เมื่อส่งข้อความสำเร็จ หัวใจของเสิ่นหยินอู้ก็สงบลงทันทีเธอทำได้แล้วที่เหลือเธอก็แค่ต้องรอคำตอบฉินเย่ไม่ได้ตอบกลับเธอทันทีเสิ่นหยินอู้เหลือบมองเวลาและเดาว่าเขาควรจะไปทำงานในเวลานี้ เขาอาจจะอยู่ในการประชุมหรือกำลังอยู่ในงานเลี้ยงโทรศัพท์มือถืออาจปิดเสียงอยู่ คงดูได้เมื่อเขาทำงานเสร็จแล้วเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก และเธอก็ตัดสินใจงีบหลับเสิ่นหยินอู้ เปลี่ยนชุดนอนของเธออย่างเรียบร้อย ปิดผ้าม่าน ปล่อยให้ห้องเงียบลง จากนั้นจึงปีนขึ้นไปบนเตียงอย่างว่องไวและหลับตาลงติ๊ง--ในเวลาเดียวกันในอาคารหรือสำนักงานแห่งหนึ่งของบริษัทฉินเจียงฉูฉู่ซึ่งเดิมนั่งอยู่บนโซฟาด้วยสีหน้าที่เงียบสงบ ตอนนี้ขนตาของเธอสั่นเทาเธอจ้องมองข้อความบนโทรศัพท์ที่อยู่ตรงหน้าเธอเนื้อหาข้อความเรียบง่ายมากเพียงสี่คำเท่านั้น:"ฉันท้องแล้วล่ะ"ในตอนแรกเมื่อข้อความดังกล่าวเข้ามา เจียงฉูฉู่คิดว่าเป็นข้อความเกี่ยวกับงานของฉินเย่ หรือข้อความหลอกลวงบางอย่างไม่คาดคิดเลยว่าจะมาจากเสิ่นหยินอู้เจียงฉูฉู่เงยหน้าขึ้นโดยไม่รู้ตัวเพื่อมองไปที่ฉินเย่ซึ่งกำลังจัดการงานในสำนักงานตรงหน้าเขาเขาคบกับเสิ่นหยินอู้จริงๆงั้นเหรอเ
แม้ว่าเวลาจะผ่านไปหลายปีแล้ว แต่เหตุการณ์ในวันนั้นก็ดูเหมือนจะเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เองในตอนนั้นกระแสน้ำในแม่น้ำแรงมาก จนเจียงฉูฉู่ตกใจ และยืนอยู่ตรงริมแม่น้ำมองดูฉินเย่ที่ถูกพัดตกลงไปในแม่น้ำ ในหัวของเธอมีเสียงดังก้องอยู่เมื่อเธอตั้งสติได้ และหันตัวกลับไปร้องขอความช่วยเหลือ ร่างผอมเพรียวก็พุ่งพรวดเข้ามาอย่างไม่เกรงกลัวต่ออันตรายใด ๆในจังหวะที่เดินสวนกัน เจียงฉูฉู่ก็ลืมแม้กระทั่งว่าต้องขอความช่วยเหลือ และหยุดชะงักฝีเท้าพร้อมกับหันศีรษะกลับมาโดยไม่รู้ตัวและในพริบตาเดียวก็เห็นเด็กหญิงกระโดดลงไปในแม่น้ำโดยไม่มีความลังเลหรือสองจิตสองใจใด ๆ เลยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นมาหลายปีแล้ว แต่เมื่อนึกย้อนกลับไป เจียงฉูฉู่ก็ยังคงรู้สึกตกใจอยู่เธอกล้าหาญเหลือเกิน จนทำให้เจียงฉูฉู่เกลียดเธอมาเป็นเวลานาน"เป็นอะไร?"เมื่อเห็นว่าเธอดูเหมือนจะจมดิ่งอยู่ในความคิด ฉินเย่จึงถามขึ้นมาหนึ่งประโยคหลังจากได้ยินแบบนี้ เจียงฉูฉู่ก็กลับมามีสติ พร้อมกับยิ้มและส่ายหัวเบา ๆ"ไม่มีอะไรค่ะ"เธอไม่ควรคิดถึงอดีตอีกต่อไป ในตอนนี้ เธอคือผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตของฉินเย่เอาไว้และสิ่งนี้จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
