ลู่เจ๋อเคาะนิ้วและแตะโต๊ะเครื่องแป้งเฉียวซุนเอาไดอารี่ไปแล้ว!ทันใดนั้น ก็มีกลิ่นจาง ๆ ลอยมาเหนือระเบียง กลิ่นของบางสิ่งที่กำลังไหม้... ร่างกายของลู่เจ๋อสั่นสะท้าน เขาตระหนักถึงบางสิ่ง จึงรีบเดินออกไปที่ระเบียงจากนั้นเขาจึงเห็นเฉียวซุนเผาภาพถ่ายงานแต่งงานของพวกเขาแล้วก็ยังเห็นไดอารี่ที่ถูกเฉียวซุนเผาเช่นกันเฉียวซุนนั่งดูเงียบ ๆ ราวกับว่ากำลังเผาสิ่งที่ไม่สำคัญ"คุณบ้าไปแล้ว!"ลู่เจ๋อก้าวไปข้างหน้าพร้อมคว้าไดอารี่มาโดยไม่ต้องคิด เขาถึงกับจับมันด้วยมือเปล่าโดยไม่มีการป้องกันใด ๆ ... เขาไม่มีเวลาคิดว่าทำไมเขาถึงทำแบบนี้! คิดแค่ว่ามันคือไดอารี่เล่มเดียวเท่านั้นไฟดับไปแล้ว แต่ไดอารี่เหลือเพียงแค่ครึ่งเดียวลู่เจ๋อไม่สนใจฝ่ามือที่โดนไฟไหม้เลยแม้แต่น้อย เขาเปิดดูไดอารี่อย่างเร่งรีบและหน้าที่เขาเปิดก็มีประโยคเขียนอยู่ว่า "ลู่เจ๋อจะไม่มีวันชอบฉัน!" หัวใจของลู่เจ๋อสั่นไหว!เขาเงยหน้าขึ้นอีกครั้งพร้อมจ้องมองเฉียวซุน "การที่คุณเผามันแบบนี้ หมายความว่าความชอบตั้งกี่ปีที่คุณเคยมีคือคุณไม่ต้องการมันแล้วเหรอ?""ไม่ต้องการแล้ว!"ดวงตาของเฉียวซุนแดงก่ำ พวกเขาจ้องมองกันราวกับสัตว์สองตั
“ฉันคิดว่า ตอนที่คุณกอดฉันแล้วดูฉันถลำลึกเข้าไปกับความทุกข์แบบนั้น! คุณคงได้ใจสินะ คุณคงคิดว่า เธอมันไร้ค่า แค่กวัก ๆ มือก็หลอกได้แล้ว!”“ลู่เจ๋อฉันเคยชอบคุณก็จริง แต่หลังจากนี้ฉันจะไม่ชอบแล้ว!”……ขณะที่เฉียวซุนพูด เขารู้สึกงุนงงและปวดใจเป็นอย่างมากลู่เจ๋ออ่อนระโหยโรยแรงมากแล้วเขาไม่ใช่คนอารมณ์ดีขนาดนั้น เฉียวซุนไม่ได้ซาบซึ้งกับอากัปกริยาของเขาในตอนนี้เลยด้วยซ้ำ เขาจึงขยี้ปลายตาพร้อมถามเธอว่า "งั้นคุณจะเอายังไง? จะปฏิบัติต่อกันด้วยความเคารพหรือจะหย่ากับฉัน เฉียวซุนคุณอย่าลืมว่าพี่ชายของคุณยังคาดหวังให้เมิ่งเยียนหุยช่วยเขาฟ้องร้อง คุณจะทิ้งผมไปได้เหรอ?”เฉียวซุนนอนลงบนหมอน เงียบเสียงอยู่พักหนึ่งลู่เจ๋อเดาว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ เธอต้องการหย่าต้องการทิ้งเขา คิดแม้กระทั่งว่าจะไม่ติดต่อกับอีกเขาตลอดไป แม้แต่ไดอารี่ของเธอเองก็เผาทิ้งไปแล้วด้วยซ้ำ แล้วเธอจะเหลือความรู้สึกอะไรให้เขาอีกล่ะ?แต่เธอมีจุดอ่อน!เฉียวสือเยี่ยนคือจุดอ่อนของเธอเมื่อเห็นว่าเธอยังเงียบ ลู่เจ๋อก็อารมณ์เสีย เขาจับไหล่ของเธอแล้วหมุนตัวเธอกลับมา...ผมยาวสีดำสยายไปทั่วหมอน บนใบหน้าสวยของเธอมีร่องรอยที่ผ่านการร้
