด้วยกัน เขาก็เข้าใจทุกอย่างตอนนี้เขาแค่ภาวนาขออย่าให้สืบสาวราวเรื่องไปถึงตัวลิ่งหูชงเลย มิเช่นนั้นต้องยุ่งแน่ ถึงลิ่งหูชงจะปกปิดว่าเป็นพวกเดียวกับเขา แต
พอได้ยินข่าวนี้ ฉินอวิ๋นฮุยสองขาพลันอ่อนแรง เกือบจะทรุดตัวลงกับพื้น จากเป็นผู้เดิมเกมฝ่ายเดียวในทีแรก สุดท้ายกลับกลายเป็นศึกพลิกผันอันสวยงามของฉินอวิ๋นฟานไปได้ส่วนเขาก็กลายเป็นตัวตลกเพียงหนึ่งเดียวในที่นี้“เสด็จปู่ คดีหัวหนูความจริงปรากฏแล้ว แม้ไม่รู้ตัวการที่แท้จริงเบื้องหลัง แต่ก็พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของหม่อมฉันได้แล้ว เห็นชัดว่ามีคนคิดเล่นงานหม่อมฉันอยู่เบื้องหลังพ่ะย่ะค่ะ”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก“ใต้ฟ้าสุขสงบ กลับมีคนกล้าเล่นงานรัชทายาทต้าเฉียนเรา เหิมเกริมยิ่งนัก! นี่คือการยั่วยุราชวงศ์ ฟานเอ๋อร์วางใจได้เลย เรื่องนี้ข้าต้องสืบให้ทะลุปรุโปร่ง คืนความเป็นธรรมให้แก่เจ้าแน่นอน!”ไท่ซั่งหวงเอ่ยด้วยท่าทางน่าเกรงขามท่าทีของไท่ซั่งหวงทำให้ฉินอวิ๋นฮุยหัวใจดังเถ้าถ่าน ส่วนฉินอวิ๋นฟานที่ได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากไท่ซั่งหวงกลับฉวยโอกาสได้ชัยรุกต่อเขาหันขวับมองทางหูหมิงชิงและเอ่ย “เสด็จปู่ กรมอาญาคือคมมีดที่ปฏิบัติตามกฎหมายของต้าเฉียนเรา หากมีดคมเล่มนี้ไม่มีดวงตาสว่างแยกแยะถูกผิด ทำงานอย่างเป็นกลางมีคุณธรรม กระทั่งตกเป็นเครื่องมือของคนอื่น สมควรมีโทษสถานใด?”“อะไรนะ? รัช รัช
ใบหน้าขององค์ชายรองแทบจะกลั่นเป็นหยดน้ำได้แล้ว อึมครึมจนน่ากลัว แต่เพื่อรักษาตำแหน่งของหูหมิงชิง เขาจึงได้แต่กัดฟันเสี่ยง“เหอะ เกินไป? แต่นี่ก็ไม่สำคัญ ข้าไม่สนใจหัวใจภายใต้หน้ามะระขมของท่านสักนิด สำหรับท่านจะเป็นยังไง ข้าหรือจะไม่รู้?”ฉินอวิ๋นฟานแค่นเสียงหัวเราะ “เอาละ ท่านทำตามที่พูดไว้ก่อนจะดีกว่า ขอขมาต่อข้า”“ขอขมาต่อเจ้า?”จิตใจของฉินอวิ๋นฮุยในเวลานี้ราวกับพนังเขื่อนแม่น้ำเหลืองแตก ครั้นปะทุมิอาจเก็บ เขาแพ้ย่อยยับจนถึงขั้นนี้แล้ว ยังต้องขอขมากับฉินอวิ๋นฟานอีกรึ?!ยามนี้ฉินอวิ๋นฮุยไม่ยินยอมอย่างยิ่ง สะกดไฟโกรธในใจอย่างหนัก ถ้าสายตาสามารถเอาชีวิตคนได้ เช่นนั้นฉินอวิ๋นฟานตรงหน้าคงถูกฆ่าไปแล้วแปดร้อยหน!“ยังไง? ลืมคำพูดที่ตัวเองพูดไปเมื่อกี้แล้วหรือ? ถ้าข้าสามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองได้ ท่านต้องขอขมาต่อข้าไง”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก“ดี ดี ทำดีมาก!”ฉินอวิ๋นฮุยโกรธจนควันจะออกจากหูแล้ว แต่สถานการณ์ไม่เป็นผลดีกับเขาอย่างยิ่ง จึงได้แต่กลั้นเพลิงโทสะ “ข้าขอขมาต่อน้องเจ็ด ข้าเข้าใจเจ้าผิดเอง!”“ท่านก็ขอขมาแล้ว ข้าย่อมไม่ถือสาเอาความกับท่านอีก”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ย “เสด็จป
