อวิ๋นอิงชักมือกลับฉับพลัน ถอยหลังสามก้าวราวกับเห็นผี ดวงตาทั้งสองข้างแทบถลนออกมานางชอบเขา?บ้าบออะไร?เหมือนว่านางไม่ได้ทำอะไร และไม่ได้พูดอะไรเลยนะ เหตุใดพอคำพูดนี้ออกจากปากของเขา ความหมายก็เปลี่ยนไปแล้ว?มือหลิงเชียนอี้จิกแขนเสื้อ “อวิ๋นอิง…”แก้มของเขาแดงเล็กน้อย แสดงสีหน้าที่ ‘ข้าเข้าใจ’ ออกมา“เจ้าเป็นเด็กผู้หญิง เขินอายเล็กน้อยเป็นเรื่องปกติ แต่ว่าเจ้าวางใจได้ พวกเราอยู่ด้วยกันอย่างเปิดเผย พวกเราบริสุทธิ์ใจ ไม่มีใครหัวเราะเจ้าหรอก”“?”บ้าไปแล้ว!ท่านโหวน้อยบ้าไปแล้วแน่ๆ!อวิ๋นอิงรู้สึกว่าหลิงเชียนอี้ถูกพิษ ยิ่งกว่านั้นพิษแทรกซึมเข้าอวัยวะภายในแล้ว อาการหนักมาก นางส่ายศีรษะ หมุนกายก็หนีไปแล้ว“อวิ๋นอิง!”หลิงเชียนอี้รีบสับขาไล่ตาม “อวิ๋นอิงเจ้าไม่ต้องอายจริงๆ ข้าไม่ใช่คนนอก!”อวิ๋นอิงที่อยู่ข้างหน้าเท้าสะดุด เกือบล้มหน้าทิ่มกะทันหันกัดฟัน ลุกขึ้นยืน“ท่านโหวน้อย ท่านโปรดอย่าเอาข้ามาล้อเล่นไร้สาระเช่นนี้ ข้าไม่ใช่ของเล่นของท่าน ข้าไม่สนใจเลยสักนิด!”กล่าวจบ ก้าวเท้าเดินจากไปหลิงเชียนอี้รีบไล่ตาม “ข้าไม่ได้ล้อเล่น! ข้าจริงจังนะ!”“อวิ๋นอิง เจ้าชอบข้าไม่ใช่เรื่อ
“จิ่งอี้ เจ้าเด็กเวร รอข้าด้วย…”ฝีเท้าของจิ่งอี้ไม่ได้เร็ว แต่เป็นเพราะเขาสูงเกือบหนึ่งเมตรเก้า ขายาว เท้าที่ก้าวออกไปจึงยาว แรงข่มขวัญที่ปลดปล่อยออกมาก็รุนแรงมากเช่นกันเขาเดินอยู่ข้างหน้า ทุกสิ่งที่เข้าตาล้วนเป็นภาพหิมะ หิมะที่ขาวบริสุทธิ์สะท้อนเข้าตา กลายเป็นการปลดปล่อยเห็นนางมีความสุข ก็เพียงพอแล้วขอแค่นางมีชีวิตที่ดี ไม่มีโรคไม่มีภัย คนทั้งครอบครัว นั่งล้อมตะเกียง เขาก็ไม่จำเป็นต้องนึกถึงกฎที่พ่อที่ล่วงลับไปแล้วตั้งไว้อีกต่อไปกฎเป็นของตาย มนุษย์เป็นของเป็นเขาก้าวเท้ายาวเดินจากไป เมื่อเดินผ่านตรงหัวมุมของโถงทางเดิน ก็เจอกับคนที่กำลังเดินมา“คุณ…คุณชายจิ่ง?!”เยว่เอ๋อร์เบิกตากว้าง ประหลาดใจมากเมื่อเห็นผู้มา หลังจากนั้นหนึ่งวินาที ก็กลายเป็นความปลื้มปีติที่เปี่ยมล้นดูลักษณะท่าทางนี้ของคุณชายจิ่ง น่าจะเพิ่งออกมาจากเรือนหานเฟิง นางไปชงชาให้พระชายาที่ห้องครัว หากไม่ใช่เพราะเจอระหว่างทางกลับมา ก็คงไม่รู้เรื่องที่คุณชายจิ่งเคยมาเมื่อประมาณเวลา นางรีบกล่าว“คุณชายจิ่ง ท่านน่าจะเพิ่งมาไม่นานกระมัง? เหตุใดจึงไม่นั่งอีกสักครู่? พระชายาตั้งครรภ์แล้ว ต่อไปน่าจะออกจากจวนน้อยลง
