พี่น้องสองคนนี้เพิ่งออกจากโรงพยาบาลมาเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วและตอนนี้ทั้งคู่รีบกลับเข้าไปอีกครั้ง พวกเขาต้องการรู้ว่าโรคแปลกประหลาดที่พวกเขาเป็นอยู่นั้นคือะไรกันแน่ พวกเขาเชื่อใจหมอประจำตระกูลเท่านั้น และเพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงการแพร่กระจายข่าวลือโดยไม่จำเป็น พวกเขาจึงไม่ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลอื่นถ้าผู้ติดตามของเขาได้ยินข่าวว่าสองพี่น้องตระกูลโกลดิ้งกลายเป็นคนไร้น้ำยา ข่าวนี้ก็จะสร้างความอัปยศอดสูให้กับครอบครัวของแต่ละคน!ถ้าข่าวลือนี้แพร่สะพัดออกไป ใคร ๆ ต่างก็ต้องซุบซิบนินทาแล้วผู้คนก็จะเยาะเย้ยพวกเขาไปทั่วอีสต์คลิฟฟ์!ทั้งสองคนกลับมาที่โรงพยาบาลโดยไม่สนใจพ่อของพวกเขาที่กำลังพักฟื้นอยู่ในห้องและรีบตรงไปที่ห้องทำงานของผู้อำนวยการโรงพยาบาลทันทีผู้อำนวยการกำลังเตรียมจะเลิกงานอยู่แล้ว แต่จู่ ๆ ก็เห็นนายน้อยของตระกูลโกลดิ้งสองคนรีบเดินเข้ามาหา เขาจึงถามขึ้นทันทีว่า “สวัสดีครับคุณริกลีย์ คุณวิลเฮล์ม วันนี้มีอะไรให้ผมช่วยเหรอครับ?”ริกลีย์โพล่งออกมาว่า “ผู้อำนวยการ! คุณช่วยเตรียมการตรวจร่างกายให้เราทั้งคู่อย่างเร่งด่วนได้ไหม? เราทั้งคู่ป่วยมาก!”ผู้อำนวยการถามด้วยความประหลาดใจ “พ
เอเดรียนตัวสั่นในขณะที่ถามผู้อำนวยการแผนกบุรุษเวชวิทยาว่า “เกิดเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย? คุณพบต้นตอของปัญหาหรือยัง?”ผู้อำนวยการปาดเหงื่อแล้วตอบว่า “คุณเอเดรียนครับ เรื่องนี้ชวนงงมากเลยครับ เราได้พยายามตรวจสอบปัญหาหลายวิธีแล้ว แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้คำตอบว่าทำไมถึงมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น ผมทำการศึกษาทางด้านบุรุษเวชวิทยามาหลายสิบปีแล้วแต่ไม่เคยพบกรณีแบบนี้มาก่อนเลยครับ…”เอเดรียนมองไปที่ชายสองคนที่กำลังร้องไห้สะอึกสะอื้น จากนั้นก็ขมวดคิ้วแล้วถามว่า “โรคนี้ไม่มีทางรักษาเลยเหรอ?”ผู้อำนวยการตอบอย่างอาย ๆ ว่า “คุณเอเดรียนครับ เรื่องที่จะรักษาได้หรือไม่ได้นั้นไม่ใช่ปัญหาใหญ่หรอกครับ ตอนนี้ปัญหาสำคัญคือเราต้องสืบหาว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเราต่างสับสนกับสถานการณ์นี้มากเลยครับ…”เอเดรียนรู้สึกเลือดวิ่งพล่านและจิตใจก็เริ่มขุ่นมัวและสับสน เขาคิดกับตัวเองว่า ‘นี่มันเรื่องอะไรกันวะเนี่ย?!’“เด็กสองคนนี้ยังอยู่ในวัยยี่สิบกว่า ๆ และยังไม่แก่เลย แล้ววิลเฮล์มก็เพิ่งมีอายุยี่สิบต้น ๆ เท่านั้นเอง แล้วชายหนุ่มที่ควรจะมีสุขภาพดี กลับกลายเป็นคนไร้สมรรถภาพแบบนี้ได้ยังไง?!”‘ตระกูลโกลดิ้งมีลูกชายแค่สองคนเองน
