เมื่ออู๋หลางได้ยินเสียงและมองไปเห็นฉีเทียนหยวน องค์ชายสามแห่งแคว้นฉีตะวันออกกล่าวว่า "ช่างไร้สาระนักที่แคว้นอู๋ตะวันตกส่งองค์ชายอย่างท่านคนนี้มา ข้าจะส่งคนไปเผยแพร่เรื่องนี้อย่างดีทีเดียว องค์ชายใหญ่ของแคว้นอู๋ตะวันตก แม้แต่น้องสาวผู้น่าสงสารของตนก็ยังไม่ละเว้น มันช่าง...จิ๊ จิ๊…”เขาถอนหายใจและเดาะลิ้น หันมองไปทางซูชิงอู่ เมื่อเขาเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังมองเขาอยู่ เขาก็ยืดหลังทันทีและเปล่งเสียงดังขึ้นหลายระดับดวงตาของอู๋หลางมืดมนอย่างยิ่งและเขาจ้องมองไปที่ฉีเทียนหยวนอย่างดุเดือด“ถ้าข้าไม่ถูกใครหลอกล่ะก็...”“ท่านมาที่นี่คงไม่ได้ใส่ใจเรื่องราชกิจ คงคิดถึงแต่ความสุขส่วนตัว ไม่เช่นนั้นจะเกิดเรื่องเข้าใจผิดแบบนี้ได้อย่างไร?”ฉีเทียนหยวนตีความการคาดการณ์ที่เขาพูดว่าเป็นความเข้าใจผิดอู๋หลางโกรธกับคำพูดของฉีเทียนหยวน แต่เขาไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะมือของเขายังเจ็บมาก ไม่รู้จะโต้แย้งฝ่ายตรงข้ามอย่างไรเขานำคนของเขาออกจากท้องพระโรงไปโดยไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว จากนั้นทั้งท้องพระโรงก็กลับสู่ความสงบฉีเทียนหยวนเดินไปหาซูชิงอู่และทักทายนางด้วยความเคารพ "แม่นางซู เจ้ามั่นใจได้ มีข้าอยู่ที่นี่
“แน่นอน!”ซูชิงอู่ปิดตาของนาง ในใจอธิษฐานให้กับองค์ชายสามนางอ้าปากและเตือนว่า “ท่านอ๋อง โปรดหยุดเถิดเอาแค่พอสมควรนะเจ้าคะ”เย่เสวียนถิงพยักหน้าเล็กน้อย “นั่งลงเถอะ ข้ารู้ว่าต้องทำอย่างไร”ซูชิงอู่พยักหน้าและนั่งลงข้าง ๆ เย่หลิงจูเมื่อเห็นฉากนี้เย่หลิงจูก็ลดเสียงลงและกระซิบข้างหูของซูชิงอู่ “พี่สะใภ้ แล้วองค์ชายสามผู้นี้คงไม่ใช่ว่าตกหลุมรัก…ท่าน…?”ซูชิงอู่เลิกคิ้ว “เขาก็แค่หาภาระใส่ตัว”เย่หลิงจูอดไม่ได้ที่จะกลั้นหัวเราะ “ดูสิ พี่รองของข้าโกรธมาก องค์ชายสามนั่นกล้าดียังไง? ในเมื่อข้าเป็นสาวงามที่นั่งอยู่ที่นี่แต่เขากลับไม่มองข้าจิ๊ จิ๊...”ซูชิงอู่หรี่ตา “เจ้ายังอยากแสดงต่ออีกหรือ?”ไหล่ของเย่หลิงจูสั่นเล็กน้อย นางหัวเราะจนตัวสั่น“ท่านไม่เห็นประโยชน์ของเรื่องนี้หรือ แทนที่จะปล่อยให้คนอื่นรังแกข้า ข้าก็ยังดีกว่าที่จะเริ่มรังเกียจคนอื่นมันเยี่ยมมากข้าเลือกที่จะไปรังแกคนอื่นก่อน มันน่าสนุกจริง ๆ!”ซูชิงอู่เงียบ “...”นางสงสัยว่านางทำอะไรผิดหรือไม่ ที่ทำให้เย่หลิงจูเข้าสู่เส้นทางแปลก ๆ อย่างไม่อาจหวนกลับ?เมื่อฮ่องเต้เฒ่าได้ยินคำขอของคนทั้งสองแม้ว่าเขาจะรู้สึกว่ามีบางอย่างผ
