เขาหันหลังกลับและเดินจากไปหนิงหลินตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงไล่ตามออกไป “ลู่จิ้นเซิง! ”เธอหาเขาพบตรงทางเดินหนีไฟลู่จิ้นเซิงยืนสูบบุหรี่อยู่ตรงสุดทางเดิน พอเธอเดินไปหาเขา เธอก็เห็นว่าดวงตาของเขาแดงก่ำไปหมด......หนิงหลินตัวสั่นด้วยความโกรธ “เธอกำลังจะแต่งงานแล้ว คุณเลยเศร้าอย่างงั้นเหรอ? ลู่จิ้นเซิง พวกคุณแยกทางกันมาก็ตั้งหลายปีแล้วนะ ยังจะอาลัยอาวรณ์อะไรกันนักกันหนา? เธอทำเสน่ห์อะไรใส่คุณถึงได้ทำให้คุณลืมเธอไม่ลงอยู่แบบนี้กัน หรือว่าเธอเก่งเรื่องบนเตียงมากอย่างนั้นเลยรึไง? ”แรงตบเหวี่ยงเข้าไปที่หน้าของเธอ!หนิงหลินมองดูเขาด้วยความไม่อยากจะเชื่อ หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็พ่นคำพูดออกมาราวกับคนบ้า “นี่คุณตีฉันเพราะเธอเหรอ? ลู่จิ้นเซิง ฉันท้องอยู่นะ! ”“เมล็ดพืชในท้องของเธอ ไม่ใช่เมล็ดพันธุ์ของฉัน! ”เสียงของลู่จิ้นเซิงเย็นชาขึ้นมาทันทีหนิงหลินตกตะลึง เธอพูดพึมพำออกมา “คุณบ้าไปแล้วเหรอ? ลู่จิ้นเซิง นี่คุณกำลังพูดบ้าอะไรออกมา? ”ลู่จิ้นเซิงหลับตาลงเขามองบุหรี่ที่อยู่ระหว่างนิ้วเรียวยาวของเขา แล้วหัวเราะออกมาด้วยสีหน้าที่ดูราบเรียบ “ฉันทำหมันไปตั้งแต่เมื่อสามปีที่แล้ว! เพร
อันที่จริงแล้ว เฉียวซุนจำลู่เหวินหลี่ได้ตอนที่เธอยังเด็ก ตระกูลเฉียวกับตระกูลลู่มักจะไปมาหาสู่กันอยู่บ่อย ๆ และเธอก็มักจะไปเยี่ยมตระกูลลู่กับพ่อแม่อยู่บ้างเป็นครั้งคราว ในความประทับใจของเธอ ลู่เหวินหลี่เป็นคนที่มีความอ่อนโยนมาโดยตลอดย้อนกลับไปในปีนั้น หากเขาไม่จากไป ลู่เจ๋อก็คงจะสุภาพกว่านี้ลู่เหวินหลี่เริ่มเปิดปากพูดก่อนตอนที่เขาพูด มันดูมีชีวิตชีวาเหมือนกับในความทรงจำไม่มีผิด “เสี่ยวซุน ฉันขอคุยกับหนูหน่อยได้ไหม? ”เฉียวซุนเปิดประตู แล้วลงจากรถ......ทั้งสองยืนเผชิญหน้ากัน แม้ว่าพวกเขาจะไม่คุ้นเคยกันมากนัก แต่พวกเขาต่างก็เป็นเครือญาติเดียวกันแล้วลู่เหวินหลี่ไม่ได้พูดถึงเหตุการณ์ในอดีตเหล่านั้น เขาแค่ถามเกี่ยวกับลู่เจ๋อกับเจ้าหนูลู่เหยียน แล้วยังถามถึงคุณย่าอีกด้วยเฉียวซุนเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วพูดอย่างขมขื่น “คุณย่ารอคุณมาตลอดชีวิต เธอเอาแต่เรียกหาเหวินหลี่จนวินาทีสุดท้าย ต่อมาเธอคิดว่าลู่เจ๋อคือคุณ เธอถึงได้ยอมจากไปอย่างสงบ! หากคุณพอมีเวลา ก็ไปจุดธูปให้คุณย่าหน่อยเถอะค่ะ ชีวิตนี้ของเธอยากลำบากมาก”ลู่เหวินหลี่พยักหน้า “ได้ มันคงถึงเวลาที่จะต้องไปจุดธูปแล้ว! ”ในปีนั้น
