ลานจอดรถชั้น1ของลู่ซื่อกรุ๊ปลู่เจ๋อจอดรถและดับเครื่อง เขานั่งอยู่ในรถแล้วก็คิดอยู่สักพักก่อนที่กดโทรศัพท์หาเฉียวซุนเฉียวซุนกดตัดสายลู่เจ๋อไม่ได้กดโทรหาเฉียวซุนอีก เขานั่งพิงเบาะรถและจุดไฟสูบบุหรี่อย่างเงียบๆเขาคิดว่าเฉียวซุนน่าจะโกรธเขาแล้วเขาได้แต่คิดว่าเธอโกรธเพราะว่าเรื่องที่เขาปฎิบัติต่อเธอไม่ดีหรือว่าเป็นเพราะว่าเขาหายออกไปกลางดึก....เฉียวซุนน่าได้ยินคำพูดของเลขาฉินจากในโทรศัพท์ลู่เจ๋อถือโทรศัพท์ด้วยมือเดียว เขากำลังคิดว่าควรจะส่งข้อความไปหาเธอดีไหมหรือว่าจะไปง้อเธอดี?แต่ว่าความคิดนี้เข้ามาในหัวเขาเพียงไม่กี่วินาทีเขาก็หยุดคิดแล้วคู่สามีภรรยาที่รักกันถึงจะทำเรื่องแบบนี้ เขาไม่เหมาะสมที่ทำแบบนี้กับเฉียวซุน เขาไม่เคยรักเฉียวซุน เมื่อก่อนไม่เคยรัก ปัจจุบันก็ไม่รัก...อนาคตก็ไม่รักถึงได้เก็บโทรศัพท์ เลขาฉินเดินเข้ามาแล้วเปิดประตูรถให้เขาเลขาฉินไม่ได้นอนมาหนึ่งคืน แต่หน้าตาของเธอกลับดูสดชื่นมีชีวิตชีวาเธอตั้งใจทำงานมาก ซึ่งลู่เจ๋อชื่อชมเธอเรื่องนี้มาโดยตลอด ไม่อย่างนั้นก็คงไม่เก็บเธอไว้ข้างกายหลังจากที่เธอข้ามเส้นเขาเดินเขามาในลิฟต์ เลขาฉินก็เริ่มรายงานสิ่งที่ต
คำพูดของเขามีการท้าทายปะปนอยู่เล็กน้อยลู่เจ๋อกระตุกริมฝีปาก จากนั้นก็ส่งสัญญาณให้แคดดี้ปล่อยลูกกอล์ฟ พร้อมกับโน้มตัวเล็กน้อย...แล้วก็พัตต์ออกไปดูว่าจุดตกของลูกกอล์ฟอยู่ที่ใดเขาเดินตรงไปทางนั้น พร้อมกับพูดอย่างสบายๆ ออกมาว่า "นายรู้จักฉันดีขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? ใช่ ภรรยาที่บ้านจะต้องดูแลให้ใกล้ชิดสักหน่อย ออกไปจะได้ไม่ต้องถูกใครจับจ้องอยู่แบบนี้...หลีรุ่ย นายว่าจริงหรือเปล่าล่ะ?"สีหน้าของหลีรุ่ยไม่ค่อยสู้ดีนักผ่านไปสักพัก เขาก็กระตุกยิ้มมุมปากอย่างเย็นชา พร้อมกับพูดขึ้นมาว่า "แต่บางครั้ง ต่อให้จะดูแลอย่างใกล้ชิดสักแค่ไหน ก็ใช่ว่าจะเอาอยู่นะ! เหมือนกับที่ใครๆ เขาว่าไว้ไง ความรักก็เหมือนเม็ดทรายในกำมือ ยิ่งกำไว้แน่นมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งสูญหายไปมากเท่านั้น!"ภายใต้แสงตะวัน ต้นไม้ใบหญ้าเขียวขจีลู่เจ๋อสวมชุดลำลองสีขาว สง่างามและมีชีวิตชีวา เขาก้มลงแล้วพัตต์ลูกกอล์ฟออกไป...เพียงสองพัตต์ก็เข้าไปในหลุมแล้วและลู่เจ๋อก็ไม่มีอารมณ์ที่จะเล่นต่อไปแล้วเขายื่นไม้กอล์ฟให้กับแคดดี้ จากนั้นก็รับผ้าขนหนูมาเช็ดมือ ยิ้มให้หลีรุ่ยแล้วพูดว่า "หลีรุ่ย ตั้งแต่เล็กจนโต สิ่งที่ฉันต้องการไม่เคยพ
