เธอพูดกับคุณนายซางว่า “คุณป้า ถงถงกับฉันยังเด็กและร่างกายยังแข็งแรงอยู่ ดังนั้นไม่ต้องการความช่วยเหลือจากคุณ คุณไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับพวกเราเช่นกัน เชื่อว่าด้วยความพยายามของพวกเราเองก็ลุกขึ้นยืนเองได้"“ฉันมีอีกคำขอหนึ่งคุณป้า ไห่ถงและฉันเป็นหลานสาวของคุณ แต่โปรดอย่าให้ใครรู้เลยค่ะ พวกเราเคยสัมผัสความอบอุ่นและความเย็นชาของหัวใจคนที่เปลี่ยนแปลงไปได้ ฉันกลัวว่า คนอื่นอาจใช้ความสัมพันธ์พวกเรากับคุณ หรือชางซื่อกรุ๊ป”หลังจากการไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง คุณนายซางก็ตอบ: "ไห่หลิง ป้าดีใจที่พวกเธอคิดแบบนี้ พวกเธอสองพี่น้องเข้มแข็งเหมือนกับป้ามาก ในเมื่อพวกเธอไม่ต้องการความช่วยเหลือจากป้า ป้าก็จะไม่เข้าไปยุ่ง แต่ถ้าพวกเธอเจอปัญหาในอนาคต พวกเธอก็ต้องบอกป้าด้วยนะ"“ไม่สำคัญว่าคนอื่นจะรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพวกเราหรือไม่ แต่ญาติที่บ้านเกิดควรรู้ไว้ เพราะจะช่วยป้องกันไม่ให้พวกเขามารบกวนเรื่องเงิน”ชื่อของชางซื่อกรุ๊ปยังคงมีประโยชน์มาก“พวกเขารู้มานานแล้วว่า คนที่หนุนหลังพวกเราคือเสี่ยวเฟย”ซางเสี่ยวเฟยมีความขัดแย้งกับตระกูลไห่ที่ร้านมาก่อน“ฉันตั้งใจจะไม่บอกพวกเขา แต่เมื่อพวกเราฟ้องตรุษ
ผู้หญิงที่รัก ภรรยาที่ชอบด้วยกฎหมาย เดินไปมาหยุตรงหน้าเขาทุกวันแต่ก็จูบไม่ได้จ้านหยินก็รู้สึกอัดอั้นเช่นกันตอนนี้เมื่อเขาเป็นอิสระแล้ว เขาก็พัวพันตัวเองรอบๆ ไห่ถงอย่างไม่ตั้งใจ และเรียกร้องการจูบอย่างครอบงำหลังจากนั้นไม่นาน ไห่ถงก็โน้มตัวพิงหน้าอกและควบคุบลมหายใจเข้าออก"ถงถง"ไห่ถงเงยหน้าขึ้นมองเขาเมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของเขา เธอก็กระพริบตา ผู้ชายคนนี้อารมณ์แปรปรวนเร็วมาก เธอถาม: “มีอะไรผิดปกติ? ทำไมจู่ๆ คุณถึงดูเหมือนครูที่เข้มงวดอีกแล้วล่ะ?”“คุณจำครั้งแรกที่ฉันช่วยที่ร้านได้ไหม และพอนักเรียนพวกนั้นเห็นคุณ ก็ไม่กล้าเข้ามาซื้ออะไรเลย”ฝ่ามือใหญ่ของจ้านหยินแตะบนใบหน้าของเธอ และนิ้วหัวแม่มือของเขาก็ลูบหน้าเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่าพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา: "ครั้งนั้นคุณเร่งเร้าให้ฉันกลับไปที่บริษัท และฉันก็โกรธมาก ฉันคิดว่าฉันเต็มใจช่วยคุณ ไม่เพียงแต่คุณไม่รู้สึกซาบซึ้งเท่านั้น คุณยังอยากจะไล่ฉันออกไปด้วยซ้ำ”ในอดีตต่อหน้าเธอ เขาเป็นคนหยิ่งมากและมีนิสัยไม่ดี มักมีสีหน้าเย็นชาอยู่เสมอราวกับว่าทุกคนเป็นหนี้เขาหลายหมื่นล้าน“จ้านหยิน คุณต้องการพูดอะไรกับฉัน”ไห่ถงปล่อยให้เขาล
