Share

บทที่ 8

สีหน้าของเสียวเป่าแลดูวิตกกังวล ทว่าซูเนี่ยนกลับไม่ขมวดคิ้วเลยด้วยซ้ำ

"ข้าตกลง แต่หากเจ้ากล้าหักหลังข้า ข้าจะทำให้เจ้าทรมานจนอยู่ไม่รอด ตายก็ไม่ได้"

"มั่วอี ถ่ายทอดคำสั่งของข้าลงไป ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ให้คืนฐานะพระชายาแก่นาง และให้ย้ายไปอยู่ที่เรือนเซียงจู๋"

"พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง"

"ช้าก่อน ท่านอ๋องหลี ข้าอยู่ที่เรือนลั่วสุ่ยมาจนชินแล้ว ขออยู่ที่นี่ต่อไปได้หรือไม่ หากมีเรื่องอะไร ท่านก็ส่งคนมาแจ้งให้ข้าทราบล่วงหน้าก็เป็นพอ" ซูเนี่ยนกล่าวอย่างถ่อมตน

"มีอีกอย่าง ให้เฟิ่งเอ๋อร์มาดูแลข้าได้หรือไม่ เพราะอย่างไร ข้าก็คุ้นเคยกับนางอยู่ก่อนแล้ว”

"ได้ มั่วอี ทำตามที่พระชายาบอก แล้วก็ พรุ่งนี้เป็นวันที่ข้าจะรับพระชายารองเข้ามา หวังว่าพระชายาจะไม่ก่อปัญหา" ทันทีที่ฉู่อี้หานพูดจบ เขาก็หมุนเก้าอี้ล้อออกไปทันที และเหลือบมองเสียวเป่าเล็กน้อยก่อนจะจากไป

กับเด็กคนนี้ เขามักจะมีรู้สึกแปลกๆ อยู่เล็กน้อย

"หม่อมฉันจะปฏิบัติตามคำสั่งของท่านอ๋องเพคะ" ซูเนี่ยนเปลี่ยนคำเรียก แล้วย่อตัวคำนับ

ซูเนี่ยนยกมุมปากขึ้น ก่อปัญหานั้นหรือ แม้ว่านางกับฉู่อี้หานจะร่วมมือกัน แต่นางไม่ได้บอกเสียหน่อยว่าจะไม่แก้แค้น พรุ่งนี้นางจะต้องมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้กับซูเยียนหรันอย่างแน่นอน เพื่อตอบแทนที่นางคอย 'ดูแล' ตนตั้งหลายปี

เมื่อเห็นว่าฉู่อี้หานไปแล้ว มั่วอีจึงรีบตามไป พวกเขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อสอบถามพระชายาเรื่องหนูหรอกหรือ

เหตุใดไปเสียแล้วเล่า แต่ทว่าก็ถือว่าไม่ได้มาเสียเปล่าเหมือนกัน พระชายาผู้นี้เหมือนจะมีความลับอะไรอยู่จริงๆ

"ท่านอ๋อง ท่านเชื่อที่พระชายาบอกจริงๆ หรือ"

“ไม่สามารถเชื่อได้ทั้งหมด แต่สามารถลองดูได้" สีหน้าของฉู่อี้หานแลดูสุขุม

มั่วอีมองดูใบหน้าของฉู่อี้หานแล้วไม่ได้พูดอะไรต่อ จากนั้นก็มองไปที่ส่วนล่าง เห็นขาของฉู่อี้หานแล้ว ความเจ็บปวดก็ผุดขึ้นที่นัยน์ตา ท่านอ๋องเก่งกาจกล้าหาญถึงเพียงนี้ ไม่มีขาทั้งสองจะทะยานทั่วทั้งวิหคนคราได้อย่างไร

แต่เขาเชื่อว่า ขาของท่านอ๋องจะต้องรักษาจนหายดีได้อย่างแน่นอน หลิ่วฝูเฟิงกำลังศึกษาค้นคว้าเรื่องยาแก้พิษอยู่ เพียงแค่สามารถถอนพิษบนร่างกายออกได้ ท่านอ๋องก็จะหายเป็นปกติ

พวกเขาจะต้องสร้างเกียรติยศเหมือนในอดีตขึ้นมาอีกครั้ง

วันต่อมา

วันนี้เป็นวันดี มีทั้งงานสมรส และงานเลี้ยงฉลอง

เสียงบรรเลงดนตรีทั้งตีทั้งเป่าดังขึ้นบนถนนในเมืองหลวง ผู้คนต่างก็มาดูความครึกครื้นบนท้องถนน

ทุกคนที่อยู่ริมถนนต่างมองดูไปพลางวิจารณ์ไปพลาง บอกว่าจวนอ๋องหลีจัดงานรับพระชายารองเข้าจวนได้อลังการกว่าตอนที่แต่งพระชายาเข้าจวนในคราวนั้นมาก

ต่อมาพวกเขาพลันนึกขึ้นได้ว่า บุคคลที่จะแต่งออกไปในวันนี้ คือสตรีโฉมงามอันดับหนึ่งในต้าสุย และเป็นนางในดวงใจของท่านอ๋องจริงๆ ด้วยเหตุนี้ผู้คนจึงไม่รู้สึกแปลกใจอะไรอีก

"เฮ้อ ถ้าจะให้พูดนะ ข้าว่าพระชายาหลีน่าสงสารมากจริงๆ พ่อไม่สนใจไยดี สามีก็ไม่รักใคร่ รอให้คุณหนูรองผู้นี้เข้าไปอยู่ในจวน นางก็จะยิ่งไม่มีที่ยืนอีกต่อไปแล้ว" หนึ่งในชาวบ้านมองดูเกี้ยวเจ้าสาวสีแดงสดและขบวนของกำนัลจำนวนมากกล่าวขึ้นอย่างอดไม่ได้

