หยุนเจิงทะลุมิติมาเป็นองค์ชายหกแห่งราชวงศ์ต้าเฉียน เขาไม่ชิงบัลลังก์ ไม่ร่วมแก่งแย่งอำนาจในวัง เขาอยากเป็นเพียงเจ้าหกที่กุมอำนาจทหารอย่างสบายใจเฉิบเท่านั้น! มีอำนาจทหารอยู่ในมือ ใต้หล้านี้ล้วนเป็นของข้า! จักรพรรดิเหวิน: เจ้าหก พวกเสด็จพี่ทั้งหลายของเจ้ายิ่งอยู่ยิ่งเหิมเกริม ให้พ่อยืมกำลังพลทหารแสนนายมาจัดการพวกเขาที! องค์รัชทายาท: น้องหก มีอะไรพวกเราคุยกันดีๆ อย่านำกองกำลังทหารมาข่มขู่พี่ชายเจ้าเลยนะ! ขุนนางใหญ่: องค์ชายหกพ่ะย่ะค่ะ ท่านรู้สึกว่าบุตรสาวคนเล็กของกระหม่อมนั้นเป็นอย่างไร
View Moreเพราะลมหนาวพัดแรงในหุบเขา กองหิมะนับว่าไม่ลึกมากส่วนที่หิมะกองน้อยที่สุดก็ยังลึกถึงเอวหิมะกองลึกเช่นนี้ ต้องส่งผลกระทบต่อความเร็วของทหารม้าพวกเขาจำเป็นต้องผ่านหุบเขามรณะ บุกไปยังข้างหลังของกองทหารมณฑลทางเหนือโดยเร็วที่สุด!หลังจากครุ่นคิดเงียบๆ อู้เลี่ยเรียกนายพันสองคนเข้ามา ออกคำสั่ง “พรุ่งนี้เช้า กองกำลังพวกเจ้าเข้าไปก่อนที่นำทัพใหญ่เคลื่อนตัวเข้าสู่หุบเขามรณะ เมื่อพบกองหิมะ เหยียบกองหิมะให้เรียบ!” “นี่...” นายพันหนึ่งในนั้นทำสีหน้ายากลำบาก กล่าวด้วยความระมัดระวัง “องค์ชายใหญ่ สถานที่ที่มีกองหิมะไม่รู้ว่าจะยาวเพียงใด พวกเราแค่สองพันคน เกรงว่า...”ยังไม่ทันได้กล่าวจบ แสงแวววาวของมีดก็ไหววูบเข้ามาฉับ!มีดโค้งของอู้เลี่ยปาดลงบนคอของนายพันที่กำลังพูดจาผู้นั้นนายพันกุมคอของตัวเองไว้แน่น มองอู้เลี่ยด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อเขานึกไม่ถึง เขาแค่กล่าวเพียงประโยคเดียว ก็ยั่วยุจนความตายมาถึงตัวเขาแล้วร่างนายพันที่ตายอย่างไม่ยุติธรรมกองลงไปกับพื้น “ลากออกไป!”อู้เลี่ยโบกมือให้ทหารคนสนิท มองนายพันอีกคนด้วยสีหน้าเย็นชา “เจ้ามีปัญหาหรือไม่?”เผชิญกับสายตาอู้เลี่ย นายพันรีบส่ายหน
ปากเขาเขี้ยวหมาป่าอู้เลี่ยได้นำทัพมารวมตัวประจำการที่ปากเขาเขี้ยวหมาป่าแล้วทว่า ตอนนี้พวกเขาเพียงหยุดพักชั่วคราว ทำท่าทางเหมือนจะบุกไปที่เขาเขี้ยวหมาป่าได้ตลอดเวลายังมีคนส่วนหนึ่ง ถูกเขาส่งไปบริเวณทุ่งหญ้าหม่ามู่เพื่อเก็บเกี่ยวอาหารแห้งแล้วพวกเขาครั้งนี้แค่ลอบโจมตี ไม่อาจพกเสบียงอาหารมากมายเกินไปเสบียงของคนเป็นแค่เรื่องรอง