หลินซวงเอ๋อร์รีบวิ่งไปที่ประตูคิดไม่ถึงว่า ขันทีที่ดูเหมือนคนป่วย กลับคล่องแคล่วว่องไวมาก ก่อนที่หลินซวงเอ๋อร์จะวิ่งไปที่ประตู ผมของนางก็ถูกเขาคว้าไว้อย่างแรงจากด้านหลังอู๋เต๋อไห่คว้าผมของนางเอาไว้แล้วลากนางไปกับพื้น: "ข้าเจ้าชอบเจ้า เพราะพรของบรรพบุรุษของเจ้า! ในเมื่อเจ้ามองข้ามความหวังดีของผู้อื่น!ถ้าเป็นเช่นนี้ ข้าเจ้าก็จะสอนระเบียบกฎเกณฑ์ให้เจ้าเอง! เผื่อในอนาคตเข้าวังไปแล้วไม่รู้จะปรนนิบัติสามีอย่างไร!”หลินซวงเอ๋อร์พยายามดิ้นรนสุดชีวิต: "ข้าไม่ต้องการ ข้าไม่อยากเข้าวังกับเจ้า ข้าไม่อยากเป็นภรรยาของเจ้า ... "อู๋เต๋อไห่เกรี้ยวโกรธเป็นอย่างมาก: "เจ้าก็ดูถูกที่ข้าเจ้าไม่ใช่ผู้ชายใช่ไหม? ได้ได้ได้! อีกสักพักข้าเจ้ามีวิธีมากมายที่จะปรนนิบัติเจ้า!"อู๋เต๋อไห่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ความซาดิสม์ที่ซ่อนอยู่ในสันดานก็ระเบิดออกมาทันที เขาคว้าผมของหลินซวงเอ๋อร์อย่างแรงแล้วลากนางไปที่เตียงในเมื่อไม่ยินยอม เขาก็จะทุบตีนางจนกว่านางจะยอม!แม้ว่าจะทำนางตายแล้วจะทำไม?ก็แค่สาวรับใช้ต่ำต้อยคนหนึ่งก็เท่านั้น เขาอยากได้เท่าไหร่ก็มีได้มากเท่านั้น!หลินซวงเอ๋อร์ดิ้นรนทุกวิถีทางแต่ก็ไม่สามารถสู้แร
…...ในตลาดที่คึกคักมีชีวิตชีวา มีรถม้าคันหนึ่งวิ่งอยู่กลางถนน เยี่ยเป่ยเฉิงกำลังนั่งหลับตาพักผ่อนอยู่ในรถม้าในพื้นที่ปิด ดูเหมือนจะมีกลิ่นหอมที่ยังคงเหลืออยู่ วนเวียนอยู่รอบตัวเขา!ใบหน้าที่สะอื้นไห้ผุดขึ้นมาในสมองเขาอย่างต่อเนื่อง และยังมีภาพเหตุการณ์ที่ไม่ปะติดปะต่อกันของค่ำคืนนั้นด้วยยิ่งเขาพยายามจะลบใบหน้านี้ออกจากสมองมากเท่าไร ใบหน้านี้ก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น“ท่านอ๋อง มีบางอย่างที่ข้าไม่รู้ว่าควรจะพูดหรือไม่” เสวียนอู่ตามรถม้าอยู่ข้างนอก เหมือนว่าจะนึกบางอย่างออกแล้วเริ่มสนทนากับเขาเยี่ยเป่ยเฉิงลืมตาขึ้นมา พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา: "พูด"เสวียนอู่กล่าวว่า: "ดูจากปฏิกิริยาของท่านอ๋องในวันนี้แล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะไม่รู้จักหลินซวงเอ๋อร์จริงๆ"จู่ๆเยี่ยเป่ยเฉิงก็กำมือแน่น แล้วพูดว่า "จะพิสูจน์ได้อย่างไร?"เสวียนอู่กล่าวว่า: "ท่านบอกเขาว่า ท่านจะมอบหลินซวงเอ๋อร์ให้กับอู๋เต๋อไห่ และจัดเตรียมให้พวกเขาอยู่ห้องถัดไป แต่ตอนที่ท่านอ๋องสามจากไป เขาไม่แม้แต่จะชายตามองนางเลย"“ไม่ว่าจะเลือดเย็นแค่ไหน ก็คงจะไม่ทำถึงขนาดนี้? แม้แต่เสวี่ยหยวน ท่านอ๋องสามถึงกับส่งคนมาเก็บศพของนาง แต่
