อินชิงเสวียนหน้านิ่วคิ้วขมวด สีหน้าไม่พอใจแล้วนึกขึ้นได้ว่าสิ่งที่จำเป็นต้องพูดก็พูดไปหมดแล้ว อยู่ต่อไปก็เปล่าประโยชน์ จึงพยักหน้ากล่าวว่า “ได้ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้ ถ้ามีผู้ใดมาถาม ก็บอกว่าข้ามาขอทำนองเพลง”สวีจือย่วนกัดริมฝีปาก“ข้ารู้แล้ว เช่นนั้น...พวกเราไว้ค่อยต่อกันใหม่วันหลัง เจ้าวางใจ เรื่องนั้นถึงตายข้าก็ไม่พูด”“ขอบใจเจ้ามาก”อินชิงเสวียนประกบมือคำนับ แล้วเดินออกจากหอสุ่ยอวิ้นอย่างรวดเร็วนางเชื่อว่าสวีจือย่วนจะไม่พูดออกไป ถึงอย่างไรการให้ที่พักพิงแก่กบฏก็มีโทษมหันต์ นอกจากนี้ หากสวีจือย่วนไม่แสดงออกว่าสนใจตระกูลอินหลายต่อหลายครั้ง อินชิงเสวียนคงไม่กล้าผลีผลามมาเช่นนี้นี่นับว่าเป็นการเดิมพันครั้งใหญ่ถ้าชนะ นางก็จะได้ข่าว ถ้าแพ้ ศีรษะของนางก็จะหลุดร่วงสู่พื้น...เมื่อมาถึงหน้าประตูหอสุ่ยอวิ้น ก็เห็นกงกงน้อยที่หน้าตาดูไม่คุ้นเขาพูดอย่างสุภาพ “เจ้าคือเสี่ยวเสวียนจื่อกงกงใช่หรือไม่ ฝ่าบาทให้ข้ามาเชิญเจ้าไปที่ตำหนักชิงฮว๋า”อินชิงเสวียนถามด้วยสีหน้าไม่สบายใจ “เกิดอะไรขึ้น”ขันทีน้อยตอบตามตรง “องค์หญิงอยากได้ว่าว บอกว่าเสี่ยวเสวียนจื่อกงกงมีว่าวขอรับ”เมื่อนั้นอินชิงเสว
“เสี่ยวเสวียนจื่อ ตามข้าไปห้องหนังสือ”เย่จิ่งอวี้กล่าวเรียบๆ จากนั้นก็ออกจากตำหนักชิงฮว๋าไปตอนนี้เย่ไห่ถังกำลังเล่นอย่างสนุกสนาน จึงไม่สนใจเสด็จพี่ใหญ่ของนางอินชิงเสวียนจึงเดินตามหลังเขา แล้วก็แอบชูนิ้วกลางเงียบๆ เซ็งชะมัดประมาณสิบห้านาทีต่อมา ห้องหนังสือก็อยู่เบื้องหน้าแล้ว“ให้ท่านโหวเหนือเข้าวัง”เย่จิ่งอวี้กางเสื้อคลุมออกแล้วนั่งบนเก้าอี้มังกร ขันทีน้อยที่ทำงานรับใช้ก็กระวีกระวาดยกน้ำชาเข้ามาอินชิงเสวียนไม่มีอะไรทำ จึงยืนนิ่งอยู่ข้างหลังของเย่จิ่งอวี้หลังจากนั้นไม่นานก็แว่วเสียงฝีเท้าสม่ำเสมอดังเข้ามา แล้วชายผู้หนึ่งก็เดินหน้าเชิดเข้ามาอินชิงเสวียนเกือบจะส่งเสียงหัวเราะออกมา เมื่อก่อนคิดมาโดยตลอดว่าคนโบราณมีผมดกหนา แต่ความจริงได้พิสูจน์แล้วว่าสิ่งที่ปรากฏทางโทรทัศน์ไม่เป็นความจริงซึ่งบุคคลที่อยู่เบื้องหน้านี้มีผมเพียงครึ่งศีรษะ เส้นผมบนบริเวณกลางศีรษะเบาบาง เผยให้เห็นหนังศีรษะ แต่ก็เพราะมีผมน้อยเกินไป ปิ่นกลัดมวยผมสีทองจึงถูกกลัดแบบเอียงๆ บนศีรษะของเขา ทำให้ดูน่าขันมากภายใต้เส้นผมประปรายก็คือใบหน้ารูปสี่เหลี่ยม ไหล่กว้าง พุงกลม ยามที่ก้าวเท้าเดินก็มีเสียงฮืด
