Share

บทที่ 13

"เก็บไว้สิ!"

หวังหยวนลุกขึ้นและโบกมือโดยไม่ดูทองและเงินเหล่านั้น "หากเงินและสินค้าตกลงกันเรียบร้อยแล้ว งั้นข้าก็ต้องขอตัวก่อน!"

ต้าหู่หยิบกล่องเงิน จ้าวชิงเหอและซื่อไห่เดินตามข้างมา!

“น้องหวัง เดี๋ยวก่อน!”

เจ้าของร้านโจวไล่ตามมาและถามว่า "ท่านสามารถจัดหาน้ำตาลคริสตัลนี้ได้บ่อยแค่ไหน"

“ขึ้นอยู่กับโชค!”

หวังหยวนเลิกคิ้ว "การผลิตน้ำตาลคริสตัลมีน้อยอยู่แล้ว พ่อค้าจากภูมิภาคตะวันตกต้องข้ามดินแดนที่แห้งแล้งเพื่อไปยังพื้นที่ต้าเย่ ดินแดนที่แห้งแล้งนั้นอันตรายมาก ข้าไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะมาที่นี่ อาจจะสามเดือน หรืออาจจะเป็นปี ดังนั้นข้าไม่แน่ใจเรื่องเวลาของสินค้ารอบต่อไป”

"โอ้!"

โจวฉางฟาเหล่ตาของเขา และพูดอย่างประจบสอพลอ "ดูเหมือนว่าน้องหวังมีฐานะที่ไม่ธรรมดา เจ้าต้องมาจากครอบครัวใหญ่เป็นแน่ ข้าสงสัยว่าท่านเป็นลูกชายของตระกูลหวังในเมืองหลงใช่หรือไม่?"

เมืองหลงเป็นเมืองหลวงแห่งหนึ่ง ห่างจากที่นี่สามร้อยไมล์ แต่ไม่มีตระกูลใหญ่ที่มีนามสกุลหวัง

"ตระกูลข้าอยู่ในเมืองจิ่วซาน!"

หวังหยวนโบกมืออย่างไม่สบอารมณ์ "หากเจ้าของร้านโจวนึกสงสัย เจ้าก็เอาเงินคืนไปเถิด ข้าจะหาคนอื่นมาแลกเปลี่ยน และขายในราคาหนึ่งพันกว้านให้ท่านดู"

เมืองจิ่วซาน คือเมืองที่อยู่ระหว่างทางแยกของต้าเย่และฮวงเหริน และเมืองฝูอยู่ภายใต้เขตอำนาจศาลของเมืองจิ่วซาน

พ่อค้าจากภูมิภาคตะวันตกจะเดินทางเข้าสู่ดินแดนต้าเย่ ผ่านดินแดนร้าง และเมืองจิ่วซานจะป็นจุดแวะพักแรก

นี่คือการทดสอบ

"นี่ขอรับ!"

ต้าหู่ผลักกล่องเงินสดไปข้างหน้า

พี่หยวนบอกว่าหากเขาพูดว่าคืน ไม่ว่าจะขายเท่าไหร่ก็ต้องคืน

เจ้าของร้านโจวรีบหลบ และยืนอยู่ข้างหน้าน้ำตาลทรายขาว "น้องหวัง เจ้าจะทำอะไร เงินและสินค้านี้ตกลงกันเรียบร้อยแล้ว เงินหกร้อยกว้านเป็นของเจ้า และน้ำตาลคริสตัลยี่สิบจินนี้เป็นของตระกูลโจว! เสี่ยวชุนจื่อพานายน้อยหวังไปส่งแทนข้า!”

ชายคนนั้นผายมือ

หวังหยวนเดินเข้าไปในรถม้าด้วยใบหน้าเย็นชา และทั้งสี่คนก็ออกจากร้านของโจวไป

เมื่อเห็นรถม้าแล่นออกไป ใบหน้าที่แสนใจดีของเจ้าของร้านโจวก็เปลี่ยนเป็นคนเฉลียวฉลาดและไร้ความปรานี

แม้ว่าหวังหยวนจะทำตัวเหมือนนายน้อย แต่ก็มีบางอย่างผิดปกติ

เสื้อผ้าของคนทั้งสี่เป็นเสื้อผ้าที่เพิ่งซื้อมาใหม่ทั้งหมด ยกเว้นของสาวใช้

แม้ว่าหวังหยวนจะสวมผ้าไหม แต่เขาสวมจี้หยกและถุงหอมได้แย่มาก และรถม้าของเขาก็เหมือนรถม้าที่เช่ามาเสียมากกว่า

