ดวงตาหนานมู่เจ๋อกระตือรือร้น และหลังจากพูดแล้ว เขาก็เดินไปยังทิศทางที่หลิ่วเซิงเซิงจากไปหลังจากนั้นเพียงไม่กี่ก้าว ท่านเจ้าเมืองก็ปรากฏตัวต่อหน้าเขา"ฝ่าบาท ฝั่งหยุนตูมีความเคลื่อนไหวอีกแล้ว!"หนานมู่เจ๋อหายใจเข้าลึกและต้องหยุด "เกิดอะไรขึ้น?""ตอบฝ่าบาท รายงานจากแนวหน้า หยุนตูไม่ได้ถอนกำลัง แต่ตั้งค่ายอยู่บนทุ่งหญ้าไม่ไกลจากประตูเมืองของเรา เกรงว่าเขาจะต้องทำสงครามที่ยืดเยื้อกับเรา!"เมื่อได้ยินสิ่งนี้ เสี่ยวเจียงก็รีบถามว่า "ยืนอยู่บนกำแพงเมือง สามารถเห็นค่ายของพวกเขาไหม?""อยู่ค่อนข้างไกล แต่ถ้ายืนสูง ๆ ก็จะมองเห็นได้นิดหน่อย"เจ้าเมืองพูดอย่างจริงจัง "ฝ่าบาทจะเสด็จไปดูหรือไม่?"หนานมู่เจ๋อดูเหมือนจะฟุ้งซ่านเล็กน้อย จนกระทั่งเขาได้ยินคำเตือนของเสี่ยวเจียง เขาก็พยักหน้า"ไปกันเถอะ""..."ในไม่ช้าพวกเขาก็ออกจากจวนเจ้าเมือง ขี่ม้าและรีบไปที่ประตูเมืองด้วยเหตุผลบางอย่าง นับตั้งแต่เขาเห็นรอยแผลเป็นบนหลัง หัวใจของหนานมู่เจ๋อก็สับสน รู้สึกเสมอว่าร่างด้านหลังนั้นคุ้นเคยมาก...เสี่ยวเจียงที่อยู่ด้านข้างดูเหมือนจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่างและพูดอย่างจริงจัง "ท่านอ๋อง พระชายาไม่อยู่
อี้โจวโกรธมาก ขณะที่กำลังจะพูด หลิ่วเซิงเซิงก็เดินออกไปอย่างเย็นชา "เดิมทีพวกเรากำลังจะไป ในเมื่อฮูหยินน้อยกระตือรือร้นมาก ข้าคิดว่าเราอยู่ต่อดีกว่า"สีหน้าสาวใช้เปลี่ยนไป "เจ้ารู้ตัวเองมั๊ยว่ากำลังพูดอะไรอยู่?""ในเมื่อเจ้านำคำพูดมาด้วยความกระตือรือร้นขนาดนี้ งั้นข้าก็ต้องกระตือรือร้นหน่อย เจ้าก็ช่วยข้าบอกฮูหยินน้อยด้วย นัดเธอไปพบที่หย่งชุนถังพรุ่งนี้เถอะ ถ้าเธอไม่มา เรื่องราวความเจ้าชู้ของเธอในเมืองหลวงในอดีตก็จะสะเทือนในเจียงเฉิง"เมื่อเห็นใบหน้าที่ยิ้มแย้มของหลิ่วเซิงเซิง สาวใช้ก็โกรธมาก "เจ้าหมายความว่าอย่างไร?""ความหมายของข้าเจ้าไม่จำเป็นต้องเข้าใจ ฮูหยินน้อยของเจ้าเข้าใจก็พอ"หลังจากพูดจบ หลิ่วเซิงเซิงก็ปิดประตูอย่างไม่เกรงใจและกลอกตา "อะไรวะเนี่ย"อี้โจวยังเยาะเย้ยว่า "ไม่ดูตัวเองเลยว่าตัวเองเป็นยังไงยังกล้ามาขู่ ผู้หญิงคนนั้นช่างปัญญาอ่อนไม่รู้เรื่อง!""กลัวว่าสมองจะใช้ในการหลอกลวงผู้ชายอย่างเดียว"หลิ่วเซิงเซิงดูถูกเหยียดหยามและกระซิบคำพูดสองสามคำกับอี้โจว ก่อนที่จะกลับไปที่ห้องเพื่อพักผ่อนเช้าวันรุ่งขึ้นเมื่อหลิ่วเซิงเซิงมาถึงหย่งชุนถัง หรงหรงก็รออยู่ที่ประตูมาน
