“ท่านอ๋องพูดเกินไปแล้ว”เว่ยเหวินจงหัวเราะแห้ง “เรื่องคราวก่อน ข้ามีความผิดบกพร่องในหน้าที่! เตะนั่นถือว่าเป็นการขอโทษท่านอ๋อง ข้าไม่มีทางโกรธแค้นท่านอ๋องด้วยเรื่องนี้หรอก”“เจ้าจะพูดอย่างไรก็ตามใจ!” หยุนเจิงค่อยๆ นั่งลง “ตอนนี้ข้าอารมณ์ไม่ดี จะออกไปสูดอากาศสักหน่อย หากเจ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ก็กลับไปเถอะ!”กล่าวจบ หยุนเจิงพลันโบกมือเรียกคนส่งแขกใบหน้าของเว่ยเหวินจงมีรังสีความโกรธวาบออกมา แล้วรีบส่ายศีรษะ “ข้ายังมีอีกเรื่องหนึ่ง”หยุนเจิงมองเขาอย่างไม่สบอารมณ์ “ว่ามา! รีบพูดรีบไปซะ!”เว่ยเหวินจงชะงักเล็กน้อย พยายามระงับความโกรธในใจ แล้วฉีกยิ้มออกมาฝืนๆ “ข้าคิดว่า ท่านอ๋องไม่จำเป็นต้องฝึกซ้อมทหารม้าที่เขาลั่วเสีย”“เพราะเหตุใด?”หยุนเจิงเงยหน้าเล็กน้อย“เรื่องนี้ค่อยว่ากันภายหลัง!” เว่ยเหวินจงหัวเราะแห้ง “ทว่าบัดนี้สถานการณ์ของซั่วเป่ยค่อนข้างวุ่นวาย ข้าจะเล่าสถานการณ์ของซั่วเป่ยให้ท่านอ๋องฟังก่อน”เว่ยเหวินจงกล่าวพลางแค่นเสียงเย็นชาในใจหยุนเจิง แม้ว่าเจ้าจะมีคารมคมคาย แต่ข้าก็มีวิธีจัดการกับเจ้าได้!เมื่อคิดเช่นนี้แล้ว เว่ยเหวินจก็เริ่มวิเคราะห์ถึงสถานการณ์ตอนนี้ให้กับหยุ
ข้ากล้าให้ แต่เจ้าอาจไม่กล้ารับก็ได้?ประโยคของหยุนเจิง ทำให้เว่ยเหวินจงรู้สึกขำขันหยุนเจิงกล้าให้ เหตุใดเขาถึงจะไม่กล้ารับ?ฝ่ายของหยุนเจิงก็เป็นหนึ่งในกองทหารมณฑลฝ่ายเหนือเช่นกัน อีกอย่างเรื่องที่กองทหารมณฑลฝ่ายเหนือขาดแคลนม้าศึกก็เป็นความจริง!สถานการณ์ในตอนนี้ เขาโยกย้ายม้าศึกของหยุนเจิง ถึงแม้ฝ่าบาทจะมาก็คงไม่ว่าอะไรเหตุใดตนถึงต้องไม่กล้ารับด้วย?“ท่านอ๋องพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?”เว่ยเหวินจงถามยิ้มๆ“ม้าศึกพวกนี้อย่างไรข้าก็ต้องคืนเสด็จพ่ออยู่แล้วไม่ช้าก็เร็ว!”หยุนเจิงเงยหน้ามองเว่ยเหวินจง “วันที่ข้าออกจากเหมืองจักรพรรดิ เสด็จพ่อได้ยืมม้าศึกจำนวนหนึ่งพันตัวให้กับทหารจวนของข้าเหล่านี้!”“เสด็จพ่อบอกแล้วว่าม้าศึกพวกนี้เขาให้ข้ายืม แล้วต้องคืนเป็นเท่าตัว!”“พูดง่ายๆ คือม้าศึกพวกนั้นไม่ใช่ของข้า และไม่ใช่ของกองทหารมณฑลฝ่ายเหนือ แต่เป็นของเสด็จพ่อ!”“เรื่องนี้ ฉินชีหู่ที่ป้อมเมืองสุยหนิงรู้ดี เจ้าลองไปถามดูได้!”“เจ้าอยากได้ม้าศึกพวกนี้ ก็ต้องไปทูลขอราชโองการกับเสด็จพ่อ!”“หากเจ้านำราชโองการจากเสด็จพ่อมาได้ ข้าจะไม่ว่าสักคำ!”ได้ยินคำพูดของหยุนเจิงแล้ว ในใจเว่ยเ