เพราะมันไม่เหมือนของตระกูลใหญ่เลยสักนิดเดียว

น้ำตาลไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเก็บรักษา และถ้ามันถูกขนส่งมาไกลหลายพันไมล์จากภูมิภาคตะวันตก น้ำตาลบางส่วนจะต้องละลายหายไปอย่างแน่นอน

แต่น้ำตาลคริสตัลยี่สิบจินนี้ยังไม่ละลายเลยแม้แต่น้อย

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เมืองจิ่วซานเจริญรุ่งเรืองกว่าเมืองฝู ดังนั้นทำไมเขาไม่ขายน้ำตาลคริสตัลที่นั่น แต่กลับนำมาขายที่เมืองเล็ก ๆ อย่างเมืองฝูเช่นนี้

ความสงสัยเหล่านี้ติดอยู่ในใจของโจวฉางฟาผู้ชาญฉลาด เขาสั่งบางอย่างกับลูกน้อง ก่อนที่ชายคนนั้นก็เดินออกไปตามคำสั่งอย่างรวดเร็ว

"ทองนี้ชั่งหอมหวานยิ่งนัก!"

ในรถม้า จ้าวชิงเหอหยิบทองคำขึ้นมาแล้วกัด ดวงตากลมโตของนางหรี่ลงเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว "หกร้อยกว้านต่อวัน หากสิบวันก็หกพันกว้าน หนึ่งเดือนหนึ่งหมื่นแปดพันกว้าน หนึ่งปีหนึ่งแสนสีหมื่นหกพันกว้าน และ หนึ่งล้านสี่แสนหกหมื่นกว้านในสิบปี พี่หวัง นี่พี่กำลังจะได้เป็นมหาเศษฐีแล้วนะ"

หวังหยวนส่ายหัว "คนเห็นแก่เงิน น้ำตาลทรายขาวไม่สามารถขายในเมืองฝูได้อีกแล้ว!"

จ้าวชิงเหอตกใจ "ทำไมกัน?"

หวังหยวนหรี่ตา "โจวฉางฟาทดสอบข้าซ้ำแล้วซ้ำอีก เขาต้องมีสงสัยอะไรอื่นอยู่ในใจแน่"

จ้าวชิงเหอตกตะลึง "ทำไมข้าถึงดูไม่ออก?"

หวังหยวนมองไปที่ด้านหน้ารถ "ต้าหู่ ดูว่ามีใครตามมาไหม”

จ้าวชิงเหอเม้มริมฝีปาก "พี่หยวนเงินกับสินค้าก็ตกลงกันเรียบร้อยแล้ว เจ้าของร้านโจวจะส่งคนมาตามพวกเรามาทำไมกัน!"

นางเพิ่งจะพูดจบ!

ต้าหู่ก็พูดขึ้น "พี่หยวน พี่น่าทึ่งมาก เสมียนคนนั้นจากของร้านโจวตามพวกเรามาจริง ๆ ด้วย !"

“เป็นไปได้ยังไง!”

จ้าวชิงเหอรู้สึกตกตะลึง เมื่อนางมองออกไปนอกหน้าต่างรถ เสมียนจากร้านน้ำตาลก้มศีรษะตามมาอย่างห่าง ๆ

หวังหยวนขมวดคิ้วและพูดเสียงเบาว่า "นั่นคือเหตุผลที่ข้าแกล้งทำเป็นเป็นลูกของตระกูลที่ร่ำรวย"

จ้าวชิงเหอขมวดคิ้ว "ถ้าพี่ขายน้ำตาลในฐานะชาวบ้านล่ะ!"

หวังหยวนพูดอย่างเย็นชา "คงถูกคนพวกนั้นจับ และทรมานเพื่อเค้นหาวิธีทำน้ำตาลทรายขาวแล้วน่ะสิ!"