ฝ่ามือตบลงที่ใบหน้าลู่เจ๋อไปหนึ่งทีลู่เจ๋อหยุดพร้อมก้มศีรษะลงเพื่อจ้องมองคนบนหมอน เฉียวซุนใจเต้นแรง ตอนนี้ชุดนอนผ้าไหมไหลลงมาถึงไหล่เผยให้เห็นไหล่ที่บางและกลมสวยยิ่งกว่าแสงของฤดูใบไม้ผลิ ทั้งตัวเธอนั้นละเอียดอ่อนอีกทั้งยังเปราะบาง "ตีคนเป็นแล้วสิ?"ผ่านไปสักพัก ลู่เจ๋อเอาลิ้นเข้าปากของเธอ ดวงตาสีเข้มเต็มไปด้วยอารมณ์ที่บอกไม่ถูก แต่น้ำเสียงกลับอ่อนโยนมากเขาจับมือเธอแล้วกดไว้บนหมอนสีขาวราวหิมะอย่างแน่นหนา...ขยับไม่ได้เลยแม้แต่น้อยจมูกของเฉียวซุนแดงระเรื่อเธอเงยหน้าขึ้นมองลู่เจ๋อพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง "ลู่เจ๋อ ตอนนี้คือคุณจะบังคับฉันหรือจะเอายังไงกันแน่ ถ้าคุณไม่ได้จะบังคับ งั้นก็ปล่อยฉันไป!"ลู่เจ๋อไม่ยอมปล่อยเธอเขาจ้องมองรูปร่างที่เปราะบาง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงแหบห้าว "ตอนนั้นที่ผมบอกว่าจะเริ่มต้นใหม่ คือจริงจังนะ!"เฉียวซุนหันหน้าหนีใบหน้าเล็ก ๆ ของเธอยังคงฝังลึกอยู่ในหมอนและพึมพำ "ระหว่างเราจะไม่มีการมีลูก แล้วก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่นเลย! นี่ไม่ใช่เล่น ๆ นะ! ลู่เจ๋อ... เราจบกัน!"หลังพูดจบเธอก็หยุดดิ้นเธอนอนอยู่ใต้ร่างของเขาอย่างเปราะบางและไร้แรงต้านท
"คุณก็เตรียมเองสิ!" เสียงของเฉียวซุนแหบเล็กน้อย "ลู่เจ๋อ จากนี้ไปฉันจะไม่ช่วยดูแลชีวิตส่วนตัวของคุณ ส่วนเรื่องจัดเสื้อผ้าและเครื่องประดับคุณก็จ้างคนมาจัดการแล้วกัน ถ้าไม่โอเคคุณก็จ้างเลขาฉินมาช่วยแล้วค่อยจ่ายเงินให้เธอ”ลู่เจ๋อขมวดคิ้วพร้อมพูดว่า "ผมไม่ชอบให้คนอื่นมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัว!"ในห้องนอนเกิดความเงียบจากนั้นไม่นาน เสียงของเฉียวซุนก็ดังขึ้น "ถ้าคุณไม่ชอบงั้นก็โอเค! ฉันก็จะไม่ทำ... ถ้าคุณคิดว่าการเลี้ยงดูฉันมันเปลืองเงินมากคุณก็หย่ากับฉันได้เลย ฉันเองก็ไม่ได้จะอยากเป็นคุณนายลู่นักหรอกนะลู่เจ๋อ!”ลู่เจ๋อยืนเงียบ ๆเขาคิดว่าเขาเข้าใจว่าเฉียวซุนหมายถึงอะไร เธอจะอยู่และเป็นคุณนายลู่แต่เธอจะไม่ดูแลเขาอีกต่อไปแล้ว เธอไม่สนใจด้วยซ้ำว่าเลขาฉินจะเข้ามายุ่งเกี่ยวกับชีวิตของพวกเขาไหม... แต่เธอไม่ได้มองว่าเขาเป็นสามีจริง ๆ! ในใจเธอกำลังคิดว่าเขาเล่นกับผู้หญิง จะมีมากหรือน้อยก็คงจะไม่สนแล้ว!ลู่เจ๋อตะคอกอย่างเย็นชาออกไปว่า "คุณคิดได้นี่!" พูดจบ เขาก็เข้าไปในห้องรับฝากของและเปลี่ยนเสื้อผ้าตอนจากไปเฉียวซุนไม่ได้มองเขาเลย……ลู่เจ๋อไปอยู่โรงพยาบาลไม่นานนักไป๋เซียวเซี
