เจิ้งอวิ๋นจวนรีบพูดอธิบาย “พ่อตาแม่ยายอย่าโมโห! ฉันไม่ได้หมายความแบบนี้ ฉันจะสงสัยความจริงใจของพวกคุณได้อย่างไร พวกคุณคือพ่อตาแม่ยายของเสี่ยวลั่ว ต้องหวังดีกับเขาอยู่แล้ว!”“ฉันหวังอยากให้เสี่ยวลั่วออกมาเร็วหน่อยอยู่แล้ว ต่อให้ออกมาล่วงหน้าหนึ่งวันก็เป็นเรื่องดี! เมื่อครู่มีตรงไหนที่ฉันพูดไม่ถูกต้อง ฉันขอโทษพวกคุณนะคะ พวกคุณอย่าใส่ใจกับหญิงแก่ที่ไม่เคยเจอสังคมคนนี้เลย”อวี๋ซือหยวนยกมือขัดคำพูดของภรรยา พูดด้วยความจริงจัง “เงินก้อนนี้ พวกเราต้องเอาออกมา!”สวีชุ่ยหลานกับหยางซิ่งเหวินมองตากัน ทั้งสองคนดีใจอย่างบ้าคลั่ง นี่สำเร็จแล้วเหรอ!ห้าแสนบาทเชียวนะ! พูดว่าเยอะก็ไม่เยอะ พูดว่าน้อยก็ไม่น้อย ถือว่าเอาดอกเบี้ยก้อนแรกมาจากไอ้ระยำลั่วอู๋ฉางแล้วกัน ต่อไปไม่เพียงยังมีอีก แต่จะยิ่งอยู่ยิ่งเยอะขึ้น“แต่ครอบครัวพวกเราจะเอาเงินห้าแสนบาทจากไหน?” เจิ้งอวิ๋นจวนลำบากใจอวี๋ซือหยวนพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด “ไม่พอก็ไปขอยืม! โทรหาญาติ ๆ เพื่อนกับเพื่อนร่วมงาน ยังมีเสี่ยวอี ให้เธอคิดหาวิธี ต้องรวบรวมมาได้อยู่แล้ว”เจิ้งอวิ๋นจวนพูดอย่างขมขื่น “ยืมเงินเป็นเรื่องง่ายขนาดนั้นที่ไหนกัน คุณลืมแล้วเหรอเมื่
อวี๋ซือหยวนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร “ฮัลโหล เถ้าแก่สวี ทางด้านฉันอยากขอยืมเงินหน่อย รีบใช้มาก ก่อนเที่ยงต้องได้มา คุณดูว่าได้หรือเปล่า?”“ใช้เท่าไหร่?” อีกฝ่ายถามกลับอวี๋ซือหยวนครุ่นคิด พูดจำนวนหนึ่งออกมา “สามแสนห้าหมื่นบาท”“ไม่มีปัญหา ในเมื่อเป็นลูกค้าเก่า กฎเกณฑ์นายก็รู้แล้ว ดอกเบี้ยร้อยละ 13 ขาดไปส่วนหนึ่งไม่ได้! นายมาที่นี่ตอนนี้ เซ็นชื่อลงนามก็เอาเงินไปได้ทันที”อวี๋ซือหยวนพยักหน้า “ได้ครับ ขอบคุณเถ้าแก่สวี ฉันจะไปเดี๋ยวนี้”สวีชุ่ยหลานกับหยางซิ่งเหวินท่าทางเจ้าเล่ห์ที่ทำสำเร็จ แอบดีใจ“พวกเราไปกับนาย ให้อีกฝ่ายโอนเงินเข้าบัญชีของฉันเลย บ้านของพวกนายเหม็นแทบจะตาย อยู่ต่อไม่ได้แม้แต่นาทีเดียว ฉันไม่รอนายอยู่ที่นี่หรอก” สวีชุ่ยหลานทำแบบนี้ ก็แค่กังวลว่าจะมีปัญหาอื่นแทรกเข้ามาอย่างไรซะคนที่เซ็นชื่อลงนามคืออวี๋ซือหยวน หนี้สินไม่เกี่ยวกับตระกูลหยางของพวกเขาแม้แต่สลึงเดียวอวี๋ซือหยวนตอบตบลงโดยไม่ต้องคิด พูดสั่งภรรยา “คุณรอผมอยู่ที่นี่ ผมไปเดี๋ยวเดียวก็กลับ”“ค่ะ เดินทางระวังนะ” เจิ้งอวิ๋นจวนไม่ลืมพูดเตือนอวี๋ซือหยวนหันหลังจะเดินออกไป เมื่อคิดว่าลั่วอู๋ฉางใกล้จะกลับมาแล้ว เขา
