เป็นเพราะทั้งสองไม่ได้พูดคุยกันอย่างละเอียด แรกเริ่มเดิมทีซูเหวินฮวาจึงไม่ได้ให้ข้อมูลแก่เย่เทียนหยู่ เขาต้องการค้นหาให้ชัดเจนยิ่งขึ้นแต่ไม่คิดเลยว่าหลี่ว์ซิงเหอจะลงมือเร็วขนาดนี้ และสถานการณ์ปัจจุบันก็เกิดขึ้นภายในไม่กี่วันแต่ด้วยเหตุนี้ ซูเหวินฮวาจึงไม่เพียงแต่จัดเตรียมเทปบันทึกเท่านั้น แต่ยังให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องอีกมากมายเพื่อช่วยให้คนของเย่เทียนหยู่ดำเนินการได้อย่างรวดเร็วพวกเขาพยายามอย่างหนักเพื่อหาว่าใครบ้างที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ดูแลผิว จนทำให้คนจำนวนหนึ่งเกิดปัญหาผิวแม้หลี่ว์ซิงเหอจะกล้าหาญ แต่ก็ไม่กล้าปล่อยให้ทุกคนต้องทนทุกข์ทรมาน การชดเชยดังกล่าวจะทำลายหลินซื่อกรุ๊ปและจะไม่ทำประโยชน์ใด ๆ ให้กับเขานอกจากนี้ยังมีแผนกบริการลูกค้าที่ทำให้พวกเขาพูดเรื่องไร้สาระแบบนั้นและนำปัญหามาสู่ หลินหว่านหรูแน่นอนว่ายังมีสื่อต่างๆแอบโปรโมตอยู่ด้วยทันทีที่บันทึกนี้ออกมา ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะยืนตะลึงกับจุดนั้นแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้คัดค้าน หลินหว่านหรูอยู่ในใจ แต่พวกเขาเชื่อว่า หลินหว่านหรูล้มเหลวในการควบคุมคุณภาพเครื่องสำอางที่นำไปสู่ปัญหาในปัจจุบันถ้าหลินหว่านหรูไม่ต้องเ
เมื่อหลินหว่านหรูได้ยินก็ยิ่งโมโห “ประธานซู นี่คุณยังข่มขู่กันแบบเปิดเผยอีกเหรอคะ? คุณอย่าลืมนะ ว่าทุกอย่างในห้องนี้จะถูกเผยแพร่ไปด้านนอก คุณไม่กลัวถูกประณามหรือไง?”“ประณาม?”“ใครจะประณาม พวกพนักงานชั้นต่ำที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่น่ะเหรอ?”“น่าตลกสิ้นดี!”ซูเหวินฮุยเผยสีหน้าเย่อหยิ่ง“จะว่าไปแล้ว เมื่อกี้นี้ผมเพิ่งให้คนตัดการเชื่อมต่อของที่นี่กับคนข้างนอกไปน่ะนะ” เขาพูดอย่างเยาะเย้ย“เพราะอย่างนั้นเองสินะ ถึงว่าทำไมถึงได้ผยองขนาดนี้”เย่เทียนหยู่เอ่ย “แต่ว่านะประธานซู เราทำสิ่งใดฟ้าย่อมมีตา คุณไม่กลัวกรรมตามสนองหรือไง?”“กรรมตามสนอง ใครจะมาสนองผมได้ คุณเหรอ?”“หรือไอ้พวกชั้นต่ำไร้สมองข้างนอกนั่น?”“ช่างน่าหัวเราะจริงๆ!”ซูเหวินฮุยพูดอย่างเย็นชา “หลินหว่านหรู ผมจะไม่พูดเหลวไหลกับพวกคุณอีก สรุปแล้ว ถ้าคุณแก้ปัญหาเครื่องสำอางปัวเรต์ไม่ได้ ก็รอชดใช้ก็แล้วกัน”“แต่ว่าตอนนี้คุณทำให้ผมโมโห คงไม่ได้ชดใช้กันแค่เงินสองร้อยห้าสิบล้าน นอกจากชดใช้ด้วยเงินแล้ว ยังมีด้วยชื่อเสียงกับอื่น ๆ ด้วย”“ส่วนคุณ เย่เทียนหยู่ เพลิดเพลินกับชีวิตช่วงนี้ให้ดีเถอะ เพราะวันเวลาของคุณคงเหลืออีกไม่มาก”ยิ่
