ในวันสำคัญแบบนี้ คุณหญิงลู่กลับอดกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่เธอรำพึงรำพันกับลู่เจ๋อ หากปีนั้นเธอไม่ทำแบบนั้นกับเฉียวซุน พวกเขาสามีภรรยาคงไม่มีจุดจบแบบทุกวันนี้......แต่ลู่เจ๋อกลับพูดว่า “เป็นผมต่างหากที่ปฏิบัติต่อเธอได้ไม่ดี! ”เขามองดูคุณหญิงลู่ และพูดด้วยน้ำเสียงที่ขมขื่น “แม่ครับ ตอนนี้เฉียวซุนก็ได้มีชีวิตที่ดีแล้ว อย่ารบกวนเธออีกเลย......รอให้เด็ก ๆ โตขึ้นอีกหน่อย ด้วยคุณสมบัติของเธอ เธอต้องหาผู้ชายที่เหมาะสมได้แน่ เธอเองก็มีชีวิตของตัวเองเหมือนกัน”ในอดีต ลู่เจ๋อมีทั้งความภาคภูมิใจและเป็นคนที่มั่นใจมาก แต่ตอนนี้เขากลับเต็มใจที่จะผลักเฉียวซุนให้กับผู้อื่นคุณหญิงลู่เองก็รู้สึกเศร้าเธอใช้เวลาอยู่พักใหญ่เพื่อสงบสติอารมณ์ ในเวลานี้คนรับใช้ก็ได้นำมื้อดึกสองที่มาเสิร์ฟให้บนห้อง เป็นซุปเม็ดบัว คุณหญิงลู่ลุกขึ้น หยิบช้อนขึ้นมา พลางมองดูลู่เจ๋อด้วยน้ำตาที่คลอเบ้า “ลู่เจ๋อ ลูกย้ายกลับมาที่บ้านพักลู่เถอะ.....ให้แม่ได้ดูแลลูกนะ! ”ยังไงก็เป็นลูกที่เธอคลอดเองมากับมือ เธอจึงไม่วางใจลู่เจ๋อหยิบชามขึ้นมา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่สงบ “ผมอยู่ที่นี่ก็ดีแล้วครับ”เพราะว่าที่นี่ เขากับเฉียวซุนเค
หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวซุนถึงได้พูดออกมาเบา ๆ “หลินเซียวกำลังจะย้ายธุรกิจของเธอมาที่เมือง B ค่ะ”คุณนายหลี่เองก็รู้เรื่องนี้เช่นกันเธอไปมาหาสู่กับคุณฟ่านอยู่เสมอ หลังจากได้ฟังคำพูดของเฉียวซุน เธอก็จับมือของเฉียวซุน แล้วพูดว่า “เธอเพิ่งจะมาที่เมือง B หากมีเรื่องไหนที่ฉันพอจะช่วยได้ ก็ขอให้เอ่ยปากบอกฉันได้เลย”เฉียวซุนยิ้มเบา ๆ “ขอบคุณมากนะคะ คุณนายหลี่”คุณนายหลี่แสดงท่าทีโบกปัดปฏิเสธออกมาทั้งคู่ต่างก็รู้สึกเศร้านิดหน่อย!ในเวลานี้ คนรับใช้ก็เข้ามาบอกคุณนายหลี่ว่าแขกคนสำคัญมาถึงแล้วคุณนายหลี่สารภาพกับเฉียวซุนว่า “คนคนนี้เป็นคนที่ช่วงนี้ฉันอยากจะรู้จักมากคนหนึ่ง เชิญไปตั้งหลายครั้งกว่าจะตอบรับคำเชิญ ฉันต้องขอตัวเดี๋ยวนะ เธอตามสบายเลย คิดซะว่าที่นี่เป็นบ้านของเธออีกหลังก็แล้วกัน”เฉียวซุนยิ้มเล็กน้อย แล้วส่งเธอออกไป!คุณนายหลี่เดินไปรับแขก ส่วนเธอก็เดินเล่นในสวนหลังบ้านไปเรื่อย ๆ แถวนั้นมีคนน้อย ค่อนข้างเงียบสงบขณะที่เธอกำลังหันหน้ากลับเธอก็เห็นลู่เจ๋อโดยไม่คาดคิดเขานั่งอยู่บนรถเข็น มาพร้อมกับฉากหลังที่มีดวงดาวสองสามดวงท่ามกลางค่ำคืนที่มืดมิด และเขาก็กำลังนั่งมองดูเธออย่