เยว่เอ๋อร์พยักหน้าเห็นด้วย “ใช่ๆ มีคนเยอะมากอยากมาจวนอ๋องของพวกเรา ข้าเพิ่งมาจากห้องครัว เห็นพ่อบ้านรับแขกเยอะมาก บอกว่าอะไรนะ…ใต้เท้าจางมาแล้ว ยังมีอะไรๆ นะ…”เอาเป็นว่าแขกเยอะมากนี่เพิ่งจะวันแรก ก็มีคนใช้ข้ออ้าง ‘เป็นห่วง’ มาเยี่ยมพระชายาเยอะเช่นนี้แล้ว แต่ในความเป็นจริงพวกเขามีเจตนาอะไร ใครจะไปรู้?มีทั้งคนประจบสอพลอ ต้องการใช้โอกาสนี้สร้างความสัมพันธ์มีทั้งคนมาหาความจริง ดูสถานการณ์โดยรวมกับตาตนเอง จึงจะคิดหาวิธีรับมือง่ายและมีจุดประสงค์อื่นด้วยเช่นกัน…“ท่านอ๋อง ถ้าหากมีคนมาทุกวัน ไม่เท่ากับรบกวนการพักผ่อนของพระชายาหรือ? แต่ถ้าไล่พวกเขา พวกเขาจะแอบว่าท่านหยิ่งยโส หรือนินทา กระทบชื่อเสียงพระชายาหรือไม่เจ้าคะ?” เยว่เอ๋อร์กล่าวถามอย่างเป็นห่วงถ้าหากมีคนบอกว่าเพิ่งตั้งครรภ์ ก็วางมาดแล้ว ลูกยังไม่ทันได้คลอดออกมา ไม่รู้ว่าเป็นชายหรือหญิง ก็เย่อหยิ่งเช่นนี้แล้วปีนขึ้นที่สูงเกินไป ตกทีเดียวสาหัส ฉู่เชียนหลีถอนหายใจ ขมวดคิ้วเล็กน้อย เหมือนชานี่จะเย็นไปหน่อย?ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเฟิงเย่เสวียนเป่าจนเย็นเกินไป หรือเยว่เอ๋อร์ต้มน้ำไม่เดือด ดื่มแค่จิบเดียวก็วางลง ไม่อยากดื่มแล้ว
กลางคืน ภายในห้องอบอุ่นฉู่เชียนหลีนั่งอยู่บนเตียง สองมือยันขอบเตียง หลุบตามองเฟิงเย่เสวียนที่กำลังแช่เท้าให้นางด้วยมือของเขา เหม่อลอยไปชั่วขณะนางยังจำได้เมื่อก่อนเขาเคยพูดว่า‘เชียนหลี ข้าชอบสภาพการเป็นอยู่ในปัจจุบัน ไม่ต้องการให้ลูกมารบกวนพวกเรา…’แต่การแสดงออกของเขาในหลายวันนี้ เขารักเด็กคนนี้มากเฟิงเย่เสวียนโน้มตัวล้างเท้าให้นาง และนวดไปด้วยในคราวเดียว เมื่ออุณหภูมิของน้ำเย็นถึงระดับหนึ่ง ก็เช็ดหยดน้ำบนเท้าให้แห้ง แล้วดึงผ้าห่มมาห่มให้เขาไปเทน้ำ แล้วล้างมือล้างเท้า กลับมาหลังจากนั้นหนึ่งเค่อฉู่เชียนหลีเขยิบเข้าไปข้างใน เว้นที่ไว้ให้เขาเมื่อแสงเทียนดับลง นางยังไม่ง่วงนอน การเขยิบร่างกายเบาๆ ดึงดูดความสนใจของเฟิงเย่เสวียน“นอนไม่หลับ?” เขาถามนางชะงักเล็กน้อย “หลายวันนี้ไม่ได้ออกจากจวนเลย นอนจนร่างกายอ่อนไปหมดแล้ว”“ตอนนี้เจ้าเป็นสองคน นอนก็ต้องนอนสำหรับคนสองส่วนจึงจะถูก” เขานอนตะแคง ใช้แขนยาวกอดนาง วางมืออีกข้างลงบนหลังของนาง ตบเบาๆ“ตบๆ ก็นอนหลับ”อ่อนโยนเหมือนกล่อมเด็กฉู่เชียนหลีหลุดหัวเราะราวกับนางเป็นเด็กโต ยังต้องกล่อมเช่นนี้ แต่นางมีเรื่องในใจ เอาแต่คิดตล