ภรรยาใจดำเสนอขอหย่าร้าง ในสายตาเห็นเพียงเงินทอง อำนาจและฐานะน้องชายภรรยาอกตัญญู ร่วมมือกับแม่ยายมาหาเรื่องถึงที่ ทั้งสองคนเหมือนกับผู้หญิงปากคอเราะราย ไม่มีมารยาทแม้แต่น้อยและก็พูดถึงเงินอยู่ตลอดเดิมทีลั่วอู๋ฉางคิดว่า พ่อตาหยางซิ่งเหวินจะเป็นคนมีเหตุผล รู้จักถูกผิด คิดไม่ถึงว่าเลวทรามเหมือนกับพวกเขา หรือแม้กระทั่งเลวเสียยิ่งกว่านี่ตรงกับคำพูดสมัยก่อนจริง ๆ ไม่ใช่คนนิสัยเดียวกัน อยู่ด้วยกันไม่ได้“หลอกเงิน ต้องมีเหตุผลด้วยเหรอครับ?” ลั่วอู๋ฉางพูดเสียงเย็นชา สิ้นหวังกับครอบครัวนี้อย่างถึงที่สุดลั่วอู๋ฉางอดคิดไม่ได้ ตอนนั้นตัวเองโง่เกินไป หรือพวกเขาแสดงได้ดีเก็บซ่อนไว้ได้ลึก ถึงได้ไม่เห็นความชั่วช้าของพวกเขาแม้แต่นิดสวีชุ่ยหลานถลึงตา ความปากร้ายในตอนปกติพุ่งขึ้นมาทันที กระทืบเท้า ชี้หน้าด่าลั่วอู๋ฉางสาดเสียเทเสียขึ้นมา “นายพูดจาซี้ซั้ว นี่มันเป็นการยัดเยียด ใส่ร้ายป้ายสี!”“แกสมรู้ร่วมคิดกับนังสารเลวกระทืบฉันกับจวิ้นหาว ตอนนี้ฉันเจ็บไปทั้งตัว!”“ยังมีลูกชายที่น่าสงสารของฉัน อายุยังน้อยก็ถูกนายหักขาทั้งสองข้าง เขาเพิ่งอายุยี่สิบสี่เอง ถ้าอนาคตเกิดพิการอะไร ชีวิตนี้ก็จบเห่แล้ว!
ดวงตาช่างน่าหวาดกลัวอย่างมาก!สวีชุ่ยหลานกับหยางซิ่งเหวินตกใจจนหน้าซีดและตัวสั่นไปหมดในดวงตาที่เต็มไปด้วยความอาฆาตและความเย็นชา พวกเขาเหมือนเห็นภูเขาซากศพและทะเลเลือด พญายมถือเคียวกันแหลมคม เผยรอยยิ้มแปลกประหลาดที่ทำให้คนขนลุกขนพองตอนนั้น ทนายบอกลั่วอู๋ฉางว่า ตระกูลหยางใช้ความพยายาม เอาหนังสือให้อภัยมาจากผู้เสียหาย มีโอกาสได้รับโทษสถานเบาในศาลตลอดเวลา ลั่วอู๋ฉางคิดว่าครอบครัวภรรยาใช้เงินและหาเส้นสาย สุดท้ายได้รับการให้อภัยจากหวังจื่อเฟิง เพื่อลดโทษให้เขาคิดแบบนี้แล้ว ตระกูลหยางถือว่าทำอย่างเต็มที่ ความทุ่มเทของลั่วอู๋ฉางก็คุ้มค่าในเมื่อ คุณอาอวี๋ซือหยวนเป็นครูมหาลัย ตลอดชีวิตนอกจากสอนหนังสือ ทำอะไรอย่าอื่นไม่เป็น รักษาและพัฒนาความสัมพันธ์ ต้องรู้จักประจบผู้มีอำนาจ นี่คือจุดด้อยของอวี๋ซือหยวนใครจะคิดว่า ทุกอย่างนี้สำเร็จได้เพราะอาอวี๋ขายบ้านและกู้ดอกเบี้ยสูงมา!หยางซิ่งเหวินตกใจจนรู้สึกหนาวไปทั้งตัว เขาทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ จึงจะพูดความจริงออกมา “คืออย่างนี้……”“คืออย่างนี้ ไม่เพียงตระกูลอวี๋ของพวกนายขายบ้าน ตระกูลพวกฉันก็ขายแล้ว!”สวีชุ่ยหลานรีบชิงคำพูดทันที ถลึงตาพูด “ก็ค