เสิ่นหยินอู้รอตั้งแต่เช้าจรดเย็นและไม่ได้รับคำตอบของฉินเย่ด้วยซ้ำโทรศัพท์มือถือของเธอเงียบฉี่ ราวกับว่ามันขาดการติดต่อจากโลกภายนอกไปเมื่อก่อนเวลาเธอทำงาน เสิ่นหยินอู้ก็หวังว่าจะไม่มีใครติดต่อตัวเองมาผ่านทางโทรศัพท์มือถือ เพื่อที่เธอจะได้มีเวลาพักผ่อนมากขึ้นแต่ตอนนี้...…จนกระทั่งค่ำโทรศัพท์มือถือของเสิ่นหยินอู้ก็ดังติ๊ง และมีข้อความเข้ามาเธอสะดุ้ง และหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว หลังจากได้อ่านเนื้อหาอย่างชัดเจนแล้วดวงตาของเธอก็มัวหม่นลงคือโจวซวงซวงที่ส่งข้อความมา: "เธอไตร่ตรองไปถึงไหนแล้ว? ได้สารภาพกับเขาไปแล้วหรือยัง?"เสิ่นหยินอู้ดูโทรศัพท์มือถืออย่างเงียบ ๆ อยู่เป็นเวลานาน และหัวเราะเบา ๆ ขึ้นมาทันทีเสียงหัวเราะนั้นเต็มไปด้วยการดูถูกตัวเองอันที่จริงก็รู้ผลลัพธ์ตั้งนานแล้วแต่ทำไมเธอถึงไม่ยอมจำนน?ทั้งยังต้องกระจายบาดแผลของตัวเองให้คนอื่นเห็น และทำให้คนอื่นมาเชิดใส่ตอนนี้จบเห่ไปแล้ว ต่อไปเธอจะเผชิญหน้ากับเขาได้อย่างไร?เสิ่นหยินอู้ค่อย ๆ ล้มตัวลงมาบนเตียง และหลับตาลงตอนนี้เขาอยู่กับใครนะ?กำลังทำอะไรอยู่?เขาจะมีปฏิกิริยาอย่างไรเมื่อรู้ว่าตัวเธอท้องกัน?
บางทีแม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่ได้สังเกตเห็น ว่าในตอนที่เขาพูดประโยคนี้ออกมา ดวงตาของเขามีจุดสนใจชัดเจนเพียงใด“เธอได้บันทึกหมายเลขโทรศัพท์มือถือไว้หรือยัง?”ไม่ทันได้ตั้งตัว ฉินเย่ก็ถามขึ้นมาหนึ่งประโยคเมื่อได้ยินเช่นนี้ เจียงฉูฉู่ก็กลับมามีสติและพูดว่า: "อืม บันทึกไว้แล้วค่ะ เย่ คราวหลังฉันออกมาเที่ยวเล่นกับเธอได้ไหม?""อืม ก็ช่วยให้เธอไม่ต้องมีสมาธิกับงานทั้งวันดี"เจียงฉูฉู่ทำได้เพียงยิ้มอย่างเก้ ๆ กัง ๆ และเมื่อเธอหันหลังกลับไป เธอซึ่งมักจะอ่อนโยนอยู่เสมอ ก็กลับมีแววตาเจ้าเล่ห์แวบขึ้นมา~เช้าวันรุ่งขึ้นเมื่อเสิ่นหยินอู้ตื่นขึ้นมา ก็พบว่าดวงตาของตัวเองบวมเล็กน้อยและเพื่อป้องกันไม่ให้คนอื่นสังเกตเห็นสิ่งแปลก ๆ เธอจึงใช้น้ำแข็งประคบลดอาการบวมเธอเหลือบมองโทรศัพท์มือถือ และเห็นว่ามีคนส่งข้อความมาให้เธอ หลายคนเจียงหนิงฉวน: "ฉันจัดการงานทั้งหมดให้แล้ว เธอไม่ต้องกังวลนะ พักผ่อนเยอะ ๆ ถ้าไม่สบายก็ต้องไปโรงพยาบาลนะ"“ตื่นแล้วเหรอ?เป็นยังไงบ้าง? หากมีอะไรจำเป็น พี่หนิงฉวนจะไปโรงพยาบาลเป็นเพื่อนเธอเอง”ข้อความข้างบนถูกส่งมาหลังจากที่เธอผล็อยหลับไปเมื่อคืนนี้ และอีกอันก็ส่งมาเมื่อ