เธอหยิบเอกสารกลับมาเพื่ออ่านต่อ น้ำเสียงของเธอดูแผ่วเบา “นี่ไม่ใช่งานของพวกเขา ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปเพิ่มภาระให้พวกเขาด้วย......พอผ่านไปนานวันเข้า เดี๋ยวก็จะมีการร้องเรียนเข้ามาอีก แล้วอีกอย่างนะ ลู่เจ๋อ คุณไม่ใช่คนที่ไม่เคยแยกแยะระหว่างเรื่องส่วนรวมกับเรื่องส่วนตัวมาก่อน”ท่าทางของเธอดูสงบนิ่งพอลู่เจ๋อมองก็รู้สึกใจเต้น หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ยิ้มแล้วถามกลับว่า “แล้วเมื่อก่อนผมเป็นคนแบบบไหนเหรอ? ”เฉียวซุนวางเอกสารลง “เมื่อก่อนคุณมันไม่ใช่คน! ”ลู่เจ๋อตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ก้มศีรษะลงเพื่อจูบเธอ แม้ว่าจะเป็นการจูบอย่างอ่อนโยน แต่เฉียวซุนก็ยังคงหยุดเขาเอาไว้ “เหยียนเหยียนเองก็ยังอยู่ด้วยนะ”ลู่เจ๋อไม่ได้ทำต่อ แววตาของเขาค่อนข้างลึกซึ้ง “เธอกำลังตั้งใจเล่นมาก ผมจะไม่ทำให้เธอเห็นหรอก”เฉียวซุนไม่ได้สนใจเขาเธอยังคงอยู่ในท่าเดิม และอ่านเอกสารของเธอต่อไปลู่เจ๋อชอบบรรยากาศแบบนี้มาก เขาพยายามหาเรื่องมาชวนเธอคุย “เมื่อกี้ป้าเสิ่นเพิ่งทำเกี๊ยวให้ผมด้วย”เฉียวซุนก็ไม่ได้เงยหน้าขึ้นแต่อย่างใดภายใต้โคมไฟ ใบหน้าของเธอดูสว่างสดใส และน้ำเสียงของเธอก็ฟังดูราบเรียบ “เป็นเพราะตอ
พอได้กลับมากอดกันอีกครั้ง สิ่งต่าง ๆ รวมถึงคนเองก็ได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว“พี่คะ! ”เฉียวซุนกอดเขาแน่น พลางส่งเสียงสะอื้นออกมา “ทำไมพี่ถึงออกมาได้ก่อนกำหนดล่ะคะ? ”ทางด้านของเสิ่นชิงเองก็ยืนปาดน้ำตา “วันเกิดของหนู ฉันก็เลยกลับมาเร็วหน่อย”ในใจของเฉียวซุนรู้ดี หากไม่ใช่เพราะลู่เจ๋อ เธอจะกลับมาก่อนได้อย่างไร เขาแค่ให้จะทำให้เธอประหลาดใจ......ดังนั้นเขาเลยออกจากสวนฉินแต่เช้าเธอไม่ได้พูดถึงลู่เจ๋อ เฉียวสือเยี่ยนเองก็เช่นกันเสิ่นชิงตั้งใจจุดไฟใส่เตาให้ในอดีต เฉียวสือเยี่ยนไม่เคยเชื่อเรื่องพวกนี้ แต่เพื่อความสบายใจของเสิ่นชิง เขาเลยยอมเดินข้ามให้......หลังจากเดินข้ามแล้ว เสิ่นชิงก็จับมือของเขาเอาไว้ อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา “ในที่สุดก็ได้กลับมาแล้วนะ ในที่สุดป้าก็สามารถให้คำอธิบายแก่พ่อของเธอได้แล้ว! ”เฉียวสือเยี่ยนกอดเธอเพื่อปลอบใจ......หลังจากนั้นไม่นาน เสิ่นชิงก็รู้สึกตัว เธอปาดน้ำตาแล้วพูดว่า “ไปพบพ่อของเธอก่อนเถอะ! เขาคงคิดถึงเธอมากแน่ ๆ”ในใจของเฉียวสือเยี่ยนก็รู้สึกเปียกชื้นขึ้นมาในเวลานี้ เจ้าหนูลู่เหยียนก็วิ่งเข้ามา แล้วเรียกเขาว่าคุณลุงทันทีเฉียวสือเยี่ยนก้มลง และอ