เจิ้งอวิ๋นจวนรีบเข้าไปห้าม “มีอะไรพูดกันดี ๆ อย่าลงไม้ลงมือสิ!”“นังขอทาน ไสหัวไปซะ!” หยางซิ่งเหวินผลักเจิ้งอวิ๋นจวนล้มลงกับพื้น โบกหมัดไปทางลั่วอู๋ฉางอีกครั้ง“ผลัวะ!”ลั่วอู๋ฉางถีบไปที่ท้องของหยางซิ่งเหวิน กระเด็นออกไปไกลสามสี่เมตร ล้มหน้าคะมำเต็ม ๆ“กล้าทำสามีฉัน ฉันสู้ตายแล้ว!” สวีชุ่ยหลานพุ่งเข้ามาลั่วอู๋ฉางขมวดคิ้ว พูดอย่างดุดัน “ไสหัวไป!”สวีชุ่ยหลานกลัวจนขี้หดตดหาย สองขาอ่อนแรง ล้มนั่งลงกับพื้นหยางซิ่งเหวินก็ตกใจอย่างมาก ทั้งสองคนสภาพน่าอนาถ ประคองกันและกันหนีหัวซุกหัวซุนจนกระทั่งพุ่งออกไปนอกประตู พวกเขาถึงรู้สึกความกดดันที่ลดลง สวีชุ่ยหลานวิ่งไปด้วย หันหลังกลับไปพูดข่มขู่ด้วย “ลั่วอู๋ฉาง แกมันไอ้ระยำที่เกาะผู้หญิงกินเป็นอย่างเดียว แกคอยดูเถอะ ฉันไม่ฆ่าแกให้ตาย ฉันก็ไม่ใช่สกุลสวี!”อวี๋ซือหยวนประคองภรรยา พูดอย่างกลัดกลุ้ม “เสี่ยวลั่ว มีอะไรค่อย ๆ พูดไม่ได้เหรอ? ต้องทำให้แย่ถึงขนาดนี้ ต่อไปจะกู้กลับไม่ได้”“เดิมทีก็ไม่มีที่ให้กู้กลับอยู่แล้ว”ลั่วอู๋ฉางถึงได้เผยรอยยิ้มออกมาอีกครั้ง พูดว่า “เรื่องในอดีต ก็ให้มันผ่านไปเถอะ อาอวี๋สอนผมเอง อย่าใส่ใจกับเมื่อวานมากเกินไป
เสียงตบหน้าที่ดังกังวาน ดังไปทั่วลานบ้านลั่วอู๋ฉางยังคงกางแขนออกด้วยท่าทางเก้กัง ใบหน้าเต็มไปด้วยความเหนือคาดอวี๋ซือหยวนกับเจิ้งอวิ๋นจวนก็ตกตะลึง สามีภรรยาสูงวัยคิดไม่ถึงว่าลูกสาวจะทำแบบนี้ ไม่มีการเตรียมใจเลยสักนิดความเป็นจริง จากความสามารถของลั่วอู๋ฉาง หลบฝ่ามือนี้เป็นเรื่องที่ง่ายดายมากอย่าว่าแต่อวี๋อีเหรินเด็กผู้หญิงที่อ่อนแอบอบบางแบบนี้ ต่อให้เปลี่ยนเป็นทหารกองกำลังพิเศษที่แข็งแกร่งความสามารถเก่งกาจ แปดคนสิบคนก็อย่าคิดจะเข้าใกล้เขาจนกระทั่งฝ่ามือตกลงบนใบหน้าของเขาอย่างแรง ลั่วอู๋ฉางก็ไม่อยากเชื่อว่านี่เป็นความจริงเขาจินตนาการไม่ออก เด็กน้อยที่ติดตามเขาตลอดทั้งวัน ดวงตาโตที่สดใสเต็มไปด้วยความชื่นชม ไม่ยอมออกห่างเขา จะลงมือตบตัวเองต้องรู้ไว้ว่า ลั่วอู๋ฉางกับอวี๋อีเหรินไม่ใช่พี่น้องแท้ ๆ แต่กลับยิ่งกว่าพี่น้องแท้ ๆ!ลั่วอู๋ฉางครุ่นคิด นี่อาจจะเป็นเพราะความหวังยิ่งมาก ผิดหวังก็ยิ่งมากสินะเขาในอดีตดีเลิศพอ ทั่วตัวเปล่งประกายแสง อวี๋อีเหรินเหมือนกับเด็กผู้หญิงคนอื่น ๆ ชื่นชมเขาก็เป็นเรื่องธรรมดาใครจะไปคิด ลั่วอู๋ฉางจะกลายเป็นนักโทษ อยู่ข้างในสี่ปีเต็ม ๆความชื่นชมของ
