เซียวเย่หลันจ้องนางเขม็งแม้ใบหน้านางจะไร้เดียงสา แต่เขารู้ว่านางไม่ได้พูดความจริงเซี่ยเชียนฮวันรู้สึกร้อนตัวเล็กน้อยนางเบิกตาโตและเปลี่ยนเรื่อง “จริงสิ เหตุใดท่านถึงอยู่ใกล้ข้าเช่นนี้ล่ะ? หรือคิดจะฉวยโอกาสตอนที่ข้ากำลังเหนื่อยเอาเปรียบข้า?”“ลุกขึ้นมาดูว่าใครเอาเปรียบใคร” เซียวเย่หลันเลิกสนใจนางเซี่ยเชียนฮวันก็ตอบสนองทันทีหัวเล็กๆ ของนางซบที่ไหล่ของเซียวเย่หลัน มือขวากอดแขนของเขาแน่น อาจจะใช้เป็นหมอนหลังจากที่นางหลับไปขาทั้งสองข้างกางเป็นเลขแปดพาดไปที่ขาของเขา ท่าทางดูไม่เหมาะสมเป็นอย่างมากดวงตาของเซี่ยเชียนฮวันฉายแววรู้สึกผิดเพิ่มขึ้นเล็กน้อย “ท่านอนจะดูดีหรือไม่ ไม่ใช่สิ่งที่ข้าจะควบคุมได้ ใครบอกให้ท่านเป็นลมข้างๆ ข้าล่ะ ขนาดตบไปหลายทีก็ไม่ตื่น”“เจ้าตบข้า?”“ใช่ หรืออาจจะไม่ ข้าลืมไปแล้ว”“ลุกไป”“ได้ๆ”เซี่ยเชียนฮวันลุกขึ้นอย่างรวดเร็วอันที่จริงแล้วการได้พิงร่างของชายผู้นี้ค่อนข้างสบายมาก บางทีอาจจะเป็นเพราะว่ากล้ามเนื้อของเขาค่อนข้างแข็งแรง จึงทำให้ผู้คนรู้สึกเหมือนถูกปกป้องความรู้สึกปลอดภัยนี้ทําให้นางนอนหลับสนิทตลอดทั้งคืน และยังได้ฝันดีที่ห่างหายไปนานอีก
ต้องบอกว่าฉากในตอนนี้ เหมือนเหตุการณ์ฆาตกรรมที่ชั่วร้าย มากกว่าเป็นการผ่าตัดช่วยชีวิตคนเซี่ยเชียนฮวันลูบหว่างคิ้วเบาๆ “เสี่ยวตง เจ้าใจเย็นๆ ก่อนนะ”“ถึงแม้ว่าท่านอ๋องจะเลือดเย็นและโหดเหี้ยม มักฟังคำให้ร้ายอยู่บ่อยๆ และไม่มีความรับผิดชอบในฐานะของสามี วันทั้งวันเอาแต่หาเรื่องชวนทะเลาะ แต่ถึงกระนั้น พระชายาก็ไม่ควรทำเรื่องน่ากลัวด้วยความโกรธเช่นนี้”เสี่ยวตงทรุดลงกับพื้นด้วยความหวาดกลัวสมองเต็มไปด้วยจินตนาการมากมายเซียวเย่หลัน “......”ภาพลักษณ์ของเขาในใจของคนหอหลันเซียงเป็นเช่นนี้หรือ?เซี่ยเชียนฮวันกุมขมับ “น่ากลัวขนาดนั้นเชียวหรือ แค่เลือดออกเยอะเกินไปก็เท่านั้น ล้างน้ำออกทีหลังก็สะอาดแล้ว”“พระชายา พระองค์อยากให้บ่าวช่วยทำลายศพหรือไม่??”เสี่ยวตงตกอยู่ในภวังค์สีหน้าเหมือนกลืนไม่เข้าคายไม่ออกครอบครัวนางติดตามรับใช้เซียวเย่หลันมาหลายปี แต่ในยามปกติพระชายาก็ปฏิบัติกับนางเป็นอย่างดี ทั้งยังช่วยชีวิตพี่ชายของนางเอาไว้ ตอนนี้นางควรช่วยปกปิดเรื่องที่พระชายาฆ่าคนหรือไม่ เซี่ยเชียนฮวันพูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง ก่อนเบะปากตอบกลับไปว่า “อ่าใช่ๆ ต้องรีบทำลายศพทันที ลากชายผู้นี้ไปที่
