นางผู้เป็นถึงอัจฉริยะทางการแพทย์ทะลุมิติมาเป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลฉินที่ทั้งโง่เง่าและเลวร้ายกาจแห่งราชวงศ์ตงลู่หวัง ใต้หล้าล้วนกลั่นแกล้งนาง รังแกนาง ทำลายนาง!มือซ้ายถือโอสถพิษ มือขวาของนางที่ถือมีดผ่าตัด พร้อมร่างกายที่กำลังสั่นเทาไปด้วยความทรมานเขาท่านอ๋องเจ็ดผู้มีชื่อเสียงโด่งดังภายในเมืองเหวินจิง บุรุษที่งดงามและเย็นชาประดุจเทพเซียน ทว่า กลับโหดเหี้ยมและน่ากลัวมิแพ้ยมทูตเลยสักนิด “แม่นาง หากเจ้ารักษาอาการป่วยของข้าให้หายได้แล้วไซร้ ข้าจักเป็นคนของเจ้า”"เรื่องหย่าร้างที่ตกลงกันไว้เล่า?" ฉินเหยี่ยนเย่ว์ได้แต่มองไปที่บุรุษหน้าดำคล้ำที่ยังเอาแต่หลอกหลอนนางไม่ไปไหน “หย่าร้างหรือ? ข้าเพิ่งจะไปวัดเย่ว์เหล่าเพื่อขอด้ายแดงมาหนึ่งเส้น นับว่าเป็นโอกาสดีที่จะลองดูว่า มันจะสามารถมัดใจแม่นางเอาไว้ได้หรือไม่?” ท่านอ๋องเจ็ดพลันค่อย ๆ ก้าวเดินเข้ามาพร้อมกับด้ายแดงในมือของตนเองคู่รักใจอำมหิต ผนึกกำลังออกล้างแค้นศัตรูแล้ว
ดูเพิ่มเติมซูเตี่ยนฉิงแววตาเป็นประกาย พลางพยักหน้า “พวกเจ้าพูดได้มีเหตุผล ฟางเฉ่า เจ้าไปเชิญพระชายาออกไปอยู่อีกฝั่งเสีย”แม้ปากจะพูดว่าเชิญ ในแววตากลับประกายลำแสงร้ายกาจและเหี้ยมโหดสาวใช้นามว่าฟางเฉ่าเห็นแววตาของเจ้านาย ก็เข้าใจทันที นางเชิดหน้าขึ้น เดินตรงไปยังฉินเหยี่ยนเย่ว์“สุนัขดีไม่ขวางทาง หากเจ้าไม่อยา
นางยืนกลางสวน ไร้ความเศร้าโศก ไร้ความยินดีสายลมพัดมา พัดเอาหมอกยามเย็นกระจายออกไป พัดปลายผมของนางให้พลิ้วไสว เส้นผมปัดผ่านแก้ม นางใช้มือเปล่าเกี่ยวเส้นผมไปทัดหลังใบหูอย่างแผ่วเบา แล้วยืนรออย่างสงบรอประมาณหนึ่งเค่อ ก็มองเห็นเกี้ยวของซูเตี่ยนชิงกำลังเคลื่อนที่เข้ามาใกล้ได้จากที่ไกล ๆทั้งสองฝั่งเกี้
ไป๋โค้วร้องอืออืออาอาลำคอที่เมื่อสักครู่จังจะฝืนเปล่งเสียงออกมาได้นั้น ตอนนี้ ราวกับว่าคอได้พังไปแล้ว พูดไม่ออก ทำได้เพียงอ้าปากกว้างและหอบหายใจเฮือกใหญ่เท่านั้นนางพยายามอยู่หลายครั้ง ทว่ามิอาจเปล่งเสียงออกมาได้ แม้กระทั่งเสียงร้องพื้นฐานยังทำไม่ได้กลายเป็นคนใบ้อย่างกะทันหัน นางทั้งหวาดกลัวทั้งโก
