และในทันทีทันใด เสียงอันเร่าร้อนของชายหญิงก็ดังออกมาจากวิดีโอ โดยเฉพาะฝ่ายหญิงที่ครางเสียงดังและเร้าอารมณ์เดอร์ริคตกตะลึงเมื่อเห็นวิดีโอ และความโกรธของเขาก็พลุ่งพล่านออกมา เขาเห็นว่าผู้หญิงในวิดีโอไม่ใช่ใครอื่นนอกจากยาสมิน ลูวอิส หญิงคนรักของเขามามากกว่าหนึ่งปี! ยิ่งไปก่อนนั้นยังดูเหมือนว่าเธอจะสนุกไปกับมันมาก และมากกว่าที่เธอร่วมเตียงกับเขาเสียอีก!ยาสมินตกตะลึงจนพูดไม่ออกไปเช่นเดียวกัน!เธอมองไปที่วิดีโอด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากจะเชื่อ “ไม่ใช่ฉัน ที่รัก มันไม่ใช่ฉันแน่นอน วิดีโอมันเป็นของปลอม มันถูกตัดต่อ” เธอส่ายหน้าและพยายามโต้เถียงยาสมินหงุดหงิดเป็นอย่างมากและรู้สึกกังวลใจ!เพี๊ยะ!เดอร์ริคตบหน้ายาสมินด้วยความโกรธจัด “ผมหมดเงินกับคุณไปตั้งหลายล้านนะ ยาสมิน ลูวอิส แต่คุณกลับไปนอนกับผู้ชายคนอื่นลับหลังผมงั้นเหรอ?”นี่มันหยามหน้ากันชัด ๆ! เดอร์ริค ฮอลล์ต้องมารับบทเป็นสามีที่โดนภรรยาสวมเขา!และยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้คนทั้งบริษัทก็รู้กันทั่วอีกด้วยยาสมินกระวนกระวาย เธอเอามือปิดหน้า แต่นั่นก็ไม่ได้หยุดน้ำตาที่ไหลออกมาอาบแก้มเธอได้ “คุณฟังฉันนะ ที่รัก ฉันสาบานว่าฉันไม่ได้ท
หลังออกมาจากคลินิก วินน์พาฟิลิปไปที่คาเฟ่ที่อยู่ใกล้ ๆ และสั่งกาแฟมาสองแก้ว“ฟิลิปตอนนี้ฉันก็ไม่มีงานทำแล้ว เราจะทำยังไงต่อไปดี?” เธอพูดด้วยความกังวลก่อนหน้านี้ เธอได้ลาออกจากงานเพราะความโกรธที่พุ่งพล่าน และเริ่มที่จะรู้สึกเสียใจที่ทำแบบนั้นลงไปเพราะบีคอนจ่ายเงินเดือนให้เธอค่อนข้างดี และพวกเขาก็ต้องใช้เงินด่วนในช่วงนี้ฟิลิปยักไหล่ “อย่ากังวลไปเลย ผมยังอยู่ที่นี่ ผมจะไม่ทำให้เธอและลูกสาวของเราต้องอดอยาก” เขาพูดเสียงราบเรียบ“หรือฉันควรจะกลับไปพูดกับท่านประธานฮอลล์ดี?” วินน์ถามเขา พร้อมกระพริบตาปริบ ๆ น้อยครั้งมากที่เธอจะถามความเห็นของฟิลิปเธอรู้สึกว่าฟิลิปนั้นเปลี่ยนไปมีบางอย่างที่ทำให้เขาดูไว้ใจได้ และนั่นทำให้เธอรู้สึกปลอดภัย“ผมคิดว่าท่านประธานฮอลล์จะโทรมาหา เขาจะขอให้เธอกลับไปทำงานในอีกไม่ช้า” ฟิลิปพูดขึ้นอย่างใจเย็น วินน์ประหลาดใจ เธอกรอกตาใส่ฟิลิป “คิดเองเออเองจริง นายไม่ได้เห็นหรอกเหรอว่าฉันเป็นคนบอกว่าจะลาออกต่อหน้าเขา?” “แต่ก็ช่างมันเถอะ ฉันจะไม่คิดมากกับมันอยู่นานหรอกก็แค่ต้องหางานใหม่” “บอกผมสิ วินน์ ว่าเธอชอบทำงานที่นั่นหรือเปล่า?” “ฉันชอบเพื่อนร่วมงานก็