คำพูดของเอเดรียนไม่เพียงแต่ทำให้คนทั้งห้องตกใจเท่านั้น แต่ยังทำให้โรแกนต้องหนีบขาตัวเองอย่างไม่ได้ตั้งใจในแง่ของความน่าจะเป็นและจากความมีเหตุมีผลแล้ว ลูกชายของเขา หลานชายของเขา รวมทั้งพี่รองของเขาต่างมีปัญหาในพื้นที่ส่วนตัวตรงนั้นกันหมด ดังนั้นจึงมีโอกาสน้อยมากที่โรแกนจะรอดพ้นจากเรื่องน่ากลัวนี้ ดังนั้นเขาจึงรีบสอดมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง แล้วเลื่อนมือจากกระเป๋ากางเกงไปยังพื้นที่ส่วนตัวตรงนั้น แล้วลองหยิกดูเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ตัวแข็งทื่อด้วยความกลัวราวกับว่าวิญญาณได้หลุดออกจากร่างไปแล้วเพราะเขาก็ไม่รู้สึกอะไรด้วยเหมือนกัน… เขาสติแตกและร้องไห้ออกมาทันที เขาคร่ำครวญว่า “ฉันก็ด้วย! ช่วยมาตรวจผมด้วย!!! ผมก็ไม่รู้สึกอะไรเลยเหมือนกัน!!!”ในห้องตรวจโรคนั้นเต็มไปด้วยความตกใจและเสียงสะอื้นนี่…นี่เป็นเรื่องผิดปกติเกินไปแล้ว…ผู้ชายสี่คนในตระกูลโกลดิ้งสองรุ่นสูญเสียความสามารถในการมีลูกกันหมดเลยเหรอ?! มันเกิดเรื่องแบบนี้ได้อย่างไรกัน?!ปัญหานี้ไม่ได้เกิดจากความเจ็บป่วย โรคภัยไข้เจ็บส่วนใหญ่มักจะเกี่ยวข้องกับการเสื่อมสมรรถภาพของร่างกาย อย่างเช่นโรคอัมพาต โรคหลอดเลือดสมอง โรคพาร์กินสัน
โรแกนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กัดฟันกรอดแล้วก่นด่าเบา ๆ ว่า “ทำไมคุณถึงมีข้อแก้ตัวไร้สาระมากขนาดนี้?! ถ้าคุณแก้ปัญหาไม่ได้! ก็บอกมาเลยว่าแก้ปัญหาไม่ได้! ถ้าคุณแก้ปัญหาไม่ได้ก็รีบออกไปซะ! ไปหาใครที่สามารถแก้ปัญหาได้มาให้ฉันเดี๋ยวนี้!”เอเดรียนหันไปหาโรแกนและพยายามระงับความโกรธ จากนั้นเอเดรียนก็ใช้เวลาครุ่นคิดอยู่นานเขาตระหนักดีว่าเรื่องนี้เป็นอะไรที่แปลกเหลือเกิน เขากลัวว่านี่อาจไม่ใช่ปัญหาทางการแพทย์ในขณะนั้นเองที่ริกลีย์ลูกชายของเขาก็ตระโกนขึ้นมาทันทีว่า “โอ้! พ่อ! อาจเป็นเพราะไอ้สารเลวที่บ้านลุงวันนี้ก็ได้นะ!”เอเดรียนโพล่งออกมา “แกกำลังบอกว่าไอ้เด็กคนนั้นทำอะไรบางอย่างกับฉันอย่างนั้นเหรอ?!”"ใช่แล้วครับ!” ริกลีย์ตอบ “ตอนนั้นมันเอาแต่พูดถึงเรื่องการทำหมันระยะไกลอยู่นั่นแหละ มันยังบอกด้วยว่ามันจะทำให้ผมมีลูกไม่ได้ แถมมันยังบอกด้วยว่าถ้าอยากให้มันช่วย เราก็ต้องคุกเข่าข้อร้องอยู่หน้าบ้านของลุง พ่อว่านี่อาจเป็นฝีมือของมันหรือเปล่าครับ?”เอเดรียนถอนหายใจ “ไอ้ระยำเอ๊ย! อาจเป็นฝีมือไอ้เด็กนั่นจริง ๆ ยังไงแล้วไอ้เด็กนั้นก็สามารถเอาชนะจ้าวนักรบและจ้าวดินแดนของเราได้ง่าย ๆ ! บางทีเรื่องที่เราเ