เมื่อโจวชวงชวงได้ยินเรื่องการทำแท้ง ก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบโต้ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว"ทะ ทำไมกัน?"“จะทำไมอีกล่ะ?”"แต่……"โจวชวงชวงพูดอย่างไม่เต็มใจว่า: "สองปีนะ เธออยู่กับเขามาสองปีแล้ว เขาไม่มีความทรงจำกับเธอสักครึ่งนาทีเลยเหรอ? และลูกคนนี้ก็ไม่ใช่ของใครอื่น นั่นเป็นลูกของฉินเย่เลยนะ ในฐานะสามีและพ่อ เขามีความเมตตาบ้างไหม?”เสิ่นหยินอู้เงียบไปหากก่อนที่จะส่งข้อความไป เธอได้จินตนาการถึงฉินเย่สักนิดจินตนาการในตอนนี้ของเธอก็สลายไปแล้วอย่างแท้จริงบนอินเตอร์เน็ตมีคำพูดที่เป็นที่นิยมมากพูดเอาไว้ว่าอย่างไร?โอ้ ใช่แล้ว……ลูกของคุณจะเป็นลูก ก็ต่อเมื่อเขารักคุณเมื่อไม่รักคุณ ไม่ต้องพูดถึงลูกเลย แม้แต่ตัวคุณเองก็ไม่มีอะไรเลยด้วยซ้ำโจวชวงชวงกล่าวต่อว่า: "ต่อให้ไม่นับสองปีนี้ แต่เธอก็เติบโตมาด้วยกัน เป็นคู่รักที่เล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็กไม่ใช่หรือไง? หยินอู้ เธอไม่ได้บอกกับเขาไปชัดเจนหรือเปล่า? ไม่เช่นนั้น..…. ""ชวงชวง" เสิ่นหยินอู้ขัดจังหวะเธอขึ้นอย่างใจเย็น "อย่าพูดอะไรอีกเลย"เรื่องนี้ ยิ่งพูดถึงมากขึ้นเท่าไหร่ก็มีแต่จะทำให้เธออับอายมากขึ้นเท่านั้นครั้งเดียวก็เพียงพ
ไม่แปลกใจเลยที่เธอตื่นขึ้นมาในรถของฉินเย่"พี่หยินอู้ พี่ไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าประธานฉินนั้นกังวลแค่ไหนในตอนที่ฉันไปบอกประธานฉินว่าพี่หมดสติไป"เมื่อหลินโยวโยวพูดเช่นนี้ เสิ่นหยินอู้ก็ไม่เข้าใจว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ คือกำลังพยายามทำให้ตัวเองพอใจอยู่หรือเปล่า?เธอจึงพิจารณาและตอบไปว่า: "จริงเหรอ? กังวลขนาดไหนเหรอ?"หลินโยวโยวยิ้มเล็กน้อยอย่างเขินอาย“ถึงอย่างไรฉันก็อยู่ที่ฉินกรุ๊ปมาหลายปีแล้ว นอกจากเมื่อวาน ฉันก็ไม่เคยเห็นประธานฉินแสดงสีหน้าเช่นนี้มาก่อนเลยค่ะ ในเวลานั้นข้าง ๆ เขามีเจ้าหน้าที่ระดับสูงกำลังรายงานเรื่องงานต่อเขาอยู่ พอได้ยินว่าพี่หมดสติไปแล้ว แม้แต่เจ้าหน้าที่ระดับสูงก็ยังเพิกเฉยใส่ และเขาก็วิ่งเข้ามาอุ้มพี่ขึ้นรถไปโดยตรงด้วยสีหน้าที่เป็นกังวลมากเลยค่ะ”พอพูดมาถึงในตอนท้ายของประโยค หลินโยวโยวก็กระพริบตาแล้วพูดว่า: "ประธานฉินต้องใส่ใจพี่มากแน่นอนค่ะ""ใช่เหรอ?"เสิ่นหยินอู้มองดูเธอแล้วพูดว่า: "เมื่อวานเธอเห็นผู้หญิงคนอื่นข้างกายเขาหรือเปล่า?"ประโยคเดียว ก็ทำให้ความคิดของหลินโยวโยวที่จะต่อสู้กับCPของสำนักงานก็มอดดับลงไปอย่างสิ้นเชิงเธอยืนอยู่ตรงจุดเดิมเป็นเวลานาน โดย