จริงๆ แล้วจ้านหยินมีวิลล่าอยู่ที่นั่น เป็นวิลล่าบนเนินเขาพร้อมวิวที่สวยงามหลังจากเก็บโทรศัพท์กลับเข้าไปในกระเป๋าเสื้อแล้ว ไห่ถงก็หันหลังและเดินไปที่โซฟา นั่งลงและจ้องตรงไปที่จ้านหยินจ้านหยินมองย้อนกลับไปที่เธอเขาไม่สามารถบอกได้ว่าเธอโกรธหรือตกใจกันแน่?ตกใจ? อาจจะไม่“ถงถง พวกเราแต่งงานกันแบบฟ้าแลบ ฉัน…”จ้านหยินเดินเข้าไปนั่งข้างเธอ ทันทีที่เขานั่งลง เธอก็ขยับตัวออกไปเล็กน้อย เพื่อสร้างระยะห่างและพูด: "นั่งเฉยๆ อย่าเข้ามาใกล้เกินไป"เธอมีสีหน้าเคร่งเครียดและพูด: "ฉันรู้ว่าทำไมคุณถึงเก็บเรื่องนี้ไว้จากฉัน คุณกลัวว่าฉันจะรู้ว่าคุณมีวิลล่าและคิดว่าฉันจะโลภเงินของคุณ"“เงินเดือนต่อปีของคุณเมื่อทำงานเป็นผู้บริหารระดับสูงของจ้านซื่อกรุ๊ปคือหลายล้านใช่ไหม? ปกติคุณยุ่งอยู่กับงานตลอดเวลา ไม่ว่าจะทำงานล่วงเวลาหรือกินเลี้ยงกับลูกค้า และบริษัทก็ครอบคลุมค่าใช้จ่ายทั้งหมดใช่ไหม? คุณไม่มีแฟน แถมคุณยังไม่ได้แต่งงาน และคุณบอกว่าคุณไม่มีแรงกดดันจากครอบครัว เนื่องจากพ่อแม่ไม่ต้องการความช่วยเหลือทางการเงินจากคุณ”“คุณต้องประหยัดเงินได้มากแน่ๆ การสามารถซื้อวิลล่ามูลค่ากว่าห้าสิบล้านเป็นเรื่องป
จ้านหยินหยุดครู่หนึ่งก่อนจะพูด: “หลังจากซื้อวิลล่าและอพาร์ทเมนต์ในหมิงหยวนฮวา การ์เด้น ฉันก็ไม่มีเงินเก็บเหลือมากนัก รถยนต์เป็นเพียงพาหนะเท่านั้น ตราบใดที่มันใช้งานได้ ก็ไม่จำเป็นต้องมีรถหรู”หลังจากพูดแบบนี้ จ้านหยินก็อยากจะเช็ดเหงื่อ เขายังคงพูดโกหกอีกเพื่อปกปิดเรื่องโกหกเรื่องก่อนหน้านี้ไห่ถงผลักเขาอีกครั้ง “คุณปล่อยฉันก่อน”“คุณจะไม่หนีใช่ไหม?”“ฉันจะหนีไปที่ไหน? ถ้าฉันอยากจะไปจริงๆ ฉันจะไม่บอกลาด้วยซ้ำ ฉันจะเก็บข้าวของและจากไปอย่างเงียบๆ การสร้างความวุ่นวายเป็นเพียงการแสดงเพื่อทำให้คุณกลัว แต่การจากไปอย่างแท้จริงจะต้องทำอย่างเงียบๆ และเด็ดขาด ดังนั้นคุณจะหาฉันไม่พบ”หัวใจของจ้านหยินเต้นแรง ในขณะที่เขาถามอย่างระมัดระวัง: "ถงถง สถานการณ์แบบไหนที่คุณจะทิ้งฉันไป?"“คุณคงทำอะไรผิดกับฉัน คุณคงรู้สึกผิดมากใช่ไหม? ถึงถามฉันแบบนั้น”จ้านหยินปฏิเสธ: "ฉันแค่อยากแค่จะบอกว่าฉันจะไม่ทำผิดพลาดแบบนั้นอีกในอนาคต ไม่ทำร้ายจิตใจคุณ และจะไม่ปล่อยให้คุณมีโอกาสทิ้งฉันไป"ไห่ถงมองดูเขาและเห็นว่าเขาดูสงบ เธอยังจับหน้าเขาแบบตาต่อตากับเขา สบตาเขาเป็นเวลานาน แต่ก็ไม่พบความรู้สึกผิดจากสายตาของเขาได้
