จางกุ้ยหลานพยักหน้าติดต่อกัน “พูดได้ถูกต้องมาก เพื่อนร่วมชั้นควรจะช่วยเหลือซึ่งกันและกันถึงจะถูก”“หึหึ เขามีสิทธิอะไรทำให้ตระกูลเซี่ยงมาขอโทษถึงที่ได้” หลินเฟิงพูดเหยียดหยาม“ไอ้สกุลหลิน นายอิจฉาฉันใช่ไหม?” สวีเชาหัวเราะเยาะถึงแม้ตัวเองไม่ได้ทำอะไร แต่เพียงแค่คนตระกูลหลี่เชื่อใจเขาก็พอ“อิจฉาสวะอย่างนายมีความหมายอะไร?” หลินเฟิงมองเขาด้วยความเหยียดหยาม“ไอ้สกุลหลิน แกหุบปากไปเลย แกยังมีหน้ามาว่าคนอื่นว่าสวะอีกเหรอ?”จางกุ้ยหลานชี้หน้าด่าทอหลินเฟิง“จริงด้วย อยู่ฟรีกินฟรีที่ตระกูลพวกเรา ฉันดูแล้วนายนั่นหละที่เป็นคนไร้ประโยชน์มากที่สุด”หลี่เหวินเชาพยักหน้าตาม “ตอนนี้ยังกล้าใส่ความคุณชายสวี นายรีบไสหัวออกไปซะ”“หลินเฟิง คุณเลิกทำแบบนี้สักทีได้ไหม? หลี่ฮุ่ยหรานตะโกนใส่หลินเฟิงด้วยความผิดหวัง“ผมเป็นอย่างไร? ผมพูดความจริงมาโดยตลอด” หลินเฟิงขมวดคิ้ว“ความจริงอะไร? เซี่ยงจื่อหลานเป็นเพราะฟังคำพูดของคุณถึงได้มาขอโทษฉันเหรอ? ตระกูลเซี่ยงปลดการแบนก็เป็นเพราะคุณเหรอ?”หลี่ฮุ่ยหรานถลึงตาใส่“ไม่ใช่อย่างนั้นเหรอ? หรือคิดว่าเป็นเพราะเขา?”หลินเฟิงชี้หน้าสวีเชา “ดูสิว่าเขานิสัยเป็นอย่
“พ่อบ้านเซี่ยง คุณไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม?” จางกุ้ยหลานกลืนน้ำลายและถามด้วยความระมัดระวังพ่อบ้านตระกูลเซี่ยงขมวดคิ้วเล็กน้อย “คุณคิดว่าผมดูเหมือนคนที่ชอบเล่นตลกไหม?”“ไม่ใช่ ไม่ใช่ ไม่ใช่แน่นอน” จางกุ้ยหลานโบกมือของเธอไปมาแต่เธอไม่กล้าพูดว่าหลินเฟิงถูกพวกเขาไล่ไปแล้วเธอได้แต่พูดอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ “หลินเฟิงเพิ่งจะไปไม่นาน ถ้าตอนนี้คุณตามไป บางทีอาจจะตามทันก็ได้”เมื่อพ่อบ้านตระกูลเซี่ยงได้ยินแบบนั้นก็ไม่กล้าละเลยแม้แต่น้อย เขารีบตามออกไปทันทีจู่ ๆ หลี่ฮุ่ยหรานก็รู้สึกหน้ามืดตาลาย จนตัวเธอเซเกือบจะล้มไปกับพื้นที่แท้ทุกอย่างที่หลินเฟิงพูด ทั้งหมดเป็นความจริงคนที่จัดการเรื่องทุกอย่างมาโดยตลอด ก็คือหลินเฟิง ไม่รู้ว่าเบื้องหลังนี้เขาต้องทุ่มเทไปมากเท่าไหร่เพื่อทวงความยุติธรรมให้กับตัวเองแต่พอลองคิดสิ่งที่ตัวเองพูดกับหลินเฟิงไป มันทำร้ายจิตใจกันมากแค่ไหน“ฮุ่ยหราน ฮุ่ยหราน…” จางกุ้ยหลานรีบช่วยประคองลูกสาวอย่างความรวดเร็วหลี่ฮุ่ยหรานเอียงตัวเข้าไปในอ้อมแขนของจางกุ้ยหลานพร้อมกับบ่นเบา ๆ ว่า “แม่ หนูเสียใจมาก หนูเสียใจมาก ๆ”เธอรู้สึกว่าตัวเธอได้ทำผิดต่อหลินเฟิง เธอไม่รู้ว่าควรจะอธิบ