ในตอนที่เฉียวซุนได้รับเงินโอนจากลู่เจ๋อนั้น เธอกำลังดื่มกาแฟกับหลินเซียวอยู่พอดีเมื่อหลินเซียวได้ข่าวของเมิ่งเยียนหุยมาเล็กน้อย เธอจึงเรียกให้เฉียวซุนออกมาพูดคุยกันหลินเซียวบอกข่าวที่ได้มาให้กับเฉียวซุนฟังว่า "ตอนนี้เมิ่งเยียนหุยอยู่ที่ชนเผ่าดึกดำบรรพ์ในแอฟริกา ได้ยินมาว่าเขาไปช่วยเหลือทางกฎหมาย ตอนนี้ติดต่อไม่ได้เลย ได้ยินผู้ช่วยของเขาบอกว่าปีสองปีนี้คงยังไม่กลับมา! ฉันว่านะเฉียวซุน พวกทนายที่มีชื่อเสียงทำไม...ดูเหมือนจะปลงตกกันทุกคน ทั้งเมืองมีแต่เงินแบบนี้ ไม่อยากจะได้หรือไงกัน!"พอพูดจบ เธอก็จิบกาแฟไปอึกใหญ่ พร้อมขมวดคิ้วขึ้นมาเธอไม่ชอบคนที่เสแสร้งแกล้งทำแบบนี้เอาเสียมากๆเฉียวซุนก้มหน้าลง และค่อยๆ คนกาแฟที่อยู่ในถ้วยหลินเซียวกลัวว่าเธอจะรับไม่ได้ จึงพูดปลอบโยนขึ้นมาว่า "เราค่อยไปสอบถามกันใหม่ ฉันไม่เชื่อหรอกนะว่า นอกจากเขาแล้วจะไม่มีใครทำได้!"เฉียวซุนพยักหน้า ในขณะที่กำลังจะพูดอะไรออกไป เธอก็ได้รับเงินโอนหนึ่งล้านบาททางไลน์พอดิบพอดีเธอชะงักไปครู่หนึ่งเมื่อเห็นท่าทางของเธอ หลินเซียวก็อดไม่ได้ที่จะโน้มตัวเข้ามา"ใครส่งข้อความมาน่ะ ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเชียว!""ลู
ลู่เจ๋อยิ้มเยาะเย้ย “กินเยอะจัง ไม่กลัวจะกินอิ่มเกินไปเหรอ”เฉียวซุนหัวเราะเย็นชา “กินไหวหรือไม่ไหวมันก็เรื่องของฉัน! เงินสิบล้านห้ามขาดแม้แต่บาทเดียวประธานลู่ ฉันจะจัดการเรื่องนี้แทนประธานลู่เอง”ลู่เจ๋อหรี่ตาลง “ถ้าเกิดโครงการไม่สำเร็จล่ะ”รอยยิ้มของเฉียวซุนค่อย ๆ จางลง “ก็หมายความว่าความสามารถของประธานลู่ไม่พอน่ะสิ!”……ไม่เคยมีใครยั่วยุเขามากขนาดนี้ ไม่เคยมีมาก่อนลู่เจ๋อรู้สึกสนใจเขาโน้มตัวไปข้างหน้าก่อนจะกระซิบข้างหูเฉียวซุน: “ดูท่าผมคงต้องคว้าโครงการนี้มาให้ได้ ไม่อย่างนั้นคุณนายลู่ก็คงจะคิดว่าผมไร้ความสามารถ”ขณะที่เขาเข้าไปใกล้ กลิ่นแบบชายหนุ่มบริสุทธิ์ก็ฟุ้งไปที่หูของเฉียวซุน ทำให้เกิดอาการร้อนเผ่าเฉียวซุนผลักเขาออกไป "เราไม่ได้กำลังเจรจาเรื่องงานกันอยู่เหรอคะ เลิกทำเป็นล้อเล่นได้แล้วนะคะ!”เธอยังรู้สึกไม่ดีต่อเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนนั้นอยู่เลยสามีที่ไม่ซื่อสัตย์จนชอบทำให้เธอนึกถึงฉากที่เขากำลังเล่นบทรักเร่าร้อนอยู่กับผู้หญิงคนอื่นเสมอ แค่คิดก็ทำให้เธอรังเกียจแล้วเมื่อลงจากรถ ลู่เจ๋อก็คว้าข้อมือของเธอไว้เฉียวซุนระงับอารมณ์แล้วพูดว่า “ฉันจะติดต่อคุณนายหลี่พรุ
