Share

บทที่ 14 นี่เป็นค่าตอบแทนของเจ้า

เดินเลี้ยวไปสองครั้ง เธอก็มาถึงถนนยาวหน้าตำหนักฉงหวู่

ไม่น่าเชื่อว่าครั้งนี้จะเดินมาไม่หลงทาง ดูท่าเดินถูกทางก็มีข้อดีเหมือนกัน

พอเดินมาถึงปากทาง อินชิงเสวียนก็เริ่มรู้สึกกระวนกระวาย และกังวลเรื่องผลได้ผลเสียขึ้นมา

หน้าประตูตำหนักฉงหวู่

เงาสูงโปร่งกำลังยืนมือไพล่หลังอยู่ข้างทาง

แสงจันทร์ยามค่ำคืนยิ่งทำให้เงาของเขายืดยาวมากขึ้น

ผู้นี้ก็คือฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน เย่จิ่งอวี้

เขามองไปไกล และคิ้วขมวดเล็กน้อย

พลางคิดใจในว่าควรพบกับบ่าวคนนี้รึไม่

บางทีอาจเป็นเพราะบ่าวคนนี้ไม่รู้จักตนเอง จึงทำให้เย่จิ่งอวี้มีความรู้สึกแปลกใหม่ หรือบางทีอาจเป็นเพราะการที่เขาไม่หวั่นฟ้ากลัวดิน กล้าทำการค้าขายซึ่งๆ หน้าตัวเองก็ได้

แต่ท้ายที่สุด เขาก็เลือกกันผู้ติดตามออก และมาที่นี่คนเดียว

เขามองดูพระจันทร์อีกครั้ง ตอนนี้เวลาสามทุ่มแล้ว

ในดวงตาของเย่จิ่งอวี้ได้ปะปนแววหงุดหงิดเล็กน้อย

เจ้าสุนัขรับใช้ ใจกล้าจริงๆ ที่ปล่อยให้เขารอนานขนาดนี้

ขณะที่กำลังจะหันหลังเข้าตำหนักฉงหวู่ ก็ได้ยินเสียงเรียกเบาๆ ว่า "ท่านพี่ทหาร ใช่เจ้าไหม?"

เย่จิ่งอวี้หันกลับมา ก็เห็นอินชิงเสวียนที่กำลังหลบๆ ซ่อนๆ ทำท่าเหมือนโจรในทันที

อินชิงเสวียนเองก็มองเห็นหน้าเขาในทันทีเช่นกัน แล้วก็อดดีใจไม่ได้

เขามาจริงๆ ด้วย

เธอจึงรีบวิ่งเหยาะๆ ไปหา "เป็นอย่างไรบ้าง? ของขายไปแล้วหรือยัง?"

เมื่อมองดูดวงตาที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มคู่นั้น เย่จิ่งอวี้ก็ปั้นหน้าขรึมและพยักหน้า

อินชิงเสวียนจึงยื่นแขนแบบและมือออกทันที

"ได้เอาเงินมาไหม?"

เย่จิ่งอวี้ส่งเสียงในลำคอ แล้วหยิบตั๋วเงินปึกหนึ่งออกมา

อินชิงเสวียนรีบรับเอาไว้ทันที แล้วยกขึ้นส่องดูด้วยแสงจันทร์

เงินหนึ่งพันสองร้อยตำลึงของจริง

ขุนแม่ กำไรในพระราชวังมันดีจริงๆ

อินชิงเสวียนตื่นเต้นอย่างปิดไม่มิด เธอหยิบตั๋วเงินออกมาใบหนึ่ง แล้วยัดไปให้เย่จิ่งอวี้ด้วยใบหน้าร่าเริง

"ท่านพี่ทหารลำบากแล้ว นี่เป็นค่าตอบแทนของเจ้า เราร่วมมือกันต่อนะ"

เมื่อมองดูมือขาวเนียนเล็กๆ ที่ยื่นมาแตะตรงอกของตนเอง เย่จิ่งอวี้ก็เกิดความรู้สึกแปลกๆ ขึ้นในใจ แต่เพียงเสี้ยววินาทีที่เขามองลงไป อินชิงเสวียนก็ชักมือกลับไปแล้ว

จากนั้นเธอก็หยิบแป้งพัพบีบีออกมาสามตลับ

"ท่านพี่ทหาร สามชิ้นนี้ก็ชิ้นละสองร้อยตำลึงเช่นกัน ที่มากกว่านั้นเป็นของเจ้า สรรพคุณของมันคือ.."