“ว้าว ถ้าคุณว่าแบบนั้น ฉันคิดว่ามันก็เป็นไปได้นะ”“ก็ใช่ไง ผู้หญิงรวยๆที่ไหนจะทำงานเป็นเลขาในบริษัทหละ?”“แต่ฉันก็ไม่เข้าใจอยู่ดี ทำไมถึงต้องอยากแต่งงานปลอมๆหละ”“ คิดว่าคงต้องมีเหตุผลแหละ ฉันได้ยินมาว่าเลขาเสิ่นและประธานฉินโตมาด้วยกัน ในตอนที่ตระกูลเสิ่นล้มละลาย ประธานฉินก็คบหาอยู่กับเธอ เขาคงอยากจะช่วยเหลือเธอ พอมันเป็นยังงี้ ตอนนี้ก็เลยไม่มีใครกล้าที่จะรังแกเลขาเสิ่นแล้ว”“แบบนี้นี่เอง ประธานฉินของเราเป็นคนดีจริงๆ”“ฉันยังเคยได้ยินมาว่า ประธานฉินของเรารอเจียงฉูฉู่คนนั้นที่เดินทางไปต่างประเทศอยู่ตลอดเลยแหละ ช่างเป็นผู้ชายที่ซื่อสัตย์และรักเดียวใจเดียวจริงๆ ก็สมกับเป็นประธานฉินของเราแหละน้า”ขณะที่คนเหล่านั้นกำลังคุยกัน เสิ่นหยุนอู้ก็ยืนฟังอยู่ข้างหลังโดยไม่ขยับไปไหน สีหน้าของเธอสงบราวกับว่าคนที่กำลังถูกนินทาอยู่นั้นไม่ใช่ตัวเธอจนกระทั่งรถของเจียงหนิงฉวนมาจอดอยู่ตรงหน้าทุกคน จากนั้นหน้าต่างรถก็ถูกลดระดับลง ทำให้เผยให้เห็นใบหน้าอันหล่อเหลาของเจียงหนิงฉวน "ขึ้นมาบนรถเถอะ"เสิ่นหยินอู้ขึ้นไปบนรถของเจียงหนิงฉวนต่อหน้าต่อตาทุกคนหลังจากที่รถขับออกไปไกลแล้ว คนเหล่านั้นที่เพิ่งคุย
เจียงหนิงฉวนไม่ได้พูดประโยคถัดไป แต่น้ำเสียงของเขาได้แสดงอารมณ์ของเขาออกมาอย่างชัดเจนเขารู้สึกไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมากเสิ่นหยินอู้ทำได้เพียงรู้สึกขอบคุณที่เขาไม่รู้เรื่องการตั้งครรภ์ของเธอ ไม่เช่นนั้นน้ำเสียงของเขาคงจะแย่ยิ่งกว่าตอนนี้เสียอีก อาจเป็นเพราะความเงียบของเธอ ดังนั้นเจียงหนิงฉวนจึงไม่ได้พูดอะไรอีกและพาเธอไปที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง หลังจากสั่งอาหารแล้วเขาก็พูดขึ้นมาว่า "รอพี่ที่นี่สักพัก พี่จะออกไปข้างนอกสักสิบนาที" “โอเค” เสิ่นหยินอู้พยักหน้า ไม่มีแรงมากพอที่จะอยากรู้ว่าเขาต้องการจะไปทำอะไร สิบนาทีต่อมา เจียงหนิงฉวนกลับมาพร้อมกับถุงใบหนึ่ง "เอาไปสิ" "อะไรหนะ?" เจียงหนิงฉวนพูดว่า "ยาไง เธอไม่ได้ป่วยอยู่เหรอ? โตขนาดนี้แล้ว เธอก็ควรจะมียาที่ใช้บ่อยๆเตรียมไว้กับตัวเองบ้างนะ ถ้ารู้สึกไม่สบายจะได้มียากิน" เสิ่นหยินอู้มองดูถุงด้วยความสับสน "แต่ฉันไม่ได้เป็นอะไร" “ถ้างั้นก็เตรียมไว้สำหรับครั้งต่อไป” "ก็ได้" เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องรับถุงยาไว้ ในนั้นบรรจุยาสามัญประจำบ้านที่หาได้ทั่วไปเอาไว้ ซึ่งค่อนข้างครอบคลุมพอสมควร “ขอบคุณค่ะพี่หนิ