“สิ่งที่พูดไม่ได้มาจากใจ”เขาไปเก็บสัมภาระไห่ถงนั่งลงและนับเงินต่อไปจ้านซื่อกรุ๊ปเป็นกลุ่มบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในกวนเฉิง โดยมีทรัพยากรทางการเงินที่แข็งแกร่ง และแม้แต่บริษัทในเครือก็มีน้ำใจมาก เธอดูแลจ้านหยินสองสามวันและให้เงินเธอหลายพันหยวนคุณตง: ผมก็อยากจะให้มากกว่านี้ แต่ผมเกรงว่าคุณนายจะสงสัยหลังจากนับเงินแล้ว ไห่ถงก็ยืนขึ้นและไปหยิบกระเป๋าเงินที่เธอมักจะพกติดตัวเมื่อออกไปข้างนอก มันทำจากผ้าซึ่งมีราคาถูกมาก ที่เธอซื้อทางออนไลน์ในราคาสิบกว่าบาทจากการหารกับคนอื่น แต่มันมีประโยชน์มาก สามารถเก็บเงินได้หลายแสนในคราวเดียวเธอยัดเงินลงในกระเป๋าเงินของเธอแล้วดูจ้านหยินเก็บกระเป๋าเดินทางของเขา ไม่มีอะไรต้องแพ็คมากนักเพราะเธอได้เตรียมมันให้เขาก่อนการเดินทางแล้วเธอรีบมาโดยนำเสื้อผ้าเพียงสองชุดมาเปลี่ยน ของใช้ประจำวันทั้งหมดถูกซื้อใหม่หลังจากที่เธอมาถึงไม่นานนัก จ้านหยินก็จัดของเสร็จ เขาลากกระเป๋าเดินทางไปยังไห่ถงแล้วพูดว่า "ประธานซูได้จัดเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวให้พวกเราแล้ว ฉันได้ติดต่อกับลูกเรือแล้ว ไปกันเถอะ"ไห่ถงยื่นมือของเธอให้เขา เขาจับมือเธอด้วยมือข้างหนึ่งขณะลากกระเป๋าเดินทา
ตั้งแต่ปิดเทอมฤดูหนาวที่โรงเรียน เซินเสี่ยวจวินก็นอนแผ่อยู่ที่บ้าน นอกจากกินและนอนแล้ว เธอยังติดโทรศัพท์และอ่านนิยายอีกด้วยบางครั้งเมื่อน้องชายของเธอได้รับโทรศัพท์จากซูหนานชวนเธอไปกินข้าวเย็น เธอก็กลัวว่าน้องชายตัวเองจะขายเธอ เลยจะตามเธอไปกินข้าวด้วยอย่างไร้ยางอาย นั่นเป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่เธอออกไปข้างนอกเมื่อเธอได้รับข้อความจากเพื่อนว่าไห่ถงกลับมาแล้ว เธอจึงส่งข้อความเสียงไปทันที“คืนนี้พวกเราจะกินหม้อไฟด้วยกันไหม? ครั้งที่แล้วประธานซูเลี้ยงหม้อไฟให้น้องฉัน และที่นั่นก็ดีมากเลยล่ะ ฉันรอเธอกลับมาเพื่อที่พวกเราจะได้สนุกไปกับมันอย่างช้าๆ เธอไม่รู้เรื่องนี้หรอก แต่เมื่อฉันกินข้าวกับน้องชายและเพื่อนๆ ของเขา ฉันก็กินไม่ลงอยู่ดีเพราะฉันกินมากกว่าพวกตัวใหญ่ๆ พวกนั้น”ไห่ถงตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่ใช่คืนนี้ คุณจ้านกับฉันเพิ่งกลับมาถึงและต้องพักผ่อน คืนพรุ่งนี้เป็นไง? เดี๋ยวฉันนะชวนพี่สาวกับเสี่ยวเฟยด้วย”“เสี่ยวเฟยกินสุภาพมาก อย่าชวนเธอมาเลย เธอไม่ใช่นักกิน และฉันก็ไม่มีอะไรที่เหมือนกันกับเธอเลยเมื่อเรากินข้าวด้วยกันกับเธอ ตอนนี้พี่สาวของเธอก็กำลังลดน้ำหนักอย่างกระตือรือร้น วิ่ง 3 ครั้งต่อ