กว่าลู่เจ๋อกลับมาที่วิลล่า เวลาก็ล่วงเลยไปจนเกือบสิบเอ็ดโมงแล้วเขาเดินเข้าไปในโถงทางเข้า ก็มีคนรับใช้เดินเข้ามาหาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา "คุณผู้ชายกลับมาแล้ว! ให้เตรียมอาหารเย็นเลยไหมคะ?"ลู่เจ๋อถอดเสื้อคลุมออกพร้อมปลดกระดุมเสื้อสองเม็ดแล้วพูดเบา ๆ "บะหมี่สักถ้วยก็พอแล้ว คุณนายล่ะ นอนแล้วเหรอ?"คนรับใช้รับเสื้อคลุมเขามาด้วยความเคารพแล้วพูดต่อว่า "ตอนเย็นลงมาหาอะไรกินที่ชั้นล่าง ซ้อมเปียโนอยู่พักหนึ่งแล้วก็ไม่ลงมาอีกเลยค่ะ"ลู่เจ๋อพูดเงียบ ๆ ว่า "รู้แล้วล่ะ"คนรับใช้เดินจากไป เขาจึงเดินไปนั่งลงที่โต๊ะอาหารแล้วเอื้อมมือออกไปเปิดประตูหน้าต่างพร้อมจุดบุหรี่และสูบมันอย่างช้า ๆ... ท่ามกลางควันจาง ๆ เขาจำได้ว่าเฉียวซุนรอเขากลับมาที่บ้านเสมอ เธอมักจะจัดโต๊ะอาหารหรือของว่างเพื่อตั้งตารอให้เขาได้ชิม ถึงแม้จะชิมเพียงคำเดียวก็ทำให้เธอมีความสุขไปครึ่งวันเมื่อเวลาผ่านไป โต๊ะกินข้าวก็ยังว่างเปล่าจนตอนนี้ก็ยังว่างเปล่าอยู่เหมือนเดิม เว้นเสียแต่ว่าคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารตอนนี้เป็นเขาไม่ใช่เฉียวซุน……เขาครุ่นคิดไปมาจนงง จนตอนนี้คนรับใช้นำบะหมี่มา และในทันใดนั้นเขาก็พูดอย่างไม่คา
เมื่อก่อน เฉียวซุนไม่ค่อยได้ไปที่เหล่านั้นเท่าไหร่เพราะลู่เจ๋อไม่ชอบ!ตอนนี้เธอไม่สนใจอีกต่อไปว่าเขาจะชอบหรือไม่ จึงได้ทำการนัดกับหลินเซียวไว้เสียงเพลงในบาร์ดังจนหนวกหู หลินเซียวกำลังเต้นอย่างเพลิดเพลินเนื่องจากเธอชอบใช้ชีวิตหรูหราและฟุ่มเฟือยมาตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว ต่อมาเธอจึงสั่งไวน์แดงหนึ่งขวดให้เฉียวซุน “ไวน์นี้ดื่มแล้วไม่เมา!”เฉียวซุนดึงเธอนั่งลงแล้วถามเบา ๆ “ทำไมถึงเลือกที่นี่ล่ะ?”เธอกังวลหลินเซียวไม่มีใครรู้ว่าหูข้างซ้ายของหลินเซียวนั้นสูญเสียการได้ยินเพราะมีสาเหตุมาจากการโดนคนเก็บหนี้ของพ่อแม่ตบเข้าครั้งเมื่อเธอยังเป็นเด็ก แม้ว่าเฉียวซุนจะขอให้เฉียวสือเยี่ยนใช้เงินมากมายในการหาที่รักษาหู คอ จมูกจนทั่วเมืองบี แต่ก็กลับช่วยอะไรไว้ไม่ได้หลินเซียวตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นเธอก็นั่งลงแล้วค่อย ๆ เสยผมสีดำที่สยายยาวราวกับสาหร่ายทะเลพร้อมยิ้มอย่างไม่ใส่ใจและพูด “ไอความเจ็บที่ผ่านมานานแล้ว ตอนนี้ฉันไม่รู้สึกเจ็บมันอีกต่อไปแล้วล่ะ! คนเรายังมีชีวิตอยู่ก็ต้องดื่มไวน์วันนี้และเมาให้เละสิ ไม่ว่าจะเป็นลู่เจ๋อ ลู่จิ้นเซิงหรือไป๋เซียวเซียวอะไรนั่นก็ไสหัวไปไกล ๆ เหอะว่ะ!”เว
