Share

บทที่ 0017

ฉันยังเรียนไม่จบมหาลัยเลยนะ ไปให้ไปนัดบอดได้ยังไง? ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะมีข้าราชการสักกี่คนที่ยังโสดอยู่ ต่อให้ในสมัยนี้ยังมีคนหนุ่มสาวที่เชื่อในโชคลาภ แต่มันก็หาเจอยากมาก หรือว่าฉันคงต้องไปหาลุงวัยสามสิบสี่สิบปีแล้วแต่งงานกับเขาแทน?

ความคิดนี้ช่างไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงเลย แต่ไม่มีวิธีไหนที่ดีไปกว่านี้แล้ว ฉันจึงถามแม่หมออิงว่ามีอะไรบ้างที่จะให้ฉันทำต่อ?

เมื่อเห็นว่าฉันมีความตั้งใจอยากจะจัดการงานให้เธอ แม่หมออิงก็รีบก้มไปหากระดาษข้อมูลติดต่อสองสามใบในลิ้นชักโต๊ะข้างเตียง แล้วบอกว่านี่เป็นสองสามบริษัทนี้ค่อนข้างเร่งด่วน แล้วก็ยังมีใบรายการส่งมาเมื่อเดือนที่แล้ว เธอไม่สะดวกออกไปข้างนอกจึงทำได้เพียงรบกวนฉันแทนเท่านั้น

ฉันพับข้อมูลเบอร์โทรศัพท์สองสามเบอร์ไว้ในมือ แต่ยังไม่ทันจะถามแม่หมออิงว่าเกิดอะไรขึ้นกับสิ่งเหล่านี้ ที่ด้านนอกก็มีคนร้องเรียกหาแม่หมอเสียงดัง ส่วนแม่หมออิงก็ใช้เสียงโทนต่ำด่าด้วยท่าทีรำคาญ เธอไม่มีเวลาคุยกับฉันอย่างละเอียด แต่บอกให้ฉันโทรไปหาพวกเขาเหล่านั้นแล้วบอกว่าเธอเป็นคนที่ฉันส่งมา และตอนท้ายยังมอบงานให้ฉันอีกสองสามเรื่อง ซึ่งล้วนแต่เป็นเรื่องที่เร่งด่วนมาก และบอกอย่ามั่วรอช้าอยู่ พูดเสร็จเธอก็ออกไปโดยไม่หันกลับมามองกันเลย

ที่แรกก็เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ ฉันจึงอยากจะร่วมมือกับหลิวหลงถิงต่อไป ฉันตั้งหน้าตั้งตารอที่จะกลับบ้านเพื่อพักผ่อนสักสองสามวัน แต่ทว่ายิ่งไม่อยากทำก็ยิ่งมีรายการเพิ่มขึ้นมาเรื่อย ๆ

แต่ไม่เป็นไร ยังดีที่มีแค่สองรายการ ถ้าเกิดว่ามันราบรื่นไปได้ ก็ยังเสร็จทันก่อนปีใหม่

ฉันเก็บกระดาษสองแผ่นและกำลังจะออกเดินทาง ทันใดนั้นกลับรู้สึกแปลก ๆ ราวกับว่ามีบางอย่างกำลังจ้องมองมาที่ฉันอยู่ ฉันจึงหันไปข้างหลังอย่างรวดเร็ว พลันเงาขนฟูนั้นก็หายไปก่อนที่ฉันจะมองเห็นได้ชัดเจน มันหายเข้าไปในกำแพงทันที

ตอนกลางวันแสก ๆ คงไม่ใช่ผีหลอกอะไรหรอก แต่บางทีก็อาจจะเป็นไปได้ โดยทั่วไปแต่ละครอบครัวจะมีเทพคอยคุ้มครอง จึงไม่น่าใช่ผีหลอก หรือว่าจะเป็นเทพสักองค์? หากเป็นเทพที่ต้องการอยากจะรู้จักกับฉัน ทำไมเขาถึงต้องแอบมองฉันอยู่แบบนี้ล่ะ?

ตอนนี้แม่หมออิงไม่มีเวลาต้อนรับฉัน และฉันก็ไม่ได้ออกไปหาเธอ เมื่อครู่อาจเป็นภาพหลอนก็ได้ ฉันจึงไม่เก็บเรื่องนี้มาใส่ใจอะไรมากมาย

หลังจากที่กลับถึงบ้าน อาจเป็นไปได้ว่าย่าลี่เล่าเรื่องงานของฉันให้ย่าฟัง ย่าจึงเตรียมอาหารให้ฉันจนเต็มโต๊ะไปหมด และชมว่าฉันช่างมีความสามารถจริง ๆ

เมื่อเห็นคุณย่ายิ้มอย่างมีความสุข ฉันก็แสร้งทำเป็นมีความสุขมากไปด้วย ถึงอย่างไรฉันก็ไม่อยากให้คุณย่ารับรู้เรื่องราวที่ไม่สบายใจระหว่างฉันกับหลิวหลงถิงหรอก ฉันไม่อยากให้ท่านเป็นห่วง