การข่มเหงรังแกยังคงดำเนินต่อไปเลือดที่อยู่ทั่วร่างกายดูเหมือนจะแข็งตัวเดิมทีเป็นฤดูกาลแห่งความอบอุ่น แต่หลินซวงเอ๋อร์กลับรู้สึกหนาวขึ้นเรื่อยๆในนัยน์ตาของนางใบหน้าของอู๋เต๋อไห่ดูดุร้ายมากขึ้น“ไม่ยินยอมใช่ไหม? นังชั้นต่ำ ไปตายซะ ตายเสียให้หมด! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า...”มือที่เย็นยะเยือกกุมคอของนางเอาไว้ แล้วบีบแน่นขึ้นเรื่อยๆนางหลับตาลงด้วยความสิ้นหวัง และไม่ร้องไห้ใครให้ช่วยนางอีกต่อไป ตอนนี้นางแค่หวังว่าตนเองจะหลุดพ้นได้เร็วขึ้นขณะที่จิตสำนึกที่พร่ามัว ดูเหมือนว่านางจะมองเห็นพ่อแม่และพี่ชายของนางรูปร่างหน้าตาของพวกเขาไม่เปลี่ยนแปลงเลย ตอนนี้กำลังยืนอยู่ตรงหน้านาง มองดูนางด้วยความรักและเจ็บปวดหลินซวงเอ๋อร์ที่อยู่ในความทุกข์ทรมาน ตอนนี้กลับยิ้มด้วยความโล่งใจ“ท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านพี่...ในที่สุดพวกท่านก็ยอมมารับข้าแล้ว”“ซวงเอ๋อร์คิดถึงพวกท่านมาก ข้าคิดถึงพวกท่านจริงๆ”"พวกท่านพาข้าไปด้วยเถิด..."หลินซวงเอ๋อร์หลับตาลงอย่างช้าๆ และรู้สึกว่าชีวิตกำลังถูกดูดออกไปทีละเล็กทีละน้อย ความหนาวเย็นจากในกระดูกทำให้นางไม่มีเรี่ยวแรงที่จะดิ้นรนได้อีกต่อไป"ปัง!"ทันใดนั้น ประตูห้องก็มีคน
เยี่ยเป่ยเฉิงไม่ได้พูดอะไร สีหน้าของเขาถูกปกคลุมไปด้วยความมืด จึงทำให้แยกแยะไม่ออกว่าเขาโมโหหรือดีใจจากนั้นไม่นาน เขาก็พูดอย่างสงบ: "ก็จริง ข้ารับปากว่าจะมอบนางให้กับเจ้า"อู๋เต๋อไห่เหมือนกับว่าได้ยกภูเขาออกจากอกเขาคิดว่าการที่เยี่ยเป่ยเฉิงมาที่นี่ เพื่อดูความสำเร็จของเขา และดูจุดจบอันน่าสังเวชของผู้หญิงคนนี้เพราะว่า การที่นำผู้หญิงคนหนึ่งส่งให้ขันทีปู้ยี่ปู้ยำ ผู้หญิงคนนั้นจะต้องทำความผิดอันใหญ่หลวงบางอย่างแน่!อู๋เต๋อไห่เป็นคนฉลาดมาโดยตลอด เขากล่าวราวกับว่าจะขอความดีความชอบ: "ก็แค่นางทาสแค่คนเดียว ถ้ายินยอมที่จะติดตามข้าน้อย แม้ว่าข้าน้อยจะเป็นคนไม่มีนกเขา แต่ก็สามารถให้เกียรติยศเงินทองนางได้”“แต่นางกลับไม่รู้จักอะไรดีอะไรชั่ว เห็นได้ชัดว่านางดูถูกเหยียดหยามข้าน้อย!”“นังชั้นต่ำนั่นมีนิสัยที่ดื้อรั้นมาก จะพูดอย่างไรก็ไม่ยินยอม เอาแต่อ้างว่านางเป็นคนของท่าน”เขากล่าวเยาะเย้ยว่า: "ท่านเป็นคนสูงส่งขนาดนั้น จะมาชอบนางทาสชั้นต่ำอย่างนางได้อย่างไร ช่างคิดเพ้อเจ้อเสียจริง!"“ข้าน้อยเลยสั่งสอนบทเรียนให้แก่นางแทนท่าน ให้นางได้สำนึก แม้ว่าข้าน้อยจะเป็นคนไม่มีนกเขา แต่การรับมือกับผ