เรื่องอะไรกัน?ที่แท้เรื่องจริงเป็นแบบนี้อย่างนั้นเหรอ?แต่ที่ประธานหลี่ว์พูดไว้ก็ไม่ผิด หัวหน้าทีมฝ่ายขายตัวเล็ก ๆ อย่างเย่เทียนหยู่ จะไปเอาความกล้าบ้าบิ่นขนาดนี้มาจากไหนถ้าไม่ได้รับคำชี้แนะจากประธานหลิน?แต่ว่า มันเป็นเทปเสียงปลอมจริงหรือเปล่า?มองจากสีหน้าของนายน้อยตระกูลซูแล้ว ดูเหมือนจะไม่ใช่ของปลอมไม่อย่างนั้นละก็ เกรงว่านายน้อยตระกูลซูคงไม่ยอมปล่อยเขาไปง่าย ๆ แบบนี้แน่หลินหว่านหรูโมโหยิ่งกว่า เรื่องราวมันไม่ได้เป็นแบบนั้นเสียหน่อย ตั้งแต่ต้นจนจบ เธอเป็นแค่คนโง่ที่ถูกเรื่องราวพาไป โดยที่ไม่ได้เป็นผู้นำเรื่องราวเลยสักนิดเมื่อเย่เทียนหยู่ได้ยินแบบนั้น เขากลับพูดขึ้นเสียงดังโดยไม่ได้เกรงกลัว “หลี่ว์ซิงเหอ คุณพูดถูกแล้ว เดิมทีประธานหลินไม่ได้วางแผนจะรับผิดชอบความผิดนี้อยู่แล้ว”ทันทีที่สิ้นคำพูด ทุกคนต่างก็ตะลึงงันทุกคนเบิกตากว้าง และเกิดสงสัยหูตัวเองอะไรกัน นี่เย่เทียนหยู่ช่วยประธานหลี่ว์เหรอ?หากหลี่ว์ซิงเหอพูดเอง พวกเขาคงจะเชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง แต่คำพูดของเย่เทียนหยู่ยืนยันทุกอย่างอย่างไม่ต้องสงสัยหลินหว่านหรูสับสนขึ้นมาทันที เธอไม่คิดเลยว่าเย่เทียนหยู่จะพูดยอมรั
หากเธอสามารถผ่านวิกฤตินี้ไปได้จริงๆ ไม่ว่าเธอจะดำเนินนโยบายอะไรก็ตาม การนำไปปฏิบัติก็จะง่ายขึ้น และเธอก็สามารถตระหนักถึงความทะเยอทะยานของเธอได้อย่างแท้จริงและบริษัทจะกลายเป็นเสาหินและเป็นหนึ่งเดียวคนเลวคนนี้คิดไปไกลมากจริงๆแต่ปัญหาก็คือ แค่อาศัยการบันทึกแบบนั้น นอกจากนี้ บันทึกไม่ได้พูดอะไรโดยละเอียด ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะพิสูจน์ว่าหลี่ว์ซิงเหอมีส่วนเกี่ยวข้องเพราะฉะนั้น เทปบันทึกเสียงเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอเว้นแต่เขาจะเตรียมการอย่างอื่นแต่ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็แค่คนธรรมดาคนหนึ่ง การได้รับบันทึกนั้นอยู่นอกเหนือจินตนาการของเขา มีสถานการณ์อื่นใดที่เขาสามารถค้นพบได้หรือไม่?ในขณะนี้ หลิวเหวินก็เข้าใจเช่นกัน เพราะเธอรู้ดีว่าประธานหลินไม่รู้เรื่องทั้งหมดนี้เลย และยังตกใจและสูญเสียอีกด้วยแต่ภายใต้บรรจุภัณฑ์ของเย่เทียนหยู่ ปรากฏว่าประธานหลินรู้ทุกอย่างแล้วและมีไข่มุกแห่งปัญญาอยู่ในมือของเขาหากครั้งนี้ปลอดภัย ประธานหลินก็จะไม่มีข้อจำกัดใดๆ กับความทะเยอทะยานทางธุรกิจของเธออีกต่อไปแต่เห็นได้ชัดว่าหลี่ว์ซิงเหอจะไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ง่ายๆ และดุทันที “คุณยังคงพูดเรื่องไร้สาระ เ