ผู้คนรอบ ๆ ต่างทนมองต่อไปไม่ได้ฉีเทียนหยวนถูกเล่นงานจนสภาพน่าสังเวช จนในที่สุดก็หมดสติไปคณะทูตจากแคว้นฉีตะวันออกมีสีหน้าไม่พอใจ พวกเขามองไปยังเย่เสวียนถิงด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรฮ่องเต้เฒ่าเหลือบมองเย่เสวียนถิง ถอนหายใจเล็กน้อยและพูดด้วยสีหน้าไม่พอใจ "เสวียนถิง สิ่งที่เจ้าทำมากเกินไปจริง ๆ"เย่เสวียนถิงเลิกคิ้ว สีหน้าของเขาสงบเรียบเฉย เสื้อผ้าของเขาไม่มีแม้แต่รอยยับ“กระหม่อมไม่คิดว่ามันจะมากเกินไปตรงไหน หากปล่อยให้อีกฝ่ายคิดว่ากระหม่อมอ่อนแอ แคว้นหนานเย่ก็จะถูกมองว่าอ่อนแอไปด้วย นั่นต่างหากที่เกินไป”ฮ่องเต้เฒ่ารู้ดีว่าคำพูดของเย่เสวียนถิงนั้นไม่สมเหตุสมผล แต่เขากลับไม่สามารถโต้แย้งคำพูดเหล่านั้นได้สิ่งที่เขาพูดนั้นค่อนข้างถูกต้อง หากเย่เสวียนถิงแพ้ คนที่เสียหน้าก็คือเขาเอง“แต่เจ้าก็ไม่ควรลงมือหนักขนาดนั้น”เย่เสวียนถิงเงยหน้าขึ้นมอง “ทุกกระบวนท่าที่กระหม่อมได้เรียนรู้ ล้วนแล้วแต่เป็นกระบวนท่าปลิดชีพคน หากกระหม่อมลงมือจริง ป่านนี้อีกฝ่ายคงตายไปแล้ว”ฮ่องเต้เฒ่าหมดคำพูด “...”ที่ว่ามาก็มีเหตุผล“พอที ข้าจะหาคนไปปลอบใจองค์ชายสาม เจ้าไปได้แล้ว”“พ่ะย่ะค่ะ”เย่เสวียนถิงโ
ซูชิงอู่กล่าวว่า "หม่อมฉันมียามียาที่ช่วยบำรุงผิวพรรณ เพียงแค่ทาบนใบหน้าก็สามารถลบรอยย่น บรรเทาความชรา และทำให้ผิวเนียนนุ่มได้"เต๋อเฟยตกตะลึงนางเตรียมใจไว้แล้วว่าซูชิงอู่จะขอให้ทำเรื่องที่ยากมากแต่คิดไม่ถึงว่านางจะพูดแบบนั้นจริง ๆเมื่อเห็นว่าเต๋อเฟยไม่เชื่อ ซูชิงอู่ก็ยิ้มและหยิบหีบกล่องออกมาจากสาปเสื้อของนางหีบกล่องสวยมาก ดูแล้วก็รู้ว่าเป็นของดี“หากไม่เชื่อ เต๋อเฟยก็ลองใช้ดูก่อนก็ได้ เห็นผลทันตาทีเดียว”เต๋อเฟยเหลือบมองฮุ่ยเฟยและซูเฟยเมื่อเห็นคนทั้งสองพยักหน้าให้นาง นางก็เปิดกล่องและแตะขี้ผึ้งใสบนใบหน้าของนางอย่างระมัดระวังเนื้อขี้ผึ้งซึมเข้าสู่ผิวได้อย่างรวดเร็วและบริเวณที่ทาก็ขาวกระจ่างขึ้นและอ่อนโยนเยาว์วัยขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเพียงสัมผัสก็รู้สึกได้ถึงความเรียบเนียน“นี่...น่าทึ่งมากนี่มันมหัศจรรย์เกินไปแล้ว!”ดวงตาของเต๋อเฟยเปล่งประกายสดใสและนิ้วของนางที่จับหีบกล่องยาสั่นเล็กน้อยซูชิงอู่ลดสายตาลง ซ่อนแสงในดวงตาของนางปิดบังแววตาแล้วพูดต่อ "เพียงว่าหากท่านต้องการคงสภาพผิวแบบนี้ ต้องทายานี้ทุกวัน ขาดไปวันใดวันหนึ่งก็ไม่ได้"ยาที่สามารถฟื้นฟูรูปร่างหน้าตาของสตรีได