เฉียวซุนเมาเล็กน้อยตอนดึกเมื่อเวลา 5 ทุ่ม เธอกำลังจะเตรียมจ่ายเงินและออกไป ลู่เจ๋อเองก็เดินเข้าไปในบาร์จากด้านนอกเช่นกันในคืนฤดูหนาวนี้ เขาสวมเสื้อคลุมสีดำบาง ๆ แต่ด้านในเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเนื้อละเอียดด้านล่างช่วยขจัดความหมองทำให้เขาดูหล่อขึ้น ข้างนอกฝนยังคงตกอยู่เล็กน้อย มีหยดน้ำอยู่ด้านนอกเสื้อคลุมของเขาและคิ้วของเขาทำให้เขายิ่งดูหล่อขึ้นไปอีก นี่มันยิ่งเหมือนว่าเขามาจากสายลมและสายฝนอย่างไรอย่างนั้นในบาร์ยังคงอึกระทึกครึกโครมพวกเขาสองคนมองหน้ากันท่ามกลางฝูงชน ผู้ชายคิดลึกซึ้ง ส่วนผู้หญิงนั้นมีท่าทีเย็นชาเฉียวซุนสวมเสื้อเชิ้ตผ้าไหมซีทรู กระโปรงยาวสีดำที่มีสีเดียวกันข้างใต้ซึ่งมันดูเย้ายวนมากกว่าชุดที่ดูสง่างามตามปกติของเธอ... ดวงตาของลู่เจ๋อนั้นมืดลงจากนั้นไม่นานเขาก็เดินเข้าไปหาเธอลู่เจ๋อหยิบเสื้อคลุมจากมือของเธอแล้วสวมให้ จากนั้นก็ติดกระดุมให้แน่น เขาติดกระดุมจากล่างขึ้นบนแบบไม่พลาดสักเม็ดเดียวความคิดดำมืดของผู้ชายมันหลอกคนอื่นไม่ได้เฉียวซุนรู้สึกขำขัน เมื่อเขาจับมือเธอ เธอเองก็อดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ยไปว่า “ลู่เจ๋อ ทำไมต้องทำตัวแสดงความรักขนาดนี้ด้วย! ฉันไม่ใช่เด็
เขาอุ้มเธอไปที่เตียงเสื้อผ้า รองเท้า ถุงน่อง แม้แต่ความเสน่ห์หาก็ถูกโยนลงไปเต็มพื้น...เฉียวซุนกินไวน์มาจนรู้สึกทรงตัวไม่อยู่ จึงอดไม่ได้ที่จะโอบไหล่ของลู่เจ๋อในขณะนี้มือถือที่ถูกโยนไปยังที่หัวเตียงก็ดังขึ้นมันเป็นโทรศัพท์มือถือของเฉียวซุนเฉียวซุนเอื้อมมือไปหยิบ แต่ก็ถูกลู่เจ๋อจับได้ก่อน เขาคิดว่าว่าเฮ่อจี้ถังคงอยากจะมาพูดเรื่องราวชีวิตกับภรรยาเขาอีก แต่พอเปิดมือถือมาก็พบว่าเป็นรูปโปรไฟล์ที่ไม่คุ้นเคย หน้าตาดีแถมยังเด็กอยู่ด้วยพี่สาวครับ ผมอยากเจอพี่อีกครั้งได้ไหมครับ? ใบหน้าของลู่เจ๋อมืดมนราวกับน้ำ เขาจ้องมองไปที่เฉียวซุน “รู้จักกันที่ร้านเหล้าหรอ? คุณแอดวีแชทเขาหรอ?”ที่จริงแล้วมันเป็นหลินเซียวต่างหากที่เป็นคนแอดไปแต่เฉียวซุนจะเต็มใจสารภาพในเวลานี้ได้อย่างไร เธอไม่เพียงไม่อธิบาย แถมยังกอดคอของเขาแล้วพูดเบา ๆ ไปว่า “ใช่อยู่แล้วสิ! เด็กนี่ทั้งยังหนุ่มแถมยังหน้าตาดีมาก! ลู่เจ๋อ คุณกับไป๋เซียวเซียวยังแอบคบกันได้เลย แล้วทำไมฉันจะแอดหนุ่ม ๆ หล่อ ๆ ให้ตัวเองมีความสุขบ้างไม่ได้ล่ะ? ถ้าคุณทนไม่ไหวจะหย่าก็ได้นะ!"ผมสีดำของเธอยังคงคลุมหมอน เธอสวยอย่างน่าทึ่งเสียจริงแต่เวลานี้