ในเมื่อหวังหยวนตกลงกับเซียวฉู่ฉู่แล้วก็ย่อมสามารถป้องกันตนเองได้!ไม่เพียงแต่จะสามารถป้องกันตัวได้เท่านั้น แต่ยังสามารถควบคุมกิจการของเมืองหวงไว้ในมือได้อีกด้วย!ไม่เช่นนั้นหวังหยวนก็ไม่จำเป็นต้องช่วยเหลือเซียวฉู่ฉู่!แน่นอนว่าเหตุผลที่เขาช่วยเหลือเซียวฉู่ฉู่นั้น เมื่อคิดดูดี ๆ แล้ว เหตุผลก็เรียบง่ายมาก!นอกจากเห็นแก่มิตรภาพแล้ว หวังหยวนยังไม่อยากเห็นโลกเกิดความโกลาหลจริง ๆ!ในขณะนี้เซียวฉู่ฉู่ยังไม่ได้จากไปแม้ว่านางจะร้อนใจ แต่ก็ยังต้องจัดการเรื่องราวภายในวังหลวงให้เสร็จสิ้นก่อนเป็นอันดับแรก!ซึ่งเรื่องแรก!นั่นก็คือการทำให้วังชั้นในสงบสุข!คราวนี้นางจะต้องจากไปครึ่งปีหรือหนึ่งปี!ดังนั้นวังชั้นในย่อมต้องมีผู้นำ!อันกุ้ยเหรินและเจิ้งกุ้ยเหริน!ทั้งสองคนนี้ล้วนเป็นสตรีที่มียศสูงที่สุดรองจากนาง!นางสนิทกับเจิ้งกุ้ยเหรินมากกว่า ดังนั้น...ย่อมต้องมอบอำนาจภายในราชสำนักให้กับเจิ้งกุ้ยเหริน!เพียงแต่ว่า...ตอนนี้นางยังไม่แน่ใจว่าใครเป็นคนลงมือทำร้ายนาง!หากเป็นอันกุ้ยเหริน ถึงแม้ว่าจะมีความเป็นไปได้ แต่นางก็ระมัดระวังอันกุ้ยเหรินอย่างเข้มงวด!อันกุ้ยเหรินจึงน่าจะลงมือได้ย
“เหตุใดจู่ ๆ จึงถามเช่นนี้?”อันกุ้ยเหรินรู้สึกไม่ค่อยสบายใจนัก แต่ก็ไม่ได้เอ่ยออกมา แต่กลับพูดว่า “ท่านพี่ เรื่องนี้พักไว้ก่อนเถิด ข้าอยากถามท่านว่า... เซียวฉู่ฉู่ป่วยจริงหรือไม่?”เมื่ออ๋องเจิ้นตงได้ยินคำถามก็ขมวดคิ้ว“ข้าก็ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่ แต่ว่า... ข้าคิดว่าน่าจะจริง ไม่เช่นนั้นนางคงไม่เรียกหวังหยวนมา และจะไม่จากเมืองหวงไป ข้าจึงคาดว่านางคงจะป่วยจริง ๆ!”หลังจากที่อ๋องเจิ้นตงพูดจบ อันกุ้ยเหรินก็พยักหน้า“ท่านพี่และข้าคิดเหมือนกัน แต่ข้ายังมีเรื่องหนึ่งที่ไม่เข้าใจ นั่นก็คือ... เซียวฉู่ฉู่จะหายดีหรือไม่”“เมื่อนางจากไปเช่นนี้ นางจะรอดหรือไม่!”เมื่ออันกุ้ยเหรินพูดจบ อ๋องเจิ้นตงก็หรี่ตา“เรื่องนี้พูดตามตรงพี่เองก็อยากรู้เช่นกัน เซียวฉู่ฉู่คนนี้จะรอด... หรือไม่รอด!”อ๋องเจิ้นตงสูดหายใจเข้าลึก ๆ จากนั้นจึงพูดต่อ“น้องสาว ครั้งก่อนที่พี่ล้มเหลวจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด ในเวลานั้นเซียวฉู่ฉู่อยู่ที่เมืองหลวงและยังมีหวังหยวนคนนี้อีกด้วย พี่จึงล้มเหลว!”“แต่ว่า... ครั้งนี้เซียวฉู่ฉู่ออกจากเมืองหลวงเมืองหวงไปแล้ว และยังเป็นเวลาอย่างน้อยครึ่งปีหรือหนึ่งปี นี่คือโอกาสสำคัญสำหรับเรา!