ซูชิงอู่ยิ้มอย่างมีเลศนัย “ตอนนี้หม่อมฉันยังพูดไม่ได้ รออีกไม่กี่วันจะรู้เอง”นางและเย่เสวียนถิงมองหน้ากัน ดวงตาของพวกเขาเป็นประกายเย่เสวียนถิงเลิกคิ้วเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเขาเดาได้ชัดเจนว่านางกำลังจะทำอะไรหลังจากที่ทั้งสองคนออกจากวังและเข้าไปในรถม้าแล้ว เย่เสวียนถิงก็ลดเสียงลงกระซิบข้างหูของนาง “กำลังสืบสวนราชครูเฒ่าอยู่หรือ?”ซูชิงอู่พยักหน้า “เนื่องจากราชครูเฒ่าสามารถเปลี่ยนรูปลักษณ์ของเขาได้ และช่วงเวลาที่ผ่านมาก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอื่นใด ข้าเดาว่าเขาคงกำลังวางแผนอะไรอย่างลับ ๆ”เย่เสวียนถิงจุมพิตลงบนหน้าผากของซูชิงอู่อย่างแผ่วเบา“อาอู่ฉลาดจริง ๆ”ซูชิงอู่เงยหน้าขึ้นมองด้วยรอยยิ้ม “ในยานั้นมีสิ่งที่สามารถกัดกร่อนวัสดุที่ใช้ทำหน้ากากปลอมได้ คนธรรมดาจะไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ แต่มันสัมผัสกับวัสดุพวกนั้นแล้วล่ะก็…”รอยยิ้มชั่วร้ายส่องประกายผ่านดวงตาของนาง เย่เสวียนถิงพยักหน้าและจับมือของซูชิงอู่ไว้แน่น “ข้าจะจัดให้คนในวังคอยจับตาดู จะจับพวกที่มีความผิดปกติทั้งหมดทีเดียว!”ทั้งสองคนไม่ชอบที่จะนั่งรอความตาย ราชครูปลอมที่เป็นภัยร้ายแรงขนาดนี้ จะประมาทไม่ได้เด็ดขาดยิ่งกว่า
นางใช้นิ้วจิกพื้น เล็บแซะลงไปเล็กน้อยเมื่ออู๋หลางได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าเบา ๆ“ถ้าข้าพบเส้นชีพจรมังกรของแคว้นหนานเย่จริง ๆ ต่อไปเจ้าจะได้รับความดีความชอบอย่างแน่นอน ไม่ต้องห่วง ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า เพราะเจ้ายังคงเป็นน้องสาวผู้แสนดีของข้า…”ในที่สุดซูเชียนหลิงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเชื่อคำพูดของนางนี่เป็นวิธีที่ซูชิงอู่บอกเพื่อให้นางมีชีวิตรอด แม้ว่านางจะไม่รู้ว่ามันจะได้ผลหรือไม่ แต่นางก็ต้องลอง...นางอยากมีชีวิตอยู่ แม้ว่าชีวิตนางจะทรมานเสียยิ่งกว่าตาย แต่นางก็ไม่อยากตาย!ตราบใดที่นางคว้าโอกาสนี้ไว้ได้ นางจะต้อง...จู่ ๆ อู๋หลางก็พูดขึ้นว่า “ข้าจะจัดคนไปตรวจสอบความจริง ตอนนั้นเจ้าจะต้องมานำทางเรา”เมื่อซูเชียนหลิงได้ยินสิ่งนี้ นางก็รู้สึกราวกับว่าตัวเองตกลงไปในถ้ำน้ำแข็ง นี่นั่นย่อมมีกับดักมากมายรอนางอยู่ที่นั่น บางทีหากนางไปที่นั่นแล้ว...นางอาจไม่ได้กลับมาอีก......เนื่องจากทั้งฉีเทียนหยวนและอู๋หลาง องค์ชายจากต่างแคว้นล้วนได้รับบาดเจ็บในระหว่างนี้พวกเขาจึงพักฟื้นอยู่ในที่พักของตัวเองในช่วงเวลานี้ ฮ่องเต้เฒ่าได้จัดหาภาพเหมือนของสตรีงามจากตระกูลชนชั้นส
