เธอคิดว่า บางทีเรื่องที่เกิดขึ้นในเมือง H อาจจะยากเกินมือของเขาก็ได้แต่เธอก็ยังรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติอยู่ดีลู่เจ๋อรักและเอ็นดูเจ้าหนูลู่เหยียนมาก เขาคงไม่ใช่แค่เพราะเรื่องงาน แล้วไม่ส่งข่าวใด ๆ เลยกลับมาแบบนี้แน่......เธอคิดอยากจะโทรศัพท์หาเขา แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขา มันทำให้เธอไม่สามารถทำอะไรต่อได้เธอคิดว่า รอเขาอีกหน่อยก็แล้วกัน!บางทีพรุ่งนี้ ลู่เจ๋ออาจจะติดต่อกลับมาก็ได้บางทีพรุ่งนี้ เขาอาจจะกลับมาจากเมือง H แล้ว......โรงพยาบาลลู่ แผนกดูแลผู้ป่วยโคม่าลู่เจ๋อได้แต่นอนนิ่ง ๆ อยู่บนเตียงเขาเอาไขกระดูกเกือบครึ่งหนึ่งออกจากร่างกายของเขา และเอาพลาสมาเกือบหนึ่งในสามออกจากร่างกาย เพื่อสับเปลี่ยนให้กับเจ้าหนูลู่เหยียน......เขาใช้ตัวเอง เพื่อช่วยชีวิตเจ้าหนูลู่เหยียนเอาไว้ยันต์คุ้มครองที่เขาขอจากวัดนั้นไร้ประโยชน์จริง ๆ มีเพียงตัวเขาเองเท่านั้นที่ช่วยได้......ครั้งหนึ่งเขาเคยคุกเข่าต่อหน้าพระพุทธเจ้า แล้วถามพระพุทธเจ้าออกไปว่า ความจริงใจนั่นคืออะไรกันแน่ พระพุทธเจ้ากลับตอบเขาว่าทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุดแต่พระพุทธเจ้ากลับไม่ได้บอกเขา ถึงทางย้อนกลับเฮ่อจี้ถ
ยามค่ำคืน แสงไฟสว่างไสวเฮ่อจี้ถังได้ตรวจร่างกายให้กับลู่เจ๋ออย่างละเอียด แต่ผลลัพธ์กลับไม่ได้ดีมากนัก ร่างกายลู่เจ๋อยังคงตื่นตัวอยู่ แต่การทำงานทางสรีระร่างกายของเขากลับหยุดทำงานลง แขนขาของเขาอ่อนแรง โดยเฉพาะมือขวาที่แทบจะสูญเสียประสาทสัมผัสไปจนหมดลู่เจ๋อยอมรับความจริงอย่างใจเย็นเขาอาจจะต้องนั่งรถเข็นไปตลอดชีวิต และไม่สามารถใช้มือขวาได้เป็นปกติอีกแล้ว เขาจะต้องเริ่มฝึกใช้มือซ้ายแทน......ในทางที่แย่ที่สุด เขาอาจกลายเป็นคนไร้ประโยชน์ไปเลย!แต่เขาก็ไม่เสียใจเขานอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล และพูดอย่างใจเย็น “เจ้าหนูลู่เหยียนเป็นลูกของผม สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นผมที่ตัดสินใจเอง! ห้ามบอกเฉียวซุนเด็ดขาด ผมกับเธอตอนนี้ไม่ใช่สามีภรรยากันแล้ว เธอมีสิทธิ์ที่จะมีชีวิตที่ดีขึ้น...... ”เฮ่อจี้ถังไม่ทนฟังอีกต่อไป เขาเดินออกไปทันทีคุณหญิงลู่คุกเข่าลงข้างเตียง เธอทุบเตียง และร้องไห้อย่างขมขื่น “ลู่เจ๋อ ทำไมลูกถึงทำแบบนี้! เสี่ยวซุนรักลูกมากขนาดนั้น ถ้าเธอรู้ว่าลูกเป็นแบบนี้ไปแล้ว เธอจะต้องกลับมาอยู่ข้างกายลูกแน่”ลู่เจ๋อปิดตาของเขาลงเกิดความชื้นขึ้นในดวงตาของเขา “เพราะความรัก ผมเคยกักขังเธอเ