อ๋องเจิ้นตงชื่นชมและเคารพหวังหยวนมาโดยตลอด!เพราะคนที่เขาพ่ายแพ้ไม่ใช่เซียวฉู่ฉู่ แต่เป็นหวังหยวน!และในปัจจุบัน หวังหยวนยิ่งเก่งกล้ามากขึ้น ดังนั้น...เขาจึงเกรงกลัวเป็นธรรมดา!“เช่นนั้นจะทำอย่างไรดีล่ะ!”เมื่ออันกุ้ยเหรินได้ฟังเช่นนั้นก็ถึงกับอึ้งไป!หากไม่สามารถจัดการกับหวังหยวนได้ แล้วการที่พวกเขามาหารือกันที่นี่จะมีประโยชน์อะไร?“น้องสาว เรื่องนี้... สิ่งที่เราต้องทำไม่ใช่ลงมือจากภายนอก แต่ต้องลงมือจากภายในกำแพงวังนี้ต่างหาก!”หลังจากที่อ๋องเจิ้นตงพูดจบ อันกุ้ยเหรินก็ถึงกับตกใจ“อะไรนะ? ท่านพี่ ข้าไม่เข้าใจ ท่านต้องการจะสื่ออะไร!”อันกุ้ยเหรินสงสัย เมื่ออ๋องเจิ้นตงได้ยินคำถามก็ยกยิ้ม“ง่ายมาก สิ่งที่เราต้องทำคือยึดครองวังหลวงแห่งนี้โดยเร็วที่สุด! ให้วังชั้นในตกอยู่ในกำมือของเจ้า!”หลังจากที่อ๋องเจิ้นตงตรัสจบ อันกุ้ยเหรินก็ตกตะลึงไปชั่วครู่ จากนั้นจึงเข้าใจ“ท่านพี่ ข้าเข้าใจแล้วว่าท่านจะสื่ออะไร แต่...เรื่องนี้คงยาก เพราะเซียวฉู่ฉู่ได้สั่งให้ข้าและเจิ้งกุ้ยเหรินร่วมกันดูแลวังชั้นใน แล้วข้า... ข้าจะให้นางมอบอำนาจในการดูแลวังชั้นในให้ข้าคนเดียวได้อย่างไร?”คำพูดของอันก
อันกุ้ยเหรินไม่อยากรออีกต่อไปแล้ว เพราะนางทราบดีว่าหากพี่ชายของนางครองอำนาจในวังหลวงแล้วจะเกิดอะไรขึ้น!อย่างน้อยนางก็ไม่จำเป็นต้องไว้หน้าใครอีกต่อไปแล้ว!...ในขณะเดียวกัน ภายในจวนอ๋องเป่ยหลิงหวังหยวนและเกาเล่อกำลังนั่งจิบชาพูดคุยกันอยู่ในห้อง“เกาเล่อ เจ้ารู้จักอันกุ้ยเหรินและเจิ้งกุ้ยเหรินบ้างหรือไม่?”หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ เกาเล่อก็พยักหน้า“ทั้งสององค์นี้เป็นพระสนมเอกของฮ่องเต้องค์ก่อน แม้ว่าจะไม่ได้รับความโปรดปรานเท่ากับไทเฮา แต่ก็ถือว่าได้รับความโปรดปรานมากทีเดียว!”“ก่อนฮ่องเต้องค์เสด็จสวรรคต พระองค์ไม่ได้ขับไล่พระสนมทั้งสองออกไป แต่ให้พระสนมทั้งสองพำนักอยู่ในวังหลวงเพื่อเสวยสุขต่อไป จึงแสดงให้เห็นว่าฮ่องเต้องค์ก่อนเมตตาต่อพระสนมทั้งสอง”“ส่วนเรื่องนิสัยใจคอ ข้าไม่รู้จักเจิ้งกุ้ยเหริน แต่ข้ารู้จักอันกุ้ยเหรินอยู่บ้าง เมื่อครั้งที่นางติดตามอ๋องเจิ้นตง ข้าเคยพบนางหลายครั้ง!”“นาง... ไม่ค่อยมีสติปัญญาเฉียบแหลมมากนัก หลายเรื่องล้วนแต่เชื่อฟังอ๋องเจิ้นตง!”“ส่วนเจิ้งกุ้ยเหริน ข้ารู้จักนางน้อยมาก!”หลังจากหวังหยวนฟังแล้วก็ยกยิ้ม“เชื่อฟังอ๋องเจิ้นตงมากสินะ...”หลังจา