“เจียงตงหลิวถวายพระพรท่านอ๋อง!”เจียงตงหลิวหอบพุงใหญ่ๆ เตรียมที่จะคุกเข่าลง“ท่านโหวโปรดลุกขึ้นเถิด”เย่จิ่งเย่าก้าวฉับๆ ช่วยพยุงเขาลุกขึ้น“ท่านโหวไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทในวังแล้วรึ”เจียงตงหลิวขมวดคิ้วพูดว่า “เข้าวังแล้ว แต่ได้รับข่าวมาไม่รู้ว่าจะเป็นข่าวดีรึข่าวร้าย”เจียงตงหลิวเงยหน้าขึ้น สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเขาเห็นเส้นสีดำที่หางตาของเย่จิ่งอวี้เจียงซิ่วหนิงก็เห็นเช่นกัน อดไม่ได้ที่จะกัดริมฝีปาก ก้มหน้าลงแล้วพูดว่า “เชิญท่านพ่อกับท่านอ๋องคุยกันเถอะ ลูกขอตัวก่อน”เย่จิ่งเย่าไม่สังเกตเห็นความผิดปกติบนใบหน้าของเขา จึงถามทันที “ข่าวอะไรรึ”เจียงตงหลิวไอแห้งๆ และพูดซ้ำคำพูดของเย่จิ่งอวี้หลังจากได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าของเย่จิ่งเย่าก็หม่นแสงลง พูดอย่างเคียดแค้น “เย่จิ่งอวี้เจ้าชาติสุนัข เห็นชัดว่าต้องการส่งพวกเราไปตายที่เจียงวู”เจียงตงหลิวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “คงไม่เป็นเช่นนั้นเสียทีเดียว หากสามารถทำให้เจียงวูสงบลงได้จริง ไม่เพียงแต่ท่านอ๋องจะสามารถกลับคืนสู่ราชสำนัก แต่กระหม่อมยังสามารถกลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับซิ่วหนิงที่เมืองหลวงได้”เย่จิ่งเย่าคำราม “ข้าได้ยินมาว่าเจ
สีหน้าของอินชิงเสวียนเย็นลง“เจ้าอย่าทำเกินไปนัก!”คุณชายน้อยกวนพูดด้วยสีหน้าเยาะเย้ย “ข้าจะทำเกินไป เจ้าจะทำไม”สีหน้าของฉินเทียนก็หม่นแสงลงเช่นกัน“ถ้าคุณชายน้อยยืนกรานที่จะไม่ยอมแพ้ เช่นนั้นพวกเราก็จะได้เห็นดีกัน”คุณชายน้อยกวนถ่มน้ำลายและพูดว่า “เจ้าคิดว่าข้ากลัวเจ้ารึ อาโฉ่ว สั่งสอนเจ้าพวกขันทีเวรนี่หน่อยซิ”ชายน่าเกลียดที่มีนามว่าอาโฉ่วเดินออกมาจากด้านข้างของคุณชายน้อยกวน เงื้อมือขึ้นต่อยฉินเทียนทันทีวรยุทธ์ของฉินเทียนก็ไม่ได้ด้อยเลย เขาหลบหมัดของอาโฉ่ว แล้วต่อยสวนออกไปอาโฉ่วถูกฉินเทียนต่อยล้มลงไปกองกับพื้นคุณชายน้อยกวนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งปกติอาโฉ่วจะมีฝีมือร้ายกาจ สู้กับคนอื่นแบบหนึ่งต่อสี่หรือห้าก็ไม่ใช่ปัญหา วันนี้กลับล้มลงด้วยการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียวเขาก้าวไปเตะอาโฉ่วอย่างอดไม่ได้ พลางด่าทอด้วยความโกรธ “เศษสวะ เลี้ยงเปลืองข้าวสุกของตระกูลเปล่าๆ”อาโฉ่วกระตุก กอดไหล่ตัวเองแล้วพูดว่า “คุณชายน้อยกวนโปรดอภัยด้วย เป็นบ่าวที่ด้อยฝีมือ เต็มใจถูกลงโทษ”เมื่อเห็นผู้ติดตามที่น่าเกลียดของเขาล้มลงในทันที อินชิงเสวียนแค่นเสียงด้วยความดูถูก“คนของเจ้ายอมแพ้แล้ว ยังไม
