กู้เหยียนซีพยักหน้าในทันที “เธอพูดถูก มันเมาหัวราน้ำแบบนี้ ถ้าไม่มีใครดูแลคงไม่ไหวจริงๆแหละ งั้นเรา...” “มึงไปส่งมันที่บ้านกูดีกว่านะ” จู่ๆจี้ชิงเป่ยก็ขัดจังหวะขึ้นมา เสียงของเขาสุขุม “เมื่อกี้มึงก็ได้ยินแล้วหนิ คนที่มันเรียกคือกู ถ้ากูไม่รักษาสัญญา มันอาจจะมาหาเรื่องกูหลังจากที่มันสร่างก็ได้” จี้ชิงเป่ยกับฉินเย่เป็นเพื่อนกันมาหลายปีแล้ว เขารู้จักฉินเย่ก่อนกู้เหยียนซีและเจียงฉูฉู่นานมาก นอกจากนี้ เขามีนิสัยรักสงบและไม่ชอบพูดเรื่องไร้สาระ ส่วนใหญ่เขาจะชอบเงียบ แต่เมื่อเขาพูดขึ้นมา มันก็เป็นเรื่องยากที่คนอื่นจะปฏิเสธ เฉกเช่นในตอนนี้ เจียงฉูฉู่มองที่ไปจี้ชิงเป่ยที่อยู่ตรงหน้าเธอ แม้ว่าอารมณ์ของเขาจะดูสงบ แต่เธอก็ไม่รู้ว่าทำไม เธอกลับรู้สึกอยู่ว่าจี้ชิงเป่ยผู้นี้ดูเหมือนจะไม่ค่อยชอบเธอนัก อย่างไรก็ตาม เขาและเย่เป็นเพื่อนสนิทกัน อาจเป็นเธอที่คิดมากไปเอง กู้เหยียนซีพูดไม่ออกเล็กน้อย เขาจึงพูดแทนเจียงฉูฉู่ “เย่เมามากแล้ว พรุ่งนี้คงจะจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตัวเองพูดอะไรออกมา ชิงเป่ย มึงจะจริงจังไปทำไมวะ?” พูดจบ เขาก็มองไปที่เจียงฉูฉู่ด้วยรอยยิ้ม "ยิ่งไปก
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ดวงตาของจี้ชิงเป่ยก็หม่นลงเล็กน้อย เมื่อเขาบอกเธอเรื่องนี้ในตอนนั้น ท่าทางของอีกฝ่ายก็ดูไม่ได้อยากจะไม่ออกมาหาเย่เลยด้วยซ้ำ แล้วทำไมเธอถึงไม่มา และในความเป็นจริง ตอนที่กู้เหยียนซีไปส่งเจียงฉูฉู่กลับบ้าน จี้ชิงเป่ยก็โทรหาเสิ่นหยินอู้ แต่เธอก็ไม่รับสายจนกระทั่งเขาโทรไปอีกสองสามครั้งเธอถึงยอมรับสาย จากนั้นเสียงของเธอก็ดูเย็นชามาก มันแตกต่างไปจากตอนที่เธอรับสายก่อนหน้านี้ไปอย่างสิ้นเชิง "มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?" จี้ชิงเป่ยรู้สึกประหลาดใจกับท่าทีก่อนหน้านี้กับตอนนี้ของเธอที่ต่างกัน และดูเหมือนเขาจะพอเดาออก ดังนั้นเขาจึงถามว่า "คุณได้มาหาเย่ใช่ไหม? คุณเห็นมันแล้วใช่ไหม?" อีกฝ่ายเงียบอยู่พักหนึ่งแล้วจึงพูดว่า "ฉันไม่ได้ออกไปไหนทั้งนั้น ในเมื่อคุณอยู่กับเขา งั้นฉันก็ขอให้คุณดูแลเขาให้ดีๆแล้วกัน" หลังจากพูดจบ อีกฝ่ายก็วางสายไป ในตอนแรก จี้ชิงเป่ยคิดว่าผู้หญิงคนนี้ช่างใจร้ายจริงๆ แต่หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็คิดได้จากคำพูดของเสิ่นหยินอู้ ถ้าเธอไม่ได้ออกมาจริงๆ ถ้างั้น เมื่อเธอได้ยินคำถามของเขา เธอก็ควรจะถามว่าเห็นอะไร แทนที่จะเงียบแล้วพูดอย่าง
