"ทุกคนกำลังมองท่านเช่นนี้ ท่านเห็นสายตาของฮูหยินใหญ่โม่ไหม?"ฟู่จาวหนิงเห็นฮูหยินใหญ่โม่แล้ว นางเข้าไปอยู่ข้างๆ เซียวหลันยวน เอ่ยกับเขาแผ่วเบา"นั่นต้องเป็นสายตาเห็นใจข้าแน่ๆ""เห็นใจเจ้า?" เซียวหลันยวนเหลือบมองออกไป เต็มไปด้วยพลานุภาพ ทำเอาคนเหล่านั้นล้วนต้องหันหน้าออกไม่มองมาทางเขาอีกเอาแต่จ้องตลอดแบบนี้มันชัดเจนเกินไปแล้วถ้าหากอ๋องเจวี้ยนพบว่าพวกเขารู้สึกว่าเขาน่าเวทนา พิการไปแล้ว และแทบจะเดินมาจนถึงบั้นปลายชีวิตแล้ว คงจะกระตุ้นถึงเขามากเลยกระมัง?ดังนั้นตอนนี้จึงไม่มีใครกล้าสบตากับอ๋องเจวี้ยนที่สำคัญที่สุดคือ ถ้ามองมาตลอดก็คงจะอดมองไปยังครึ่งใบหน้าที่พันอยู่นั้นไม่ได้แน่นอนแล้วก็อดมองที่ขาเขาไม่ได้ด้วยเซียวหลันยวนหัวเราะเสียงเย็นชา"พวกเขาน่าจะรู้สึกว่าไม่ควรเรียกข้าว่าอ๋องเจวี้ยน น่าจะเรียกอ๋องพิการมากกว่า" คำว่าพิการของพิกลพิการ พิการอ่อนแอ โรคพิการ พิการทางใบหน้าถึงอย่างไรก็คือพิกลพิการนั่นล่ะ"ฮูหยินใหญ่โม่พวกนางก็น่าจะรู้สึกว่าข้าน่าจะใกล้อยู่เป็นม่ายแล้ว" ฟู่จาวหนิงเหล่ยิ้มๆแค่กๆเซียวหลันยวนพอได้ยินคำนี้ก็คิดฟุ้งซ่านทันที "พวกเราตอนนี้ยังไม่ได้ทำอะไรกันเ
ฟู่จาวหนิงไม่ได้ปิดบังฮูหยินใหญ่โม่แต่ว่าฮูหยินใหญ่โม่ก่อนหน้านี้ก็รู้เรื่องสุขภาพของอ๋องเจวี้ยนอยู่ ยืนยันแล้วว่าไม่ใช่เรื่องดีนัก นางกระทั่งรู้สึกว่าถ้าไม่มีฟู่จาวหนิง อ๋องเจวียนตอนนี้คงจะออกมานอกบ้านไม่ได้แม้แต่ก้าวเดียวไปแล้วดังนั้นนางจึงรุ้สึกว่าฟู่จาวหนิงบางทีอาจจะเพระาไม่สะดวกพูดความจริง"ถ้าเป็นเช่นนี้ ท่านก็ต้องเตรียมใจไว้บ้าง เกรงว่าองค์จักรพรรดิจะสร้างความลำบากให้เอา" ฮูหยินใหญ่โม่คิดแทนฟู่จาวหนิงอย่างจริงใจ"ข้ารู้แล้ว ขอบคุณฮูหยินมาก"ฮูหยินใหญ่โม่ไม่กล้าพูดอะไรมากกับฟู่จาวหนิง ทำได้เพียงเดินจากไปอย่างกังวล"โต๊ะที่นั่งจัดเตรียมเสร็จแล้ว ขอให้ทุกท่านเคลื่อนตัวไปยังโถงงานเลี้ยง" คนมีในวังเข้ามาเชิญพวกเขาผู้คนก็เชิญให้อ๋องเจวี้ยนนำไปก่อนอ๋องเจวี้ยนแน่นอนว่าไม่เกรงใจ กวักกวักมือ องครักษ์สองคนข้างๆ ก็ยกเกี้ยวเบาขึ้นมาอีกครั้ง เขาบอกกับฟู่จาวหนิงว่า "พระชายา ไปเถอะ พวกเราไปนั่งที่โต๊ะอาหารกัน"รอจนอ๋องเจวี้ยนออกไป คนอื่นๆ จึงตามขึ้นมาเพราะวันนี้อากาศร้อนแล้ว งานเลี้ยงครั้งนี้จึงจัดที่ตำหนักฮวาเซียวตำหนักฮวาเซียวเปิดประตูได้ทั้งสี่ด้าน เสาระเบียงด้านนอกแขวนม่านบ