เฉียวซุนตกตะลึงเธอคิดถึงความเป็นไปได้มากมาย แต่เธอก็ไม่เคยคิดเลยว่ามันจะเป็นแบบนี้......เห็นได้ชัดว่าเขาอ่อนโยนและปฏิบัติต่อเธอดีมาก เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการรื้อฟื้นความสัมพันธ์กับเธอขึ้นมาใหม่เธอยอมรับว่าเธอตัวสั่นมากผลก็คือ ลู่เจ๋อบอกว่าเขากับหลี่ชิงเฉิงคบกันแล้ว!แววตาของเฉียวซุนเปียกชื้นขึ้นทันที จิตใต้สำนึกของเธอก็บอกเธอว่า เธอควรจากไปพร้อมกับเจ้าหนูลู่เหยียน แต่จิตใต้สำนึกของมนุษย์ มันสามารถเชื่อถือได้มากแค่ไหนกัน?ลู่เจ๋อบอกว่าเขาคบกับคนอื่นแล้วแค่ข้อความไลน์ข้อความเดียว เธอไม่คิดจะเชื่อเลยแม้แต่น้อย เธอต้องการได้ยินคำตอบด้วยหูของเธอเองเฉียวซุนกดโทรศัพท์เพื่อโทรหาเขาหลังจากต่อสายได้แล้ว เสียงตรู๊ดยาว ๆ ระหว่างรอสาย ก็ทำให้รู้สึกว่ามันยาวนานมาก——ในที่สุดหลู่เจ๋อก็รับสายสายก็เงียบเป็นเวลานาน ต่างฝ่ายต่างไม่มีใครเอ่ยปากพูดก่อน ได้ยินแค่ลมหายใจจากปลายสายทั้งสอง......ในท้ายที่สุด เป็นเฉียวซุนก็เป็นฝ่ายที่พูดก่อน เธอก็ถามเขาเพียงแค่ว่า “จริงหรือ? ”“ใช่! ผมคบกับเธอแล้ว! ”อีกฝั่งของโทรศัพท์ เสียงที่หนักแน่นของลู่เจ๋อก็ดังขึ้น “คุณจากผมไปสามปีแล้ว! เฉียวซุน......ผม
เมื่อเวลาผ่านไป เธอก็จะลืมไปได้เอง!ลู่เจ๋อกำหมัดแน่น เขาพยายามเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อลุกขึ้นนั่ง แต่เขากลับไม่มีแรงเหลืออยู่ในร่างกายเลย เขาทำได้เพียงนอนบนเตียงราวกับคนไร้ประโยชน์เขาหายใจหอบ แล้วหางตาของเขาเปียกชื้นขึ้นมา......ขอโทษเสี่ยวซุน ผมขอโทษ!......เฉียวซุนไม่ได้กลับมาเก็บข้าวของที่สวนฉินอีกเลย เพราะเธอต้องคอยดูแลเจ้าหนูลู่เหยียน บางครั้งเธอยังต้องพาเจ้าหนูลู่เหยียนไปตรวจที่โรงพยาบาลอีกด้วยมีหลายครั้ง ที่เธอเดินผ่านวอร์ดของลู่เจ๋อแต่เธอกลับไม่รู้ ว่าในขณะที่เธอกำลังบ่นอยู่นั้น ลู่เจ๋อกำลังนอนเงียบ ๆ บนเตียงในโรงพยาบาลอยู่ ไม่สามารถขยับตัวหรือแม้แต่ดูแลตัวเองได้เลยด้วยซ้ำเวลาผ่านไปเร็วมาก หลังจากนั้นหนึ่งเดือนสุขภาพของเจ้าหนูลู่เหยียนก็ค่อย ๆ ดีขึ้น แต่เธอกลับคิดถึงลู่เจ๋อมาก เธอมักจะถามเสมอว่า ทำไมพ่อถึงไม่มาหาหนูเลยเฉียวซุนก็จะโทรหาลู่เจ๋อให้เธอแต่ทุกครั้ง เฉียวซุนก็จะไม่อยู่ฟังด้วย เธอจงใจไม่อยากฟังเสียงของลู่เจ๋อ แบบนั้นจะทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นหน่อย เธอจงใจลืมวันเวลาเหล่านั้น ลืมความจริงที่ว่าเธอยังคงชอบลู่เจ๋ออยู่ให้เธอค่อย ๆ คุ้นชินอย่างช้า ๆให้เธอค่