หลายคนคิดว่า ด้วยเทคโนโลยีระดับปรมาจารย์ หากเดินทางย้อนเวลามายุคโบราณนั้นสามารถครองโลกได้

แต่แท้จริงแล้ว ไม่ว่าเทคโนโลยีจะสูงส่งเพียงใด หากไม่เข้าใจโลก มันก็จะถูกควบคุมโดยคนเท่านั้น และจะถูกมองว่าเป็นไก่ที่ออกไข่ทองคำได้ และจะถูกดึงคุณค่าออกมาอย่างต่อเนื่อง

"เป็นไปไม่ได้?"

จ้าวชิงเหอสงสัย "ตระกูลโจวมีชื่อเสียงเป็นผลเมืองที่ดีและใจบุญเป็นอย่างมาก!"

หวังหยวนส่ายหัว "ชิงเหอ คนใจดีอย่างแท้จริงไม่สามารถสร้างโชคลาภได้ เจ้าไม่เข้าใจว่ากำไรที่ซ่อนอยู่ในน้ำตาลทรายขาวที่ทำจากน้ำตาลทรายแดงนั้นมีมากมายมหาศาลแค่ไหน! หากตระกูลโจวเชี่ยวชาญในงานฝีมือนี้ พวกเขาจะทรงอำนาจในเมืองนี้ และกลายเป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดในโลก เมื่อพบกับผลประโยชน์มหาศาลเช่นนี้ จิ้งจอกชราอย่างโจวฉางฟาจะไม่รู้ได้อย่างไร”

นี่เป็นครั้งแรกที่ได้สัมผัสกับสิ่งนี้ ใบหน้ารูปไข่ของจ้าวชิงเหอซีดเซียว "แล้ว แล้วพวกเราจะทำอย่างไรกันดี ?"

ต้าหู่และหวังซื่อไห่ต่างก็รู้สึกใจสั่น

เป็นครั้งแรกที่พวกเขารู้สึกว่าโลกนี้ซับซ้อนกว่าที่พวกเขาคิดไว้มาก

หวังหยวนเตือน "กลับบ้านและกินน้ำตาลทรายขาวให้หมด อย่าให้ใครเห็น และช่วงนี้ก็อย่าเพิ่งออกจากบ้านไปไหน จะซื้ออะไรก็ให้ให้ลุงออกมาซื้อ เดี๋ยวข้าจะไปขายน้ำตาลทรายขาวที่เมืองจิ่วซาน"

ดวงตาของจ้าวชิงเหอเบิกกว้าง "นี่ก็อันตรายมากพอแล้ว ท่านยังจะไปที่เมืองจวิ้นอีกหรือ?"

หวังหยวนหัวเราะเบา ๆ "ยิ่งเมืองใหญ่ เงินก็ยิ่งมี ถ้าขายน้ำตาลทรายขาวยี่สิบจินนี้ในเมืองจวิ้นล่ะก็ น่าจะขายได้อย่างน้อยหนึ่งพันกว้านเป็นอย่างต่ำ"

จ้างชิงเหอพูดติดอ่าง "หนึ่ง หนึ่งพันกว้าน!"

"ต้าหู่ หยุดรถ ไปสั่งสอนบทเรียนให้กับเสมียนคนนั้นซะหน่อย!"

หวังหยวนพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มอีกครั้ง "ฝากเขาไปบอกเจ้าของร้านโจวด้วยว่า ถ้าเขาทำธุรกิจอย่างซื่อสัตย์ จะมีโอกาสได้รับความร่วมมือ แต่ถ้ามีความคิดไม่ซื่อ ก็จะไม่มีครั้งต่อไปอีก"

จากนั้นไม่นาน เสมียนคนนั้นกลับไปที่ร้านน้ำตาลของโจว ยกข้อมือที่บวมแดงขึ้น ก่อนจะส่งสารให้เจ้านายของตน

ใบหน้าของโจวฉางฟาขุ่นมัวเป็นอย่างมาก

...

หลังจากไปซื้อของและคืนรถม้าแล้ว ครึ่งชั่วโมงต่อมา ทั้งเจ็ดคนก็มาพบกันที่ประตูเมือง

เมื่อเห็นถุงใบเล็กใบใหญ่ ลุงก็รู้สึกเป็นกังวล "ชิงเหอ ทำไมเจ้าถึงไม่ห้ามปรามลูกพี่ลูกน้องของเจ้า ซื้อของมากมายขนาดนี้ได้อย่างไงกัน หนี้ก็ยังใช้ไม่หมดเลยนะ!"