ทำไมไม่ให้ตนมอบทหารและม้าทั้งหมดให้เขา ส่วนตนก็พาทหารจวนหนึ่งพันนายเล่นอยู่ในซั่วฟางเลยล่ะ?เว่ยเหวินจงครุ่นคิดเล็กน้อย แล้วพยักหน้า “ที่ท่านอ๋องว่ามา ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล! เช่นนั้นก็โยกย้ายเพียงทหารทั่วไปแก่ชราอ่อนแอหนึ่งหมื่นนายก็พอ! ความปลอดภัยของซั่วฟางต้องขอฝากไว้กับท่านอ๋องแล้ว!”ถึงแม้เว่ยเหวินจงอยากจะทำลายกองกำลังของหยุนเจิงทีเดียว แต่ก็ไม่กล้าทำเกินไปมิเช่นนั้น หากซั่วฟางเสียเปรียบ เขาเองก็เอาตัวรอดยากเช่นกัน“ได้!”หยุนเจิงพยักหน้า“นอกจากนี้ ท่านอ๋องเองก็ต้องเตรียมตัวไปสนับสนุนด้วยเสมอ!”เว่ยเหวินจงกล่าว “หากแนวหน้าติดขัด ข้าอาจต้องออกคำสั่งให้ท่านอ๋องมาสนับสนุนได้ทุกเมื่อ!”หยุนเจิงพยักหน้า “เป็นเรื่องที่ควรทำอยู่แล้ว! ข้ายกโลงศพมาถึงซั่วเป่ย ไม่ได้คิดจะมาเล่นๆ เช่นกัน”“เช่นนั้นต้องขอบพระทัยท่านอ๋องมากแล้ว!” เว่ยเหวินจงบรรลุจุดประสงค์ แล้วรีบลุกขึ้น “ข้ายังต้องกลับไปจัดการการป้องกันของแต่ละฝ่าย ต้องขอตัวก่อน!”“อืม”หยุนเจิงพยักหน้า ขี้เกียจส่งแขกเว่ยเหวินจงกำลังจะจากไป จู่ๆ ก็หยุดฝีเท้าลงรอให้เว่ยเหวินจงออกไปแล้ว คนในกระโจมถึงได้เริ่มสบถด่ามารดาขึ้นมาซั่ว
หลังจากที่เว่ยเหวินจงจากไป หวังชี่ก็สารภาพต่อหยุนเจิงเรื่องคำสัญญาที่เว่ยเหวินจงให้ไว้กับเขา“เช่นนั้นเจ้าไปที่เมืองเทียนหูเถอะ!”หยุนเจิงกล่าวยิ้มๆ “ทหารและม้าหกพันนายก็ถือว่าไม่เลวแล้ว! จริงด้วย ดูเหมือนว่ากำลังคนและม้าของฝ่ายฮั่วกู้ที่รักษาการณ์อยู่ที่ซั่วฟางก่อนหน้านั้นจะอยู่ที่เมืองเทียนหูสายหนึ่งด้วย คนมากมายที่ค่ายของฮั่วกู้ล้วนเคยได้รับความเมตตาจากข้า เจ้าสามารถไปเกลี้ยกล่อมพวกเขาลับๆ ได้! แต่จำไว้ว่าทุกอย่างต้องทำอย่างระมัดระวัง ห้ามให้คนอื่นจับได้เด็ดขาด”กำลังคนและม้าของฮั่วกู้เป็นความล้มเหลวที่สุดของเขาตั้งแต่ที่เข้าซั่วฟางมาหลักๆ คือฮั่วกู้หนีเร็วมาก!ไม่ให้โอกาสเขาในการกลืนกินทหารและม้าเก้าพันนายเลยบัดนี้ หวังชี่เองก็ต้องไปเมืองเทียนหู โอกาสของพวกเขาก็มาถึงแล้วไม่ใช่หรือ?“เข้าใจแล้ว!”หวังชี่พยักหน้าหงึกๆ “ท่านอ๋องวางใจได้ ข้าจะไม่ทำให้ท่านอ๋องผิดหวังแน่นอน!”คำพูดของเขากำลังแสดงความจงรักภักดีต่อหยุนเจิงอย่างไม่ต้องสงสัย“ดี! ข้าไม่ใช้คนไม่ไว้วางใจ หากจะใช้คนย่อมไม่สงสัย!”หยุนเจิงตบบ่าของหวังชี่แรงๆ “เจ้าไม่ทำให้ข้าผิดหวัง ข้าเองก็จะไม่ทำให้เจ้าผิดหวังเช่นก