เมื่อเกาเล่อกล่าวจบ หวังหยวนก็ยกยิ้มก่อนจะกล่าวว่า“เหตุใดจึงบอกว่ายากที่จะพูดเล่า?”หวังหยวนใคร่รู้ความหมายในคำพูดของเกาเล่อเพราะอย่างไรเสีย...สำหรับเขานั้น คนที่รู้จักอ๋องเจิ้นตงมากที่สุดก็คือผู้ติดตามมานานหลายปีอย่างตัวเขาเอง!เขารู้ทั้งความสามารถ จุดอ่อน แม้กระทั่งความคิดและอุปนิสัย!หวังหยวนจึงเชื่อคำพูดของเกาเล่อ!“พี่หยวน ท่านก็ทราบดีว่าอ๋องเจิ้นตงเคยล้มเหลวมาก่อน ดังนั้นเขาย่อมต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก!”“และอ๋องเจิ้นตงที่ข้ารู้จักนั้นไม่ใช่คนโหดเหี้ยมนัก เขาค่อนข้างลังเล หลายเรื่องราวจึงเกิดปัญหาขึ้นเพราะความลังเลของเขา!”“หากเขาไม่มีนิสัยเช่นนี้ บางทีเขาอาจจะประสบความสำเร็จไปนานแล้ว!”เมื่อเกาเล่อกล่าวจบ หวังหยวนก็หรี่ตาลงลังเล!ไม่เด็ดขาด!อ๋องเจิ้นตงอาจจะเป็นเช่นนั้นจริง!แม้จะมีความทะเยอทะยานแต่ก็ไม่ได้โหดเหี้ยม เป็นคนหวาดกลัวและกังวลมากเกินไป!หากจะทำก็ทำไปเลย ไม่ต้องกังวลเรื่องผลลัพธ์!หรือไม่ก็ไม่ทำแล้วยอมรับอย่างเต็มใจ!แต่อ๋องเจิ้นตงไม่มีความคิดเช่นนั้น!“หากพูดตามหลักเหตุผล เขาเคยล้มเหลวไปแล้วก็ไม่ควรจะทำเรื่องเช่นนี้อีกโดยง่าย เขาไม่ใช่คนกลัวตา
“พี่หยวน กล่าวมาถึงตรงนี้แล้วฟังจากคำพูดของท่าน นั่นหมายความว่ากุญแจสำคัญไม่ได้อยู่ตรงนี้ใช่หรือไม่?”“ท่านต้องการพูดถึงวังหลวงหรือเปล่า?”ในเวลานี้เกาเล่อกล่าวขึ้นทันใด เมื่อเขากล่าวจบ หวังหยวนก็ยกยิ้ม“เจ้าพูดถูกแล้ว!”“ในราชสำนักนั้นอาจจะไม่สามารถชี้ชัดเรื่องนี้ได้ แต่... ในวังชั้นในกลับสามารถชี้ชัดได้จริง ๆ!”“อ๋องเจิ้นตงและอันกุ้ยเหรินเป็นพี่น้องกัน... หากอันกุ้ยเหรินควบคุมวังชั้นในได้ แล้วไท่จื่อ... จะตกอยู่ในอันตรายหรือไม่?”“แม้ว่าพวกเขาจะไม่กล้าลงมือกับไท่จื่อ แต่หากพวกเขาควบคุมวังชั้นในได้ก็เท่ากับว่าควบคุมไท่จื่อได้แล้ว การใช้ฮ่องเต้บังคับขุนนางทั้งหลายก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้!”“อย่างไรเสีย... ในเวลานั้นไท่จื่อก็อยู่ในมือของอันกุ้ยเหริน เด็กตัวเล็ก ๆ เช่นนั้น ใช้กลอุบายเพียงเล็กน้อย ก็สามารถให้ออกราชโองการได้โดยง่าย”“อย่างเช่น... แต่งตั้งให้อ๋องเจิ้นตงเป็นอัครมหาเสนาบดีเพื่อกำกับดูแลราชกิจ!”“แม้กระทั่ง...ปลดพวกอ๋องทั้งสามอย่างข้าออก! ก็ยังสามารถทำได้!”สิ่งที่หวังหยวนกังวลอยู่ในกำแพงวังหลวงแห่งนี้!เดิมทีมีเซียวฉู่ฉู่คอยดูแลอยู่จึงไม่ต้องกังวล!แต่ตอนนี้!