“ท่านนี่มันน่าเบื่อเสียจริง ทำอะไรเป็นเด็กๆ ไปได้ หากข้าถูกจับติดคุกไปจริงๆ ท่านจะมีความสุขใช่ไหม”เซี่ยเชียนฮวันลูบข้อมือตัวเองเซียวเย่หลันร้องหึออกมา “เมื่อครู่เจ้าไม่ได้พูดหรือว่าจะส่งข้าเข้าเตาเผาแล้วจุดไฟเผาเสีย? ถือว่าเจ๊ากันไป อีกอย่าง อย่าปล่อยให้ข้านอนที่พื้น พื้นมันเย็น”“รีบพาท่านอ๋องของเจ้าออกไปเสีย อย่าอยู่เกะกะสายตาของข้า รบกวนข้าจ่ายยา”เซี่ยเชียนฮวันสั่งเย่ซิ่นหลังจากดมกลิ่นและชิม นางก็เข้าใจส่วนประกอบส่วนใหญ่ของยาพิษแล้วตอนนี้ได้เวลาจดจ่ออยู่กับการทำยาแก้พิษให้ชายแกล้งตายผู้นี้แล้วเย่ซิ่นตรงเข้าไปประคองเซียวเย่หลัน พลางกระซิบถามว่า “ท่านอ๋อง ในเมื่อมิใช่ฝีมือของพระชายา แต่ที่นี่ไม่มีใครอีก เหตุใดท่านจึงบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้”“นักฆ่า”เซียวเย่หลันตอบเสียงเย็นชาเย่ซิ่นพลันตกใจ “มีนักฆ่าในหอหลันเซียง.....”แต่ก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไรนัก แม้ว่าจวนอ๋องจะแข็งแกร่งดุจถังเหล็ก แต่หอหลันเซียงที่พระชายาอยู่นั้น กลับเป็นสถานที่ที่เวรยามหละหลวมมากที่สุดอาจกล่าวได้ว่าไม่มีการป้องกันอะไรเลย“จะให้ผู้ใต้บังคับบัญชาส่งคนมาปกป้องพระชายาให้มากขึ้นหรือไม่” เย่ซิ่นถามคร่าวๆ
ตกดึกเซี่ยเชียนฮวันปรุงยาแก้พิษให้เซียวเย่หลันดื่มนางตั้งใจเพิ่มสมุนไพรจีนที่มีรสขมเป็นพิเศษเข้าไปบางส่วนคาดไม่ถึงว่า เซียวเย่หลันจะดื่มโดยไม่ขมวดคิ้ว ราวกับดื่มน้ำเปล่าบางครั้งนางก็สงสัยว่าผู้ชายคนนี้เป็นมนุษย์กลายพันธุ์จริงๆ หรือไม่ ตอนเกิดมาเลยสูญเสียอารมณ์ความรู้สึกเฉกเช่นคนปกติทั่วไปนางนั่งลงบนเก้าอี้เล็กข้างเตียง เท้าคางถาม “เซียวเย่หลัน ท่านแม่ของท่านเป็นคนแบบไหน?”“ถามทำไม”“ก็ถามเฉยๆ”สิ่งสำคัญคือนางต้องหลักฐานยืนยันการคาดเดาในใจของนางลองดูว่าชายผู้นี้สืบทอดยีนกลายพันธุ์หรือไม่เซียวเย่หลันวางถ้วยยา ขมวดคิ้วอย่างเย็นชา “นางเป็นสนมในวังหลังคนหนึ่งที่ไม่เป็นที่โปรดปราน นั่นคือทั้งหมด”“อ้อ”เซี่ยเชียนฮวันเห็นว่าเขาไม่อยากพูดมากไปกว่านี้ จึงไม่ได้ถามต่อมีข่าวลือเกี่ยวกับมารดาของเซียวเย่หลันน้อยมากแต่เฉิงกุ้ยเฟยกลับมีชื่อเสียงฉาวโฉ่มาก ว่ากันว่าการแท้งบุตรหลายครั้งในวังหลังล้วนมีความเกี่ยวข้องกับนาง และนางสนมหลายคนที่เกี่ยวข้องด้วยก็ล้วนแต่เป็นบุตรสาวของขุนนางคนสำคัญอาจกล่าวได้ว่า เมื่อพูดถึงการแท้ง เฉิงกุ้ยเฟยก็ไม่กลัวใครนินทาฮ่องเต้ทุ่มเทจิตใจในการอบรมร