"เจ้าจะไปรู้อะไร เดิมอ๋องหลีชื่นชมคุณหนูรองซูอยู่ก่อนแล้ว แต่เป็นเพราะคุณหนูใหญ่ซูต้องการแย่งชิง จึงได้ไปขอร้องไทเฮาบอกว่าจะแต่งเข้าจวนอ๋องหลีให้ได้ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ คุณหนูใหญ่ซูผู้นี้ชื่นชอบหรงซื่อจื่อ แต่ทว่าพอเห็นอ๋องหลีรูปงาม ก็เปลี่ยนมาชอบอ๋องหลี ช่างหลายใจเสียจริง" หนึ่งในฝูงชนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงดูถูกเหยียดหยาม

"เฮ้อ ก็จริง ประวัติของพระชายาหลีผู้นี้พูดกี่วันก็พูดไม่หมด"

ผู้คนวิจารณ์กันอย่างดุเดือด ซูเยียนหรันที่อยู่ในเกี้ยวเจ้าสาวค่อยๆ เปิดผ้าคลุมศีรษะออก เผยให้เห็นใบหน้าเล็กๆ อันงดงามอ่อนหวาน

นางเปิดมุมม่านบนรถม้าขึ้น ซูเยียนหรันเห็นสายตาที่อิจฉาของผู้คน ทั้งยังได้ยินสิ่งที่พวกนางวิจารณ์ซูเนี่ยนพลันยกมุมปากขึ้น นัยน์ตาฉายแววภาคภูมิใจ

บุตรีภรรยาเอกแล้วอย่างไร นางจะค่อยๆ เหยียบย่ำซูเนี่ยนให้จมลงไปทีละนิดๆ อะไรก็ตามที่เป็นของซูเนี่ยน นางก็จะฉกฉวยมาให้หมด

แต่ทว่าเรื่องเมื่อหกปีก่อนกับสามปีก่อนจะให้ฉู่อี้หานรู้ไม่ได้เด็ดขาด มิเช่นนั้นทุกสิ่งทุกอย่างที่ตนได้มาในวันนี้จะสูญเปล่า

"ซูเนี่ยน" ริมฝีปากสีแดงพึมพำเสียงเบา ไอสังหารผุดขึ้นที่นัยน์ตาของซูเยียนหรัน จากนั้นจึงคลุมผ้าคลุมศีรษะกลับที่เดิมอีกครั้ง

กลุ่มคนที่แบกเกี้ยวเจ้าสาวแบกไปอย่างรวดเร็ว ไม่นาน เกี้ยวก็มาหยุดอยู่หน้าประตูจวนอ๋องหลี

วันนี้อ๋องหลีสวมชุดมงคลสีแดง ตรงข้อมือและปกเสื้อปักลวดลายด้วยด้ายสีทอง เขายกมุมปากเล็กน้อย ทำให้ใบหน้าที่หล่อเหลาผิดมนุษย์มนาอยู่แล้วราวกับมีมนต์ดำแฝงอยู่ ทำเอาเหล่าสตรีจากตระกูลสูงศักดิ์มองจนหน้าแดงก่ำทุกคน

ฉู่อี้หานเทพแห่งสงครามของต้าสุยช่างสง่างามจริงๆ ทั่วทั้งเมืองหลวงไม่มีผู้ใดเทียบได้!

น่าเสียดายที่อดีตองค์จักรพรรดิสวรรคตเร็วเกินไป มิเช่นนั้นบัลลังก์นี้ใครจะได้ครอง ก็ยังไม่แน่

เหล่าฮูหยินและสตรีสูงศักดิ์กำลังวิพากย์วิจารณ์กันในใจ ทว่าไม่ได้แสดงออกทางสีหน้า พวกนางยิ้มแสดงความยินดีให้กับฉู่อี้หานอย่างเหมาะสม

"หรันเอ๋อร์ ข้าจะพยุงเจ้าลงมานะ" ฉู่อี้หานหมุนเก้าอี้ล้อไปข้างๆ เกี้ยวเจ้าสาว แล้วมองดูม่านเกี้ยวด้วยสายตาที่อ่อนโยน

ทุกคนต่างตะลึงใจ ดูท่าแล้วคุณหนูรองซูผู้นี้จะเป็นนางในดวงใจของอ๋องหลีจริงๆ ด้วย ปกติแล้วอ๋องหลีผู้นี้จะปั้นหน้าเย็นชาตลอดเวลา เคยมีสีหน้าอ่อนโยนเช่นนี้เสียที่ไหน

ฉู่อี้หานยกมุมปากขึ้น ทว่าดวงตากลับดูนิ่งสงบมาก ทั้งยังมีลำแสงเฉียบคมซ่อนอยู่ด้วย

"ขอบพระทัยท่านอ๋องเพคะ" ทันทีที่เสียงอันอ่อนหวานของซูเยียนหรันเปล่งออกมา ทุกคนรู้สึกเพียงขนลุกขึ้นมาทันที

นางวางมือบนฝ่ามือขนาดใหญ่และอบอุ่นของฉู่อี้หาน หัวใจของซูเยียนหรันเต้นเร็วขึ้น หากไม่ใช่เพราะอ๋องหลีขาพิการล่ะก็ นางคงจะ...

ซูเยียนหรันลงมาจากเกี้ยวแต่งงาน ฉู่อี้หานจูงมือพานางเดินเข้าไปในจวนอ๋องทีละก้าวๆ

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status