หยุนเจิงหัวเราะแฮะๆ แล้วรีบโอบกอดเสิ่นลั่วเยี่ยนพร้อมจุมพิตเข้าที่ใบหน้าของนาง“อยากตายหรือไง!”เสิ่นลั่วเยี่ยนผลักหยุนเจิงออกด้วยความเขินอาย “หากคนอื่นเห็นเข้าจะเป็นอย่างไร? ท่านไม่อาย แต่ข้าอายนะ!”หยุนเจิงไม่สนใจ แล้วหัวเราะร่าออกมา “ข้าหอมแก้มพระชายาของตน ใครจะกล้าพูดว่าข้าหน้าไม่อาย?”เสิ่นลั่วเยี่ยนเบะปาก แล้วมองบนใส่เขาอีกทีหนึ่งหลังจากที่แกล้งเสิ่นลั่วเยี่ยนไปพักหนึ่ง หยุนเจิงก็เรียกอวี๋ซื่อจงและตู้กุยหยวนพร้อมทั้งเฝิงอวี้เข้ามาหยุนเจิงกล่าว “พรุ่งนี้เราต้องเริ่มขุดม้าศึกที่อยู่ในหุบเขามรณะออกมา พร้อมรวดขุดศพทหารม้าเป่ยหวนออกมาด้วย!”อวี๋ซื่อจงได้ยินดังนั้น ก็ยิ้มชั่วร้ายออกมา “องค์ชายคงไม่ได้คิดจะใช้ศพเป่ยหวนแลกม้าศึกอีกหรอกใช่หรือไม่?”“เรื่องนี้อย่าเพิ่งคิดเลย”หยุนเจิงส่ายศีรษะ “บัดนี้เป่ยหวนพ่ายแพ้ต่อเนื่องกัน ไม่มีใจอยากแลกศพหรอก! สิ่งที่เราต้องการคือชุดเกราะและอาวุธของทหารม้าเป่ยหวนพวกนั้น ส่วนศพให้ขุดหลุมใหญ่แล้วฝังลงไปเลยแล้วกัน!”ครั้งนี้เหล่าทหารม้าเป่ยหวนที่หุบเขาพวกนั้นล้วนถูกฝังทั้งเป็นชุดเกราะของพวกเขาน่าจะยังสมบูรณ์ไม่เสียหายนักพวกเขาถูกโยกย้ายทห
ฐานค่ายแนวหน้าชายแดนกู้ปานปู้มาดูแลแนวหน้าที่ชายแดนกู้แล้วแต่ทว่า ปานปู้กลับรู้สึกไม่สบายใจเท่าไหร่นักตามหลักแล้ว ฝ่ายอู้เลี่ยควรจะฆ่ามาถึงแนวด้านหลังของกองทหารมณฑลฝ่ายเหนือแล้วกองทหารมณฑลฝ่ายเหนือในตอนนี้ก็ควรจะโกลาหลวุ่นวายถึงจะถูกแต่ทว่าทหารที่พวกเขาส่งไปรายงานว่ากองทหารป้อมเมืองทั้งสองของต้าเฉียนไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆหากไม่ใช่เพราะกองทหารมณฑลฝ่ายเหนือจงใจทำให้ดูเงียบสงบล่ะก็ เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเกิดปัญหากับฝ่ายอู้เลี่ยนั่นมันทหารม้าชั้นยอดสี่หมื่นนายเชียวนะ!ห้ามเกิดอะไรขึ้นเด็ดขาด!ปานปู้ยิ่งคิดยิ่งไม่สบายใจพลางเดินไปมาในกระโจมใหญ่ไม่หยุด“รายงาน! รายงานด่วน!”ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงทหารรายงานดังขึ้นตาปานปู้กระตุก แล้วรีบพุ่งตัวออกจากกระโจมใหญ่ทันทีปานปู้เพิ่งออกไปถึง ทหารรายงานก็มาถึงหน้ากระโจมด้วยท่าทีหอบเหนื่อย หยุดฝีเท้าไม่ทันจึงล้มลงกับพื้นในบัดดล“ราชครู!”หลังจากคำนี้พ่นออกไป ทหารรายงานก็ปล่อยโฮออกมาทันทีปานปู้หน้าถอดสีรีบย่อตัวลงพร้อมจับตัวทหารรายงานเอาไว้พลางตะคอกเสียงโกรธ “รีบพูด เกิดอะไรขึ้น? รีบบอกมา!”ขณะนี้ปานปู้ภาวนาอย่างสุดฤทธ