ลู่เจ๋ออยู่บ้านอย่างนั้นเหรอ?เฉียวซุนเปิดประตูรถ และจ้องมองดูรถทั้งสองคันพอคนรับใช้เห็นเธอ ก็รีบวิ่งเข้ามา และพูดอย่างสุภาพว่า “คุณผู้หญิงกลับมาแล้ว! ”เฉียวซุนยิ้มเบา ๆ “ต่อไปก็เรียกฉันว่าคุณเฉียวก็พอค่ะ! ”เธอถามอีกครั้ง “ลู่เจ๋ออยู่ที่บ้านเหรอคะ? ”เหล่าคนรับใช้ต่างก็อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ......เฉียวซุนไม่ได้คิดอะไรมาก เธอเดินตรงไปยังทางเข้าของวิลล่า ขณะที่เธอกำลังจะขึ้นไปชั้นบน เธอบังเอิญเห็นคนคนหนึ่ง......ที่แท้ก็คือหลี่ชิงเฉิงสีหน้าของเฉียวซุนก็ซีดลงทันทีหลี่ชิงเฉิงกลับไม่รู้สึกแปลกใจที่เห็นเธอเลยแม้แต่น้อยน้ำเสียงของเธออ่อนโยนมาก แต่กลับให้ความรู้สึกถึงท่าทีของนายหญิง “ข้าวของของคุณกับเหยียนเหยียน ฉันได้เก็บเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้วค่ะ อยู่ในห้องนั่งเล่นชั้นบน ฉันจะพาคุณไปเอา! แต่ว่าช่วยเบาเสียงหน่อยนะคะ ช่วงนี้ลู่เจ๋อค่อนข้างยุ่งกับโปรเจ็กต์นิดหน่อย ช่วงหลายวันมานี้เลยไม่ค่อยได้นอน เขาเพิ่งจะนอนหลับไปค่ะ”ทันทีที่หลี่ชิงเฉิงพูดจบ เธอก็ยิ้มอย่างอ่อนโยน ราวกับหญิงสาวที่กำลังมีความรักเธอไม่ได้จะทำให้เฉียวซุนรู้สึกไม่พอใจแต่ตอนนี้ เฉียวซุนกลับรู้สึกอับอายอย่างที่สุด ต่อหน้าค
น้ำเสียงของลู่เจ๋อเบาลง "เพื่อทำให้เธอเกลียดผม!"เขามองตรงไปที่หลี่ชิงเฉิง แล้วถามกลับเบา ๆ “กับผมที่เป็นแบบนี้ ยังจะให้ความหวังอะไรเธอได้อีก ให้เธอตัวติดกับผมอยู่ตลอดอย่างงั้นเหรอ? เจ็บปวดทีเดียวดีกว่าเจ็บปวดตลอดไป จุดจบแบบนี้ มันดีสำหรับทุกคนแล้วล่ะ! ”หลี่ชิงเฉิงหัวเราะเยาะอย่างเย็นชา “มันดีสำหรับทุกคนอย่างนั้นเหรอ? คุณรู้เหรอว่าเธอคิดอะไรอยู่ เธอกำลังคิดว่า หลายวันก่อนหน้านี้คุณดีกับเธอตั้งขนาดนั้น แต่จู่ ๆ คุณก็ไปนอนกับผู้หญิงคนอื่น เธอจะต้องคิดโยงไปต่าง ๆ นานาแน่นอน......ลู่เจ๋อ คุณเคยคิดไหมว่า ถ้าหากวันหนึ่งคุณกลับมาเป็นปกติแล้ว อยากที่จะกลับไปไล่ตามเธอ แต่เธอกลับไม่อยากกลับมาอีกแล้ว หรือเธออาจเป็นของคนอื่นไปแล้วล่ะ? ”ลู่เจ๋อเงียบไปสักพัก แล้วเขาก็พูดด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์ออกมา “ผมเต็มใจ! ”เขาใช้มือซ้าย ดันรถเข็นกลับเข้าห้องนอนไปด้วยความยากลำบากหลี่ชิงเฉินจ้องมองตามแผ่นหลังของเขา ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยน้ำตา เธอแพ้อย่างราบคาบ เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า ลู่เจ๋อสามารถทำเพื่อครอบครัวได้ขนาดนี้......ตอนนี้เธอเชื่อแล้ว เขารักเฉียวซุนจริง ๆแต่ว่า เขาเองก็เต็มใจที่จะแบกรับความเจ็