เสวียนอู่เป็นคนฉลาดเฉลียวสำหรับเยี่ยเป่ยเฉิงแล้ว หลินซวงเอ๋อร์อาจจะพิเศษเล็กน้อย แต่ช่องว่างระหว่างสถานะของพวกเขานั้นมากเกินไปอีกอย่าง ไท่โฮ่วได้เลือกพระชายาให้เยี่ยเป่ยเฉิงเรียบร้อยแล้วนั่นก็คือจ้าวชิงชิงบุตรีจากจวนกั๋วกง ซึ่งเป็นพระนัดดาของไท่โฮว่ และฮ่องเต้ก็แต่งตั้งนางเป็นองค์หญิงด้วยพระองค์เอง แม้ว่านางจะมีสถานะที่สูงส่ง เท่าเทียมกับเยี่ยเป่ยเฉิง แต่กลับมีชื่อเสียงในเรื่องความอิจฉาหากเยี่ยเป่ยเฉิงรับหลินซวงเอ๋อร์เป็นอนุภรรยาจริงๆ ต่อไปถ้าจ้าวชิงชิงอภิเษกสมรสเข้าจวนในฐานะพระชายาแล้ว ด้วยนิสัยใจคอของนาง นางไม่มีทางยอมรับหลินซวงเอ๋อร์อย่างแน่นอนหลังจากคิดเรื่องนี้แล้ว เสวียนอู่ก็กล่าวว่า: "หากท่านอ๋องตัดใจจัดการกับนางไม่ได้ เหตุใดไม่ส่งนางออกจากจวนไป แล้วปล่อยนางไปตามยถากรรม "หลินซวงเอ๋อร์เป็นคนแรกที่ทำให้เยี่ยเป่ยเฉิง รู้สึกเมตตาสงสารแต่จวนอ๋องไม่สามารถรองรับนางได้อีกต่อไปแล้ว บางทีการส่งนางออกไปอาจจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดจะว่าไปแล้ว เสวียนอู่ก็ถือได้ให้ความเมตตาและความชอบธรรมจนถึงที่สุดแล้ว“ให้ออกจากจวนไปหรือ?”เยี่ยเป่ยเฉิงขมวดคิ้วเขาลดสายตาลงมองดูคนที่เต็มไปด้วย
หลินซวงเอ๋อร์ได้เล่าเรื่องทุกอย่างให้ตงเหมยฟังอย่างละเอียดในช่วงสองปีที่ที่อยู่ในจวนอ๋อง นอกจากท่านป้าจ้าวแล้ว ตงเหมยดีกับนางที่สุดนางคิดว่าตงเหมยจะตำหนินาง แต่คิดไม่ถึงว่า ตงเหมยไม่เพียงไม่ตำหนินางเท่านั้น ในทางกลับกันนางกลับรู้สึกเห็นอกเห็นใจอย่างสุดซึ้งกับสิ่งที่นางประสบพบเจอ และทำให้นางดูแลเอาใจใส่นางมากยิ่งขึ้นตงเหมยกล่าวว่า: "ก่อนหน้านี้ ข้าถือว่าเจ้าเป็นน้องชายแท้ๆของข้า แต่ตอนนี้ ข้าถือว่าเจ้าเป็นน้องสาวแท้ๆของข้าแล้ว"หลินซวงเอ๋อร์รู้สึกซาบซึ้งใจมากจนนางเกือบจะร้องไห้นางพูดกับตงเหมยว่า: "ข้าทำงานที่จวนอ๋องมาสองปี สะสมเงินได้สิบตำลึง และได้ซ่อนไว้ในกล่องไม้ใต้เตียงของข้า"ตงเหมยกล่าวพร้อมหัวเราะด้วยความโกรธว่า: "เจ้าเด็กโง่นี่ เจ้าพูดเรื่องเหล่านี้กับข้าทำไม? เงินของเจ้าต้องซ่อนเอาไว้ให้ดีๆ พอออกจากจวนไปก็ไปแต่งงานกับคนที่ดีๆสักคน เงินเหล่านี้ถือว่าเป็นสินสอดของเจ้า แล้วอย่าโง่เขลาไปบอกคนอื่นล่ะ ต้องรู้จักระวังผู้อื่นปองร้าย รู้หรือไม่”หลินซวงเอ๋อร์กอดตงเหมย หน้าเรียวเล็กถูไถไปที่บนแขนของนาง เกาะติดราวกับว่าเป็นแมว: "เจ้าไม่ใช่คนอื่น เจ้าเป็นคนกันเอง"ตงเหมยแหย่หน้