ฟู่จาวหนิงเองก็สายตาลุกวาวเสียเช่นกันถ้าหากไม่ใช่เพราะสถานที่ไม่อำนวย นางคงจะผิวปากออกมาแล้วเอ้อ เหมือนจะดูนักเลงหน่อยๆ แฮะ นางลูบปลายจมูกเบาๆแต่ก็รู้สึกสนใจกับปฏิกิริยาของเซียวหลันยวนขึ้นทันที นางมองไปทางเขา และก็เห็นเซียวหลันยวนกำลังมององค์หญิงหนานฉือขึ้นมาจริงๆๆ สายตานั่นดูจะลึกซึ้งหน่อยๆฟู่จาวหนิงตกตะลึงไปครู่หนึ่งชั่วขณะหนึ่ง นางเองก็บอกไม่ถูกว่าตนเองตอนนี้มีความรู้สึกอย่างไรก่อนหน้านี้นางเคยรู้สึกว่า การชื่นชมต่อความงามเป็นสัญชาตญาณของคนทุกคนอยู่แล้ว และเป็นเรื่องที่ปกติ ดังนั้นต่อให้ทั้งสองคนจะมีคู่รักแล้ว แต่การชื่นชมต่อความงามของคนอื่นก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้แต่ตอนนี้เซียวหลันยวนมององค์หญิงหนานฉือ แต่นางกลับรู้สึกปวดร้าวเล็กๆ หรือ?นางอยากจะยื่นมือออกไปแล้วแบะหน้าเขาออกอย่างนั้นหรือ?นางแปลกไปหรือเปล่า?เซียวหลันยวนยื่นนิ้วชี้ จิ้มลงไปที่หลังมือนาง เอ่ยขึ้นเสียงต่อ "ทำอะไรน่ะ? จะแบะนิ้วตัวเองออกหรือ?"เขาแค่เหลือบมององค์หญิงหนานฉือผาดเดียว ก็ไม่ใช่ขนาดว่าองค์หญิงหนานฉือหน้าตาอย่างไรก็ไม่รู้ องค์หญิงหนานฉือนั่นงดงามกว่าที่เขาคาดไว้จริงๆ แต่เห็นคนงามขนาดนี้ ในใ
ตรงข้ามคือเซียวหลันยวนกับฟู่จาวหนิงดวงตาของนางเบิกโพลง สีหน้าชะงักด้วยความสนใจ"องค์หญิงหนานฉือเดินทางมาไกล แล้วยังนำน้ำใจมาให้กับแคว้นเจาอีก เหล่าขุนนางที่รักยิ่ง มา ข้าจะชูแก้วขึ้นพร้อมพวกท่าน ต้อนรับองค์หญิงหนานฉือ"องค์จักรพรรดิยกแก้วสุราขึ้นมาก่อน คนอื่นเองก็ชูแก้วยืนขึ้นมา"ยินดีต้อนรับองค์หญิงหนานฉือ องค์หญิงเหน็ดเหนื่อยมาตลอดทางเสียแล้ว"คนทั้งหมดล้วนพูดขึ้นพร้อมกัน ชูกแก้วสุราขึ้นเคารพตอนที่คนทั้งหมดลุกขึ้นยืน มีอ๋องเจวี้ยนเท่านั้นที่ไม่ยืน ฟู่จาวหนิงเดิมทีก็คิดจะยืน แต่เซียวหลันยวนกุมมือของนางไว้ ไม่ให้นางลุกขึ้นนางจึงแค่ชูแก้วขึ้นเซียวหลันยวนไม่ยกแก้วด้วยซ้ำ มือหนึ่งกุมฟู่จาวหนิงไว้ มืออีกข้างยันโต๊ะไว้ กดลงไปที่หน้าผากทำท่าเหมือนยังไม่ทันดื่มสุราแต่ก็ทนฤทธิ์สุราไม่ไหวแล้วอย่างไรอย่างนั้น ดูแล้วเหมือนคนที่ป่วยหนักเอามากๆโต๊ะนี้ของพวกเขาก็ชัดเจนเป็นพิเศษองค์จักรพรรดิเอ่ยขึ้นมาทันที"อ๋องเจวี้ยน พระชายาอ๋องเจวี้ยน พวกเจ้าทำไมไม่เคารพองค์หญิงล่ะ? องค์หญิงเป็นแขกคนสำคัญที่เดินทางมาไกลเลยนะ"แต่ว่า พอเขาเห็นหน้าตาฟู่จาวหนิงอย่างชัดเจนก็อดตกตะลึงไม่ได้ฮองเฮาเ