เขาที่กลายเป็นแบบนี้ไปแล้วต่อให้เขาจะไล่ตามไปถึงสนามบิน แล้วจะทำอะไรได้?หรือจะให้เขาบอกกับเธอว่า เพราะเขาช่วยเจ้าหนูลู่เหยียนถึงได้กลายเป็นแบบนี้ แล้วเขาก็ไม่ได้คบกับหลี่ชิงเฉิงด้วย จากนั้นก็มัดเธอไว้ข้างเขาไปตลอดชีวิตอย่างนั้นเหรอ?เขาทำไม่ได้......เฉียวซุนกำลังตั้งครรภ์ ระหว่างพวกเขาก็มีความคิดเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่ง เฉียวซุนสามารถเป็นแม่ที่ดีได้ เจ้าหนูลู่เหยียนเองก็จะมีญาติเพิ่มขึ้นมาอีกคน อันที่จริง เป็นแบบนี้ก็ดีแล้วลู่เจ๋อ นายยังจะอารมณ์เสียอะไรอีก?ลู่เจ๋อนอนฟุบอยู่บนพื้น หายใจหอบแรง......ด้านนอก เลขาฉินรวบรวมสติ และเปิดประตูเพื่อกลับไปอ่านเอกสารให้เขาฟังต่อ แต่ทันทีที่ประตูเปิดออก เธอก็ตัวแข็งทื่อ “ลู่เจ๋อ! ”เธอวิ่งเข้าไปช่วยพยุงเขาให้ลุกขึ้น ต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการพาเขากลับมานั่งบนรถเข็น ลู่เจ๋อเจ็บปวดมากจนเหงื่อไหลออกตามหน้าผาก ราวกับเม็ดถั่วที่ค่อย ๆ หยดลงมา เสียงของเลขาฉินดูลนลาน “เดี๋ยวฉันโทรหาหมอเฮ่อมาดูอาการให้นะคะ”ลู่เจ๋อห้ามเธอไว้เขามองดูกระดาษบนพรมแล้วพูดเบา ๆ “ไม่ต้องโทรหาหมอ! ฉินอวี้ ผมอยากอยู่คนเดียวสักพัก”ฉินอวี้พอจะเดาความคิดของเขาได้เธอ
ในวันสำคัญแบบนี้ คุณหญิงลู่กลับอดกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่เธอรำพึงรำพันกับลู่เจ๋อ หากปีนั้นเธอไม่ทำแบบนั้นกับเฉียวซุน พวกเขาสามีภรรยาคงไม่มีจุดจบแบบทุกวันนี้......แต่ลู่เจ๋อกลับพูดว่า “เป็นผมต่างหากที่ปฏิบัติต่อเธอได้ไม่ดี! ”เขามองดูคุณหญิงลู่ และพูดด้วยน้ำเสียงที่ขมขื่น “แม่ครับ ตอนนี้เฉียวซุนก็ได้มีชีวิตที่ดีแล้ว อย่ารบกวนเธออีกเลย......รอให้เด็ก ๆ โตขึ้นอีกหน่อย ด้วยคุณสมบัติของเธอ เธอต้องหาผู้ชายที่เหมาะสมได้แน่ เธอเองก็มีชีวิตของตัวเองเหมือนกัน”ในอดีต ลู่เจ๋อมีทั้งความภาคภูมิใจและเป็นคนที่มั่นใจมาก แต่ตอนนี้เขากลับเต็มใจที่จะผลักเฉียวซุนให้กับผู้อื่นคุณหญิงลู่เองก็รู้สึกเศร้าเธอใช้เวลาอยู่พักใหญ่เพื่อสงบสติอารมณ์ ในเวลานี้คนรับใช้ก็ได้นำมื้อดึกสองที่มาเสิร์ฟให้บนห้อง เป็นซุปเม็ดบัว คุณหญิงลู่ลุกขึ้น หยิบช้อนขึ้นมา พลางมองดูลู่เจ๋อด้วยน้ำตาที่คลอเบ้า “ลู่เจ๋อ ลูกย้ายกลับมาที่บ้านพักลู่เถอะ.....ให้แม่ได้ดูแลลูกนะ! ”ยังไงก็เป็นลูกที่เธอคลอดเองมากับมือ เธอจึงไม่วางใจลู่เจ๋อหยิบชามขึ้นมา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่สงบ “ผมอยู่ที่นี่ก็ดีแล้วครับ”เพราะว่าที่นี่ เขากับเฉียวซุนเค