หลีรุ่ยไม่แปลกใจที่เห็นเฉียวซุนเขามองลงด้านล่างด้วยสายตาพิจารณาเฉียวซุน รวมไปถึงเสื้อผ้าอันงดงามของเธอไม่กี่วินาทีต่อมา เขาก็เดินลงบันไดไปหาเฉียวซุนแล้วพูดเบา ๆ เป็นเชิงชมเชยว่า “กระโปรงดูสวยดีนะ แต่วันนั้นที่คุณใส่ที่โรงพยาบาลดูเหมาะกับคุณมากกว่าอีก”เฉียวซุนเป็นผู้หญิงที่เป็นผู้ใหญ่แล้วไม่ว่าจะเป็นคำพูดที่ดูแปลกประหลาดของหลีรุ่ย หรือการที่เขาไปที่รอยัลทุกวัน ล้วนทำให้เธอรู้สึกอะไรบางอย่าง... แต่เธอทำได้เพียงแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องเพราะหลีรุ่ยไม่ใช่คนที่เธอสามารถยั่วโมโหเขาได้คุณนายหลี่ไม่เห็นความผิดปกติ เธอตอบรับด้วยรอยยิ้ม “เฉียวซุน นี่คือลูกพี่ลูกน้องที่เป็นญาติห่าง ๆ ของตระกูลหลี่ นิสัยเอาแต่ใจมาตั้งแต่เล็ก...เขามักจะมาเล่นที่นี่เป็นประจำ”เฉียวซุนยิ้มเล็กน้อย “เรารู้จักกันค่ะ”คุณนายหลี่ตบไหล่ของเธอ “ฉันลืมไป หลีรุ่ยกับลู่เจ๋อเป็นเพื่อนที่โตมาด้วยกัน! พวกหนูคุยกันไปก่อนนะ ฉันไปนับแก้วคริสตัลก่อน คนใช้มักจะขี้หลงขี้ลืมอยู่เรื่อย”หลังจากที่คุณนายหลี่พูดจบ เธอก็เดินออกไปก่อนเมื่อเธอออกไป หลีรุ่ยก็เอามือสองข้างล้วงกระเป๋าเสื้อแล้วมองไปที่เฉียวซุนเขาจุดบุหรี่แล้วถาม
ลู่เจ๋อจ้องมองเธอจากนั้นไม่นาน เขาก็ยิ้มเบาๆ “เป็นผู้หญิงด้วยกันก็คิดเล็กคิดน้อยเรื่องพวกนี้ด้วยเหรอ?”ขณะที่เขาพูด จู่ ๆ น้ำเสียงของเขาก็เข้มขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ยังแสดงความอ่อนโยน “เฉียวซุน คุณไปเรียนรู้ทักษะเหล่านี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ตั้งแต่เป็นคุณนายลู่งั้นเหรอครับ”คำพูดเหล่านี้ค่อนข้างแทงใจเพราะเป็นคำพูดที่เอาไว้ใช้พูดเล่นกันระหว่างคนรักแบบสามีภรรยาเท่านั้นเฉียวซุนไม่ได้คิดแบบนั้น เธอหันหน้าหนีไปที่นอกหน้าต่างรถแล้วพูดอย่างเย็นชา “รู้จักกันนาน ๆ ก็เข้าใจได้แล้ว”ลู่เจ๋อต้องการพูดอะไรอีกไฟเขียวสว่างขึ้นที่ทางแยกข้างหน้า รถที่อยู่ข้างหลังเขาก็ต่างพากันบีบแตร... ลู่เจ๋อทำได้แค่เหยียบคันเร่งเบาๆ แล้วขับออกไป……ร้านจัดแต่งทรงผมระดับไฮเอนด์ที่สุดในเมือง Bลู่เจ๋อพาเฉียวซุนมา และด้วยสถานะของเขาค่อนข้างจะพิเศษ ทำให้ผู้จัดการเข้ามาต้อนรับเขาเป็นการส่วนตัวผู้จัดการปากหวานและพูดเป็น “คุณนายลู่มีผิวที่ขาวกระจ่างใสและมีรูปร่างเพรียว ร้านของเรามีชุดดีไซน์พิเศษของ Marchesa อยู่ คุณนายลู่ต้องเป็นผู้หญิงที่เหมาะสมที่สุดของเมือง B อย่างแน่นอนค่ะ”พูดจบ เธอก็ให้คนนำชุดออกมาสวยงาม