ราวกับว่าศรัทธาทั้งหมดของเขาพังทลายลงในขณะนี้ หรงหรงก็ถอยหลังไปหนึ่งก้าวและเกือบจะล้มลงกับพื้นเธอมองไปที่หลิ่วเซิงเซิงด้วยความหวาดกลัว "เจ้า เจ้าวางแผนข้า?"หลิ่วเซิงเซิงพูดอย่างบริสุทธิ์ใจ "จะพูดได้ยังไงว่าเป็นแผนการ? ทุกคำที่เจ้าพูดนั้นเจ้าเป็นคนพูดเอง และทุกการกระทำที่เจ้าทำนั้นถูกวางแผนอย่างรอบคอบด้วยตัวเจ้าเอง เจ้าเองที่มาที่นี่เพื่อข่มขู่ข้า ข้าไม่ใช่พยาธิในท้องของเจ้า จะรู้ได้อย่างไรว่าเจ้ามาที่นี่แล้วจะทำเรื่องแบบนี้?"ขณะพูด เธอก็เอามือแตะหน้าตัวเองอีกครั้ง "ตบนั้นเจ็บใช่ไหม? เห้อ ครั้งที่แล้วเจ้าก็ทำแบบนี้ ไม่รู้จริง ๆ ว่าเจ้าคิดยังไง บางทีคนหน้าหนาตบยังไงก็ไม่เจ็บใช่ไหมล่ะ?"หรงหรงสั่นไปหมด "มันมากเกินไปแล้ว! พวกเจ้าทำมากเกินไปแล้ว...""พอแล้ว!"จู่ ๆ เฉินโย่วก็ขัดจังหวะเธอ แล้วพูดอย่างเย็นชา "ใครกันแน่ที่ทำเกินไป? แล้วใครกันแน่ที่หลอกลวง? หรงหรง เจ้าไม่คิดจะอธิบายให้ข้าฟังหน่อยเหรอ?"หรงหรงตื่นตระหนก "สามี ท่านอย่าถูกหลอก นี่เป็นแผนการของพวกเขาทั้งหมด พวกเขาจงใจนัดข้ามา จงใจนำข้าให้พูดคำที่ไม่ดีเหล่านั้น แล้วจงใจพาท่านไปที่ประตู ทุกอย่างเป็นไปโดยเจตนา พวกเขาแค่คิดจะ
หนานมู่เจ๋อเพียงมองไปรอบ ๆ อย่างสงบ ร้านขายยาแห่งนี้ไม่ใหญ่นักและไม่ต่างจากร้านขายยาอื่น เขาไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงมาที่นี่โดยบังเอิญ เขาเหลือบมองบันไดข้าง ๆ แล้วถามว่า "ชั้นสองเป็นที่พักผ่อนของพวกเจ้าเหรอ ?"หมอเหอยิ้มและกล่าวว่า "ตอบฝ่าบาท ชั้นบนเป็นห้องผู้ป่วย ให้ผู้ป่วยหนักบางคนได้พักผ่อน"เฉินเหลียงเฟิงพยักหน้าอย่างชื่นชม "มีห้องผู้ป่วยในร้านขายยา ค่อนข้างหายาก"หมอเหอกล่าวว่า "นี่คือความคิดของหมอเทวดาหลิ่วทั้งหมด เธอบอกว่าผู้ป่วยบางคนมีไข้สูงไม่ลด ถ้าอยู่บ้านตลอดเวลา ไข้นาน ๆ จะเผาสมอง ถ้ารุนแรงหน่อยก็ควรอยู่ที่ร้านขายยา มีอะไรก็แก้ไขได้ทันที""หมอเทวดาหลิ่วของพวกเจ้าอยู่ชั้นบนหรือเปล่า?"หนานมู่เจ๋อจู่ ๆ ก็ถามขึ้นหมอเหอพยักหน้า "ให้ข้าน้อยไปเชิญเธอลงมามั๊ย?""อ๋องชาง ท่านเจ้าเมือง มีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้น!"ได้ยินแต่เสียงตื่นตระหนกจากนอกประตู จากนั้นองครักษ์ก็รีบเข้ามา ทันทีที่เข้ามา ก็คุกเข่าลงบนพื้น "มีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้น!"หนานมู่เจ๋อหงุดหงิดเล็กน้อย "พูดมา""โรคระบาด โรคระบาดเข้ามาในเมืองแล้ว หลายคนในเมืองมีอาการอาเจียนด้วยกัน ริมฝีปากของพวกเขาเป็นสีม่วง กินอะไรก็