วินน์รู้สึกสับสนที่จู่ ๆ เดอร์ริคก็ติดต่อมาและเสนอให้เธอเลื่อนตำแหน่งเป็นรองประธานบริษัท "นายรู้ด้วยเหรอ?" วินถามขึ้นอย่างสงสัย 'ฟิลิปจะไปรู้อะไร? เขาไม่ได้ทำงานในบีคอน และไม่รู้จักเดอร์ริคด้วย' ฟิลิปยิ้มกว้าง “บางทีอาจเป็นเพราะความสำนึกถึงความผิดชอบชั่วดีในสิ่งที่เขาพูดกับเธอก่อนหน้านี้ และเขาอยากจะขอโทษจริง ๆ ก็ได้” วินน์กลอกตามองเขาและพูดอย่างกังวลใจว่า “อย่ามาล้อเล่น ตอนนี้ฉันกำลังคุยเรื่องจริงจังอยู่นะ เขาจะมาที่นี่เร็ว ๆ นี้ นายคิดว่าฉันควรทำอย่างไร?” วินน์ยังกังวลเกี่ยวกับการรับข้อเสนอให้เป็นรองประธาน อย่างก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนที่สมควรที่จะได้ตำแหน่งนั้น “ไม่ต้องกังวล มีผมอยู่ข้าง ๆ เสมอนะ ผมจะทุบหัวตัน ๆ เหมือนหมูของเขาเอง ถ้าเขาทำอะไรโง่ ๆ กับเธอน่ะ” ฟิลิปพูดอย่างเกินจริง วินน์หัวเราะคิกคัก คิ้วของเธอยกโค้ง และเธอดูงดงามมาก ชั่วครู่หนึ่ง ฟิลิปหวนรำลึกถึงสมัยที่พวกเขายังเรียนอยู่ บริสุทธิ์ ไร้เดียงสาและอ่อนหวาน เดอร์ริคมาถึงคาเฟ่ในเวลาต่อมา เขาเหนื่อยหอบและหน้าผากก็เต็มไปด้วยเหงื่อ “โอ้ ผู้จัดการจอห์นสตัน ผมมองหาคุณไปทุกที่” เดอร์ริคนั่งลงโดยไม่ได้รับเชิญและฉา
“อืม โรงพยาบาลเทิร์นเนอร์ต้องการร่วมมือกับบีคอนแต่เงื่อนไขคือพวกเขาจะเจรจากับฉันเท่านั้น” วินน์พูดอย่างลังเล เธอเงยหน้าขึ้นมองฟิลิป “แล้วนายคิดว่ายังไงล่ะ? ฉันควรยอมรับมันดีไหม?” วินน์อยากที่จะยอมรับข้อเสนอของเดอร์ริคเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตามเธอไม่อยากตกงาน นอกจากนี้เดอร์ริคยังให้คำมั่นสัญญาถึงสิทธิพิเศษมากมายให้กับเธอ เธอค่อนข้างพอใจกับข้อเสนอนี้ เพราะเธอต้องเลี้ยงดูครอบครัวและลูกสาว “ผมรู้ว่าเธอไม่อยากตกงาน วินน์ ไม่ว่าเธอจะเลือกอย่างไร ผมจะสนับสนุนการตัดสินใจของเธอ” ฟิลิปพูดขณะที่เขาเอาแขนโอบรอบคออันบอบบางของวินน์ ราวกับว่าพวกเขาเป็นคู่รักในวัยหนุ่มสาว วินน์พยักหน้าอย่างจริงจัง “สักวันหนึ่งฉันจะต้องเลี้ยงอาหารค่ำศาสตราจารย์เทิร์นเนอร์” เธอกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ได้เลย ผมจะจัดการนัดเขาให้” ฟิลิปตอบ หลังจากที่เรื่องดังกล่าวคลี่คลายแล้ว วินน์ก็ตกลงที่จะเจรจากับโรงพยาบาลเทิร์นเนอร์ ตามสัญญาที่ได้ให้ไว้ เดอร์ริคเลื่อนตำแหน่งให้วินน์เป็นรองประธานบริษัท ทุกอย่างดูเหมือนจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น ในขณะเดียวกัน กลับมาที่บ้านของครอบครัวจอห์นสตัน มาร์ธา เยทส์กำลังคุยกับชาร์ลส์