ในตอนกลางดึก เฉียวซุนส่งเฉียวสือเยี่ยนกลับไปเขาอาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์ที่เฉียวซุนเคยอาศัยอยู่มาก่อน อยู่ในทำเลที่ดี และมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครันแต่นี่มันก็เป็นแค่แผนชั่วคราวเท่านั้นตกดึกท้องฟ้ามืดครึ้ม รถจอดอยู่ใต้อาคารอพาร์ตเมนต์ เฉียวสือเยี่ยนคาบบุหรี่ไว้ที่ริมฝีปาก แต่ก็ไม่ได้จุดไฟ......เขาจับมือน้องสาวอย่างอ่อนโยนแม้ว่าทั้งคู่จะจากกันไปตั้งหกปี แม้ว่าเฉียวซุนจะได้กลายเป็นแม่คนไปแล้ว แต่ความสัมพันธ์ของพวกเขาก็ไม่เคยเปลี่ยน ในใจของเขา เฉียวซุนก็ยังคงเป็นเด็กน้อยที่คอยเดินตามตูดเขาต้อย ๆ เหมือนเดิม“พี่คะ! ”เฉียวซุนเรียกเขาด้วยเสียงต่ำในเวลานี้ มีเพียงแค่พวกเขาสองพี่น้องเท่านั้น ตอนนี้ไม่ว่าจะมีความลับอะไรก็สามารถระบายออกมาได้ทั้งหมด รวมถึงเรื่องของลู่เจ๋อ แล้วก็เมิ่งเยียนหุยด้วยเช่นกันเฉียวสือเยี่ยนมองที่ด้านหน้าของรถด้วยสีหน้าที่ไร้ความรู้สึก “ในปีนั้น ตอนที่พ่อเข้าควบคุมซื้อกิจการบริษัทแห่งหนึ่งมา มันก็ค่อนข้างลำบากนิดหน่อย เหมือนเป็นการทำให้อีกฝ่ายล้มละลายในทางอ้อม! คนคนนั้นรับผิดชอบด้วยการกระโดดตึก ลูก ๆ ต้องใช้ชีวิตตามท้องถนน......ในใจของพ่อก็รู้สึกผิด ก็เลย
เธอไม่ได้ตรงกลับบ้านในทันที เธอนั่งอยู่เงียบ ๆ ครุ่นคิดถึงข่าวเมื่อคืนนี้ตกกลางดึก ขณะที่เธอกำลังจะกลับบ้านหน้ารถมีเงาของบุคคลที่คุ้นเคยยืนอยู่ ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นคนที่พวกเขาเพิ่งจะเอ่ยถึงเมื่อคืนนี้......เมิ่งเยียนหุยแม้ว่าเขาจะอยู่ในช่วงเวลาที่ดึกดื่นแบบนี้ แต่เขาก็ยังคงแต่งตัวดูดี ดูเป็นสุภาพบุรุษมากผมทรงสลีคแบค สูทสไตล์อังกฤษมีแค่กระจกรถที่กั้นเขาเอาไว้เท่านั้น เขาได้แต่มองเฉียวซุนอย่างเงียบ ๆ ในตอนนี้ เขาก็น่าจะถอดหน้ากากที่ใช้แสดงละครออกไปแล้ว......ต่างฝ่ายต่างมองหน้ากัน และเข้าใจชัดเจนในสิ่งที่อีกฝ่ายจะสื่อเฉียวซุนจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเขา เธอสัมผัสได้ถึงความเปียกชื้นในดวงตาของเขาจากนั้น เธอก็เหยียบคันเร่งเมิ่งเยียนหุยไม่หลบ เขาเฝ้าดูรถสปอร์ตสีขาวที่กำลังพุ่งชนเข้าหาเขาอย่างช่วยไม่ได้ ในขณะเดียวกันนั้นเอง แววตาของเขากลับดูซับซ้อนมาก......ไม่มีใครรู้เลย ว่าหลายปีมานี้เขาพยายามต่อสู้ดิ้นรนมามากแค่ไหนเขาตกหลุมรักเฉียวซุน ตกหลุมรักภรรยาของคนอื่นอันที่จริงก็มีหลายครั้ง ที่เขาสามารถขับตระกูลเฉียวออกไปให้พ้นทางได้ แต่เขากลับกลั้นใจทำแบบนั้นไม่ลง......เพราะเขาเก