เฉียวซุนไม่ได้พูดอะไรต่อเมื่อพูดเรื่องพวกนี้ออกมา เธอเองก็รู้สึกทนไม่ไหวเหมือนกันเขาไม่ต้องการเธอตั้งนานแล้ว แล้วก็ไม่ต้องการเจ้าหนูลู่เหยียนอีกต่อไป แต่เธอกลับยังเกลียดเขาอยู่......เฉียวซุนไม่ได้อยากให้ตัวเองดูน่ารังเกียจต่อหน้าผู้อื่นเธอสงบสติอารมณ์ และพูดอย่างใจเย็น “พูดเรื่องพวกนี้ออกมาก็ไม่มีประโยชน์! ลู่เจ๋อ ในเมื่อปีนั้นคุณเลือกเส้นทางนั้นด้วยตัวเองแล้ว ก็อย่าได้รู้สึกเสียใจอีก ยิ่งไม่ต้องพูดคำพูดที่ฟังดูคลุมเครือพวกนั้นออกมาอีก! ”ทันใดนั้นเธอก็ลดเสียงลง “ข้างกายของฉันมีคนอื่นไปแล้ว! ”ลู่เจ๋อตกตะลึงเขามองตรงไปที่เธอ แทบไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เธอพูดออกมาเลย ยิ่งไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เขาเพิ่งได้ยิน เธอบอกว่าข้างกายเธอมีคนอื่นแล้ว......ดวงตาของเฉียวซุนเปียกชื้นเธอถามเขากลับว่า “นี่มันก็ปกติไม่ใช่เหรอ? เขาดูแลฉัน เขาชอบเด็ก......ฉันคิดว่าพวกเราเข้ากันได้ดีมากเลยล่ะ”ที่เธอหมายถึงก็คือ เธอชอบคนคนนั้นลู่เจ๋อตกอยู่ในอาการมึนงงอยู่นาน ก่อนจะถามเธอออกไปเบา ๆ “คุณบอกผมได้ไหมว่าเขาเป็นใคร? ”เฉียวซุนพ่นคำสองคำออกมา “หลินซวง! ”คำตอบนี้ คือสิ่งที่ลู่เจ๋อคาดไม่ถึง
ฤดูใบไม้ร่วงที่หนาวเย็นเฉียวซุนขยับเสื้อคลุมของผู้ชายที่อยู่บนตัวของเธอเบา ๆ เนื้อผ้าคุณภาพดีเข้ามาใกล้กับใบหน้าอันละเอียดอ่อนของเธอ มันใกล้จนเธอสามารถได้กลิ่นลมหายใจของหลินซวง......สิ่งนี้ทำให้เธอรู้สึกตื่นตัว!เธอส่ายหัว และปฏิเสธเบา ๆ “เปล่าค่ะ! ”จากนั้น หลินซวงก็โอบไหล่ของเธอเอาไว้ เรือนร่างที่ดูเพรียวบางของเธอ ถูกหลินซวงโอบรัดราวกับดอกไม้ที่แสนจะบอบบาง......พวกเขาดูเข้ากันได้อย่างลงตัวลู่เจ๋อที่กำลังนั่งอยู่บนรถเข็น ได้แต่จ้องมองแผ่นหลังของพวกเขาอยู่เงียบ ๆฉากหลังของเขายังคงเป็นค่ำคืนที่มืดสนิทอยู่ เพียงแต่ในเวลานี้ไม่สามารถมองเห็นถึงความแปลกใจของเธอได้อีกแล้ว แม้แต่ฉากหลังและผ้าม่านยังทำให้รู้สึกถึงบรรยากาศที่เศร้าหมองได้เขามองดูเธอที่อยู่ในอ้อมแขนของหลินซวงเขามองดูความอ่อนโยนของพวกเขา และมองดูทุกสิ่งที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นของเขา สุดท้ายก็กลายเป็นของคนอื่นอย่างช่วยไม่ได้......*หลินซวงกับเฉียวซุน ทั้งสองก็มาถึงรถอาร์วีสีดำตรงลานจอดรถรอจนเฉียวซุนขึ้นรถแล้วหลินซวงก็จับตรงหลังคารถ แล้วโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยด้วยร่างสูงของเขา จากนั้นก็ส่งสายตาที่บ่งบอกถึงความรู้ส