หลินเฟิงเหลือบมองเซี่ยงจื่อหลานที่อยู่ในรถและเดินตรงไปตรงหน้าเธอเซี่ยงจื่อหลานเหมือนป่วยเป็นโรคหวาดกลัวหลินเฟิง เมื่อเธอเห็นหลินเฟิงเดินเข้ามาหา ร่างกายก็แข็งทื่อในทันทีจากนั้นก็ตัวสั่นอย่างมาก“คุณหลิน คุณจะทำอะไร?”พ่อบ้านตระกูลเซี่ยงเอ่ยถามด้วยความระแวง“ปลดผนึกจุดให้เธอ หรือคุณจะทำ?” หลินเฟิงพูดพร้อมกับเหลือบมองชายคนนี้พ่อบ้านตระกูลเซี่ยงก้าวถอยหลังด้วยความเก้กังหลินเฟิงแตะจุดฝังเข็มของเซี่ยงจื่อหลานสองครั้งแล้วค่อยทำให้จุดฝังเข็มของเซี่ยงจื่อหลานไหลเวียนทันใดนั้นเซี่ยงจื่อหลานก็รู้สึกว่าความเจ็บปวดในร่างกายของเธอนั้นได้หายไปแล้วเธอสูดหายใจเข้าลึก ๆ อย่างโล่งอกหลินเฟิงพูดขึ้นมาเงียบ ๆ ว่า “ครั้งนี้ผมให้บทเรียนคุณ แต่ถ้าครั้งต่อไปคุณกล้าที่จะไม่เคารพหลี่ฮุ่ยหรานอีก คุณต้องตายแน่นอน” น้ำเสียงของหลินเฟิงเย็นชาและขู่อาฆาตเซี่ยงจื่อหลานฟังแล้วก็พยักหน้า “ไม่กล้าแล้ว ไม่กล้าแล้ว”ตอนนี้เธอถูกวิธีการของหลินเฟิงทำให้ทรมานและหวาดกลัวอย่างสิ้นเชิงหลินเฟิงสะบัดแขนเสื้อ แล้วหันหลังเดินจากไปพ่อบ้านตระกูลเซี่ยงขมวดคิ้ว “หลินเฟิงคนนี้ จะกำเริบเสิบสานเกินไปแล้ว”“เงี
“เอ่อ…ของขวัญวันเกิด? ของขวัญวันเกิดแบบไหนครับ?”“ของขวัญที่จะให้หลินเสวี่ยฮุ่ย เด็กสาวอายุประมาณสิบแปดสิบเก้า” หลินเฟิงลูบคางแล้วพูดออกมา“อ่อ…”จ้าวเทียนหวานึกออกได้ทันที หลินเสวี่ยฮุ่ยคนนี้เป็นลูกสาวคนเดียวของอาจารย์ของหลินเฟิง คน ๆ นี้จะต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษแต่เขาก็ลังเลเล็กน้อยว่าจะให้ของขวัญอะไรดี“คุณหลิน พวกเราควรให้ของที่มีค่าหน่อยหรือจะให้ของที่ราคาไม่แพงดีล่ะ?”“ต้องเป็นของมีค่าสิ”หลินเฟิงพูดจริงจังขึ้นมาลูกสาวคนเดียวของอาจารย์ตัวเอง สมควรได้รับของขวัญล้ำค่าที่สุด“ครับ ผมทราบแล้ว” ได้ยินแบบนี้จ้าวเทียนหวาก็พยักหน้าติดต่อกันแสดงให้เห็นว่าตัวเขาเข้าใจแล้ว“รีบเอามาส่งให้ผมที่วิลล่าอ่าวเทียนสุ่ย“ หลินเฟิงพูดจ้าวเทียนหวาพยักหน้าซ้ำ ๆ และวางสายโทรศัพท์ จากนั้นก็ไปจัดเตรียมทันทีหลังจากนั้นไม่นาน จ้าวเทียนหวาก็นำของขวัญมาส่งให้ถึงที่หลินเฟิงเปิดออกดูและเห็นว่ามันเป็นหยกจักรพรรดิชิ้นหนึ่งที่หน้าด้านแกะสลักเป็นรูปนกฟีนิกซ์“คุณหลิน นี่คือแผ่นจารึกฟีนิกซ์ที่แกะสลักโดยปรมาจารย์การแกะสลักที่เก่งที่สุดในเจียงโจวเมื่อสามปีที่แล้ว ส่วนวัสดุนี้ก็เป็นหยกจักรพรรดิ