อย่างไรก็ตาม ซูเฟยยังคิดถึงปัญหาที่เกิดขึ้นกับนางครั้งก่อน และพี่ใหญ่ของนางก็ยืนหยัดเพื่อนาง นางยังคิดถึงว่าหลินเสวี่ยอิ๋งเป็นลูกสาวคนเดียวของพี่ใหญ่ของนาง แม้จะลำบากใจแต่ก็กล่าวว่า "พี่สะใภ้ ท่านกลับไปก่อน ข้าจะหาวิธีแก้ปัญหาเอง”ฮูหยินหลินคว้าแขนเสื้อ "หม่อมฉันจะไม่กลับ เว้นแต่ท่านจะรับปาก ซูเฟยท่านต้องคิดให้ดี เสวี่ยอิงถูกเอาอกเอาใจมาตั้งแต่เด็ก หากนางถูกบังคับให้แต่งงานไปแดนไกล นางต้องรับไม่ไหวแน่!"ซูเฟยต้องการดึงมือของนางออกจากแขนเสื้อ แต่ดึงไม่ออกในทันทีท้ายที่สุดแล้วฮูหยินหลินก็รู้วิชากังฟู และแข็งแกร่งกว่าสตรีทั่วไป“นี่เป็นเรื่องใหญ่ ข้าจะทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องเสวี่ยอิ๋ง พี่สะใภ้วางใจได้”“ก็ได้ หม่อมฉันจะรอฟังข่าวดีจากพระนางอยู่ที่บ้าน หม่อมฉันหวังว่าท่านจะไม่ทำให้ตระกูลผิดหวัง หากเสวี่ยอิ๋งแต่งงานออกไป พี่ชายท่านคงจะเสียใจมาก...”ในที่สุดซูเฟยก็ส่งนางกลับไปได้ นางนั่งบนเก้าอี้ด้วยสีหน้าเหนื่อยล้า ยกมือกุมขมับและบีบนวดตรงหว่างคิ้วนางคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วในที่สุดก็ลืมตาขึ้น ก่อนกล่าวว่า "ไปเรียกพระชายามาพบข้า"กว่าซูชิงอู่มาถึงตำหนัก เวลาก็ล่วงเลยเข้ายามบ่ายไปแล้ว
ซูเฟยสับสน “ต้องทำอย่างไร?”ซูชิงอู่หัวเราะเบา ๆ “ถึงอย่างไรชื่อเสียงของท่านหญิงในเมืองหลวงก็เสียหายไปพอสมควรแล้ว ขอเพียงบอกองค์ชายสามว่าหลินเสวี่ยอิ๋งได้ชิงสุกก่อนห่ามมีมลทินแล้ว เขาจะยังแต่งงานกับนางอีกหรือเพคะ?”ซูเฟยตกตะลึงและมองไปที่ซูชิงอู่อย่างว่างเปล่า“หรือจะให้ท่านหญิงออกบวช องค์ชายสามก็คงจะไม่แต่งนักบวชหญิงเข้ามาเป็นพระชายาหรอกเพคะ”วิธีแก้ปัญหาที่ซูชิงอู่เสนอนั้นอุกอาจมากกว่าครั้งก่อนแต่สิ่งที่นางพูดนั้นตรงประเด็นและดูมีประสิทธิภาพมากไม่ว่าจะทำลายชื่อเสียงหรือออกบวช แม้จะทำให้ลำบากไปหน่อย แต่ก็เป็นวิธีที่ตรงไปตรงมาและน่าจะมีผลลัพธ์ที่ดี“แต่…”ซูเฟยรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องทว่าซูชิงอู่กลับหัวเราะขึ้นเบา ๆ “พระนางควรทราบไว้ว่าในใต้หล้านี้ไม่มีวิธีที่ทั้งสองฝ่ายจะได้รับผลประโยชน์ทั้งคู่ ขอท่านโปรดนำวิธีการของหม่อมฉันไปบอกกล่าวท่านราชครู แล้วท่านราชครูจะแก้ไขปัญหานั้นเองเพคะ”ซูเฟยอดไม่ได้ที่จะรู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นซูชิงอู่พูดอย่างมั่นใจ “ฝั่งท่านพี่น่าจะสบายดี แต่พี่สะใภ้ใหญ่ของข้า…”“ฮูหยินหลินย่อมไม่เห็นด้วย นางต้องการให้ลูกสาวของนางแต่งงานในตระกูลชั้นสูงแล