ทั้งริกลีย์และวิลเฮล์มต่างตระหนักถึงความสำคัญของเรื่องนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงพยักหน้าเห็นด้วยการแช่แข็งเชื้ออสุจิของเขาเป็นเหมือนกับการทิ้งเมล็ดพืชเอาไว้ โดยถูกระงับเอาไว้ชั่วคราวในสภาพแช่แข็ง ดังนั้นเมื่อพวกเขาต้องการมีลูกในอนาคต เขาก็สามารถเข้าถึงเมล็ดพันธุ์นั้นได้อย่างง่ายดายและใช้เชื้ออสุจินั้นเพื่อวัตถุประสงค์นั้นได้ท้ายที่สุดแล้วก็อย่างที่เขาว่ากันนั่นแหละว่า… กันไว้ดีกว่าแก้!ผู้อำนวยการแผนกบุรุษเวชวิทยาได้รีบตระเตรียมสิ่งที่จำเป็นเอาไว้ สำหรับการเก็บเชื้ออสุจิชายสี่คนด้วยมือแบบไม่มีความเจ็บปวด นอกจากนี้ยังได้เตรียมชุดการทดสอบต่าง ๆ เอาไว้ด้วยในการสกัดเชื้ออสุจินั้นจะมีการเก็บตัวอย่างทันที แล้วส่วนที่เหลือก็ถูกแช่แข็งที่อุณหภูมิต่ำมากโดยใช้ไนโตรเจนเหลว เมื่อการทดสอบเสร็จสิ้นและไม่พบปัญหาใด ๆ ในตัวอย่าง ก็สามารถเก็บเชื้ออสุจิของพวกเขาไว้ได้อย่างปลอดภัยเป็นระยะเวลานานแต่เมื่อนำตัวอย่างออกมาทำการทดสอบภายใต้อุปกรณ์ทดสอบ แพทย์ก็พบความผิดปกติบางอย่างที่ดูเหลือเชื่อมากเมื่อแพทย์รายงานผลตรวจสอบต่อผู้อำนวยการแผนกบุรุษเวชวิทยา ผู้อำนวยการก็ตัวสั่นด้วยความกลัวเอเดรียนเห็นสีหน้าที
ในบรรดาสิ่งเหล่านี้ผู้ชายจะถูกหักคะแนนส่วนใหญ่ ถ้าพวกเขามีลูกนอกสมรสอยู่ข้างนอกในการแต่งงานของครอบครัวใหญ่ ทั้งชายและหญิงจากตระกูลร่ำรวยและมีเกียรติต่างก็ถูกพ่อแม่ตามใจมาตั้งแต่เด็ก สาวคนไหนจะยอมแต่งงานกับคนที่มีลูกนอกสมรสแล้วกลายเป็นแม่เลี้ยงบ้างล่ะ? นั่นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้แม้แต่ตอนที่ควินน์ได้พบกับชาร์ลีอีกครั้งเธอก็ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก เธอจะเต็มใจเป็นแม่เลี้ยงตั้งแต่อายุยังน้อยได้อย่างไร ในเมื่อเธอเป็นหญิงสาวของตระกูลใหญ่และมีชื่อเสียงเนื่องจากเอเดรียนต้องการให้ลูกชายรักษาความสามารถในการแข่งขัน เขาจึงเตือนลูกชายซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า เขาได้รับอนุญาตให้ออกไปเล่นสนุกนอกบ้านได้แต่ไม่ควรไปมีลูกกับใครข้างนอกในเวลานั้นเขาไม่เคยคิดว่าลูกชายของเขาจะสูญเสียความพร้อมเจริญพันธุ์ในวันหนึ่งเข้าจนได้!ตอนนี้ช่างเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมเหลือเกิน เขาไม่เพียงแต่มีลูกไม่ได้และอัตราการรอดของเชื้ออสุจิจะเป็นศูนย์เท่านั้นแต่เขายังกำจัดลูกนอกสมรสออกไปด้วย นี่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะกลายเป็นคนรุ่นสุดท้ายของตระกูลหรอกหรือ?ริกลีย์ยังเต็มไปด้วยความรู้สึกเศร้าโศกและขุ่นเคืองเขาไม่สามารถใช้ส่วนน