จ้าวชิงเหอลดศีรษะลงและหน้าแดง

นางพยายามห้ามแล้ว แต่เมื่อไปถึงร้าน ลูกพี่ลูกน้องของนางถามราคาโดยไม่มีการต่อรองใด ๆ เขาไม่เพียงแต่ช่วยนางซื้อสร้อยข้อมือ ต่างหู และกิ๊บติดผมเท่านั้น แต่ยังซื้อเสื้อผ้าให้อีกสองชุด รองเท้าที่นางเคยอยากซื้อแต่ลังเลใจที่จะซื้อ รวมถึงเครื่องประทินผิว ซึ่งเติมเต็มความฝันทั้งหมดของนาง แน่นอนว่าเขาก็ซื้อให้คนอื่นด้วยเช่นกัน

หวังหยวนยื่นถุงผ้าให้ลุง "ลุง อย่าไปโทษชิงเหอเลย ข้าเป็นพี่ก็ควรซื้ออะไรให้นางบ้าง นี่คือเสื้อผ้าและรองเท้าสำหรับลุง กลับไปลองดูนะว่ามันพอดีหรือไม่!"

"อ๊ะ มีของข้าด้วยรึ! ลูกเอ๋ย เจ้าจะเสียเงินอะไรนักหนา ลุงมีครบทุกอย่างแล้ว"

ลุงหยิบถุงผ้าแล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย "ใช้เงินไปเท่าไหร่ล่ะ? เหลือใช้หนี้ไหม? หากไม่พอเดี่ยวลุงโปะให้!"

“พอแล้วลุง นี่ก็ดึกแล้ว เรากลับก่อนเถอะ!”

หวังหยวนโบกมือลาและพูดกับจ้าวชิงเหอ "อย่าลืมสิ่งที่ข้าบอกล่ะ!"

"รู้แล้วหน่า!"

จ้าวชิงเหอกล่าวในตอนท้าย ตลอดทางบอกข้าแปดครั้งได้แล้ว ว่าห้ามเปิดเผยวิธีการทำน้ำตาล และน้ำตาลทรายขาวที่เหลือควรซ่อนไว้ และรีบกินให้หมด

ห้าคนจากไป!

ลุงเฝ้ามองส่งพวกเขาตลอดทาง และเมื่อรถม้าหายไป เขาก็ถามจ้าวชิงเหอว่า "ลูกพี่ลูกน้องของเจ้าขายได้เท่าไหร่ ถึงได้ซื้อของมากมายขนาดนี้?"

จ้างชิงเหออ้าปาก "หก..."

“หกสิบกว้าน?”

ลุงพูดด้วยใบหน้าเข้ม "งั้นก็เหลือแค่ยี่สิบกว้านหลังจากชำระหนี้แล้ว ทำไมเจ้าถึงไม่ห้ามปรามเขา ทำไมถึงปล่อยให้เขาซื้อของมากมายสิ้นเปลืองเงินทองเช่นนี้"

จ้าวชิงหัวมองไปรอบ ๆ และกระซิบ "พ่อ ไม่ใช่หกสิบกว้าน แต่คือหกร้อยกว้าน!"

“ห๊ะ อะไรนะ หกร้อยกว้าน พระเจ้า เป็นไปได้ยังไง!”

ลุงพูดตะกุกตะกัก

จ้าวชิงเหอพูดขึ้นอีกครั้ง "พ่อ ข้าจะบอกอะไรให้ ตอนนี้พี่หยวนนั้นแสดงละครเก่งยิ่งนัก... "

ลุงฟังแล้วขมวดคิ้ว “ทำไมเสื้อผ้ากับรองเท้าพวกนี้หนักจัง!”

เมื่อเปิดออก ก็พบแท่งทองและแท่งเงินสองแท่งยัดอยู่ในเสื้อผ้านั้น

จ้าวชิงเหอตกใจ

ทั้งสองขายน้ำตาลและซื้อของด้วยกัน พวกเขาอยู่ด้วยกันตลอดเวลา ไม่รู้เลยว่าหวังหยวนยัดทองคำและเงินลงในถุงผ้าตั้งแต่เมื่อไหร่

ลุงตกใจ น้ำตาคลอเบ้า "พี่สาว หยวนเอ๋อโตแล้ว และรู้จักที่จะรักผู้อื่น น่าเสียดายที่ท่านไม่อยู่แล้ว มิเช่นนั้นท่านคงโชคดียิ่งนัก"

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status