ไท่ซั่งหวงรู้ความสำคัญของตำแหน่งเจ้ากรมอาญาต่อองค์ชายรอง หลังจากตีทีหนึ่งยังต้องให้พุทราหวาน จะบีบคั้นให้จนตรอกเลยก็ไม่ได้ การไว้ชีวิตหูหมิงชิงถือว่าถอยให้แล้วหนึ่งก้าว บางครั้งการข่มขวัญยังจะดีกว่าตีให้ตายมากตอนนี้เขาอายุปูนนี้แล้ว จะอยู่ได้อีกกี่ปีก็ยังไม่รู้ สำหรับเขา การถ่วงดุลอำนาจและรักษาเสถียรภาพจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด“เสด็จปู่ กรมอาญาคือหน่วยงานแกนกลางที่สุดของต้าเฉียนเรา มีคดีใหญ่น้อยมากมายให้รอตรวจสอบ ตัดสินและหาหลักฐานทุกวี่วัน หากไม่มีเจ้ากรมอาญาคงดำเนินงานได้ยากพ่ะย่ะค่ะ”องค์ชายใหญ่ฉวยโอกาส เอ่ยปากทันที“อื่ม คังเอ๋อร์พูดถูกต้อง การปลดเจ้ากรมอาญาจะส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อกรมอาญาจริง ถ้าไม่มีคนคอยกำกับดูแลส่วนรวมจะไม่ค่อยเหมาะสมนัก”ไท่ซั่งหวงพยักหน้าแสดงออกว่าเห็นด้วย กรมอาญาดูแลความยุติธรรมของทั่วราชอาณาจักร ตำแหน่งเจ้ากรมอาญาสำคัญอย่างยิ่งยวดชัดเจน หากทิ้งว่างเป็นเวลานานต้องเกิดปัญหาใหญ่แน่“เสด็จปู่ หม่อมฉันคิดว่าเหอเทียนหมิงรองเจ้ากรมฝ่ายขวารับหน้าที่เป็นเจ้ากรมอาญาได้พ่ะย่ะค่ะ เขาทำงานอยู่ในกรมอาญามานาน เชี่ยวชาญกฎหมายต้าเฉียนทุกข้อ สามารถรับช่วงต่อจากหูหมิงชิงได
องค์ชายใหญ่ใบหน้าฉายอารมณ์กระหยิ่มยิ้มย่อง ในวาจาล้วนเป็นกลิ่นอายของการยั่วยุ ความรู้สึกถึงชัยชนะเช่นนี้ทำให้เขารู้สึกสะใจอย่างยิ่ง ดีที่เชื่อฟังแผนการของพ่อตา มิเช่นนั้นคงได้ขายหน้าจริง ๆ แล้วเขาต้องยอมรับฝีมือของฉินอวิ๋นฟาน ทุกอย่างอยู่ในการควบคุมของเขา การร่วมมือกับฉินอวิ๋นฟานคือการเลือกอันชาญฉลาด“บัดซบ!!!”เวลานี้องค์ชายรองจนปัญญาอย่างหนัก กระทั่งรู้สึกโดดเดี่ยวไร้ความช่วยเหลือ หูหมิงชิงลงจากตำแหน่งกะทันหัน โจมตีเขาไม่ทันตั้งตัว เรื่องนี้เสียฮูหยินแล้วยังต้องเสียรี้พล[1]โดยแท้“ฟานเอ๋อร์ เจ้าคือผู้เคราะห์ร้ายคนสำคัญของเรื่องนี้ และเป็นผู้สร้างผลงานใหญ่ในการบรรเทาภัยพิบัติ เจ้ามีความเห็นอย่างไรกับตำแหน่งเจ้ากรมอาญา?”ไท่ซั่งหวงมองฉินอวิ๋นฟานอย่างนึกสนุก ฉินอวิ๋นฟานจับมือกับองค์ชายใหญ่จะต้องมีข้อแลกเปลี่ยนแน่ หรือจะเป็นตำแหน่งเจ้ากรมอาญา?หากเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นฉินอวิ๋นฟานก็มีฝีมือร้ายกาจน่ากลัวยิ่งแล้ว สถานการณ์ทั้งราชสำนักอยู่ในการควบคุมของเขาตั้งแต่ทีแรก“ทูลเสด็จปู่ หม่อมฉันไม่ค่อยรู้เรื่องกรมอาญาสักเท่าไร และไม่อาจเลือกคนที่เหมาะสมได้จริง ๆ แต่ยามนี้ต้าเฉียนเรากำลังอยู่