เหตุผล คำนี้คงเป็นคำที่เธอหลงลืมไปความหมายไปแล้ว อย่างไรก็ตามฟิลิปยังเป็นลูกเขยของเธอและทักทายด้วยความจริงใจ มาร์ธาโยนของขวัญทั้งหมดของฟิลิปที่ประตูทางเข้า และตะโกนใส่เขาด้วยความโกรธว่า "ถ้าแกยังเป็นผู้ชายอยู่ ฟิลิป คลาร์ค อย่าก้าวเข้ามาในบ้านของฉันอีกแม้แต่ก้าวเดียว ฉันมาร์ธา เยทส์ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับแก ครอบครัวจอห์นสตันไม่ต้อนรับคนไร้ประโยชน์อย่างแกให้เข้ามาในบ้าน” มาร์ธารู้สึกไม่สบายใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับไอเดน เธอไม่พอใจเมื่อเห็นฟิลิป คลาร์ค คนขี้แพ้ที่ประตูบ้าน 'คิดว่ามันควรที่จะก้าวเข้ามาในบ้านของฉัน เพียงเพราะเขานำของขวัญมาเล็ก ๆ น้อย ๆ มาเหรอ? 'ฝันไปเถอะ!' วินน์รู้สึกหงุดหงิดเมื่อเห็นว่าแม่ของเธอไม่มีเหตุผล “ทำอะไรน่ะ คุณแม่ ฟิลิปอยู่ที่นี่เพื่อคุยกับคุณแม่” เธอพูดอย่างไม่พอใจ วินน์หันหลังไปหยิบของพวกนั้น จากนั้นจึงพาฟิลิปเข้ามาและนั่งลง มาร์ธาคิดว่ามันไม่เหมาะสมที่จะตำหนิลูกสาวของเธอ เธอหยุดขับไล่ฟิลิปออกจากบ้านแต่ก็ไม่ได้แสดงน้ำใจให้กับเขา “การที่มีมันอยู่ในในบ้านก็ไม่ต่างกับมีคนตายอยู่ด้วย ไม่รู้เหรอว่ามันอุจาดลูกกะตา?” เธอชี้ไปที่ฟิลิปและก่นด่า ฟิลิปโกรธเ
วินน์หันกลับมามองที่ฟิลิป และถามว่า “นายทำเหรอ?” ฟิลิปส่ายหัวทันทีและตอบอย่างใจเย็นว่า “จะเป็นแบบนั้นได้ยังไงเล่า? ผมจะมีปัญญาไปทำเรื่องอะไรแบบนั้นได้ยังไง? เธอคิดมากเกินไป” เขาเกือบจะเผยความลับออกมาแล้ว! โชคดีที่ไอเดนถูกจับออกไปทางประตูหลังเมื่อวันก่อน วินน์ขมวดคิ้ว เธอไม่คิดว่าฟิลิปสามารถทำสิ่งนั้นได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้ มาร์ธาได้ยินการสนทนาไร้สาระที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขา เธอเลิกคิ้วมองฟิลิปแล้วถามว่า “อะไรนะ? เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับนายด้วย?” วินน์รู้ว่าถ้าแม่ของตนรู้เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นที่โรงแรมเมื่อวันก่อน เธอคงจะเอาผิดกับฟิลิปให้ได้มากที่สุดอย่างแน่นอน บางทีมันอาจทำให้ประเด็นการหย่าระหว่างพวกเขาหลับมาอีกครั้งก็เป็นได้ “คุณแม่ อย่าโกรธฟิลิปสิคะ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเขาเลย” วินน์พูด “ดีแล้วที่ไม่ส่วนเกี่ยวข้องอะไรด้วย ไม่อย่างนั้นฉันจะเป็นคนแรกที่ไล่เขาออกจากบ้าน!” มาร์ธาจ้องที่ฟิลิปอย่างฉุนเฉียวก่อนจะหันไปหาชาร์ลส์ด้วยแววตาสิ้นหวัง เธอพูดว่า “ชาร์ลี ช่วยถามเรื่องนี้จากคนรู้จักทีสิ ไอเดนทำอะไรผิดกัน? มันรุนแรงมากไหม?” ชาร์ลส์ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ไ