ที่สำคัญคือต้องรับประกันว่าเสบียงอาหารม้าศึกเพียงพอยังดีที่ปานปู้ได้ทำการเตรียมการล่วงหน้าแล้ว ทางนี้เตรียมหญ้าแห้งให้ม้าไว้แล้วบริเวณใกล้หุบเขามรณะ ก็มีชนเผ่าเตรียมหญ้าแห้งและธัญพืชแห้งให้ม้าศึกของพวกเขารอทางนั้นพักผ่อนหนึ่งวัน ก็สามารถบุกเข้าข้างหลังกองทหารมณฑลทางเหนือได้อย่างสบายแล้วขอแค่สามารถยึดคูเมืองได้สักแห่ง แย่งชิงเสบียงอาหารมาได้ก่อน ไม่ว่าจะเป็นหญ้าแห้งของม้าศึกหรือเสบียงสำหรับคน ล้วนจัดสรรได้เพียงพอแล้วการจู่โจมกะทันหันสนามนี้ เขาเตรียมพร้อมรอบด้านอย่างดี!ต้องสำเร็จแน่นอน!เมื่อนึกถึงความสำเร็จที่ได้รับจากการจู่โจมกะทันหัน อู้เลี่ยอดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นเมื่อแผนการนี้สำเร็จ ทั้งเป่ยหวน นอกจากสถานที่สำคัญอย่างด่านเป่ยลู่ ก็ไม่มีคูเม
“เอาล่ะ เจ้าหุบปากได้แล้ว!”หยุนเจิงยิ้มมองอวี๋ซื่อจง จากนั้นก็สั่งพวกเฝิงอวี้ “พวกเจ้าหารือกันต่อได้!”อวี๋ซื่อจงเดาจุดประสงค์ของกองทัพใหญ่เป่ยหวนได้แล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องเข้าใจยากถึงเช่นไร อวี๋ซื่อจงก็เคยติดตามเขาไปหุบเขามรณะเขารู้แล้วว่าหุบเขามรณะไม่ใช่สถานที่อันตรายถึงเพียงนั้นเขาสามารถอนุมานได้ว่ากองทัพใหญ่เป่ยหวนจะบุกโจมตีจากทางหุบเขามรณะ นับว่าไม่ใช่เรื่องแปลกหลังจากอวี๋ซื่อจงปิดปาก พวกเฝิงอวี้ก็หารือกันต่อหยุนเจิงไม่ได้กล่าวสิ่งใด ให้พวกเขาหารือกันตามสบายเขาอยากเลือกรองผู้บัญชาการที่เหมาะสมสักคนพวกเขาตอนนี้ต้องเฝ้าประจำการณ์ที่ซั่วฟางและสู้ฉวีสองเมือง เขาสามารถดูแลได้ทั้งสองเมืองแต่พื้นที่ด้านหลังมากเกินไป เขาคนเดียวไม่สามารถดูแลได้ทั้งหมดจากสถานการณ์ตอนนี้ ตู้กุยหยวนและอวี๋ซื่อจงต่างก็ไม่เลวทว่า ตู้กุยหยวนมีใจอยากสร้างกองทหารโลหิตขึ้นมาใหม่ เขาไม่สนใจตำแหน่งรองผู้บัญชาการเมื่อเป็นเช่นนี้ อวี๋ซื่อจงก็กลายเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดแล้วอืม ค่อยดูกันต่อไปเถอะ!ความจริง หากเสิ่นลั่วเยี่ยนสุขุมอีกสักหน่อย นิสัยไม่ใจร้อนเช่นนี้ ก็สามารถบ่มเพาะได้ทว่า ห