เฉียวซุนพูดเบา ๆ กับคนขับ “หยุดรถหน่อยค่ะ!”คนขับเหยียบเบรก และหยุดรถตรงข้างถนน เขาหันศีรษะ แล้วถามด้วยความสงสัย “คุณเฉียวมีอะไรรึเปล่าครับ? ”เสียงของเฉียวซุนนิ่งสงบ “ฉันอยากลงไปเดินเล่นหน่อยน่ะค่ะ! คุณกลับไปก่อนนะคะ”คนขับมองย้อนกลับไปด้านหลัง และเดาว่าเธอคงรู้สึกอยากรำลึกความหลัง ดังนั้นเขาจึงพูดออกไปอย่างเป็นธรรมชาติ “คุณเฉียวคงอยากจะไปดูที่ที่เคยอาศัยอยู่สินะครับ ถ้าอย่างนั้นผมจะรอคุณอยู่ที่นี่นะครับ”เฉียวซุนฝืนยิ้ม “เดี๋ยวฉันเรียกรถกลับเองค่ะ”คนขับลังเล แต่สุดท้ายก็ตอบตกลง เขาลงจากรถไปเปิดประตูให้เฉียวซุน เขายังพูดออกไปอย่างชาญฉลาดอีกว่า “คุณเฉียววางใจเถอะครับ ผมจะไม่ปากมากต่อหน้าคุณหลินแน่นอน”เฉียวซุน ......เธอไม่ได้อธิบาย หยิบผ้าคลุมไหล่เบา ๆ แล้วเดินตรงไปยังบ้านที่แสนโดดเดี่ยวพระจันทร์ส่องแสงเจิดจ้ารองเท้าส้นสูงของเฉียวซุนเหยียบบนพื้นกระเบื้อง ส่งเสียงที่ทั้งคมชัดและดูโดดเดี่ยว ราวกับสวนฉินนี้เป็นเหมือนบ้านร้างเธอเดินมาถึงหน้าประตู แล้วเงยหน้าขึ้นมองคำที่สลักว่าสวนฉินบ้านหลังนี้ เคยมีความทรงจำในวัยเด็กของเธอบ้านหลังนี้ ก็เคยมีช่วงเวลาดี ๆ ระหว่างเธอกับลู่เ
เธอพยายามดิ้นรน แต่กลับไม่สามารถทำอะไรได้เลยลู่เจ๋อล็อกตัวเธอเอาไว้แน่น มือซ้ายของเขาแข็งแรงมาก เขาจ้องมองเธอด้วยแววตาสีเข้ม เผยให้เห็นแววตาที่ชัดเจนของชายคนนั้น......เฉียวซุนไม่รู้จริง ๆ ว่าเขาถูกกระตุ้นหรือเปล่าลู่เจ๋อค่อย ๆ คลายมือเพื่อปล่อยเธอเขาไม่เพียงแค่ปล่อยเธอไป เขายังขอโทษเธอ ด้วยน้ำเสียงที่จริงจังอีกด้วย “ผมต้องขออภัยด้วยครับ คุณเฉียว เมื่อกี้ผมคงเลอะเลือนไป! ”ริมฝีปากของเฉียวซุนสั่นเทา จนแทบจะยืนไม่ไหวในเวลาเดียวกันนี้เอง โทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น......เธอเหลือบมองไปที่ลู่เจ๋อ แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าของเธอ คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นสายของลู่จิ้นเซิง เขาอยากนัดเธอออกไปพบ เขาพูดด้วยท่าทีที่สุภาพมาก ๆ โดยเขาบอกว่าเขาอาจจะช่วยคลายเรื่องกลุ้มใจของเธอได้เฉียวซุนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ตอบตกลงรอจนเธอวางสายโทรศัพท์ ลู่เจ๋อก็มองดูเธอ แล้วพูดว่า “คุณสนิทกับลู่จิ้นเซิงมากเลยเหรอ? ”“ติดต่อกันบ้างเป็นครั้งคราว” เฉียวซุนพูดอย่างใจเย็นเธอค่อย ๆ ดึงศักดิ์ศรีของเธอกลับคืนมา เธอมองไปทางลู่เจ๋อ แล้วเธอก็นึกถึงเรื่องเมื่อหนึ่งปีก่อนขึ้นมาได้ ตอนนั้นเธอได้