อินชิงเสวียนถูกอวิ๋นฉ่ายปลุกให้ตื่น“พี่ใหญ่ ถึงเวลากินข้าวแล้ว”อินชิงเสวียนยังคงงุนงงเล็กน้อย หลังจากมองท้องฟ้าครู่หนึ่ง จึงจำได้ว่าตัวเองกลับมาที่วังเย็นแล้ว“เสี่ยวหนานเฟิงอยู่ที่ไหน”“อยู่นี่!”ยายหลี่รีบอุ้มเด็กขึ้นมาเสี่ยวหนานเฟิงชี้นิ้วเล็กจ้อยไปที่อินชิงเสวียน แล้วก็พูดอ้อแอ้ไม่หยุดอินชิงเสวียนเอื้อมมือออกไปรับเด็ก แล้วพูดด้วยท่าทางขอโทษ “ขอโทษจริงๆ พ่อเผลอหลับไป”“เฮ้อ”เสี่ยวหนานเฟิงดูเหมือนจะเข้าใจ เขายื่นมือเล็กๆ ออกไปสัมผัสใบหน้าของอินชิงเสวียน หลังจากนั้นไม่นานเขาก็สอดสองนิ้วเข้าไปในจมูกของอินชิงเสวียนอินชิงเสวียนคันจมูก ก็อดไม่ได้ที่จะจาม แล้วเจ้าหมาน้อยก็เริ่มหัวเราะยายหลี่วางถาดเกี๊ยวลง เมื่อเห็นเกี๊ยวร้อยๆ ที่มีควันฉุย อินชิงเสวียนรู้สึกเหมือนกำลังฉลองตรุษจีนแปลกๆนางเป็นคนจีนทางเหนือ ตรุษจีนทุกปีจะต้องกินเกี๊ยว เมื่อนึกถึงการนับถอยหลังข้ามปีกับย่า ดูรายการข้ามปี อินชิงเสวียนก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอวิ๋นฉ่ายเตรียมถ้วยออกมาใส่ซีอิ๊วและน้ำส้มสายชูดำทั้งหมดแล้วจากนั้นทั้งสามคนก็นั่งล้อมวง และในขณะที่กำลังจะกินข้าว ไป๋เสวี่ยก็วิ่งเข้ามาจากข้างนอก นั่งบ
“เหตุใดฮ่องเต้จึงไปที่วังเย็น”ไทเฮาจับคางอย่างครุ่นคิด หรี่ตาเพลิดเพลินกับการบีบนวดขาของนางกำนัลชุยไห่กล่าวว่า “ขันทีน้อยบอกว่าฮ่องเต้เสด็จออกไปเดินเล่นกับสุนัข จึงได้แวะที่วังเย็น”ไทเฮาเลิกคิ้ว พูดอย่างสบายอารมณ์ “มีอะไรให้รายงานรึ สุนัขแสนโปรดของฮ่องเต้ตัวนั้นผู้ใดจะไม่รู้”ชุยไห่ก้มศีรษะลงแล้วพูดว่า “ได้ยินมาว่ามีเสียงหัวเราะของเด็กดังมาจากข้างใน”“โอ้? คงไม่ได้ฟังผิดหรอกกระมัง ในวังเย็นมีเด็กมาจากไหน”แล้วไทเฮาก็หลับตาลงอีกครั้งชุยไห่กล่าวว่า “กระหม่อมก็ไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ แต่เสี่ยวเสวียนจื่อก็กลับไปที่วังเย็นเช่นกัน กระหม่อมยังได้ยินมาว่า นานมานี้ฮ่องเต้มีรับสั่งให้ปิดตายวังเย็น แต่ในช่วงสองวันที่ผ่านมา ได้มีรับสั่งให้เปิดวังเย็น ทั้งยังประทานของรางวัลไม่น้อย”ไทเฮาตัวตรงทันที“เปิดประตูวังเย็นรึ แถมยังประทานของรางวัล ประทานอะไรบ้าง”ชุยไห่คิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดว่า “ไก่ เป็ด ปลา เนื้อ และแพะตัวเมียพ่ะย่ะค่ะ”สีหน้าของไทเฮาเปลี่ยนไปเล็กน้อยแพะตัวเมีย?มีเด็กอยู่ในวังเย็นจริงหรือมิฉะนั้นเหตุใดต้องประทานแพะตัวเมียล่ะ“ไปถามสืบดูว่าใครอยู่ในวังเย็น แล้วเหตุใดฝ่าบาทจึ