ไม่นาน หยุนเจิงพาคนมาถึงที่ค่ายใหญ่ทางเหนือเวลานี้ หัวหน้าภายในค่ายใหญ่ทางเหนือต่างตื่นตระหนกอย่างมากทหารม้าเป่ยหวนสี่หมื่นคนเชียวนะ!มารดาเขาสิ!คิดไปแล้วก็น่ากลัว“ให้ตายสิ เป่ยหวนหาทหารมากมายเช่นนี้มาจากที่ใด?”“เป่ยหวนบ้าไปแล้วใช่หรือไม่? เขาไม่ต้องการสามเมืองชายแดนแล้ว?”“พวกเขาไม่มีทางละทิ้งสามเมืองชายแดน พวกเขาต้องเรียกรับสมัครนักรบจากชนเผ่าโดยรอบชั่วคราวมาเฝ้าเมืองแน่นอน มิฉะนั้นพวกเขาไม่กล้าทำเช่นนี้!”“อื้ม น่าจะใช่ หากเป่ยหวนเปิดการระดมทหารเต็มรูปแบบ สร้างกองทัพใหญ่สามแสนห้าหมื่นคน ล้วนไม่มีปัญญาแม้แต่น้อย...”หัวหน้าแม่ทัพภายในค่ายปรึกษาหารือกันจนกระทั่งหยุนเจิงเดินเข้ามา ทุกคนจึงหยุดสนทนา พากันยืนขึ้นทำความเคารพ“เอาล่ะ เลิกสนใจมารยาทจอมปลอมเหล่านี้เถอะ!”หยุนเจิงโบกมือ เดินตรงไปนั่งตรงตำแหน่งประมุข “สถานการณ์ข้ารู้แล้ว พวกเจ้าหารือถึงยุทธวิธีรับมือกันต่อ ข้าฟังอยู่!”ห๊า?ให้พวกเขาหารือยุทธวิธีรับมือ?เขาไม่ตัดสินใจหรือ?“บอกความคิดเห็นของตัวเองมาเถอะ!”เสิ่นลั่วเยี่ยนยิ้มมุมปาก “คิดสิ่งใดได้ก็พูดสิ่งนั้น องค์ชายกำลังทดสอบพวกเจ้าอยู่!”นางรู้แผนการของ
เขาจำเป็นต้องได้รับชัยชนะอย่างสวยงาม!อีกทั้ง ยังต้องนำทัพเพื่อเอาชนะในสนามนี้ด้วยตัวเอง!หากแผนการนี้สำเร็จ บารมีของเขาก็จะยิ่งเพิ่มสูงขึ้น!“นี่...”ปานปู้ลังเลไม่สงบ ขมวดคิ้วกล่าว “องค์ชายใหญ่คือว่า...”“ไม่ต้องคิดแล้ว!”อู้เลี้ยตัดบทปานปู้ “ข้าตัดสินใจแล้ว!”ปานปู้ครุ่นคิดเงียบๆ จากนั้นก็กล่าวกับอู้เลี่ย “หากองค์ชายใหญ่ตัดสินใจนำทับลอบจู่โจมด้วยตนเอง เช่นนั้นองค์ชายใหญ่ต้องระวังให้มาก หยุนเจิงมากเล่ห์เจ้าแผนการ ยากที่จะรับประกันว่าจะไม่ส่งทหารมาป้องกันที่ปากหุบเขามรณะ! ก่อนที่องค์ชายจะนำกองทัพบุกออกจากหุบเขามรณะ จำเป็นต้องส่งคนไปสำรวจหลายๆ รอบ!”ตอนนี้พวกเขารู้แค่ว่าหุบเขามรณะไม่มีอันตรายผ่านหุบเขามรณะไปจะเจอสถานการณ์เช่นไร พวกเขาเองก็ไม่รู้ภูมิประเทศของหุบเขามรณถือว่าเป็นสถานที่ซุ่มโจมตีอย่างดีหากหยุนเจิงจัดกำลังทหารสามพันห้าร้อยคนไว้ที่ปากหุบเขามรณะ ทัพใหญ่สี่หมื่นคนของพวกเขาก็ไม่มีทางบุกออกไปได้แน่นอนตอนนี้ปานปู้ถูกหยุนเจิงหลอกจนกลัวแล้ว แค่ต้องคิดถึงหยุนเจิง เขายิ่งระวังเป็นพิเศษอู้เลี่ยพยักหน้า จากนั้นก็หัวเราะเสียงดัง “ราชครูวางใจ ข้าจะเพิ่มความระวังให้มาก!