เมื่อประตูรถถูกเปิดออกภายในรถเหลือเพียงแค่คนสองคน พื้นที่แคบ ๆ ภายใน ทำให้ต่างฝ่ายต่างสัมผัสได้ถึงลมหายใจของกันและกัน ......ซึ่งทำให้ความรู้สึกผู้คนไม่มีทางหนีรอดออกไปได้แต่สิ่งที่ทำให้รู้สึกสิ้นหวังมากที่สุดเลยก็คือเฉียวซุนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เขา แต่กลับไม่ได้เป็นของเขาอีกต่อไปลู่เจ๋อลดกระจกลงครึ่งบาน แล้วจ้องมองด้านนอกอยู่เงียบ ๆ น้ำเสียงที่แผ่วเบา แต่ก็ถือว่าค่อนข้างอ่อนโยน “เด็ก ๆ อยู่ไหนกัน ทำไมคุณถึงไม่พาพวกเขากลับมาด้วย? เจ้าหนูลู่ฉวินเองก็น่าจะสองขวบแล้วสินะ! ”แม้ว่าจะเตรียมใจเอาไว้บ้างแล้ว แต่ในเวลานี้ ดวงตาของเฉียวซุนก็กลับแดงก่ำขึ้นมาอยู่ดีที่แท้เขาเองก็รู้เรื่องมาตั้งนานแล้วเขารู้มานานแล้วว่าเธอท้อง เขารู้เกี่ยวกับการมีอยู่ของเจ้าหนูลู่ฉวิน แต่เขาก็ยังเลือกที่จะไม่ต้องการ......ตัวเธอกลับยิ้มรอเยาะเย้ยอยู่ที่เมืองเซียง รอเขาตั้งนานขนาดนั้นแต่ว่าเรื่องพวกนี้ เธอก็ไม่สามารถถามออกไปได้ ไม่อย่างนั้นก็จะยิ่งรู้สึกกระอักกระอ่วนมากกว่าเดิมอีกเฉียวซุนพยายามควบคุมสติอารมณ์ของตัวเอง แล้วถามกลับไปว่า “แล้วคุณต้องการอะไร? ”สีหน้าของลู่เจ๋อดูไร้อารมณ์ “ผมกำลังนึกถึงสัญญ
เฉียวซุนไม่รู้ว่า ผู้ชายที่นอกใจต่างก็มีโทรศัพท์มือถือสองเครื่องหรือไม่ขณะที่ลู่เจ๋อกำลังอาบน้ำ คนรักของเขาก็ส่งรูปเซลฟี่มาให้เธอเป็นเด็กสาวที่มีหน้าตาละอ่อนและสวย แต่เธอกลับสวมเสื้อผ้าชั้นสูงที่ไม่เหมาะกับวัยของเธอเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นเธอจึงดูไม่เป็นธรรมชาติอยู่พอสมควร[คุณลู่ ขอบคุณสำหรับของขวัญวันเกิดนะคะ]เฉียวซุนมองภาพนั้นอยู่เป็นเวลานานจนรู้สึกเจ็บตา เธอรู้มาโดยตลอดว่ามีคนอยู่ข้างกายของลู่เจ๋อ แต่เธอไม่คิดว่าจะเป็นผู้หญิงแบบนี้ไปได้ นอกจากอกหักแล้ว เธอยังรู้สึกประหลาดใจกับรสนิยมของสามีอีกด้วยเธอรู้สึกว่า ตัวเธอเสียใจจริงๆ ที่ไปได้เห็นความลับของลู่เจ๋อเข้าจากนั้นเสียงเปิดประตูห้องน้ำก็ดังขึ้นมาจากด้านหลังหลังจากนั้นครู่หนึ่ง ลู่เจ๋อก็ออกมาด้วยร่างกายที่เต็มไปด้วยหยดน้ำ เสื้อคลุมอาบน้ำสีขาวเหมือนหิมะของเขาห่อกล้ามเนื้อหน้าท้องและหน้าอกที่แข็งแรง ทำให้เขาดูสูงและเซ็กซี่แบบสุดๆ“จะดูอีกนานแค่ไหน?” เขาหยิบโทรศัพท์ออกจากมือของเฉียวซุน เหลือบมองเธอ และเริ่มแต่งตัวเขาไม่มีท่าทางลำบากใจแบบคนที่โดนภรรยาจับได้เลยแม้แต่น้อย และเฉียวซุนก็รู้ดีว่า ความมั่นใจนี้มาจากความสามารถท