ด้วยความที่เขาไม่อยากให้แผนการยึดอำนาจในที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทในวันพรุ่งนี้ต้องล่าช้าออกไป เอเดรียนจึงตัดสินใจว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เขาจะต้องอดทนไว้ในคืนนี้ ในเวลาเดียวกันเขาได้เสนอเงินจำนวนมากให้กับคณบดีโรงพยาบาลทันที เพื่อให้เขาช่วยเฟ้นหาผู้เชี่ยวชาญระดับสูงทางด้านนี้จากสหรัฐอเมริกา เขาอยากจะรู้ว่าแพทย์พวกนั้นจะเดินทางมารักษาเขา โดยใช้วิธีทางการแพทย์ได้หรือไม่ซึ่งถ้าทำอย่างนั้นได้ก็จะดีมาก พวกเขาจะได้ไม่ต้องขอความช่วยเหลือจากเด็กหนุ่มคนนั้นและฆ่ามันทิ้งไปก็สิ้นเรื่อง!แต่ถ้าพวกเขาไม่สามารถทำได้…มันก็อาจจะยุ่งยากเล็กน้อย เพื่อให้แน่ใจว่าจะมีลูกหลานสืบทอดต่อไป เขาก็อาจจะต้องคุกเข่าต่อหน้าไอ้เด็กคนนั้นแล้วอ้อนวอนขอความเมตตา!เอเดรียนรู้สึกอึดอัดมากเมื่อนึกถึงใบหน้าที่เย่อหยิ่งของชาร์ลีโรแกนถามเบา ๆ ว่า “พี่รอง พี่คิดว่าไอ้เด็กหนุ่มนั่นจะมาเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการบริษัทในวันพรุ่งนี้ด้วยไหม?”“ให้ตายเถอะ…” เอเดรียนรู้สึกหัวใจเต้นแรงและสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันทีถ้าเด็กหนุ่มคนนั้นเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการบริษัทในวันพรุ่งนี้จริง ๆ ก็คงจะทำให้รู้สึกอึดอัดอย่างมากแน่ ๆ ! ไอ้
"เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นผมจะรอคุณอยู่ที่นี่!”***ในเวลานี้ครอบครัวของยูลและชาร์ลีเพิ่งทานอาหารเย็นเสร็จ หลังจากนั้นยูลก็ลากชาร์ลีไปดื่มเหล้ากับเขา ก่อนจะกลับไปที่ห้องรับรองแขกที่ราเชลเตรียมไว้ให้ หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้วเขาก็นอนลงบนเตียงเพื่อพักผ่อนตอนนี้นี่เองที่แคลร์โทรหาเขาและถามเขาว่า “สามี งานการในอีสต์คลิฟฟ์มีความคืบหน้าไหมคะ?”ชาร์ลียิ้มในขณะที่พูดว่า “ก็ไม่ได้แย่หรอกครับ ทุกอย่างดำเนินไปได้ด้วยดี ผมน่าจะทำทุกอย่างเสร็จภายในสามวัน”“ดีค่ะ” แคลร์ส่งเสียงพึมพำแล้วพูดด้วยความเป็นห่วง “คุณอยู่ข้างนอกต้องดูแลตัวเองให้ดีนะคะ เพราะคุณอยู่ไกลจากบ้านมาก”ชาร์ลีรู้สึกตื้นตันอยู่ในใจเล็กน้อย เขายิ้มในขณะที่พูดว่า “ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับภรรยาที่รัก ตอนนี้ผมโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ผมรู้จักวิธีดูแลตัวเอง ผมจะรีบกลับบ้านทันทีหลังจากทำงานที่นี่เสร็จนะ”“โอเคค่ะ” แคลร์ยิ้มก่อนจะพูดว่า “ว่าแต่สามีคะ ฉันขอให้คุณช่วยอะไรฉันหน่อยได้ไหมคะ?”ชาร์ลีรีบตอบว่า “ทำไมต้องเกรงใจผมด้วยครับภรรยา? บอกมาได้เลย อยากให้ผมทำอะไรล่ะ?”แคลร์ตอบว่า “คือวันนี้ฉันได้คุยกับลอรีนแล้วบังเอิญเธอก็เพิ่งกลับมาที่อีสต์คลิฟฟ์ด้ว