เซี่ยเชียนฮวันได้แต่นึกอยู่ในใจเป็นจริงดังนั้น นับแต่โบราณมา การมีชู้ถือเป็นสิ่งที่ชายไม่อาจรับได้ต่อให้เซียวเย่หลันไม่ชื่นชอบนาง ก็ไม่สามารถทำใจได้หากภรรยาของตนมีชายอื่นนางพลิกตัวกลับมา "ถ้าอย่างนั้น ท่านก็จงพยายามเข้าเถิด รีบจับชู้ให้ได้ในเร็ววัน ข้าเองก็อยากจะเห็นว่าหน้าของพ่อลูกข้าเป็นเช่นไร”หลังจากนิ่งเงียบไปสักพัก เซียวเย่หลันจึงเอ่ยถามขึ้นว่า "มือสังหารผู้บุกมาเมื่อคืนนี้ เจ้าไม่รู้จักจริงหรือ?" "ข้าไม่รู้จัก" เซี่ยเชียนฮวันรู้สึกว่าคำถามนี้ช่างไร้เหตุผลเสียจริงเขายังสงสัยอยู่อีกหรือว่าชายที่คลุมหน้าไว้คนนั้นคือชู้ของนาง?ต่อให้สมองผิดปกติก็น่าจะมีขีดจำกัดบ้างเซียวเย่หลันกล่าวด้วยน้ำเสียงต่ำทุ้มว่า “มือสังหารที่บุกเข้ามาในจวนอ๋องมิได้ต้องการชีวิตข้า บางทีอาจมีสิ่งที่ต้องการ ข้าเดาว่าเขาจะยังกลับมาอีก”เซี่ยเชียนฮวันได้ยินดังนั้น แววตาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยดีที่ทั้งสองไม่ได้นอนหันหน้าเข้าหากันเซียวเย่หลันไม่เห็นถึงความผิดปกติของเซี่ยเชียนฮวัน เขากล่าวต่อไปว่า “ที่ข้าอยู่รักษาแผล ณ หอหลันเซียง ก็เพื่อรอให้เหยื่อติดกับดัก”“แต่เขาจับข้าเป็นตัวประกัน ทั้งยังปาล
เมื่อทุกคนได้ยินดังนั้น ต่างก็พากันทำหน้าไม่ถูกทุกคนรู้ว่าเซี่ยเชียนฮวันไม่เป็นที่รักของจ้านอ๋อง ต่อให้เป็นในประชุมราชวงศ์ จ้านอ๋องก็ไม่เคยไว้หน้าพ่อตาคนนี้เลยแต่ในวันนี้ถึงอย่างไรก็เป็นวันเกิดของอันติ้งโหวคำบางคำเก็บไว้ในใจก็เพียงพอแล้ว หากเอ่ยออกมาคงจะเป็นการไม่ไว้หน้าอีกฝ่ายจนเกินไป"จะมาหรือไม่ข้านั้นหาได้ใส่ใจ ข้าไม่ได้ขาดแคลนของขวัญจากเขา" อันติ้งโหวส่งเสียงหึ ๆ ออกมา"อันตั้งโหวใจกว้างดีนักหนา หาได้เหมือนข้า เมื่องานครั้งก่อนครอบครัวของอีกฝ่ายนำโสมพันปีมาให้ขาตั้งหลายกล่องใหญ่ ข้าไม่รู้จะมอบของขวัญใดกลับคืนไปให้ดี บัดนี้ยังรู้สึกปวดหัวนัก" สตรีที่เอ่ยคำเยาะเย้ยมาเมื่อครู่เริ่มโอ้อวดเซี่ยเชียนฮวันฟังน้ำเสียงแหลมคมของนางก็ได้รู้ว่านางเป็นใครเป็นน้าของนางนั่นเองเป็นน้องสาวแท้ ๆ อันติ้งโหวฮูหยินนางไม่แม้แต่จะหันไปเหลือบมองดู ได้แต่กล่าวเบา ๆ ว่า "แม้ว่าจวนฉางหย่วนป๋อจะไม่ได้นับว่าเป็นตระกูลใหญ่โต แต่การเห็นโสมไม่กี่ลังเป็นของล้ำค่า บางทีท่านน้าควรต้องพิจารณาตนเองสักเล็กน้อย หากไม่มีความชำนาญในการดูแลบ้านเรือน ก็ให้ท่านน้าคนอื่นเข้ามาช่วยดูแลเถิด ตัวท่านเองจะได้ไม่ย