"มึงคิดว่าใครหละ?" จี้ชิงเป่ยไม่ตอบแต่ถามกลับ ทั้งสองคนสบตากัน และพมองหน้ากันอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจู่ๆจี้ชิงเป่ยก็พูดขึ้นมาว่า "ทำไมหละ ถ้ารู้ว่าคนที่มาไม่ใช่เธอ มึงจะผิดหวังเหรอ?" เธอผู้นั้นคือใคร ทั้งสองต่างรู้ดีอยู่แก่ใจ หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ฉินเย่ก็หัวเราะ "ใครผิดหวัง ผิดหวังอะไรหละ เธอจะมาไม่มาก็เรื่องของเธอสิ" “โอ้” จี้ชิงเป่ยเลิกคิ้ว “ในเมื่อมึงไม่สนใจ งั้นกูไม่พูดแล้วก็ได้” หลังจากนั้นเขาก็หยุดพูดจริงๆ ฉินเย่ขมวดคิ้วแน่นและจ้องจี้ชิงเป่ยอย่างไม่พอใจ “มึงรู้อะไรก็พูดมา จะอุบไว้แบบนี้ไปทำไม” “กูอุบไว้เหรอ?” จี้ชิงเป่ยมีท่าทีประหลาดใจ “กูคิดว่ามึงไม่อยากรู้ แล้วก็กลัวว่ามึงจะรำคาญ ก็เลยไม่พูดอะไรดีกว่า ทำไมหละ หรือมึงอยากรู้จริงๆ? " ฉินเย่ "...." ให้ตายเถอะ ทำไมเขาถึงต้องมารู้จักคนแบบจี้ชิงเป่ยกันนะ? ฉินเย่ขี้เกียจเกินกว่าที่จะพูดอะไรไร้สาระกับเขาอีก เขายกผ้าห่มขึ้นและลุกจากเตียง จากนั้นก็สวมรองเท้า การเคลื่อนไหวของเขานั้นดูป่าเถื่อนมาก ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ เขาทำหน้าบูดไม่ต่างอะไรจากคนที่แม่เพิ่งเสีย หลังจากที่เขาจัดของเสร็จเร
จี้ชิงเป่ยบอกฉินเย่ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืนนี้ ฉินเย่เงียบไปหลังจากได้ยินเรื่องราว เมื่อเห็นท่าทางที่เงียบของเขา จี้ชิงเป่ยก็พูดต่อ "เป็นไปได้ไหมที่เธอมา แต่บังเอิญเห็นเราและฉูฉู่อยู่ด้านนอกร้าน เธอจึงไม่ออกมา" ประโยคนี้กระทบจิตใจของฉินเย่โดยตรง ดวงตาที่เฉี่ยวคมของเขาหรี่ลงเล็กน้อย และเขาก็ปฏิเสธมันในทันที "เป็นไปไม่ได้" จี้ชิงเป่ยกระดกคิ้ว "โอ้?" “เธอไม่ได้มีความแค้นอะไรกับฉูฉู่เลย แล้วทำไมเธอถึงต้องไม่ออกมาถ้าเห็นฉูฉู่หละ?” เมื่อพูดถึงตรงนี้ ฉินเย่ก็หัวเราะกับตัวเอง “เธอแค่ไม่อยากเจอกู ไม่อยากยุ่งกับกู” จี้ชิงเป่ยหยุดพูด เม้มริมฝีปากบางของเขา และไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ ทั้งสองเงียบไปนาน จู่ๆโทรศัพท์มือถือของฉินเย่ก็ดังขึ้น เป็นสายจากเจียงฉูฉู่ จี้ชิงเป่ยที่ข้างๆก็เห็นมัน ก่อนที่ฉินเย่จะออกไปรับโทรศัพท์ จี้ชิงเป่ยก็ถอนหายใจและพูดอะไรบางอย่าง “จนถึงตอนนี้ มึงยังไม่รู้ว่ามึงต้องการอะไรจริงๆสินะ?” ทันทีที่เขาพูดจบ ฉินเย่ก็หยุดชะงักไปชั่วคราว เมื่อเขาหันกลับมา จี้ชิงเป่ยก็เปิดประตูแล้วเดินออกไป ปล่อยให้ฉินเย่ยืนอยู่คนเดียวที่เดิมโดยถือโท