"ลั่วอู๋ฉาง เรื่องพวกนี้นายเป็นคนก่อขึ้น! ตอนนี้ นายมีสิทธิ์อะไรปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขา แถมยังทำร้ายครอบครัวพวกเรา ทำร้ายจนแย่ไม่พออีกเหรอ?"ลั่วอู๋ฉางใบหน้าตกตะลึง พูดไม่ออก!เดิมทีเขาคิดว่า อวี๋อีเหรินผิดหวังต่อตนเอง เกลียดที่เขาไม่มุมานะ คิดไม่ถึงว่าจะเป็นความเกลียดแค้นเข้ากระดูก!ความจริงแล้ว เขาสังเกตุเห็นตั้งนานแล้วว่าอาอวี๋ใบหน้าเหี่ยวย่น อาสะใภ้เจิ้งผ่านความยากลำบากมาเยอะมาก ทั้งสองคนเทียบกับคนรุ่นเดียวกัน เห็นได้ชัดว่าแก่กว่าเป็นสิบกว่าปีโดยเฉพาะอาสะใภ้เจิ้ง มือหยาบกร้านปกคลุมไปด้วยรอยแตกกับแผลเปื่อยเพราะความเย็น ต้องรู้ไว้ว่าตอนนี้เป็นช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วง มากสุดนับเป็นต้นฤดูหนาว แค่คิดก็รับรู้แล้ว่าช่วงปลายฤดูหนาว สองมือของเธอจะกลายเป็นแบบไหนลั่วอู๋ฉางโกรธแค้นเข้ากระดูกดำ แทบอยากจะตบหน้าตัวเองแรง ๆ!นี่ก็เหมือนกับที่อวี๋อีเหรินพูดไว้ ตัวเองหลบไปเพลิดเพลินอยู่ในคุก ไม่รับรู้เรื่องของโลกภายนอกและยังคิดอย่างไร้เดียงสาว่า ตัวเองแบกรับทุกอย่างไว้ ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใคร พวกเขาจะมีชีวิตอยู่ข้างนอกอย่างดีมากผลลัพธ์กลับตรงกันข้าม"ลูกใช้ชีวิตอย่างลำบาก เป็นเพราะพ่อไม่ม
อวี๋อีเหรินนิ่งอึ้งอยู่ที่เดิม น้ำตาคลอเบ้า ท่าทางน่าสงสารอย่างมากเธอฝืนกลั้นไม่ให้น้ำตาไหลออกมา น้ำเสียงแฝงไปด้วยเสียงร้องไห้ที่ชัดเจน “พ่อ เพื่อลั่วอู๋ฉางคนอันตรายคนนี้ แม้แต่ลูกสาวแท้ ๆ คนนี้พ่อก็ไม่ยอมรับแล้วใช่ไหม?”อันที่จริง ในตอนที่อวี๋ซือหยวนพูดคำที่โหดร้ายออกมา ในใจก็รู้สึกเสียใจแล้วแต่หน้าตาและศักดิ์ศรีในฐานะผู้อาวุโส บวกกับการปกป้องที่มีต่อลั่วอู๋ฉาง ลิขิตให้เขาไม่สามารถก้มหัวให้ลูกสาวได้ง่าย ๆอวี๋ซือหยวนเป็นรุ่นน้องของพ่อลั่วอู๋ฉาง ทั้งสองคนต่างเป็นบุคคลที่มีความสามารถมีศีลธรรมและการเรียนดีเด่น เป็นบุคคลสำคัญในการปลูกฝังโรงเรียนภายหลังมีโอกาสรับตำแหน่งสอนหนังสือที่โรงเรียน ภายใต้การเปรียบเทียบ พ่อของลั่วอู๋ฉางมีคุณสมบัติมากกว่า โอกาสชนะเยอะกว่าแต่เขาพิจารณาว่าฐานะทางบ้านของอวี๋ซือหยวนไม่ดี หลังจากเรียนจบทำได้แค่กลับบ้านเกิด อย่างมากก็เป็นแค่ครูประถมศึกษา ถูกฝังกลมตลอดชีวิต จึงเป็นฝ่ายสละสิทธิ์ให้ ตัวเองพาภรรยาที่เพิ่งแต่งงานใหม่ไปที่ทีมสำรวจวิทยาศาสตร์แนวหน้าอวี๋ซือหยวนรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณ แม้แต่เจิ้งอวิ๋นจวนภรรยาของเขา ก็เป็นเพราะแม่ของลั่วอู๋ฉางเป็นแม่สื่อ