"ชีวิตและความตายของคนคนหนึ่งไม่สำคัญเท่ากับชาวบ้าน ถ้าวันนั้นเป็นเจ้าและข้าสองคนไปช่วยที่ประตูเมือง ชาวบ้านทั้งเมืองมองด้วยสายตาเย็นชา งั้นวันนี้ข้าก็จะมองด้วยตาเย็นชา แต่วันนั้นชาวบ้านทั้งเมืองมาช่วยเหลือ พวกเขาเห็นแก่หน้าข้ามาก แม้ว่าพวกเขาจะเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง พวกเขาก็ไปแล้ว ในเมื่อเป็นแบบนี้ วันนี้ข้าก็ไม่เข้าไปยุ่งไม่ได้ นี่จึงเป็นการไปมาหาสู่กันตามมารยาท"สายตาของหลิ่วเซิงเซิงแน่วแน่มาก "ถ้าไม่ใช่โรคระบาด การมาของเราก็แค่ไร้ประโยชน์ แต่ถ้าเป็นโรคระบาดจริง ๆ ข้าจะพยายามอย่างเต็มที่ อย่างที่หมอเหอพูด นี่เป็นพื้นฐานที่สุดในฐานะหมอ"อี้โจวถอนหายใจ "ท่านเป็นแบบนี้มาตลอด คนที่ทำดีแก่ท่านก็จำได้ ก็เหมือนคนที่ทำไม่ดีแก่ท่าน ท่านก็จำได้ ท่านพูดมีเหตุผลอย่างนี้ ข้าจะได้ไม่กล้าพูดว่าท่านเป็นห่วงอ๋องชางแล้ว""แคกแคกแคก..."หลิ่วเซิงเซิงไอสองสามครั้งแล้วพูดว่า "อย่าเดาไปทั่ว"ขณะที่อี้โจวกำลังจะพูด หมอทุกคนที่อยู่ข้างหน้าก็เข้าไปแล้ว และในไม่ช้าพวกเขาก็ส่ายหัวออกมาหมอเหอกลับมาหาหลิ่วเซิงเซิงด้วยสีหน้าเคร่งขรึม "แม่นาง ไม่จำเป็นต้องเข้าไปดูเลย มันเป็นโรคระบาดจริง ๆ"เมื่อเห็นสีหน
กลางคืนแสงจันทร์สลัว ๆ ส่องผ่านหน้าต่างมาที่เตียง บนเตียงมีชายหนุ่มรูปงามกำลังบีบคอผู้หญิงขี้เหร่ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความรังเกียจ"กล้าวางยาข้า หลิ่วเซิงเซิง เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าฆ่าเจ้าใช่ไหม?"ใบหน้าของผู้หญิงเต็มไปด้วยน้ำตาสามปีแล้วเพื่อที่จะแต่งงานกับเขา เธอบังคับพ่อของเธอซึ่งเป็นวีรบุรุษทางทหารไปขอพระราชทานแต่งงานจากฮ่องเต้ เธอผ่านความยากลำบากมาทุกรูปแบบและในที่สุดก็ได้แต่งงาน แต่หลังจากรออยู่หนึ่งปี แต่แม้แต่ใบหน้าของเขาก็ไม่ได้เห็นวางยาเขาเพราะไม่มีทางเลือกจริง ๆ สามปีแล้วไม่มีออกมาเลย เธอเป็นขี้ปากชาวไปหมดแล้วแม้รู้ว่าเขารังเกียจตน แต่ก็ไม่คิดว่าเขาจะรังเกียจมากขนาดนี้ แม้กระทั่งคิดจะลงมือฆ่า..."ฉึก เจ็บ..."ไม่แน่ใจว่าเป็นความเจ็บปวดบนร่างกายหรือคอ หลิ่วเซิงเซิงจับข้อมือของหนานมู่เจ๋อด้วยความเจ็บปวด"เจ้ารังเกียจข้าขนาดนี้เลยเหรอ? ทนไม่ไหวถึงกลับจะฆ่าข้าถึงจะพอใจ?""เจ้าทำให้ข้ารู้สึกขยะแขยง ฆ่าเจ้า ยังสกปรกมือข้า"หลังจากทำแบบลวก ๆ หนานมู่เจ๋อก็ดึงมือของเขากลับในที่สุดเขาสวมเสื้อคลุมของเขาด้วยความน่ารังเกียจ "ใครก็ได้ มาลากพระชายาไปในจวนเย็น อย่าให้ข้าเห็