เทียบกับความสงบของคนอื่น เห็นได้ชัดว่าหัวใจของหลี่ว์ซิงเหอกำลังกระสับกระส่าย และเมื่อเขาเห็นชายคนนั้นถูกพาเข้ามา สีหน้าของเขาก็มืดมนลงกว่าเดิมถึงชายคนนี้จะคุกคามเขาได้ไม่มาก แต่มันเป็นการยืนยันว่าเย่เทียนหยู่ค้นพบความจริงซูถิงแอบรวดร้าวในใจ เย่เทียนหยู่สมเป็นเย่เทียนหยู่ ไม่เพียงแค่อำนาจล้นฟ้า แต่ความสามารถของเขายังโดดเด่น เพียงแค่พริบตาก็เปลี่ยนเรื่องราวทุกอย่างได้แต่ว่า ทำไมในสายตาเขาถึงมีแต่หว่านหรู ทำไมเขาถึงไม่มองมาที่คนข้างๆ หว่านหรูอย่างเธอบ้าง?นอกจากฐานะทางบ้านแล้ว เธอแก้หลินหว่านหรูที่ตรงไหนต้องโทษหลินหว่านหรู เป็นผู้ชายที่เธอไม่เอาแท้ๆ แต่ก็ยังเอาแต่คอยพกไว้ข้างกาย ไร้ยางอายเป็นที่สุดหลังจากที่เขาถูกนำตัวเข้ามา สายตาของผู้คนต่างก็จรดไปที่ตัวของชายคนนั้น เพียงแต่พวกเขาไม่รู้จักชายคนนี้เลยแต่เฉินเวยกลับขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าเธอรู้จัก แต่จะเป็นเขาไปได้ยังไงกันนี่เป็นเรื่องที่เฉินเวยไม่เคยคาดคิดมาก่อน หรือจะเกิดความเข้าใจผิดอะไรกันหรือเปล่าเดิมทีชายคนนี้ก็ชื่อหวงเมา เป็นหนึ่งในหัวหน้าทีมฝ่ายการผลิต ดูท่าทางเป็นชายเรียบร้อย แต่ความจริงแล้วมีความสามารถไม่น้อย อีกท
ในยามนี้ เขาเริ่มกลัวขึ้นมาแล้วจริงๆถ้าเป็นคนอื่นก็ไม่เท่าไร แต่หยางอี้ติดตามเขามาหลายปี ฝีมือไม่เลว จัดการทุกอย่างได้มิดชิด และยังทำอะไรหลายอย่างเพื่อเขาเขาไปตกอยู่ในมือเย่เทียนหยู่ได้ยังไงกันแต่ก็เพียงชั่วครู่ ชายอีกคนก็ถูกนำตัวเข้ามาเขาเงยหน้าขึ้นมอง ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นหยางอี้ คนขับรถของเขาหลี่ว์ซิงเหอหน้าถอดสีทันที ก่อนจะเอ่ยอย่างโมโห “เย่เทียนหยู่ ตกลงคุณต้องการอะไร คุณอยากโยนความผิดให้ผมมากถึงกับไม่เลือกวิธีการเลยรึไง?”“ได้ยังไงกันล่ะ คุณต่างหากโมโหขนาดนี้ หรือจะกลัวซะแล้ว”“ล้อเล่นกันรึไง ผมไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมต้องกลัวด้วย”หลี่ว์ซิงเหอปฏิเสธทันทีและพูดเสียงดัง “หยางอี้ ถึงคุณจะเป็นคนขับรถของผม แต่คุณก็เป็นแค่คนขับ ระวังคำพูดคำจาหน่อย ถ้ากล้าใส่ร้ายผมละก็ อย่ามาโทษที่ผมต้องหยาบคายนะ”“โอ้โห ตอนนี้คุณเริ่มข่มขู่กันแล้วเหรอ?” เย่เทียนหยู่ล้อเลียนเบาๆ“ข่มขู่อะไร? ผมก็แค่เตือนเขา”“ไม่ต้องเตือนหรอกครับ”หยางอี้ส่ายหัวแล้วพูดว่า “ประธานหลี่ว์ เขารู้ทุกหมดอย่างแล้ว คุณยอมรับเถอะนะ”“หยางอี้ หุบปากซะ!” หลี่ว์ซิงเหอโกรธมากหยางอี้ไม่โกรธ เขาเพียงแค่ส่ายหน้าและพูดอ