ถ้าของขวัญของหลินเฟิงไม่มีค่า เขาอาจจะเยาะเย้ยใส่ก็ได้“เอ่อ…ช่างมันเถอะ ฉันจะกลับไปเปิดที่บ้าน”ด้านหลังหลี่ว์เจิ้งหยาง วัยรุ่นผมทองคนหนึ่งพูดขึ้น “อย่าสิ ครั้งที่แล้วที่ผมได้ยินว่าพี่เฟิงขับรถมายบัค ของขวัญที่มอบให้คงไม่ต่ำกว่าห้าแสนบาทหรอกนะ?ผู้ชายคนนี้ต้องเป็นลูกสมุนของหลี่ว์เจิ้งหยางแน่ ภายนอกที่ดูเหมือนกำลังชื่นชม แต่ความเป็นจริงกำลังวางกับดักหลี่ว์เจิ้งหยางยิ้มแล้วพูดว่า “ห้าแสนบาท นายดูถูกพี่เฟิงหรือไง? นาฬิกาคาร์เทียร์ที่ฉันมอบให้มีมูลค่าห้าแสนแล้ว ของขวัญของพี่เฟิงก็ต้องมีมูลค่าอย่างน้อยหนึ่งล้านบาท”“มีเหตุผล มีเหตุผล”คนกลุ่มนี้ทั้งหมดเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย แล้วก็ไม่ใช่ลูกคนรวยทั้งหมดจัดงานวันเกิดมอบของขวัญราคาหลายพันบาทให้ก็ถือว่ามีค่ามากแล้ว นาฬิกาของหลี่ว์เจิ้งหยางมูลค่าห้าแสนบาท เรียกได้ว่าโดดเด่นจากคนอื่น ๆ“จริงด้วย เสวี่ยฮุ่ย เธอรีบเปิดเร็ว ๆ เถอะ ฉันอยากรู้มาก” หลี่ซืออวี่ก็อยากลองดูว่าหลินเฟิงจะใจกว้างมากน้อยแค่ไหนหลินเสวี่ยฮุ่ยไม่ได้รีบร้อน แต่กลับทำให้หลี่ซืออวี่ร้อนใจอย่างมากหลินเฟิงที่ได้ยินหลี่ว์เจิ้งหยางกับลูกสมุนของเขาพูดอย่างมีเจตนาแฝง ก
“เป็นไปได้อย่างไร?” โจวเสี่ยวหางดันหมวกแก๊ปของเขาขึ้นแล้วก้าวไปดูข้างหน้าถึงแม้ว่าครอบครัวเธอจะไม่ได้ร่ำรวย แต่ก็ยังมีความรู้เรื่องหยกอยู่บ้างหยกฟีนิกซ์ชิ้นนี้เมื่อมองแวบเดียวก็รู้ว่าไม่ใช่ของธรรมดา แต่เธอก็ไม่รู้ว่าว่าหยกนั้นเป็นหยกของแท้หรือของปลอมหวงเหมาพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ที่ผมพูดก็เป็นเรื่องจริง ครอบครัวผมก็อยู่ในธุรกิจหยก ผมจะไม่รู้ได้อย่างไร?”หลี่ว์เจิ้งหยางได้ยินคำพูดนี้ ก็กุมท้องหัวเราะ “หลินเฟิง คุณเป็นคนตลกจริง ๆ หาซื้อของดี ๆ ไม่ได้ก็ไม่ต้องทำเป็นโอ้อวดหรอกไหม?”“พวกเราจะไม่หัวเราะเยาะคุณหรอก หากคุณซื้อจี้กระจอก ๆ ที่ร้านสิบบาท แล้วมาบอกว่ามันมีมูลค่าร้อยล้านบาท”แม้แต่หลี่ซืออวี่ก็ขมวดคิ้วคิดว่าหลินเฟิงจะให้ของดี ๆ แต่พูดมาตั้งนาน คาดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นขยะแบบนี้หลินเฟิงที่อยู่ข้าง ๆ ยิ้ม เป็นเรื่องจริงที่หมูป่าไม่สามารถกินแกลบคุณภาพดีได้ พวกเขาแยกแยะหยกจักรพรรดิมูลค่าร้อยล้านบาทชิ้นนี้ที่วางอยู่ต่อหน้าพวกเขาไม่ออก“เอาล่ะ พวกคุณไม่ต้องทะเลาะกันแล้ว” หลินเสวี่ยฮุ่ยตะโกนขึ้นมาเบา ๆเมื่อเห็นว่าหลินเฟิงไม่ได้ตอบโต้ เธอก็คิดว่ามันคือจี้ธรรมดาชิ้นหนึ่งถึงอย