หลังจากนั้นไม่นาน"พระชายา ถ้ามันไม่ได้ผลก็กลับจวนแม่ทัพกันเถอะ จวนเย็นนี้โทรมเกินไป แม้ว่ากลับไปจะดูไม่ดีนัก แต่ก็ดีกว่าทนทุกข์อยู่ที่นี่ ท่านแม่ทัพรักท่านมาก เขาจะต้องหาทางช่วยท่านอย่างแน่นอน…"ทันทีที่เข้าไปในจวนเย็น เสี่ยวถังก็พูดอย่างสั่นเทาเมื่อมองดูบ้านที่เต็มไปด้วยใยแมงมุม สีหน้าของหลิ่วเซิงเซิงก็ยังคงสงบ"หยุดพูดได้แล้ว ทำความสะอาดห้องหนึ่งออกมาก่อนเถอะ แล้วค่อยเอาน้ำร้อนมาให้ข้าอาบน้ำ""ได้ เพคะ..."เสี่ยวถังพยักหน้าอย่างอ่อนแอ รู้สึกราวกับว่าพระชายาเปลี่ยนไปเป็นคนล่ะคน...เมื่อพูดถึงจวนเย็น ที่จริงแล้วมันเป็นจวนที่ถูกทิ้งร้าง เสี่ยวถังยุ่งอยู่พักหนึ่งก่อนจะจัดห้องออกมาหนึ่งห้องหลังจากอาบน้ำ หลิ่วเซิงเซิงนั่งเหนื่อยอยู่หน้ากระจกทองแดง เธออยากเห็นรูปร่างของเธอตอนนี้ แต่เพียงมองแวบเดียว เธอเห็นสิวและตุ่มหนองทั่วใบหน้าขี้เหร่มาก น่าขยะแขยงมาก...ไม่น่าแปลกใจที่ใคร ๆ ก็เรียกเธอว่าขี้เหร่...ไม่สิ ทำไมสิวเหล่านี้จึงแตกต่างจากสิวทั่วไป?หลิ่วเซิงเซิงสังเกตใบหน้าของตนอย่างระมัดระวัง"ถุย..."สิวอะไรกัน นี่เป็นพิษร้ายแรงที่ทําลายรูปลักษณ์คนให้เสียโฉม!ใครกันที่น่าขย
เสียงอึกทึกครึกโครมอยู่นอกประตู แต่หลิ่วเซิงเซิงไม่สนใจ เธอเอื้อมมือไปจับท้ายทอย แต่สัมผัสได้แค่เลือดเต็มมือ...เด็กทั้งสองถูกอุ้มลงไป หนานมู่เจ๋อเข้าประตูมาด้วยความโกรธและป้าหวังก็คุกเข่าลงกับพื้น"ท่านอ๋องช่วยด้วย! ช่วยลูกสองคนที่น่าสงสารของข้าด้วย! พระชายานี่แหละที่ทำให้พวกเขาเป็นแบบนี้ แต่ตอนนี้พระชายายังอยากจะทำร้ายพวกเขาอีก ข้าน้อยมีความผิดที่ทำร้ายพระชายา แต่เธอทำเกินไปจริง ๆ..."หลิ่วเซิงเซิงต้องการพูด แต่เลือดไหลมากเกินไป และเธอทำได้เพียงจับบริเวณที่บาดเจ็บอย่างแรงเมื่อมองขึ้นไป ดวงตาที่รังเกียจของหนานมู่เจ๋อ ดูเหมือนจะอยากถลกหนังเธอทั้งเป็น"แม่แต่เด็กก็ยังไม่เว้น หลิ่วเซิงเซิงความชั่วร้ายของเจ้าทำให้ข้าเปิดหูเปิดตาจริง ๆ"เสี่ยวถังคุกเข่าลงอย่างรวดเร็วแล้วพูดว่า "ขอประทานอภัยท่านอ๋อง เรื่องไม่ได้เป็นแบบนั้น พระชายาของข้าน้อยพยายามช่วย...""เองมีสิทธิ์พูดด้วยเหรอ?"หนานมู่เจ๋อเหลือบมองไปด้านข้างของเธอแล้วพูดว่า: "เรียกคนมา พระชายา มีจิตใจชั่วร้าย นับจากนี้ไป ห้ามใครนำอาหารมาให้เธอ ถ้าเธอก้าวออกจาก จวนเย็นนี้แม้แต่ก้าวเดียว ทุกคนที่เฝ้าจวนเย็นจะต้องโดนฝังเป็นเพื่อนเธอ