"เหมือนได้มีเพื่อนเล่นด้วย?" คำพูดนี้เช่นนี้ทำให้เสิ่นหยินอู้ย่นจมูก “ใช่แล้ว ใช่แล้ว” โจวชวงชวงยกคางของเธอขึ้นมาแล้วพูดด้วยความตื่นเต้นว่า "เธอคงรู้ว่าเล่นกับเด็กตัวน้อยๆสนุกแค่ไหน ถูกไหม? ตัวอย่างเช่น ถ้าเป็นเด็กผู้หญิง เธอก็แต่งตัวให้เธอได้ทุกวัน มันก็เหมือนกับว่าเป็นตุ๊กตาที่มีชีวิตเลยนะ เธอเคยเล่นหนวนหนวนสุดมหัศจรรย์ไหมหละ? ก็เหมือนกับแต่งตัวให้กับตุ๊กตาในเกมแต่งตัวอะ" เสิ่นหยินอู้ "....." เสิ่นหยินอู้ผู้ไม่เคยเล่นเกมมาก่อน มองโจวชวงชวงที่อยู่ตรงหน้าเธออย่างพูดอะไรไม่ออก ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าชวงชวงจะมีแนวคิดแบบนี้ “จริงสิ ถึงตอนนั้นให้ฉันเป็นแม่บุณธรรมของลูกเธอก็ได้นะ” โจวชวงชวงประสานมือของเธอด้วยความตั้งหน้าตั้งตารอคอยเป็นอย่างยิ่ง โดยมีแสงสว่างซ่อนอยู่ในดวงตาของเธอ “ถึงตอนนั้นถ้าเธอยุ่ง ฉันจะย้ายไปอยู่กับเธอเลย ฮ่าๆๆ ขอบอกไว้ก่อนนะ ฉันไม่ได้จะย้ายไปอยู่กับเธอแค่เพื่อจะไปเล่นกับลูกเธอนะ” “.....”ทันใดนั้น เสิ่นหยินอู้ก็ดูเหมือนจะเข้าใจถึงเหตุผลที่ว่าทำไมโจวชวงชวงถึงอยากให้เธอเก็บเด็กคนนี้เอาไว้ “จริงสิ” จู่ๆโจวชวงชวงก็กลับมาทำหน้าจริงจังอีกครั้ง “ฉัน
เสิ่นหยินอู้ถือโทรศัพท์เอาไว้ เธอคิดยังไงก็ไม่เข้าใจ “ทำไมเธอถึงช่วยฉันหละ” ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเจียงฉูฉูไม่ได้ดีนัก พวกเธอพบกันผ่านเพื่อนของฉินเย่ และทั้งคู่ก็ไม่กินเส้นกัน เรียกได้ว่าไม่ได้เป็นเพื่อนกันแต่อย่างใด ต่อมา หลังจากที่รู้เกี่ยวกับความรู้สึกของฉินเย่ที่มีต่อเจียงฉูฉู่แล้ว เสิ่นหยินอู้ก็ทำตัวเย็นชาต่อเธอมากขึ้น และจะไม่ยุ่งอะไรกับเธอเท่าที่เป็นไปได้ อย่างไรเสีย เธอก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นคนใจกว้าง เธออาจจะไม่เคียดแค้นหรือเกลียดเธอ แต่เธอจะไม่มีวันเป็นเพื่อนกับเจียงฉูฉู่เด็ดขาด เธอจึงคิดไม่ถึงว่าเจียงฉูฉู่จะช่วยเธอจริงๆ หลังจากที่ได้ยินคำถามของเธอ เจียงฉูฉู่ก็ยิ้มเบาๆ "หยินอู้ เธอเป็นเพื่อนของเย่นะ เพื่อนของเย่ก็คือเพื่อนของฉันเหมือนกัน แน่นอนว่าฉันต้องช่วยเธออยู่แล้ว แล้วเธอก็ไม่ต้องรู้สึกติดค้างอะไรทั้งนั้น เรื่องที่ฉันช่วยเธอ เธอไม่ต้องเอาไปพูดกับใครทั้งนั้นนะ ถือซะว่าเป็นเย่ที่เป็นคนช่วยเธอก็แล้วกัน” เมื่อได้ยินถึงตรงนี้ จะมีอะไรที่เสิ่นหยินอู้ยังไม่เข้าใจอีกหละ? ฉูฉู่ช่วยเธอเพราะเห็นแก่ฉินเย่ เสิ่นหยินอู้เม้มริมฝีปากที่ซีดเล็ก