สมุนไพรทั้งหมดที่ใช้ในยาแก้พิษล้วนเป็นยาพิษ บางชนิดยังเป็นสมุนไพรที่มีพิษร้ายแรงไม่เพียงเท่านี้ เมื่อนำยาแก้พิษมาบด เผา เทใส่น้ำ หรือใส่เหล้า วิธีที่ไม่เหมือนกันย่อมได้รับผลลัพธ์ที่แตกต่างกันออกไป น่ามหัศจรรย์เป็นอย่างยิ่งอย่างเช่น นำยาเม็ดมาบดแล้วเผาในปริมาณเล็กน้อย จักทำให้ปลายลิ้นชา และร้อนรุ่ม
แม่นางดอกบัวขาวปากหวานก้นเปรี้ยวผู้นั้น มาทำอะไรจวนอ๋องในยามนี้?หรือว่าแสร้งมาเยี่ยมเยียนตงฟางหลี?เมื่อฉินเหยี่ยนเย่ว์นึกถึงเรื่องเมื่อวานขึ้น ความโกรธก็พุ่งทะลักขึ้นมา พลังหลุดจากการควบคุมเล็กน้อยเมื่อวาน นางและตงฟางหลีต่างบาดเจ็บด้วยกันทั้งสองฝ่าย มีเพียงซูเตี่ยนฉิงเท่านั้นที่เป็นผู้ชนะ เมื่อคิ
”ช่างเถิด” ความคิดของตงฟางหลีหมุนตลบไปหลายรอบในระยะเวลาอันสั้น เขาปกปิดความเย็นชาในแววตา ก่อนจะเอ่ยว่า “ตู้เหิง ปิดข่าวที่เกี่ยวข้องกับนางเสีย”“พ่ะย่ะค่ะ” เมื่อตูเหิงเห็นท่าทีไม่กล่าวโทษ ก็ผ่อนลมหายใจหมอหลวงหลินจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยและนั่งตัวตรงที่ตำหนักนอกเขาพิจารณาเทียบยาที่เพิ่มสมุนไพรสองสาม
ฉินเหยี่ยนเย่ว์นวดหว่างคิ้ว ระหว่างที่ค้นความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมอย่างสุดกำลังทว่า ไม่มีร่องรอยความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมแม้แต่น้อยภาพภาพนั้น เกรงว่าคงจะเป็นความฝันฉากหนึ่งกระมังยามที่คนเราเหนื่อยล้าถึงขีดสุด สิ่งที่ได้ยิน หรือข้อมูลที่ได้เห็นก่อนนอน มักจะทำงานบนเปลือกสมอง และพัฒนาจนนำไปสู่เน
ระหว่างอยู่ในสภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่น รูปภาพบางส่วนได้กระพริบขึ้นอย่างเลือนรางในสมองรูปภาพเหล่านั้นพร่าเลือนมาก ราวกับถูกหมอกหนา ๆ ปกคลุมไว้หนึ่งชั้นในระหว่างมึนงง ฉินเหยี่ยนเย่ว์ราวกับเห็นเด็กหญิงคนหนึ่งมองเห็นเด็กน้อยที่กำลังดิ้นรนบนแผ่นน้ำแข็งบาง ๆ กลางทะเลสาบท่ามกลางเสียงหวีดหวิวของลมหนาวใบหน้าข
“ชดใช้หนี้กระมัง” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ยื่นเทียบยาที่เขียนเสร็จแล้วให้กับตู้เหิง “ผลลัพธ์บนศาลาเมื่อวานนี้ มิใช่สิ่งที่ข้าต้องการ ข้าเพียง...”นางสัมผัสแก้มของตนเองเบา ๆ ตำแหน่งที่โดนตงฟางหลีตบยังคงบวมและมีอาการปวด“ช่างเถิด เรื่องเกิดขึ้นไปแล้ว เอ่ยถึงก็มิมีความหมายอันใด” นางหลุบตาลง เมื่อนึกถึงทุกอย่า