อินชิงเสวียนดึงมือของเย่จิ่งอวี้มา เธอทาแป้งให้เขา พร้อมกับพูดถึงสรรพคุณของแป้งพัพบีบีไม่หยุด

เมื่อมองหลังมือที่ขาวและเนียนหลังจากทาแป้ง เย่จิ่งอวี้ก็หรี่ตาลงเล็กน้อย

เจ้าขันทีหนุ่มน้อยคนนั้นไปได้ของดีๆ เหล่านี้มาจากที่ไหนกัน?

อินชิงเสวียนพูดบรรยายอยู่ราวสิบนาที ในที่สุดก็พูดจบเสียที และเมื่อเงยหน้าขึ้นประสบเข้ากับเย่จิ่งอวี้ที่หรี่ดวงตาเรียวยาวลงมาจับจ้องตนเองอยู่ เธอก็ตกใจ และรีบปล่อยมือเขาออก

"ท่านพี่ทหาร ข้าล่วงเกินเจ้าหรือเปล่า?"

ยังไม่ทันที่เย่จิ่งอวี้จะเปิดปากพูด อินชิงเสวียนก็ถามต่อว่า "เจ้าเป็นขุนนางสินะ ผู้บัญชาทหารรักษาพระองค์?"

เย่จิ่งอวี้ไม่พูด ดวงตานิ่งลึกดั่งทะเล จนยากที่จะคาดเดาความคิดของเขาได้

อินชิงเสวียนยิ้มแห้งๆ "เป็นรองผู้บัญชาก็ไม่แย่เช่นกัน เจ้ายังหนุ่ม อนาคตยังมีโอกาสได้เลื่อนตำแหน่ง เพียงแต่มันคงไม่ดีนักที่เจ้ามักปั้นหน้าบึ้งตึง เป็นคนต้องยิ้มบ่อยๆ ยิ้มแล้วจะได้โชคดี"

เมื่อเห็นว่าเขากำลังอ้าปากพูดแบบไม่มีที่สิ้นสุด เย่จิ่งอวี้ก็ขมวดคิ้ว

"น่ารำคาญ"

อินชิงเสวียนรีบหุบปากทันที

ทั้งสองคนยืนเงียบไม่พูดอะไรอยู่ครู่หนึ่งก็ชวนให้รู้สึกอึดอัด

อินชิงเสวียนไอกระแอมแล้วพูดว่า "งั้น...ข้าไปก่อนล่ะ เราพบกันใหม่สามวันให้หลังเช่นเดิม?"

เธอเดินไปสองก้าวก็หันกลับมาถามอีกว่า "เจ้าออกนอกวังได้ไหม?"

เย่จิ่งอวี้เหล่ตามอง "มีอะไร?"

อินชิงเสวียนพูดด้วยความเคอะเขินว่า "ข้าอยากให้เจ้าช่วยซื้อเนื้อมาให้หน่อย"

คะแนนสะสมเหลืออยู่ไม่เท่าไรแล้ว ไม่สามารถเอาไปใช้แลกซื้อเนื้ออีกแล้ว

เย่จิ่งอวี้เลิกคิ้วขึ้น "หอฉงฮวาของพวกเจ้าไม่มีเนื้อให้กิน?"