ชายแดนเว่ย ค่ายใหญ่เป่ยหวนปานปู้พาทหารสนิทกลุ่มหนึ่ง รีบเข้าไปในค่ายไม่นาน เมื่อปานปู้เห็นอู้เลี่ยเมื่อเห็นปานปู้ ในใจอู้เลี่ยทั้งตื่นเต้นทั้งกังวล รีบพาปานปู้เข้ามาภายในกระโจม“เป็นเช่นไร?”อู้เลี่ยทนรอถามผลลัพธ์ไม่ไหว“ไม่มีอันตราย!”ปานปู้ตื่นเต้นมาก กล่าวตัวสั่น “ข้านำคนเข้าไปในหุบเขามรณะสามครั้ง ครั้งที่ไกลที่สุด เข้าไปในหุบเขามรณะลึกเกือบห้าสิบลี้ ล้วนไม่พบการลงทัณฑ์จากเทพเจ้า!”“ดีเหลือเกิน!”เมื่อได้คำตอบที่แน่ชัดจากปานปู้ อู้เลี่ยดีใจจนแทบจะตะโกนขึ้นฟ้าหุบเขามรณะไม่มีอันตราย!ด้านหลังของเป่ยหวนเปิดกว้างให้พวกเขาแล้ว!ขอแค่พวกเขานำกองทัพบุกเข้าข้างหลังของกองทหารมณฑณทางเหนือ กองทหารมณฑณทางเหนือต้องวุ่นวายครั้งใหญ่!ถึงเวลานั้น พรมแดนทั้งสองของซั่วเป่ยอยู่ใกล้แค่ปลายนิ้วเท่านั้น!การรบครั้งนี้ สามารถกำหนดอนาคตได้!หลังจากพยายามสะกดอารมณ์ตื่นเต้น อู้เลี่ยเรียบบอกแผนการของตัวเองกับปานปู้เขาคิดแผนไว้เรียบร้อยแล้วขอแค่ยืนยันว่าหุบเขามรณะไม่มีอันตราย สามารถนำไปปฏิบัติได้ทันที!เขาวางแผนที่จะนำกองทัพส่วนตัวสี่พันคนโจมตีด้านหลังของกองทหารมณฑณทางเหนือแต่ก็ต้องจั
เมื่อถึงเวลา เช่นนั้นก็ต้องดีใจเก้อแล้ว!“ข้ายอมดีใจเก้อ จะได้ไม่ต้องวิตกกังวลตลอดเวลาเช่นนี้!”เสิ่นลั่วเยี่ยนจ้อหยุนเจิงด้วยความโมโห “หากเจ้ายังไม่ยอมบอกข้า ต่อไปข้าจะไม่สนใจเจ้าแล้ว! แล้วก็ไม่ให้พี่สะใภ้สนใจเจ้าด้วย!”เสิ่นลั่วเยี่ยนสงสัยอย่างมาก เลยกล้าข่มขู่บังคับแล้วเยี่ยจื่อหน้าแดงเล็กน้อย มองเสิ่นลั่วเยี่ยนอย่างหงุดหงิด “เจ้าก็พูดถึงเจ้าสิ ลากข้าไปด้วยเพราะเหตุใด?”เสิ่นลั่วเยี่ยนยืดคอกล่าว “พวกเราไม่ต้องสนใจเขาด้วยกัน ถึงจะมีพลัง!”เยี่ยจื่อกัดริมฝีปากบาง มองเสิ่นลั่วเยี่ยนอย่างเขินอาย“อื้ม นับรวมข้าอีกคน”เมี่ยวอินอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาหยุนเจิงเมื่อได้ฟังก็ใบหน้าบึ้งตึงพวกนางต้องการรวมตัวกันเพื่อต่อต้านหรือ?“ข้าว่าพวกเจ้าก็เหมือนกัน เหตุใดต้องการรู้ล่วงหน้าให้ได้? รอให้ประหลาดใจไม่ดีหรือ?”หยุนเจิงมองสามสาวอย่างจนปัญญา “พวกเราสนทนาเรื่องลมดอกไม้หิมะพระจันทร์ด้วยกัน ไม่สบายใจกว่าเรื่องที่ยังไม่แน่ใจหรือ?”“ถุย! นั่นเป็นเจ้าสบาย!” เมี่ยวอินสบถ“พูดอย่างกับว่าเจ้าไม่สบายเช่นนั้นแหละ”หยุนเจิงยิ้มร้าย“ไปตายซะ!”เมี่ยวอินหน้าแดงจ้องเขาไอสารเลวหน้าไม่อาย