ลู่เจ๋อรอมาทั้งวัน แต่สิ่งเขารอกลับถูกเธอปฏิเสธในใจของเขารู้สึกผิดหวังแต่เขาก็ไม่พูดอะไรอีก เพราะวันนี้เป็นวันเกิดของเธอ เขาบอกเธอว่าในห้องแต่งตัวมีของขวัญอยู่มากมาย ต่างก็ส่งมาจากญาติแล้วก็เพื่อนฝูงของเธอ......เฉียวซุนไม่อยากทำให้เสียบรรยากาศเธอจึงฝืนยิ้มออกมา “งั้นฉันขอตัวไปอาบน้ำก่อน แล้วค่อยดูก็แล้วกัน! ”ลู่เจ๋อดึงตัวเธอลงมาอีกครั้ง เขาเล้าโลมเธอผ่านเสื้อผ้าที่เธอสวม แล้วพูดด้วยเสียงที่แหบห้าว “อาบด้วยกันนะ! ”เฉียวซุนพูดปฏิเสธเบา ๆ “ฉันเป็นประจำเดือน! ”แววตาของลู่เจ๋อมองลึกลงไปจากนั้นเขาก็อุ้มเธอขึ้นมา แล้วพาเธอไปที่ห้องน้ำ แน่นอนว่าเขาจะไม่บังคับเธอให้ทำเรื่องอย่างว่าในช่วงที่เธอมีประจำเดือน......แต่วันนี้เป็นวันเกิดของเธอ เขาก็แค่อยากทำให้เธอมีความสุขก็เท่านั้นแต่ยิ่งเขาทำได้ดีมากเท่าไหร่ เฉียวซุนก็ยิ่งรู้สึกเสียใจมากขึ้นเท่านั้นแต่เธอก็ไม่เคยเสียใจกับการตัดสินใจของเธอเลยมีบางคน แค่ทำพลาด ก็กลายเป็นตราบาปไปตลอดชีวิต!หลังอาบน้ำเสร็จ เธอก็ยังไม่รู้สึกง่วง เธอเลยไปเปิดดูของขวัญพวกนั้นในห้องแต่งตัว บางคนก็ส่งขวัญมาได้ถูกใจเธอมาก อย่างเช่น คุณนายหลี่ส่งผ้าพันคอ
ท้องฟ้าสาดแสงรำไรลู่เจ๋อกลับไปที่บ้านพักลู่เขาหยุดชะงักครู่หนึ่งตอนที่จะเปิดประตู เพราะนี่ก็ผ่านไปสามปีแล้วที่ลู่เจ๋อไม่ได้กลับมา ไม่นาน รถเบนท์ลีย์สีดำก็ค่อย ๆ เคลื่อนที่เข้ามาจอดยังลานจอดรถลู่เจ๋อลงจากรถ แล้วปิดประตูด้วยหลังมือเขามองดูทุกสิ่งที่อยู่รอบตัวเขาหลังจากที่ถูกทิ้งร้างมาเป็นเวลานาน บ้านเก่า ๆ ก็สูญเสียความมีชีวิตชีวาไป หลงเหลือแต่กลิ่นอายของความทุกข์ระทมขมขื่น......เห็นได้ชัดว่าตอนที่คุณย่าอยู่ เป็นช่วงเวลาที่คึกคักและดูมีชีวิตชีวามาก ๆคนรับใช้ในคฤหาสน์ยังไม่มีใครตื่นพอลู่เจ๋อเดินเข้ามายังห้องโถง รองเท้าหนังของเขาก็กระทบกับพื้นเรียบ ทำให้ส่งเสียงดังฟังชัดออกมา ยิ่งทำให้ห้องที่เดิมทีก็ว่างเปล่าอยู่แล้ว กลับดูรกร้างมากขึ้นในห้องโถงหลังเล็ก ๆ มีรูปถ่ายของคุณย่าอยู่เป็นรอยยิ้มที่สดใสมากนิ้วของลู่เจ๋อเอื้อมไปสัมผัสด้วยความคิดถึง เขาแตะที่รูปของคุณย่าอย่างอ่อนโยน และกระซิบเบา ๆ “เขากลับมาแล้วครับ เหมือนเขาจะสบายดีนะครับ! คุณย่าวางใจได้”แต่สิ่งเดียวที่ตอบสนองเขาได้ กลับมีแค่รอยยิ้มในรูปถ่ายเท่านั้น คนที่จากไปแล้ว ก็ไม่มีวันหวนกลับมาอีกในใจของลู่เจ๋อรู้สึกเศ