“เจ้าว่าอะไรนะ! ลูก!”ฉู่เชียนหลีลุกขึ้นนั่งฉับพลัน“เชียนหลี ใจเย็นๆ ก่อน!” เฟิงเย่เสวียนจับไหล่ทั้งสองข้างของนาง ให้นางนอนลง “ลูกไม่เป็นอะไร อูหนูกำลังปรุงยาต้องห้ามของเหมียวเจียว อีกไม่นานก็ปรุงยาชนิดสำเร็จ เจ้ากับลูกจะปลอดภัย!”เขากลัวอารมณ์ที่แปรปรวนของนางส่งผลกระทบต่อร่างกาย จึงรีบพูดให้นางสบายใจมากขึ้น“หานอิ๋งมาตรวจชีพจรทุกคืน เพื่อตรวจร่างกายให้เจ้า นอกจากนั้นก็ไม่ได้ทำอะไร”ฉู่เชียนหลีลูบท้องที่แบนราบเมื่อก่อนนางสามารถใช้ชีวิตอย่างอิสระ อยากทำอะไรก็ทำอะไร อยากกินอะไรก็กินอะไร ทั้งกระโดดทั้งวิ่ง ล้มลุกคลุกคลาน ไม่มีอะไรต้องกังวลแต่เมื่อมีชีวิตน้อยๆ ในท้อง นางก็เหมือนถูกดึงกระดูกออก ร่างกายอ่อนระทวยไปหมดไม่ว่าใครก็ไม่สามารถทำร้ายลูกของนาง!“เฟิงเย่เสวียน เจ้าบอกข้ามาตามตรง แผนเดิมของเจ้าคือปิดบังข้า แอบเอาลูกออกภายใต้สถานการณ์ที่ข้าไม่รู้ใช่หรือไม่?”นางเงยหน้าขึ้น คำพูดแต่ละคำจริงจังเป็นพิเศษ ยิ่งกว่านั้นมั่นใจมากถ้าหากมียาแก้พิษ ก่อนหน้านี้เขาก็จะไม่พูดคำว่า ‘ข้าไม่ชอบเด็ก’ และจะไม่ปิดบังนางอย่างระมัดระวังแล้ว‘ยาแก้พิษ’ ที่อูหนูบอก ต้องมาค้นพบทีหลังแน่นอนดั
งานเลี้ยงของจวนอ๋องเฉินกำลังจะเริ่ม เฟิงเย่เสวียนเตรียมเองกับมือ ดูแลครบทุกด้าน ตั้งแต่ด้านความปลอดภัยไปจนถึงรสชาติของอาหาร เขาทำทุกอย่างด้วยตัวเองก่อนงานเลี้ยงเริ่มหนึ่งคืน เขาออกคำสั่งกับองครักษ์ลับ :ส่งเซียวจือฮว่าออกไปส่งไปบ้านน้าชายห่างๆ ที่อยู่เขตเจียงหนานห่างออกไปหลายร้อยลี้ ได้มอบเงินก้อนโต และจัดการชีวิตที่เหลือให้อยู่อย่างไร้กังวล ถือเป็นบุญคุณสุดท้ายที่มีต่อตระกูลเซียวเดือนสิบสองวันที่ยี่สิบแปด งานเลี้ยงเริ่มขึ้นตอนเช้าฉู่เชียนหลีตื่นเช้ามาก เยว่เอ๋อร์กับอวิ๋นอิง คนหนึ่งสวมเสื้อผ้าให้นาง คนหนึ่งเติมเชื้อเพลิงในเตา เพื่อรักษาความอบอุ่นภายในห้อง“พระชายา ที่จริงท่านไม่ต้องตื่นเช้าเช่นนี้ หนาวมากเลยนะเจ้าคะ” ขณะที่เยว่เอ๋อร์พูดถึงกับมีควันออกจากปากฉู่เชียนหลีอารมณ์ดีมาก ท้องที่เกือบจะสองเดือนนูนเล็กน้อย สวมใส่เสื้อผ้าที่หนาเตอะ ทำให้มองไม่ออกเลยสักนิดนางกล่าว “ในที่สุดก็ถึงคราวของจวนอ๋องเฉินรับของขวัญแล้ว เกรงว่าจะได้รับเงินไม่น้อย และยังมีของดีอีกไม่น้อย ถ้าหากข้าไม่ได้นับด้วยตัวเอง คงนอนไม่หลับแน่”คำพูดนี้ทำเอาเยว่เอ๋อร์กับอวิ๋นอิงหัวเราะแล้วเป็นถึงพระชาย