"ฮองเฮาจะจัดให้แค่ในงานเลี้ยงวังในคืนนี้เท่านั้นหรือ?" ฟู่จาวหนิงถามขึ้นมาเสียงเรียบคำหนึ่ง "หลังจากวันนี้ก็จะไม่สนใจองค์หญิงหนานฉือแล้วหรือ?"ใครไม่รู้บ้างว่าเพราะอะไรฟู่จาวหนิงจู่ๆ จึงถามขึ้นเช่นนี้ฮองเฮาเองก็ตกตะลึงไป นางต้องรีบปฏิเสธแน่นอน จะทำตัวเย็นชากับองค์หญิงหนานฉือที่มาจากแดนไกลได้อย่างไรกัน? ต่อให้ในด้านหน้าตาจะพอกล้อมแกล้มไปได้ แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะมีแค่งานเลี้ยงวังงานเดียวแบบคืนนี้"ไม่ใช่แน่นอน"คำพูดของฮองเฮาเองยังไม่ทันพูดจบ ฟู่จาวหนิงก็ย้อนถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจ "เช่นนั้นความอยากจะรีบแยกองค์หญิงออกไปเสียให้ได้ของฮองเฮาเมื่อครู่นี้นั่นหมายความว่าอย่างไรกัน? ข้าเข้าใจผิดหรือ?"พรวดไม่รู้ว่าใครที่กลั้นขำไม่ไหว หัวเราะพรวดออกมา จากนั้นจึงรีบกลั้นเอาไว้ แต่บรรยากาศก็แตกต่างออกไปบ้างแล้วฟู่จาวหนิงเหลือบตามอง ฮูหยินเริ่นทางนั้นกำลังแปลให้กับองค์หญิงหนานฉือ แต่ดูจากสีหน้านางเหมือนจะพูดให้เกิดข้อพิพาทอยู่หน่อยๆ แล้วตอนแปลก็ดูจะไม่ราบรื่นเท่าไรนัก สีหน้าองค์หญิงหนานฉือก็ดูไม่ค่อยจะเข้าใจ"พระชายาอ๋องเจวี้ยน ข้าแค่เห็นว่าเจ้ากับองค์หญิงพอพบกันแล้วเหมือนสนิทกันมานานจึงอ
เขาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงยานคาง "หนิงหนิง หลักการตื้นๆ แค่นี้เจ้ายังไม่เข้าใจหรือ? เพราะว่านางเป็นฮองเฮา ตำแหน่งสูงกว่าเจ้าอย่างไรล่ะ นางพูดจาเรื่อยเปื่อยได้ แต่เจ้าห้ามทำ"ฟู่จาวหนิงทนขำ "โอ้ ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว"อ๋องเจวี้ยนต่อคำมาอีกว่า "แต่เรื่องที่นางมาจับพี่น้องให้เจ้านี้ข้าไม่ยอมรับ""ทำไมท่านไม่ยอมรับล่ะ?" ฟู่จาวหนิงเองก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดเช่นนี้ จึงถามออกไปอย่างอยากรู้อยากเห็นคนทั้งหมดล้วนมองมาทางอ๋องเจวี้ยนอ๋องเจวี้ยนทำไมถึงไม่ยอมรับ? ไม่เห็นหรือว่าองค์หญิงหนานฉือสวยขนาดไหน? ผู้ชายน่ะ จะต้องยอมโอบซ้ายกอดขวาอย่างแน่นอน องค์หญิงหนานฉือกับฟู่จาวหนิงเป็นสองยอดสาวงามที่สุดในนี้แล้ว ถ้าหากทั้งสองคนเป็นของเขา โฮ่โฮ่โฮ่ นั่นมันเป็นเรื่องสุดยอดที่ทำเอาเลือดกำเดาไหลเลยทีเดียวเหล่าชายหนุ่มในงานทั้งหมดล้วนอิจฉากันแทบคลั่งอ๋องเจวี้ยนเองก็ขี้เกียจจะพูด "เพราะข้าไม่อยากมีคนมาเรียกข้าว่าพี่เขยมากขึ้นน่ะสิ พอถึงตอนปีใหม่ที่ต้องแจกแต๊ะเอีย ข้าคงได้แคะกระปุกแแน่""พรวด"ตอนนี้มีคนกลั้นไม่ไหว หัวเราะก๊ากออกมาแล้วกระทั่งไทเฮาเองก็ยังอดขำขึ้นมาไม่ได้ฟู่จาวหนิงเลิกคิ้วใส่เซียวหลันยว