เมื่อสิ้นคำพูด อย่าว่าแต่หลินหว่านหรูที่โมโห แม้แต่คนอื่นๆ ต่างก็หมดคำจะพูดเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ความจริงทุกคนต่างก็มองออกได้อย่างชัดเจนแล้วว่าทั้งหมดนี่หลี่ว์ซิงเหอเป็นคนทำแต่เขาก็ยังยืนหยัดที่จะปฏิเสธประเด็นไม่ใช่แค่พวกเขา แต่คนที่อยู่ด้านนอกต่างก็โมโหกันแทบคลั่งอย่างนี้เองสินะ ที่แท้ไอ้คนชั่วนี่กำลังทำเรื่องเลวทรามทำร้ายพวกเขา ทำเอาหน้าของพวกเขามีจุดด่างดำยิ่งกว่านั้นพวกเขาไปหาหมอมาแล้ว และตอนนี้ยังไม่มีหนทางรักษาให้หายขาดแม้ว่าเย่เทียนหยู่จะสัญญาให้พวกเขารออย่างอดทน และเขาจะสามารถช่วยพวกเขาจัดการกับจุดด่างดำบนใบหน้า ซึ่งจะช่วยได้จริงหรือไม่ก็ยังไม่แน่ใจถ้าหากไม่สามารถกำจัดจุดด่างดำบนหน้าได้ล่ะ?ในขณะนี้ พวกเขาเกือบจะพุ่งเข้าไปกระทืบหลี่ว์ซิงเหออยู่รำไรหลี่ว์ซิงเหอไม่รับรู้เรื่องราวเลย เขาคิดว่าการถ่ายทอดสดบนหน้าจอขนาดใหญ่ด้านนอกถูกตัดขาดไปแล้วแน่นอนว่าการถ่ายทอดสดบนหน้าจอขนาดใหญ่ด้านนอกเมื่อครู่ถูกตัดการเชื่อมต่อไปจริงๆ แต่หลังจากที่ซูเหวินฮุยจากไปไม่นานก็กลับมาเชื่อมต่ออีกครั้ง เพราะหากไม่เชื่อต่อ พวกเขาก็ไม่อาจต้านความดาดเดือลของผู้คนภายนอกไว้ได้หลินหว่านหรู
“ฟ้องผมเหรอ?”“เหอะๆ ยังจะปากแข็งอีก ถ้าอย่างนั้นคุณลองดูสิว่านั่นใคร”ภายใต้คำสั่งของเย่เทียนหยู่ ที่หน้าประตูก็ปรากฏร่างของคนคนหนึ่งเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง แต่หลังจากหลี่ว์ซิงเหอเห็นเธอใบหน้าเขาก็เปลี่ยนไป ไม่อาจรักษาความสงบนิ่งได้อีกแล้ว “สวีหลิน คุณมาทำอะไรที่นี่!” เขาพูดด้วยความโมโหสุดขีดสวีหลินไม่ได้ตอบกลับ เธอค่อยๆ เดินไปข้างหน้าสายตาของผู้คนจับจ้องไปที่เธอ ถ้าเป็นคนก่อนหน้าพวกเขาอาจไม่ค่อยรู้จัก แต่ผู้หญิงตรงหน้าเป็นสาวผู้ช่วยคนสนิทของประธานหลี่ว์ ซึ่งทุกคนคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีไม่ว่าเธอจะเดินไปที่นี่ก็เท่ากับเป็นตัวแทนของประธานหลี่ว์ และประธานหลี่ว์ไว้ใจเธออย่างมาก“สวีหลิน ผมให้คุณได้ทุกอย่างแต่ก็พรากทุกอย่างไปจากคุณได้เหมือนกัน คุณพูดจาอะไรก็ระวังหน่อย”ในเวลานี้ หลี่ว์ซิงเหอคิดอะไรเกินไปไม่ได้อีกแล้ว เขาข่มขู่ออกมาอย่างเปิดเผยสำหรับเขาตอนนี้ มันไม่เกี่ยวกับว่าเขายังต้องการชื่อเสียงหรือไม่ สิ่งที่สำคัญที่สุดคืออย่าให้เย่เทียนหยู่จับหลักฐานได้ ที่เหลือคนอื่นจะคิดยังไงก็ได้สวีหลินส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ประธานหลี่ว์ ฉันขอโทษ ฉันสารภาพทุกอย่างไปแล้วค่ะ”“คุณพูดอะไร!”หล