อากาศในเดือนตุลาคมของเมืองกวนเฉิงยังร้อนจัด มีเพียงตอนเช้าและตอนเย็นเท่านั้นที่สามารถทําให้ผู้คนรู้สึกถึงความเย็นของปลายฤดูใบไม้ร่วงได้หลังจากไห่ถงตื่นขึ้นมาในตอนเช้าและทําอาหารเช้าให้ครอบครัวพี่สาวทั้งสามคนแล้ว เธอก็หยิบทะเบียนบ้านและจากไปอย่างเงียบ ๆ"จากนี้ไปเราจะใช้ระบบAAกันแล้ว ไม่ว่าจะเป็นค่าครองชีพหรือค่าผ่อนรถและผ่อนบ้าน ทุกอย่างก็ต้องAAกัน! น้องสาวคุณมาอยู่ที่บ้านเรา ก็ต้องบอกให้เธอช่วยจ่ายค่าใช้จ่ายครึ่งหนึ่งด้วยแค่ให้เงินมา 10,000 บาทละเดือนเอาไปใช้อะไรได้? มันจะไปต่างอะไรกับมากินฟรีอยู่ฟรีล่ะ?"นี่คือสิ่งที่ไห่ถงได้ยินพี่เขยของเธอพูด ตอนที่พี่สาวและพี่เขยทะเลาะกันเมื่อคืนนี้เธอต้องย้ายออกจากบ้านของพี่แต่มีทางเดียวเท่านั้นที่จะทำให้พี่วางใจก็คือแต่งงานเธออยากจะรีบแต่งงานไปให้เร็ว แต่ว่าแม้แต่แฟนก็ยังไม่มี เธอจึงตัดสินใจรับคำขอของคุณยายจ้าน หญิงชราที่เธอได้ช่วยเหลือไว้โดยไม่ได้ตั้งใจ เธอจะแต่งงานกับหลานชายคนโตของคุณยายจ้านซึ่งชื่อจ้านหยินที่การแต่งงานเป็นเรื่องยากยี่สิบนาทีต่อไป ไห่ถงก็ลงจากรถหน้าประตูสํานักงานเขต"ไห่ถง"ทันทีที่ลงจากรถ ไห่ถงก็ได้ยินเสียงตะโก
"หากตัดสินใจแล้ว ฉันก็จะไม่เปลี่ยนใจค่ะ"ไห่ถงคิดไตร่ตรองอยู่สองสามวันก่อนตัดสินใจ และตอนนี้เธอตัดสินใจดีแล้ว ดังนั้นเธอจึงไม่คืนคำเมื่อจ้านหยินได้ยินเธอพูดแบบนั้น เขาจึงไม่ได้พูดอะไรออกไปเพื่อให้เธอเปลี่ยนใจ แต่หยิบเอกสารของตัวเองออกมา แล้วมอบแก่เจ้าหน้าที่ไห่ถงก็หยิบเอกสารของตัวเองออกมาเช่นกันพวกเขาจดทะเบียนสมรสเสร็จอย่างรวดเร็ว ทั้งกระบวนการใช้เวลาเพียงไม่ถึง 10 นาทีเมื่อไห่ถงรับทะเบียนสมรสมาจากเจ้าหน้าที่ จ้านหยินล้วงกุญแจที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้ออกจากกระเป๋ากางเกงแล้วส่งให้ไห่ถงพร้อมกับพูดว่า "บ้านที่ผมซื้อไว้อยู่ที่หมิงหยวนฮวา การ์เด้น ได้ยินคุณยายบอกว่าคุณเปิดร้านขายหนังสืออยู่ที่ประตูหน้าโรงเรียนมัธยมกวนเฉิง บ้านของผมไม่ไกลจากร้านขายหนังสือของคุณ ถ้านั่งรถเมล์ก็ใช้เวลาเพียงสิบกว่านาทีเท่านั้น""คุณมีใบขับขี่รถยนต์ไหมครับ? ถ้ามีใบขับขี่ผมสามารถจ่ายเงินดาวน์รถยนต์ให้ได้ครับ แต่คุณต้องผ่อนชำระงวดรถยนต์ทุกเดือน เมื่อมีรถยนต์แล้วคุณก็จะสะดวกในการเดินทางไปทำงานแล้วก็กลับบ้าน"“งานของผมยุ่งมาก ผมออกจากบ้านเช้าตรู่กว่าจะกลับถึงบ้านก็ดึก บางครั้งก็ต้องเดินทางไปทำงานต่างจังหวัด