เกร็ดความรู้ที่ได้รู้มาจากอวิ๋นฉ่าย ทำให้อินชิงเสวียนรู้ว่าที่ๆ มีชื่อเรียกว่าหอล้วนแต่เป็นที่อยู่ของเจ้านายที่ไม่เป็นที่โปรดปราน เธอจึงพูดด้วยน้ำเสียงน่าสงสารว่า "เจ้านายของพวกข้าไม่ได้รับความโปรดปราน จะไปเอาเนื้อมาจากที่ไหน ท่านพี่ทหารถ้าเจ้าออกไปได้ ครั้งหน้าก็ช่วยซื้อเนื้อเข้ามาให้ข้าสักหน่อยเถอะ"

เย่จิ่งอวี้ไม่ได้พูดตอบ อินชิงเสวียนจึงถือว่าเขารับปากแล้ว

เธอโบกไม้โบกมือด้วยความดีใจ "ท่านพี่ทหาร อีกสามวันพบกันใหม่"

อินชิงเสวียนเดินหลงทางอีกแล้ว และเย่จิ่งอวี้ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ ตะโกนออกไปว่า "เลี้ยวขวา"

"ขอบคุณ"

เพราะตื่นเต้นมากเกินไป ทำให้อินชิงเสวียนลืมทิศทางซ้ายขวา

พอมาถึงหน้ารูกำแพงเธอก็มองไปรอบๆ ก่อน แล้วจึงรีบคลานกลับเข้าไป

อวิ๋นฉ่ายยังไม่นอน และกำลังรออยู่ตรงรูกำแพง เมื่อเห็นอินชิงเสวียนก็รีบเข้าไปพยุงเธอขึ้นมา

"พระสนม เป็นอย่างไรบ้างเพคะ?"

"สำเร็จ"

อินชิงเสวียนหยิบหยิบตั๋วเงินออกมาจากในเสื้อ

เมื่อเห็นกองกระดาษที่ด้านบนเขียนว่าหนึ่งร้อยตำลึงทุกแผ่น อวิ๋นฉ่ายก็ดีใจจนกระโดดไปมา

"นึกไม่ถึงว่าพระสนมจะขายมันออกไปได้จริงๆ และยังขายได้เยอะขนาดนี้ด้วย พระสนม พระองค์สุดยอดไปเลยเพคะ"

ยายหลี่เพิ่งกล่อมเจ้าหมาน้อยหลับไป เมื่อได้ยินดังนั้นก็วิ่งออกมาด้วย

เมื่อจ้องมองไปที่ตั๋วเงินเหล่านี้ ก็ดีใจจะเสียงสั่นเช่นกัน

"นึกไม่ถึงว่าพระสนมจะหาช่องทางได้จริงๆ ทีนี้แผนการออกจากวังของเรานับว่ามีความหวังจริงๆ แล้ว"

อินชิงเสวียนพยักหน้า

"ใช่แล้ว พวกเราต้องเก็บเงินก่อน แล้วค่อยๆ สร้างเครือข่าย ขอเพียงเราจ่ายเงินให้มากพอ การออกจากวังก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร"

"ใช่แล่วเพคะ"

ทั้งสามคนจับมือกันแน่น ต่างก็มองเห็นความเปรมปรีดิ์ภายในดวงตาของอีกฝ่าย

ตอนนี้แม้แต่อาหารก็ไม่ให้พวกเธอแล้ว ก็หมายความว่าวังเย็นแห่งนี้ไม่มีคนดูแลแล้ว

หากไม่มีคำสั่งจากฮ่องเต้ ประตูวังก็เปิดออกไม่ได้เสียด้วยซ้ำ

นี่ก็คือเหตุผลที่อินชิงเสวียนกล้าวางใจมากขนาดนี้

ขอเพียงพวกนางไม่หลุดฐานะของตัวเองออกไป คนที่ช่วยพวกนางก็จะไม่เดือดร้อนด้วย

อย่างไรเสียก็เป็นนางกำนัลที่ไม่ได้ลงทะเบียนไว้อยู่แล้ว อย่าว่าแต่หนีเลย ต่อให้ตายสักสองสามคน พวกขันทีข้ารับใช้ภายในก็มีปัญญาบิดพริ้วไปได้