“เสียงดัง เสียงดังมาจากไหน?” ปานปู้คำรามด้วยความโกรธ“ข้าไม่รู้!”ทหารรายงานข่าวคร่ำครวญว่า “เสียงดังน่ากลัวยิ่งกว่าเสียงฟ้าผ่าเสียอีก คนที่รอดออกมาต่างก็บอกว่าเป็นบทลงโทษศักดิ์สิทธิ์จากพระเจ้า เป็นการลงโทษของเหล่าทวยเทพสำหรับความผิดของเรา…”ไม่มีใครรู้ว่าเสียงดังนั่นคืออะไรกันแน่ไม่มีใครเห็นฟ้าผ่าหรืออะไรเลยสิ่งที่พวกเขาได้ยินก็มีเพียงเสียงดังสะท้านเท่านั้นบทลงโทษศักดิ์สิทธิ์!นอกจากบทลงโทษศักดิ์สิทธิ์แล้ว พวกเขาไม่สามารถอธิบายกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้เลยปราณโลหิตในตัวปานปู้พุ่งขึ้นมาอีกครั้ง แทบจะพ่นเลือดออกมาอีกครั้งขณะนี้ ปานปู้มีแต่เสียใจและโกรธจัดทหารม้าชั้นยอดสองหมื่นเจ็ดพันนายหายไปในหุบเขามรณะ แต่พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นนี่มันสงครามอะไรกัน?นี่มันความอัปยศชัดๆ!ปานปู้พยายามระงับเลือดที่พลุ่งพล่านในร่างกายแล้วถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “พวกเจ้า...ส่งคนไปรายงานราชสำนักแล้วหรือยัง?”ทหารรายงานข่าวพยักหน้าอย่างอ่อนแรงด้วยความเจ็บปวดบนใบหน้าปานปู้บังคับร่างลุกขึ้นจากพื้นด้วยความยากลำบากแล้วคำรามว่า "ถ่ายทอดคำสั่งลงไปให้ฆ่าแกะและวัวเพื่อเป็นรางวัลแก่ทุกฝ
แม้ว่าเว่ยเหวินจงจะโยกย้ายทหารทั่วไปแปดหมื่นนายไปจากซั่วฟาง ถึงแม้จะมีข้อดี แต่ก็มีข้อเสียเช่นกันทหารทั่วไปแปดหมื่นนาย เท่ากับแรงงานแปดหมื่นคนแม้จะนับรวมกับคนสองพันกว่าคนที่ได้มาจากหวังชี่แล้ว แต่เขาก็มีคนอยู่ในมือเพียงแค่ห้าหมื่นกว่าคนเท่านั้นบัดนี้ เขามีทหารที่สามารถรบได้มากกว่าทหารทั่วไปเสียอีกทหารที่สามารถรบได้ของเขามีอยู่ราวสองหมื่นเจ็ดพันนายแล้วบัดนี้ ทหารทั่วไปที่ทำเรื่องจิปาถะกลับมีน้อยกว่าแถมตอนนี้หยุนเจิงยังจะขุดศพม้าศึกในหุบเขามรณะ และสร้างค่ายทหารถาวรด้วย แถมห้องปฏิบัติการที่ทำร่วมกับจางซูก็ต้องใช้กำลังคนเช่นกันเมื่อเป็นเช่นนี้ กำลังคนในมือเขาก็ค่อนข้างขัดสนแล้วแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรกับเรื่องนี้ได้มีทั้งข้อดีและข้อเสีย!ตอนนี้ยังไม่ขาดแคลนคนมากนักถ้าขาดแคลนแรงงานมากจนเกินไป ก็ต้องจ้างคนซั่วฟางมาทำงานแล้วหลังจากจัดการเรื่องทั้งหมดแล้ว หยุนเจิงก็พาผู้คนไปที่เขาลั่วเสียซึ่งเป็นที่ตั้งของค่ายทหารที่กำลังก่อสร้างพูดให้สละสลวยคือไปตรวจสอบความคืบหน้าของการก่อสร้างค่ายทหาร แต่ในความเป็นจริงเพียงแค่ต้องการพาเสิ่นลั่วเยี่ยนและคนอื่นๆ ไปแช่บ่อน้ำพุร้อนเท่านั้น ร