โมโหมาก แต่ก็โต้เถียงไม่ได้ คำพูดอ่อนโยนและเป็นมิตรที่เตรียมมาเต็มท้อง ยังไม่ทันได้พูดออกมาสักคำ ก็ถูกบังคับให้หุบปากแล้วเพิ่งตั้งครรภ์ ก็อยากถีบนางที่เป็นแม่คนนี้ทิ้งแล้ว?เป็นนังหนูที่ไร้มโนธรรมจริงๆเด็กในท้องเป็นชายหรือหญิงยังไม่รู้ ก็เย่อหยิ่งเช่นนี้แล้ว วันข้างหน้าหากคลอดออกมา ตัวจะไม่ลอยไปอยู่บนฟ้าหรือ?ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง บุญคุณเลี้ยงดูของนางอันเป็นสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้!“ไป” นางอันหันหน้า กล่าวกับหมอมอที่อยู่ข้างๆ “เจ้าปล่อยข่าวออกไปข้างนอกทุกวัน บอกว่าพระชายาอ๋องเฉินกับนางอันแม่ของนาง ความรักแม่ลูกลึกซึ้ง ความสัมพันธ์ดีมาก แม่เมตตาลูกกตัญญู พยายามชมในแง่ดีที่สุด”หมอมอตะลึงงันครู่หนึ่ง“อี๋เหนียง นี่…ในความเป็นจริงพระชายาอ๋องเฉินไม่ได้ดีกับท่านเลย และยังดื้อรั้นมาก มักจะโต้เถียงท่าน…”“เจ้าจะไปเข้าใจอะไร” นางอันหรี่ตา มีประกายของกลอุบายในแววตาวิธีนี้เรียกว่า สวมหมวกสูงชมฉู่เชียนหลีก่อน ให้ทุกคนคิดว่านางเป็นลูกกตัญญู รู้จักทดแทนบุญคุณ เป็นเด็กดี เคารพมารดา ในวันข้างหน้า หากฉู่เชียนหลีไม่เชื่อฟังนาง ก็เท่ากับหมิ่นชื่อเสียงที่ดีงามนี้ถึงเวลา ราษฎรทั้งเมืองหลวงจะ
คนทั้งกลุ่มเข้ามาอวยพร หลังจากเสนอหน้าพอแล้ว ก็เปลี่ยนคนกลุ่มใหม่มา ทุกคนพูดในทำนองเดียวกัน ฉู่เชียนหลีฟังอย่างเกียจคร้าน ตอบรับคำสองคำเป็นระยะหลิงเชียนอี้ก็มาเช่นกัน“สวัสดีน้าสะใภ้! แล้วเจอกันน้าสะใภ้!”เมื่อทักทายเสร็จ ก็สับขาวิ่ง พริบตาเดียวก็ไม่เห็นคนแล้วพลันฉู่เชียนหลีหันไปมอง อวิ๋นอิงที่เมื่อครู่ยังอยู่ ถูกลักพาตัวไปตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้นางส่ายศีรษะ “ผู้หญิงเมื่อโตแล้วรั้งไม่อยู่จริงๆ”เยว่เอ๋อร์ปิดปากยิ้มอย่าสวยงาม มุมปากหุบไม่ลงแล้ว “พระชายา ข้ารู้สึกว่าท่านอ๋องน้อยกับอวิ๋นอิงเหมาะสมกันมาก ท่านโหวน้อยดื้อเช่นนั้น ส่วนอวิ๋นอิงก็วรยุทธ์ดีมาก เหมือนกับจอมยุทธหญิงท่องยุทธภพคนหนึ่ง ต้องสามารถสยบท่านอ๋องน้อยได้อย่างแน่นอน!”จินตนาการเห็นภาพที่ท่านโหวน้อยเคารพเชื่อฟัง และคล้อยตามอวิ๋นอิงทุกอย่างในอนาคตแล้วแค่นึกถึงภาพนั้น ก็ยิ้มจนหน้ากระตุก“พระชายา”จุดที่ไม่ไกลนัก หานเฟิงเดินเข้ามา เขาสวมชุดจิ้นจวงสีดำ มือถือกระบี่ ท่าทางที่สูงใหญ่และสุขุมมีส่วนคล้ายอ๋องเฉินสามส่วนเขาคำนับแล้วกล่าว “ข้าน้อยรับคำสั่งจากนายท่าน ลาดตระเวนความปลอดภัยจุดต่างๆ ของจวนอ๋อง ข้าอยู่ทุกเมื่อ