สิ่งที่ควรคิดตอนนี้ก็คือ จะทำอย่างไรถึงจะสามารถรู้จักกับคนเหล่านี้ และทหารคนนั้นจะยอมพาตนเองไปรู้จักหรือไม่

หมอนั่นดูเหมือนจะเย่อหยิ่งพอสมควร เหมือนไม่ค่อยเห็นใครอยู่ในสายตา

เมื่อนึกถึงดวงตานิ่งลึกราวกับบ่อน้ำลึกคู่นั้น อินชิงเสวียนก็รู้สึกว่าเดาใจเขาไม่ถูก

เจอกันครั้งหน้า ควรต้องกระชับความสัมพันธ์กับเขาหน่อย ให้ค่าตอบแทนเยอะหน่อย จะมีใครไม่รับเอาไว้บ้าง

เมื่อตัดสินใจแล้ว อินชิงเสวียนก็ไปเฝ้าพระอินทร์ต่อ

วันรุ่งขึ้น

เธอเข้าไปดูสถานการณ์ในช่องว่าง

แตงโมงเริ่มติดผลแล้ว เมื่อมองดูผลอ่อนแตงโมสีเขียว อินชิงเสวียนก็อดดีใจไม่ได้ นี่คงจะเป็นความปิติยินดีในฤดูเก็บเกี่ยวละมั้ง

หลังจากที่เดินสำรวจรอบๆ ช่องว่างแล้ว และไม่พบที่ๆ สามารถสะสมคะแนนเพิ่มได้ คงมีแต่ต้องลองกระตุ้นที่น้ำพุวิญญาณดูสักครั้ง

หลังอาบน้ำ อินชิงเสวียนก็ออกไป

เจ้าหมาน้อยตื่นแล้ว เมื่อเห็นอินชิงเสวียนเขาก็กางมือออกทันที และส่งเสียงอู้อี้เรียกเธอ

ยายหลี่ยิ้มและพูดว่า "องค์ชายน้อยอยากให้พระสนมอุ้มเพคะ"

อินชิงเสวียนลังเลชั่วขณะแล้วถามว่า "จะทำให้เขาเจ็บหรือเปล่า?"

ยายหลี่คิดว่าอินชิงเสวียนไม่ชอบเด็ก แต่เมื่อได้ยินคำพูดนี้ก็รู้สึกโล่งใจ เธอมองดูเจ้าหมาน้อยด้วยความรักความเอ็นดู และพูดว่า "ไม่เจ็บเพคะ องค์ชายน้อยของเราเนื้อแน่นมากๆ แทบจะตามเด็กอายุหนึ่งขวบทันแล้วเพคะ"

อินชิงเสวียนรับเด็กน้อยมาด้วยความรู้สึกกึ่งเชื่อกึ่งสงสัย เธอรู้สึกเพียงว่าในอ้อมกอดนั้นนุ่มนิ่มมาก เหมือนกับลูกชิิ้นเลย แล้วยังมีกลิ่มหอมนมด้วย

เธอจึงหอมไปที่แก้มกลมๆ ของเขาฟอดหนึ่งอย่างอดไม่ได้

เจ้าหมาน้อยก็หัวเราะคิกๆ ขึ้นมาทันที จากนั้นก็ออกแรงเหวี่งศรีษะน้อยๆ ทันใดนั้นก็กัดไปที่แก้มของอินชิงเสวียน ทันทีที่สัมผัสกับผิว เขาก็ออกแรงดูดดุนทันที

อินชิงเสวียนโดนดูดจนรู้สึกจั๊กจี๋ จึงหันไปตะโกนพูดกับข้างนอกทันทีว่า "อวิ๋นฉ่าย ชงนมมาให้เจ้าหมาน้อยเร็ว"

ทันทีที่พูดจบ ก็มีหินก้อนหนึ่งถูกโยนเข้ามาจากข้างนอก

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status