มาร์ธาอึ้ง! ลมหายใจของเธอติดขัดอยู่ในลำคอของเธอ! หนึ่ง…แสนล้าน?! ด้วยเสียงที่ดังมาก มาร์ธาหงายหลังและล้มลงกับพื้น ร่างกายของเธอเริ่มสั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้ ในไม่ช้า ผู้คนก็รายล้อมกันรอบเธอ ขณะที่พวกเขามองและชี้ “โอ้ เธอมีอาการชักหรือเปล่า?” “โทรแจ้งเบอร์ฉุกเฉินเร็ว!” “รีบไปเรียกใครซักคนมา นี่มันดูอันตรายนะ!” ไม่นานหลังจากนั้น พนักงานของธนาคารก็รีบเข้าไปช่วยพยุงมาร์ธาขึ้นไปนั่งที่นั่งข้าง ๆ จากนั้นก็ทำการกดจุดให้และนำน้ำดื่มมาให้เธอ อย่างไรก็ตาม มาร์ธาพยายามคงสติของตนขณะที่มือไม้สั่นไปหมด ดวงตาของเธอมืดหม่น เมื่อเธอพึมพำว่า “แสน…ล้าน” ผู้เฝ้าดูต่างงงงันและไม่รู้ว่าหญิงชรากำลังบ่นพึมพำอะไรอยู่ เธอจิตหลอนหรือเปล่า? ตอนนี้ ฟิลิปและวินน์รีบไปที่เกิดเหตุ พวกเขาได้รับโทรศัพท์จากเจ้าหน้าที่ธนาคารคนหนึ่งซึ่งแจ้งตำแหน่งของมาร์ธาให้พวกเขาทราบ “คุณแม่ รู้สึกยังไงบ้าง? คุณแม่โอเคหรือเปล่า? อยากไปโรงพยาบาลไหมคะ?” วินน์วิ่งเหยาะไปนั่งยอง ๆ ข้างมาร์ธา ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความกังวล มาร์ธาเป็นมารดาผู้ให้กำเนิดของเธอ ไม่จำเป็นต้องพูดว่าวินน์จะกังวลถ้ามีอะไรเกิดขึ้น
ตอนนี้วินน์เข้ามาช่วยพยุงมาร์ธาที่ยังคงเดินโซเซอยู่ และเดินไปพื้นที่พักผ่อนตรงมุมห้องด้วยกันและนั่งลง ฟิลิปขมวดคิ้ว หยิบบัตรออกมาแล้วส่งผ่านเคาน์เตอร์ เขาพูดอย่างใจเย็น “เรียกผู้จัดการออกมาคุยกันหน่อยครับ” หญิงสาวที่เคาน์เตอร์ประหลาดใจก่อนจะเย้ยหยันว่า “คุณคะ คุณคิดว่ามีเงินแสนล้านในบัตรใบนั้นจริง ๆ เหรอ?” ตลกดีจริง ๆ หลังจากหญิงชราก็เป็นชายหนุ่ม ครอบครัวนี้มีแต่คนสติไม่ดีเหรอไงกัน? อย่างไรก็ตาม ฟิลิปอมยิ้มเล็กน้อย “ถ้าอย่างนั้น ผมขอถอนเงินออก” หญิงสาวมองดูเขาอย่างดูถูก ขณะที่เธอพึมพำเป็นเสียงกระซิบว่า “ยากจน แต่เขาก็ยังอยากรถอนเงิน เขาคิดว่าเขามีแสนล้านจริง ๆ เหรอ!” หญิงสาวเข้าระบบของธนาคารขณะที่บ่นพึมพนไปด้วย และสั่งฟิลิปด้วยน้ำเสียงที่ไม่พร้อมให้บริการนัก “ป้อนรหัสผ่านของคุณ” ฟิลิปถูกบังคับให้ทำ หญิงสาวดำเนินขั้นตอนต่อไปเรื่อย ๆ อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นยอดเงินคงเหลือของบัตร เธอลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจในและอ้าปากค้างด้วยความตะลึง! ใบหน้าดูถูกและเหยียดหยามถูกแทนที่ด้วยความประหลาดใจและความสงสัยอย่างรวดเร็ว! ในเวลาเดียวกัน พนักงานคนอื่น ๆ ที่หลังเคาน์เตอร์ก็เริ่มรุม