“เจ้าจัดการไม่ได้แม้แต่ซููอวี้เออร์ ยังคิดจัดการนาง ฝันไปเถิด”เซี่ยเหยียนดูถูกเซี่ยเชียนฮวันเล็กน้อยราวกำลังท้าทายกับพระชายาอ๋องเซี่ยเชียนฮวันไม่ได้สนใจพี่ชาย ได้แต่ก้มหน้ากินอาหารของตนเซี่ยเชียนฮวันเหลือบมองเห็นเซี่ยอี๋หมู่หันหน้าไปคุยกับคนอื่น จากนั้นหันมาชายตามองนางผู้ที่นั่งอยู่ด้านข้างเซี่ยอี๋หมู่ก็คือเซี่ยเหล่าไท่จวินหรือมารดาของอันติ้งโหวฮูหยินนั่นเองจากนั้น เซี่ยเหล่าไท่จวินยิ้มขึ้นว่า “ท่านโหว วันนี้เป็นวันดี คนมารวมตัวที่นี่กันมากมาย เหตุใดจึงไม่ ไข่มุกราตรีที่ฝ่าบาทประทานให้ ออกมาให้ทุกคนได้เห็นเหล่า" อันติ้งโหวได้ยินดังนั้นก็ตกตะลึงไข่มุกราตรี?ไข่มุกราตรีอะไรกันเขาส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า "ท่านแม่เข้าใจอะไรผิดไปหรือไม่ ฝ่าบาทไม่เคยประธานไข่มุกราตรีมาให้ลูก" "ดูเจ้าเขาสิ ครอบครัวเดียวกันแท้ ๆ จะมัวปกปิดไว้ทำไม เราก็เพียงแค่อยากดู หาได้อยากเอาของของเจ้าไป" เซี่ยเหล่าไท่จวินกล่าวอันติ้งโหวสับสนยิ่งนักแขกที่อยู่ในห้องได้ยินดังนั้นก็พากันพูดต่อ ๆ ว่า “ได้ยินมาว่าไข่มุกราตรีสามารถดึงดูดความสนใจของทุกคนได้ หากนำออกมา ทั้งห้องคงจะสว่างไสว!”“ท่านโหว หากท่าน
"ข้าไม่สบายจริง ๆ " น้ำเสียงเซียวเย่หลันดังขึ้นด้านหลังศีรษะของเซี่ยอี๋หมู่ นางตกใจเสียจนหน้าซีดเผือด“จ้านอ๋อง!!"ท่านเป็นอะไรไปกัน?" ทุกคนที่อยู่ที่นี่รวมถึงอันติ้งโหวต่างพากันหันไปมองแล้วลุกขึ้นยืนมีเพียงเซี่ยเชียนฮวันเท่านั้นที่ยังนั่งอยู่นางเผยถึงสีหน้าอันตกตะลึงออกมาเล็กน้อยนางคิดไม่ถึงว่าเซียวเย่หลันจะปรากฏตัวขึ้นที่นี่วันนี้เขาสวมเสื้อผ้าค่อนข้างที่จะเป็นกันเองและผ่อนคลาย บางทีอาจเป็นเพราะร่างกายยังบาดเจ็บอยู่ ดังนั้นจึงไม่ได้จัดแจงผมเผ้า เสื้อผ้าและคอปกเสื้อหละหลวมเผยให้เห็นแผ่นอกเล็กน้อย เขาเดินทางออกมาทั้งอย่างนั้น"อาการเก่ากำเริบ" น้ำเสียงของเซียวเย่หลันดูลึกลับเล็กน้อย ก่อนที่จะมองไปทางเซี่ยเชียนฮวันแล้วยิ้มขึ้น "พระชายาอ๋องเป็นห่วงข้ามากเกินไปจึงไม่ให้ข้าออกจากจวน" “เป็นอย่างนี้นี่เอง!" ทุกคนจึงได้กระจ่างแจ้งเมื่อได้ยินคำพูดของจ้านอ๋องเช่นนั้นก็สัมผัสได้ว่าสองสามีภรรยามีความรู้สึกที่ดีต่อกันลึกซึ้ง เพราะพระชายาอ๋องดูเป็นห่วงเขาเหลือเกินเซี่ยเหยียนยังลุกขึ้นแล้วเดินตรงไป กล่าวขึ้นว่า "มาเถิด ตำแหน่งของข้าสละให้แก่ท่านอ๋อง ท่านนั่งตรงนี้เถิด”เซีย