ยาทาแผลที่เสวียนอู่มอบให้มาสองสามขวดนั้นมีประสิทธิภาพดีมาก หลินซวงเอ๋อร์ใช้มันเพียงแค่ครึ่งเดือนเท่านั้น รอยแผลเป็นบนร่างกายของนางก็แทบจะมองไม่เห็นแล้วตงเหมยยังคงมาดูแลนางทุกวัน บางครั้งก็แอบเอาลูกชิ้นเปรี้ยวหวานที่พ่อครัวเว่ยทำมาให้นาง บางครั้งก็เอาขนมโดรายากิที่ขายตามท้องถนนมาให้นางแต่นางก็ยังนอนหลับไม่สนิททุกคืนนางไม่เคยลืมสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้น ใบหน้าที่ดุร้ายของอู๋เต๋อไห่มักจะปรากฏขึ้นในความฝันของนางโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้านางติดอยู่ในฝันร้าย เหงื่อเปียกโชก ทำอย่างไรก็ไม่สามารถตื่นขึ้นมาได้ทุกครั้งที่รู้สึกสิ้นหวังสุดขีด นางก็มักจะรู้สึกได้ถึงมือขนาดใหญ่อุ่นๆคู่หนึ่งที่ลูบแก้มนางเบาๆอย่างอ่อนโยน หรือตบไหล่นางเบาๆ เพื่อกล่อมให้นางนอนหลับได้อย่างสงบระหว่างที่เคลิบเคลิ้มอยู่นั้น ดูเหมือนนางจะมองเห็นชายหนุ่มรูปงามที่มีจิตใจฮึกเหิม สวมหมวกทางการ ขี่ม้าฝีเท้าดี และเดินมาหานางทีละก้าวชายหนุ่มรูปงามที่กำลังขี่ม้า โน้มตัวลงมา แล้วยื่นมือให้นาง พร้อมกับรอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้า“ซวงเอ๋อร์ ข้ามารับเจ้ากลับบ้าน”“ซวงเอ๋อร์ หลายปีมานี้ ทำให้เจ้าต้องลำบากแล้ว”หางตามีน้ำตาไหลลงม
หลินซวงเอ๋อร์มองไปรอบๆอย่างระมัดระวัง แต่ก็ไม่เห็นใครเลยนางคิดว่า อาจจะเป็นเพราะสองวันที่ผ่านมานางพักผ่อนไม่เพียงพอ จึงทำให้รู้สึกเครียดเกินไปเล็กน้อยนางไม่ได้คิดอะไรมาก และยังคงตากเสื้อผ้าในกะละมังต่อไปเสาไม้ไผ่แขวนไว้สูงเล็กน้อย นางจึงเขย่งเท้าขณะที่ลมยามค่ำคืนพัดผ่านลานจวน ชายกระโปรงอันเบาบางก็ปลิวไปตามสายลม และขาอันเรียวยาวขาวใสคู่หนึ่งก็ปรากฏขึ้น...เยี่ยเป่ยเฉิงหายใจถี่ขึ้น ลูกกระเดือกก็กลิ้งเล็กน้อยกระโปรงที่พลิ้วไหวราวกับขนนก ยั่วยวนใจของเขาอยู่ตลอดเวลาหลินซวงเอ๋อร์ไม่รู้ตัวเลย นางเขย่งเท้า เงยหน้าขึ้น เหลือเพียงอีกนิดเดียวก็จะเอื้อมถึงเสาไม้ไผ่ที่อยู่เหนือศีรษะแล้วนึกไม่ถึงเลยว่า การเคลื่อนไหวของนางนี้ ทำให้รูปร่างที่อ่อนช้อยงดงามของนางก็มีเสน่ห์มากขึ้น แสงจันทร์อันเจิดจ้าเหมือนกับผ้าโปร่งใสพันอยู่รอบตัวนางสายลมยามเย็นพัดแรงมาก ปอยผมบนหน้าผากของหญิงสาวแห้งไปนานแล้ว จึงปลิวไปตามสายลมเล็กน้อย ในความกระเซอะกระเซิงทำให้เกิดความงามที่ไม่สมบูรณ์แบบแต่กลับมีเสน่ห์มากขึ้นกว่าเดิมเยี่ยเป่ยเฉิงไม่เคยมีนิสัยแอบมองผู้คน แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด ในเวลานี้ถึงไม่สามารถละสายตาไ