บุญคุณ มันก็เป็นตอนนั้นเองที่เธอติดฉูฉู่ และเมื่อเสิ่นหยินอู้ไปขอให้ผู้คนช่วยเหลือเธอตามสถานที่ต่างๆในเวลาต่อมา เธอก็พบว่าการโทรมาของเจียงฉูฉู่ในตอนนั้นมาได้ทันท่วงทีมากเพียงใด ทรัพย์สินของตระกูลเสิ่นทั้งหมดโดนยึดไป เหลือแค่เพียงบ้านหลังนั้นเท่านั้น ต่อมา เมื่อเธอเริ่มตั้งตัวได้ ความตั้งใจของเสิ่นหยินอู้คือเธอต้องการขายบ้านหลังนั้นและเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง แต่พ่อของเธอไม่เห็นด้วยและบอกเธอด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึมว่า “บ้านหลังนั้นจะจัดการยังไงก็แล้วแต่ลูก ในเมื่อแต่ก่อนพ่อสามารถทำธุรกิจได้สำเร็จโดยเริ่มจากการที่ไม่มีอะไรเลย ในอนาคตจะต้องทำได้อย่างแน่นอน ลูกเอาบ้านหลังนั้นไปจำนองให้กับคนพวกนั้นได้เลย และวันหลังก็เลี้ยงข้าวฉูฉู่เป็นการตอบแทนด้วย แล้วถ้าเธอต้องการความช่วยเหลือจากลูก ก็รีบตอบแทนบุญคุณของเธอให้เร็วที่สุด” "พ่อ……" บุญคุณที่ติดฉูฉู่อยู่ จะไปตอบแทนได้ง่ายๆแบบนั้นได้ที่ไหนกัน? คุณพ่อเสิ่นลูบหัวลูกสาวของตนด้วยรอยยิ้มอันแสนอบอุ่น “ถึงพ่อจะไม่มีอะไรเลย แต่พ่อก็จะไม่ยอมให้นั่วนั่วของพ่อต้องก้มหัวให้กับศัตรูหัวใจของลูก ไม่ต้องห่วงนะ พ่อต้องกลับมาอีกครั
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเธอยุ่งอยู่กับงาน คุณย่าฉินจึงอนุญาตให้เธอและฉินเย่ไปเยี่ยมเยียนเฉพาะในวันอาทิตย์เท่านั้น ไม่อนุญาตให้ไปเยี่ยมในเวลาอื่น ไม่เช่นนั้นคุณย่าจะโกรธ ในช่วงสองปีที่ผ่านมา เสิ่นหยินอู้กับฉินเย่จะไปเยี่ยมเยียนคุณย่าในทุกวันอาทิตย์ เมื่อคืนเขาเมาขนาดนั้น และยังไปด้วยกันกับเจียงฉูฉู่ ไม่แน่ว่าตอนนี้อาจจะ... ในเวลานี้คนขับก็ถามขึ้นมาพอดีว่า "จะโทรหาคุณผู้ชายไหมครับ?" ได้ยินดังนั้น เสิ่นหยินอู้ก็เรียกสติกลับคืนมา และพูดโดยไม่รู้ตัวว่า "ไม่ต้องหรอก เขาไม่ว่าง" คนขับ"......" “วันนี้ฉันจะไปเองแล้วกัน” คนขับทำได้เพียงพยักหน้าอย่างเงียบๆ แล้วก็ขับต่อไป หลังจากอยู่ในตระกูลฉินมาเป็นเวลานาน เขาก็มองออกว่าช่วงนี้บรรยากาศภายในบ้านนั้นค่อนข้างผิดปกติ และเขาก็เคยได้ยินข่าวลือมาบ้างแล้ว เมื่อเห็นท่าทางของเสิ่นหยินอู้ในตอนนี้ เขาก็รู้สึกทุกข์ใจเป็นอย่างมากแต่เขาก็เป็นแค่คนขับรถเท่านั้น เรื่องแบบนี้ไม่ใช่หน้าที่ของพวกเขาที่จะต้องไปกังวลกับมันแต่อย่างใด - ณ โรงพยาบาลที่ดีที่สุดในหนานเฉิง ทันทีที่เสิ่นหยินอู้มาถึง พยาบาลต้อนรับก็ทัก