เจ้าหมาน้อยร้องไห้เสียงดัง อินชิงเสวียนกลัวว่าจะก่อให้เกิดปัญหา จึงรีบเรียกให้ยายหลี่มาอุ้ม ส่วนตัวเองรีบเข้าไปในมิติ แลกอุลตร้าแมนที่เปล่งแสงได้ทันทีที่อุลตร้าแมนออกมาก็ทั้งกระโดดและเปล่งแสง ถูกดึงดูดจากสายตาของเสี่ยวหนานเฟิงอย่างรวดเร็ว และในที่สุดเขาก็หยุดร้องไห้ยายหลี่อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกนี้ แม้จะตัดกระดูกแต่เส้นเอ็นยังเชื่อมต่อกัน ความสัมพันธ์ระหว่างสายเลือดนั้นมหัศจรรย์จริงๆ เสี่ยวหนานเฟิงจะต้องเป็น...”อินชิงเสวียนกลัวว่าองครักษ์เงาจะได้ยิน ดังนั้นนางจึงรีบขยิบตาให้ยายหลี่ ยายหลี่จึงรีบปิดปากทันทีหลังจากพูดคุยกันสักพัก อินชิงเสวียนก็พาเสี่ยวหนานเฟิงเข้านอนหลังจากเปิดสับปะรดดูหน้าดูหลังแล้ว จึงพบว่าองครักษ์เงาที่เฝ้าอยู่ตามยอดไม้ทั้งหลายได้หายไปแล้วฝ่าบาทเชื่อนางอีกแล้วรึจิตใจของบุรุษล้ำลึกยากหยั่งถึง!แต่พอคิดถึงเรื่องที่เขาจะให้เสี่ยวหนานเฟิงอยู่ในวัง นางก็ต้องขมวดคิ้วอีกครั้งในเวลานี้ นางไม่แน่ใจว่าเย่จิ่งอวี้ชอบเสี่ยวหนานเฟิงจริงๆ หรือว่าเขาต้องการใช้เด็กคนนี้ควบคุมตัวเองกันแน่ทุกคนรู้ดีว่าเย่จิ่งอวี้เป็นคนที่น่ากลัวมาก ความคิดของ
สีหน้าท่าทางของอินชิงเสวียนเปลี่ยนไปทันทีเหตุใดไทเฮาถึงมาที่นี่ได้เนื่องจากชุยไห่บอกว่ามีเสียงเด็กร้องไห้ เขาคงได้สืบพบเบาะแสอะไรบางอย่างตัวเองช่างประมาทเกินไปจริงๆในสถานที่ใหญ่โตเช่นนี้ ไม่มีทางที่เสี่ยวหนานเฟิงจะซ่อนตัวได้เลยและไทเฮาก็รู้ว่านางเป็นใคร ดังนั้นนางจะต้องสงสัยในตัวเด็กอย่างแน่นอนควรทำอย่างไรดีอินชิงเสวียนเหงื่อผุดเต็มหน้าผากอย่างอดไม่ได้ถ้ารู้แต่แรกคงขอให้เย่จิ่งอวี้มากินข้าวในตอนเช้าด้วย เมื่อมีเขาอยู่ที่นี่ ยังพอหาข้อแก้ตัวได้อวิ๋นฉ่ายตื่นตระหนกโดยสิ้นเชิง“พี่ใหญ่ ควรทำอย่างไรดี”อินชิงเสวียนกลั้นหายใจ กระซิบ “ไม่ต้องสนใจพวกเขา เรากลับไปที่ห้องโถงด้านในกันเถอะ”ทั้งสองกลับไปที่ห้องโถงด้านในอย่างรวดเร็ว ก็เจอกับยายหลี่ก็วิ่งออกจากห้องมา“ใครรึ”อินชิงเสวียนกระซิบ “เป็นไทเฮา เข้าไปก่อน อย่าเพิ่งพูดอะไร”ทั้งหมดรีบปิดประตู แต่ยังคงได้ยินเสียงเคาะประตูจากด้านนอก ซึ่งเสียงเคาะประตูดังกระชั้นขึ้นเรื่อยๆยายหลี่อดไม่ได้ที่จะเหงื่อออก“นี่...ถ้าพวกเขาเข้ามาล่ะ...”อินชิงเสวียนพูดอย่างรู้สึกผิด “อาจจะไม่ นี่คือวังเย็นเลยนะ”ทันทีที่พูดจบ ก็มีเสียงอู