หลังจากทานอาหารเย็นเสร็จฉันก็นั่งเล่นอยู่บนโซฟา ช่วงนี้ฉันไม่ค่อยได้ไปหาหลิวหลงถิงเลยเพราะฉันไม่อยากคุยกับเขา แล้วก็เพราะแม่หมออิงวานให้ช่วยทำงาน ซึ่งหลิวหลวถิงเองก็ไม่รู้เรื่องนี้ด้วย ฉันกลัวว่าถ้าเขาจะไม่เห็นด้วย และถ้าทำออกมาไม่ดีก็คงอาจจะโดนเขาด่ากลับมา

ย่ารบเร้าให้ฉันรีบเข้านอนแต่หัวค่ำอยู่หลายรอบ แต่ฉันมีเรื่องที่ฉันสัญญากับแม่หมออิงอยู่เรื่องหนึ่ง ซึ่งฉันยังไม่ยอมตกลง จึงนอนอย่างไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่ พลางคิดลังเลไปมาอยู่หลายรอบ ก่อนจะวางแผนว่าพรุ่งนี้ค่อยถามหลิวหลงถิงดูดีกว่า

ขณะที่ฉันกำลังจะลุกขึ้นเพื่อกลับห้องไปนอน จู่ ๆ ก็มีงูสีขาวตัวเล็ก ๆ ตัวหนึ่งตกลงมาจากโต๊ะชาตรงหน้า งูสีขาวตัวเล็ก ๆ เงยหน้าขึ้นจ้องมองฉันด้วยดวงตากลมโต “เจ้ามีเรื่องอยากคุยกับข้าหรือ?”

เป็นหลิวหลงถิงจริง ๆ ด้วย

ฉันมองดูเขาอยู่พักหนึ่งแล้วนั่งลงอีกครั้ง “อืม ก็ใช่ วันนี้แม่หมออิงขอให้ฉันช่วยจัดการเรื่องสองเรื่อง มันเป็นเรื่องที่เร่งด่วนมาก ฉันอยากจะถามท่านว่า ไม่กี่วันหลังจากนี้ท่านจะพอมีเวลาบ้างไหม?”

งูน้อยเลื้อยขึ้นมาจากพรม แล้วพันที่ขาของฉันเรื่อยมาถึงหัวเข่า “ข้ามีเวลาตลอด แต่ว่าหญิงชราคนนั้นเป็นร่างทรงฝ่ายขุนนาง ทำไมถึงต้องรับงานร่างทรงฝ่ายขุนพลมาด้วย?”

คำพูดของหลิวหลงถิงทำให้ฉันเกิดความสงสัยเล็กน้อย “ร่างทรงฝ่ายขุนนางกับร่างทรงฝ่ายขุนพลคืออะไร?”

"ร่างทรงฝ่ายขุนนางก็คือเป็นร่างทรงที่ดูดวงอยู่ที่บ้านไม่ต้องออกไปรับจ้างข้างนอก เพียงรอคนอื่นมาหาถึงหน้าประตูก็พอ ส่วนร่างทรงฝ่ายขุนพลจะทำหน้าที่เหมือนพวกเรา ที่ต้องออกไปยังพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อช่วยผู้คนกำจัดภัยพิบัติและขับไล่วิญญาณชั่วร้าย”

นั่งอยู่ที่บ้านก็สามารถช่วยดูดวงให้คนอื่นได้? สำหรับผู้หญิงที่ชอบนอนอยู่บ้านแบบฉันแล้วมันคือข่าวดีจริง ๆ ฉันค่อยรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย พลันพูดกับหลิวหลงถิงว่า “ถ้าอย่างนั้นพวกเราสามารถเป็นร่างทรงเฝ้าสำนักได้ไหม? ต่อไปพวกเราก็สามารถอยู่บ้านจัดการเรื่องต่าง ๆ ได้โดยไม่วิ่งที่ไหนแล้ว!”

งูน้อยส่ายหางขาว ๆ ไปมา “เราทำแบบนั้นไม่ได้ ทุกคนมีงานเป็นของตัวเอง ครอบครัวเทพที่เลือกให้มาจุติก็มีการแบ่งงานด้วย ใครถนัดด้านอะไรก็จะทำด้านที่เขาถนัด แสดงว่าครอบครัวของหญิงชราคนนั้นเป็นม้าทรงที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษในตระกูลเทพที่ถนัดสร้างสำนัก เพื่อรักษาโรคหยินและหยาง ร่างประทับประเภทนี้จึงสามารถอยู่ที่บ้านได้ แต่ข้าถนัดการวาดเครื่องรางขับไล่วิญญาณร้าย จำเป็นต้องวิ่งไปทั่วทุกที่ และทั้งนี้ทั้งนั้น อีกหน่อยเมื่อเจ้าได้สัมผัสกับอาชีพนี้นานขึ้นก็จะรู้จักสายงานอื่น ๆ ในวงการนี้อีกเยอะแยะมากมาย เช่น ผู้ที่ดูฮวงจุ้ย ดูดวงเรื่องฤกษ์มงคลและอื่น ๆ เป็นต้น แต่ละสายงานจะไม่ยุ่งเกี่ยวกัน ก่อนหน้านี้หญิงชรายังยึดถือเคารพทำตามหน้าที่ แต่คราวนี้ไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดทำอะไรอยู่”

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status