“พวกเจ้าสองคนต่างเป็นยอดองค์ชายของต้าเฉียน คนหนึ่งเคยเป็นขุนศึกประจำอยู่ที่เมืองจัว อีกคนคือผู้รับผิดชอบการบูรณะเมืองจัวหลังเกิดภัยพิบัติ แม้เมืองจัวจะเป็นเมืองชายแดนที่สำคัญ แต่ในเมื่อมีพวกเจ้าอยู่ก็ไม่จำเป็นต้องให้ตาแก่อย่างข้าห่วงแล้ว”หลังจากไท่ซั่งหวงพิจารณาครู่หนึ่งจึงตัดสินใจมอบอำนาจ เขาได้กลิ่นผิดปกติสายหนึ่ง นี่น่าจะเป็นแผนการที่ฉินอวิ๋นฟานวางไว้แต่แรก หากเขาแทรกแซงมากเกินไป เกรงจะทำให้องค์ชายองค์อื่นระแวง กระทั่งเป็นผลเสียต่อฉินอวิ๋นฟานกอปรกับคำสัญญาที่ฉินอวิ๋นฟานให้ไว้เมื่อก่อนหน้านี้ เขากลับอยากดูสิว่าถ้ามอบกรรมสิทธิ์เมืองจัวให้เขา เขาจะสร้างปาฏิหาริย์อะไรได้“สำหรับจะจัดการเมืองจัวอย่างไร ฟานเอ๋อร์ตัดสินใจเองก็แล้วกัน แต่ข้ามีเงื่อนไขข้อหนึ่ง นั่นคือต้องพิทักษ์ชายแดนต้าเฉียนให้ดีและให้ประชาชนมีชีวิตบริบูรณ์”“ขอบพระทัยเสด็จปู่ หม่อมฉันต้องทำอย่างสุดความสามารถแน่พ่ะย่ะค่ะ!” ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยอย่างจริงจัง“เอาละ จบการประชุมเถอะ!” ไท่ซั่งหวงโบกมือ จากนั้นก็ค่อย ๆ ออกไปด้วยการประคองของนางกำนัลสองคนเมื่อจบเรื่องวุ่นวาย ไท่ซั่งหวงไม่มีกะจิดกะใจสะสางราชกิจเหล่านี้ ขอเพียงไม่
“วันที่สามแล้ว ยังไม่เห็นเงารัชทายาทเลย พวกเราตาบอดกันจริง ๆ กลับเชื่อมันได้ จนตายก็ไม่ได้รู้ความจริง!”จางเฟยค่อนข้างแข็งแรง ภายใต้ทัณฑ์ทรมานอย่างหนัก สภาพเขาดีที่สุดในบรรดาหกคน เขามีนิสัยตรงไปตรงมา หุนหันพลันแล่น บัดนี้ทุ่มสุดตัวเพื่อฉินอวิ๋นฟานจนต้องตกอยู่ในสภาพถูกประหาร เขาอัดอั้นตันใจยิ่งนัก“เฮ้อ! พี่ใหญ่เถรตรงเกินไป คงโดนรัชทายาทหลอกแล้วละ พวกคนในราชวงศ์มันเชื่อถือไม่ได้ ถ้ามีประโยชน์กับพวกเขายังดี แต่พอเกิดปัญหาก็ไม่สนใจความเป็นความตายของพวกเราพี่น้อง!”กวนอวี่ก็ถอนหายใจจนปัญญาอยู่ข้าง ๆ เหมือนกัน“เฮอะ มันจะเรื่องใหญ่เพียงใด ก็แค่ตัดหัวมิใช่รึ? อีกสิบแปดปียังเป็นลูกผู้ชาย! [1] ตอนนี้มาโทษรัชทายาท ก่อนหน้านี้เจ้ามัวทำอะไร?!”ลิ่งหูเสี่ยวชักจะทนดูไม่ได้จึงเริ่มเอ่ยปากแย้ง ตลอดหลายปีมานี้ ฉินอวิ๋นฟานคือป๋อเล่อเพียงหนึ่งเดียวของเขา ฉินอวิ๋นฟานเสนอแนะและมอบวิธีการด้านการสร้างนาขั้นบันไดกับเขามากมาย ทั้งสนับสนุนการก่อสร้างของเขาอย่างไร้เงื่อนไขได้พบนายผู้ปรีชาสามารถเช่นนี้ เขาตายก็ไม่เสียดาย อย่างน้อยการสร้างชลประทานบนเนินเขาและนาขั้นบันไดก็ได้รับการยืนยันแล้ว“เจ้านี่พูดจาย