หลังจากที่หวังหยวนกล่าวจบ เกาเล่อก็คลี่ยิ้มกว้าง“ท่านพี่หยวน ท่านช่างร้ายกาจนัก เรื่องเช่นนี้ไม่ว่าจะอย่างไรก็ล้วนแต่ผลักดันให้อ๋องหลงซีออกหน้าแทนทั้งสิ้น ไม่รู้ว่าเขาจะยินยอมหรือไม่!”เกาเล่อพูดพลางหัวเราะแล้วส่ายหน้าอย่างอดไม่ได้หวังหยวนก็ยิ้มออกมาทันทีแล้วกล่าวอีกว่า “เกาเล่อเอ๋ยเกาเล่อ เจ้าลืมเลือนไปแล้วหรือไร? ความหมายที่แท้จริงที่ทำให้ข้าต้องกระทำเช่นนี้ เจ้ายังไม่เข้าใจอีกหรือ?”เมื่อกล่าวจบ เกาเล่อก็กะพริบตาและเข้าใจในทันที!“ท่าน... ท่านต้องการ... ทดสอบ... อ๋องหลงซี!”เขานิ่งอึ้งไปครู่หนึ่งแล้วจึงเข้าใจ เมื่อคำพูดนี้ดังขึ้น หวังหยวนจึงพยักหน้า“แน่นอน ข้าจำเป็นต้องทดสอบอ๋องหลงซี หากผู้เฒ่าคนนี้มีความคิดคดโกงขึ้นมาจริง ๆ จะเป็นอย่างไร?”“ถึงแม้ว่า... เขาจะมีกลอุบายที่ข้ายังมองไม่ออก แต่ว่าอย่างน้อยข้าก็เชื่อว่าเขาจะไม่โกหกหลอกลวงเรื่องปกป้องเจิ้งกุ้ยเหริน!”“แน่นอน หากเขาสนับสนุนอ๋องเจิ้นตงก็คงต้องพิจารณาเป็นกรณีพิเศษ!”“แต่ว่า...หากเขาคิดจะทำเช่นนั้นจริง ข้าก็คงจะต้องฆ่าทั้งเขาและอ๋องเจิ้นตงเสีย!”“การตายของอ๋องทั้งสอง สำหรับเมืองหวงแห่งนี้ ไม่ได้นับเป็นเรื่องใหญ่
หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ อ๋องหลงซีก็ยิ้มอีกครั้ง“หวังหยวน เจ้าไม่ต้องพูดสุภาพกับข้าเช่นนี้หรอก ข้าอยากรู้ว่าวันนี้เจ้าเรียกข้ามา เจ้าต้องการทดสอบข้าหรือไม่?”อ๋องหลงซีพูดอีกครั้ง เมื่อเขาพูดจบก็ทำให้หวังหยวนตกใจอีกครั้ง!ตาเฒ่าคนนี้ช่างฉลาดนัก!“ฮ่าฮ่าฮ่า อ๋องหลงซี ท่านช่าง... ทำให้ข้าประหลาดใจนัก!”“ไม่ผิด วันนี้ข้าต้องการทดสอบท่าน!”“อ๋องหลงซี ข้าอยากรู้ว่าท่านคิดอย่างไร!”“ไม่ว่าจะเรื่องทำเพื่อไทเฮาของพวกท่าน ปกป้องเมืองหวงหรือว่าท่านมีความคิดอื่น บอกข้ามาตามจริงเถิด!”หวังหยวนไม่พูดอ้อมค้อมอีกต่อไป เมื่อคำพูดนี้หลุดออกจากปากเขา อ๋องหลงซีก็หรี่ตาลง“หวังหยวนเอ๋ยหวังหยวน เจ้าทดสอบข้าด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างเผด็จการ เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะโกรธหรือ?”อ๋องหลงซีพูดพลางยิ้ม“โกรธหรือ? ข้าไม่กลัวหรอก หากท่านโกรธ ข้าก็จะฆ่าท่านทิ้งเสีย!”หวังหยวนไม่เสียเวลา ชักปืนคาบศิลาออกมาทันที จากนั้นก็ยิงออกไปด้านข้าง!กระสุนปืนพุ่งเข้าใส่ไหสุราที่อยู่ไกลออกไปจนแตกกระจาย!ในระยะประชิดเช่นนี้ อ๋องหลงซีไม่มีทางหลบกระสุนปืนของเขาได้อย่างแน่นอน!เรื่องเช่นนี้ อ๋องหลงซีก็รู้เช่นกัน!“ปืนดี ข้ารู้