หลี่ว์เจิ้งหยางได้ยินแบบนั้นก็เผยรอยยิ้มที่มุมปากออกมาเพียงแค่ให้หลินเฟิงอับอายขายหน้าต่อหน้าหลินเสวี่ยฮุ่ย เขาก็ดีใจแล้วหวงเหมาเดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว “อ้าว คุณชายหลิน ทำไมถึงดื่มเครื่องดื่มอยู่ตรงนี้คนเดียวล่ะ?”“พวกเราลูกผู้ชายต้องดื่มเหล้าสิ!”หลินเฟิงส่ายหน้าแล้วพูดขึ้น “ฉันขับรถ ไม่เหมาะจะดื่มเหล้า”หลี่ว์เจิ้งหยางก็เดาถึงความคิดของหวงเหมาออก จึงพูดขึ้นทันที “เห้อ ผมก็ขับรถมา นี่ก็ดื่มเหล้าแล้วไม่ใช่เหรอ?”“อีกเดี๋ยวเรียกบริการคนขับมาก็จบเรื่องแล้ว วันนี้เป็นวันเกิดของเสวี่ยฮุ่ย คุณไม่ดื่มเหล้าถือว่าไม่ให้เกียรติเสวี่ยฮุ่ยไหม?”หลินเฟิงกวาดตามองพวกเขาทั้งสองคนสองคนนี้จู่ ๆ แสดงความเป็นมิตรแบบนี้ ไม่เล่นตุกติกถึงจะเรียกว่าแปลกหลินเสวี่ยฮุ่ยดื่มเหล้าไม่เป็น แต่พี่ชายของตัวเองดื่มอยู่บ่อย ๆจากที่เธอดู ผู้ชายต่างก็ชอบดื่มเหล้าเธอก็ไม่อยากให้หลินเฟิงนั่งโดดเดี่ยวอยู่คนเดียว จึงพูดเกลี้ยกล่อม “พี่เฟิง หรือว่าพี่ดื่มหน่อยไหม?”“พี่นั่งอยู่ตรงนี้คนเดียว ฉันนึกว่าพี่ถูกรังแกอะไรซะอีก”“พี่วางใจได้ เดี๋ยวฉันจะเรียกคนขับรถให้พี่”หวงเหมาหัวเราะร่า “คุณดูสิ เสวี่ยฮุ่ยก็เรี
ในตอนนี้หลี่ซืออวี่ก็วิ่งเข้ามาประสมโรง “หวงเหมา นายไหวไหมเนี่ย? รีบดื่มสิ”เมื่อครู่เห็นของขวัญที่หลินเฟิงมอบให้ไม่มีมูลค่า หลี่ซืออวี่ก็เกิดความลำเอียงต่อหลินเฟิงอีกครั้งจึงปลุกระดมทุกคนอย่างไรซะใครเสียหน้าก็กระทบมาไม่ถึงตัวเธอเป็นการดูเรื่องสนุกและไม่กลัวว่าจะเดือดร้อน“หวงเหมาดื่มต่อสิ…”ในตอนนี้หลี่ว์เจิ้งหยางถลึงตาใส่เขา คนอื่น ๆ ก็พากันส่งเสียงให้กำลังใจหวงเหมามองดูหลินเฟิง เห็นเพียงแค่ว่าไอ้หมอนี่นั่งไขว่ห้าง หน้าไม่แดงหายใจไม่แรง ดื่มเบียร์ไปยี่สิบขวดทำเหมือนกับไม่ได้เกิดอะไรขึ้นทั้งนั้นหลินเฟิงยิ้มบางแล้วพูดขึ้น “ถ้าหากดื่มไม่ไหว นายไม่ต้องดื่มก็ได้”ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ไอ้หมอนี่ดื่มเบียร์ไปยี่สิบขวดถือว่ามีความสามารถจริง ๆ นั่นแหละแต่น่าเสียดายที่เขาเจอกับหลินเฟิงหลินเฟิงรวบรวมกำลังภายใน เบียร์ที่ดื่มเข้าไปทั้งหมดถูกขับออกจากร่างกายพร้อมกับเหงื่อหวงเหมากัดฟันแล้วพูดขึ้น “นี่เพิ่งถึงไหนเอง พวกเราดื่มกันต่อ”พูดจบก็เปิดขวดเบียร์อีกหนึ่งขวดเขาอดกลั้นอาการคลื่นไส้และดื่มต่อเพียงแต่ครั้งนี้เขาเพิ่งดื่มได้ครึ่งหนึ่งกระเพาะไม่สามารถจุได้อีกแล้วน้ำย่อยพ