องค์หญิงหนานฉือฟังไปฟังมาก็เริ่มรำคาญไม่ใช่ว่ารำคาญอ๋องเจวี้ยน แต่รู้สึกว่าฮูหยินเริ่นคนนี้พูดไม่คล่องฟังเสียงของฮูหยินเริ่น จากนั้นก็มองไปยังชายหนุ่มที่พันหน้าไว้ครึ่งหน้า นางรู้สึกว่าเสียงของฮูหยินเริ่นบรรยายตัวเขาไม่ได้เอาเสียเลย"เอาล่ะไม่ต้องพูดแล้ว เดี๋ยวข้าจะดูเอง"รู้ว่าเป็นอ๋องเจวี้ยนก็พออ๋องเจวี้ยน นางก่อนหน้านี้ก็เคยได้ยินมาอยู่ระหว่างทางที่มาแคว้นเจา คนของพวกเขาก็สำรวจมาแล้ว เพียงแต่ข้อมูลของพวกเขาแย่ไปหน่อย ตอนแรกสุดไม่ได้ให้ความสนใจมาที่อ๋องเจวี้ยนคนนี้ เพราะก่อนหน้านี้ได้ยินมาว่าเขาสุขภาพไม่ค่อยดี ไม่ค่อยจะอยู่ในเมืองหลวงท่านอ๋องขี้โรคคนหนึ่ง ไม่มีสิทธิ์มีอำนาจกับพลังคุกคามเอาเสียเลยดังนั้นองค์หญิงหนานฉือจึงรู้ไม่มากนักตอนแรกสุดที่เห็นอ๋องเจวี้ยน พอนางเห็นใบหน้าที่พันผ้าไว้ครึ่งหนึ่งของเขา ก็หมดความสนใจลงทันทีแต่ตอนนี้ท่าทีของฟู่จาวหนิงทำเอานางต้องเอียงตากลับหลังจากนี้คือการปกป้องต่อตัวฟู่จาวหนิงของอ๋องเจวี้ยนตอนนี้พอเห็นอ๋องเจวี้ยนอีกครั้ง จู่ๆ นางก็รู้สึกว่าบนตัวอ๋องเจวี้ยนดูสงบและผ่อนคลายมากอย่างหนึ่งในที่แห่งนี้สิ่งนี้องค์จักรรพรรดิไม่มีนางร
"นายท่านมองที่ไหนกันน่ะ!""นี่ นี่ๆๆๆ นี่ออกมาได้อย่างไรกัน?"ชั่วขณะหนึ่ง คนไม่น้อยในโถงล้วนเอะอะกันขึ้นมา ฮูหยินส่วนมากล้วนไม่สนอะไรแล้ว พอเห็นนางระบำกลุ่มนี้ ก็ร้องหน้าถอดสีกันหมด หลังจากที่ตนเองถลึงตามองอ้าปากค้าง ก็ทยอยกันมองไปทางสามีที่อยู่ข้างๆพอเห็นว่าพวกเขามองกันตาไม่กระพริบ พวกนางก็เริ่มหึงหวงขึ้นมามีคนที่ทนไหว ทำเพียงแอบกัดฟันมีบางคนที่ทนไม่ได้ ยื่นมือไปหยิกสามีและยังมีบางคนแอบทำอะไรแต่ไม่พูดออกมา ทว่าก็มีคนที่กลั้นไม่ไหวจริงๆ ร้องเรียกไปทางสามีแม้ว่าพวกเขาจะไม่กล้าส่งเสียงเอะอะ กดเสียงต่ำเอาไว้ แต่พอคนมากเข้า เสียงจึงเริ่มเซ็งแซ่ขึ้นมาสถานการณ์เริ่มควบคุมไม่ได้ฮองเฮาเองก็ไม่อยากเชื่อ "องค์หญิง พวกนาง ที่พวกนางสวมคือชุดอะไรหรือ?"นี่ยังเรียกว่าเสื้อผ้าได้ด้วยหรือ?องค์หญิงหนานฉือฟังไม่ออกว่าฮองเฮาพูดว่าอะไร เพราะหวางต้าหลางกับฮูหยินเริ่นสองคนตอนนี้ก็ยังตะลึงงันอับนางรำอยู่ ลืมไปเลยว่าต้องแปลให้กับนางทูตหนานฉือเองก็เหมือนจะฟังเข้าใจหน่อยๆ จึงตอบไปคำหนึ่งว่า "ชุดระบำ ชุดระบำ""นี่คือชุดระบำ?" ฮองเฮาไม่อยากจะเชื่อแคว้นเจาของพวกเขาค่นอข้างอนุรักษ์นิยม ไม่ว