ร่างทั้งสองแนบชิดและสัมผัสกันการที่จะบอกว่าเฉียวซุนนั้นไม่ได้คิดอะไรเลยคงเป็นเรื่องโกหกแต่เธอมักจะปฏิเสธลู่เจ๋ออยู่เสมอเพื่อเป็นข้อแก้ตัว “งานเลี้ยงเริ่มเวลาหนึ่งทุ่มนะคะ คุณให้ความสำคัญกับโครงการนี้มากคงไม่อยากสายใช่ไหมคะ!”เมื่อได้ยินเช่นนี้ลู่เจ๋อก็ค่อย ๆ ปล่อยเธอไปเขามองเธอในกระจกแล้วหัวเราะเบา ๆ “คุณนายลู่ คุณนี่จอมทำลายความสนุกจริง ๆ”แต่วิกฤติก็คลี่คลายในที่สุดระหว่างทางกลับไปที่รถทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไรสักคำเมื่อเวลาหนึ่งทุ่ม รถเบนท์ลีย์สีดำของลู่เจ๋อค่อย ๆ ขับเข้าไปในวิลล่าของตระกูลหลี่... เขาลงจากรถแล้วเปิดประตูให้เฉียวซุน ขณะที่เธอโค้งตัวลงจากรถ มือของเธอก็ถูกเขาคว้าเอาไว้เธออดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยสายลมยามค่ำคืนภายใต้โคมไฟอันงดงาม พวกเขาก็เป็นที่ถูกจับตามองลู่เจ๋อจับมือเธอเบา ๆ ดึงเธอเข้าหาเขาแล้วกระซิบข้างหู “คืนนี้คุณต้องอยู่กับผม! ห้ามยุ่งกับผู้ชายคนอื่นเด็ดขาดเข้าใจหรือเปล่า?”คำพูดนี้ ดูเหมือนเป็นการแสดงความเป็นเจ้าของเฉียวซุนพิงไหล่ของเขาแล้วมองไปที่หลีรุ่ยหลีรุ่ยยืนอยู่ใต้โคมไฟที่ประตูวิลล่า มือถือแก้วไวน์แดงอยู่ในมือแล้วจ้องมองด้วยแวว
ในใจประธานหลี่ก็ตระหนักดีว่าเธอกำลังพูดถึงโครงการนี้!เขามีภารกิจอื่นเลยออกไปก่อน...ลู่เจ๋อขอบคุณนายหลี่คุณนายหลี่มองดูแผ่นหลังของสามีด้วยสายตาที่น้ำตาคลอเธอหันไปมองลู่เจ๋อแล้วพูดว่า “ลู่เจ๋อ คุณคงจะไม่รู้ว่าปีแรก ๆ ประธานหลี่หมกมุ่นอยู่กับผู้หญิงข้างนอกและเขาก็คิดที่จะหย่ากับฉันด้วย คนในชนชั้นสูงมองมามีแต่คนที่เอาแต่ดูถูกฉัน ตอนนั้นฉันได้พบกับเฉียวซุนในงานเลี้ยง ตอนนั้นเธออายุเพียงสิบห้าหรือสิบหกปีเอง แต่เธอมักจะทำให้คนอื่นมีความสุข... เธอมากับเฉียวซื้อยั่นและเธอก็สวมชุดเจ้าหญิงที่สวยงาม ตอนนั้นคนในงานน้อยพอตัว ฉันก็เลยเต้นบัลเล่ต์ คุณคงนึกไม่ถึงหรอกว่าฉันไม่ได้หัวเราะมานานและตัวของฉันเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง”หลังจากคุณนายหลี่พูดจบ เธอก็ยิ้มเบา ๆ “ทำให้คุณต้องมาเห็นสภาพน่าตลกเสียแล้วนะคะ!”เมื่อเธอจากไป แผ่นหลังที่โดดเดียวแต่ก็มีความภูมิใจแม้ว่าฐานะปัจจุบันของเธอในฐานะคุณนายหลี่ที่มั่นคงราวกับภูเขากับสามีที่เคารพเธอ... แต่เธอก็เข้าใจว่าคนแบบนี้เหมือนคนที่เดินบนน้ำแข็งบาง ๆ อยู่เสมอเธอรู้ด้วยว่าเฉียวซุนกำลังยากลำบาก ดังนั้นเธอจึงยื่นมือเข้าไปช่วยเธอลู่เจ๋อยังยืนอยู่ที่เดิ