เวลานี้ เสิ่นลั่วเยี่ยนอยากจะเลียนแบบชายหยาบช้าด่ามารดาพวกนั้นในกองทัพมารดาเขาสิ!ไอสารเลวหยุนเจิง!นางนึกว่าเขาเดาแผนการก้าวต่อไปของเป่ยหวนออกแล้ว!สุดท้าย นึกไม่ถึงว่าเขาจะพูดเรื่องน้ำพุร้อนกับนาง!ตอนนี้สายลับของเป่ยหวนมาสอดแนมสถานการณ์ของพวกเขา ทุกคนล้วนเครียดกันอย่างมาก แต่ไอสารเลวนี่กลับมีแก่ใจอยากแช่น้ำร้อน?เห็นเสิ่นลั่วเยี่ยนโมโหสุดขีด เยี่ยจื่อและเมี่ยวอินอดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าหัวเราะปฏิกิริยาของเสิ่นลั่วเยี่ยน ล้วนถูกพวกนางคาดการณ์ไว้แล้วอย่าว่าเสิ่นลั่วเยี่ยนที่อารมณ์ร้อนเลย ก่อนหน้านั้นที่หยุนเจิงบอกเรื่องน้ำพุร้อนกับพวกนาง พวกนางก็เกือบจะชกหยุนเจิงสักหมัดให้ร่วงไปกับพื้นเลย หากไม่ใช่หยุนเจิงนำพาชัยชนะความใหญ่สองครั้งมาให้พวกนาง พวกนางคงคิดว่าหยุนเจิงเป็นแค่ท่านอ๋องเสเพลผู้หนึ่งเท่านั้น“ดูเจ้าสิ นี่มันสีหน้าอะไรกัน?”หยุนเจิงโอบเอวเสิ่นลั่วเยี่ยน กล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ซั่วฟางอากาศเหน็บหนาว ลมพัดรุนแรง เจ้าดูสิ ใบหน้าของเจ้าหยาบกร้านหมดแล้ว แช่น้ำพุร้อนมากหน่อย ดีต่อผิวพรรณ!”กล่าวจบ หยุนเจิงยกมือลูบใบหน้าของเสิ่นลั่วเยี่ยนเสิ่นลั่วเยี่ยนจับมือของหยุนเจ
ปานปู้ “พวกเรายังต้องส่งสายสืบข้ามแม่น้ำไป๋สุ่ยเพื่อสำรวจต่อไป ทำให้หยุนเจิงคิดว่าพวกเราจะจู่โจมซั่วฟางจากทางด้านหน้า ดึงกำลังหลักของพวกเขามาที่แนวหน้าของแม่น้ำไป๋สุ่ย!”“เวลาจำเป็น พลีชีพคนเหล่านั้นก็ยังได้!”“อีกอย่าง พวกเราเองก็ต้องเพิ่มการป้องกัน ป้องกันการลอบโจมตีของหยุนเจิงหลังจากเสียเปรียบมาหลายรอบ ปานปู้ระวังรอบครอบ ทำงานก็ยิ่งระวังรอบครอบเช่นกันหาได้ยากที่อู้เลี่ยจะไม่รำคาญความจุกจิกของปานปู้ กล่าวอย่างเคร่งขรึม “ราชครูวางใจ ข้ารู้ควรทำเช่นไร!”“เช่นนั้นข้าไปก่อนแล้ว!”ปานปู้ไม่กล่าวมากความ บอกลาแล้วจากไปอย่างรวดเร็วครั้งนี้ ต้องระมัดระวังให้มากขึ้น!เขาเชื่อ หยุนเจิงไม่มีทางนึกได้ว่าพวกเขาจะกล้าลอบโจมตีจากทางหุบเขามรณะ!หากกองทัพของพวกเขาผ่านเข้าไปในหุบเขามรณะได้อย่างราบรื่น ก็เท่ากับบุกเข้าข้างหลังของหยุนเจิงได้แล้วทันทีที่หยุนเจิงวางกำลังหลักไว้ที่แนวแม่น้ำไป๋สุ่ย ข้างหลังก็จะว่างเปล่า เหลือคนเฝ้าซั่วฟางเพียงไม่เท่าไหร่อีกทั้ง ด้านหลังของสู้ฉวีก็ย่อมไม่มีคนเฝ้ารักษาการณ์มากมายเช่นกันหากแผนการนี้สำเร็จ พวกเขาอาจจะยึดซั่วฟางและสู้ฉวีได้ในคราวเดียว!ผ่านทางห