หยุนเจิงเองก็ไม่คาดคิดเช่นกันว่าเพียงแค่มาแช่น้ำพุร้อน ไม่เพียงแต่ได้สัมผัสถึงความตื่นเต้นแสนพิเศษเท่านั้น แต่ยังทำให้เยี่ยจื่อเปิดใจอีกด้วยนี่เป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงสำหรับหยุนเจิงด้วยความอารมณ์ดี หยุนเจิงเดินราวกับมีลมติดตัวด้วยเสิ่นลั่วเยี่ยนเองก็ไม่รู้ว่าตนเป็นอะไรไป เห็นใครก็รู้สึกแปลกไปหมดหยุนเจิงกับเมี่ยวอินก็แปลก พี่สะใภ้ก็แปลกๆ เช่นกันแม้แต่จางซูกับหมิงเย่ว์ก็แปลกนางไม่รู้ว่าเป็นเพราะนางมีปัญหาหรือว่าพวกเขาทั้งหมดมีปัญหาในเวลากลางคืนพวกเขาพักอยู่ในค่ายเมื่อได้กินผักดองเหล่านี้แล้ว หยุนเจิงก็อดไม่ได้ที่จะตั้งตารอเรือนกระจกบ่อน้ำพุร้อนของเขาเอง“คิดอะไรไม่ดีอีกล่ะ?”เมื่อเห็นหยุนเจิงนั่งเหม่อลอยขณะทานอาหาร เสิ่นลั่วเยี่ยนก็อดดุไม่ได้หยุนเจิงคีบหัวไชเท้าดองเส้นแล้วพูดอย่างขมขื่น "ข้ากำลังคิดถึงผักสดอยู่น่ะ!"“ไร้สาระจริงๆ! หากท่านสามารถปลูกผักสดได้ก็แปลกแล้ว!”เสิ่นลั่วเยี่ยนมองบนใส่เขา แล้วเอ่ยประชด "ท่านเอาเวลาทำเรื่องพรรค์นั้นไปคิดแผนการต่อไปดีกว่า! หากเป่ยหวนคิดจะเอาจริง เราจะซ่อนตัวดูเรื่องสนุกอยู่ในซั่วฟางไปตลอดไม่ได้”นี่ไม่ใช่ปัญหาว่าพวกเขาอยากดูเรื่อ
กลัวแค่ว่าจะไม่ยื้อเวลาจนเป่ยหวนตาย แต่ทำให้กองทหารมณฑลฝ่ายเหนือตายแทนฝูงชนเจรจาเรื่องนี้กันอยู่นาน แต่ก็ไม่สามารถหาข้อสรุปได้สุดท้ายทุกคนก็ล้มเลิกการสนทนา“จริงสิ ท่านอยากกินคนเก้าพันคนที่เฝ้าหุบผาชันช่องลมไม่ใช่หรือ? เหตุใดถึงไม่มีการเคลื่อนไหวเลยล่ะ?”ทันใดนั้น เมี่ยวอินถามขึ้นกะทันหัน"อย่าพูดถึงเลย"พูดถึงเรื่องนี้แล้วหยุนเจิงก็รู้สึกหดหู่ใจอย่างมากเขาวางแผนกับคนเก้าพันคนนั่นมาตลอดแต่น่าเสียดายที่อีกฝ่ายไม่ให้โอกาสพวกเขาเลยคนเก้าพันคนเหล่านั้นนำโดยไอ้อ่อนชื่อหยวนเลี่ยได้ยินหลูซิ่งบอกว่า หยวนเลี่ยค่อนข้างโด่งดังในหมู่กองทหารมณฑลฝ่ายเหนือตามชื่อของเขา หยวนเลี่ยนั้นดุร้ายดุจไฟและต่อสู้เหมือนคนบ้า ดังนั้นเขาจึงมีชื่อเล่นว่าหมาบ้าหยวนยิ่งไปกว่านั้น หยวนเลี่ยยังมีความสัมพันธ์เป็นญาติกับเว่ยเหวินจงหลูซิ่งไม่รู้ว่าเกี่ยวข้องกันอย่างไร ตัวหยวนเลี่ยเองก็ไม่ค่อยพูดถึงหลูซิ่งเคยส่งเนื้อไปหุบผาชันช่องลมมาแล้วสองครั้ง ปริมาณค่อนข้างมากด้วยหยวนเลี่ยไอ้สารเลวนั่นก็ค่อนข้างใจเด็ด รับทุกสิ่งที่พวกเขาให้แต่ไอ้สารเลวคนนี้รับแต่ของ ไม่ยอมให้ผ่านประตูค่ายด้วยซ้ำ ทำให้พวกเขาท
วันรุ่งขึ้น ทุกคนถึงจะเดินทางกลับซั่วฟางหยุนเจิงเพิ่งกลับถึงซั่วฟาง ก็ได้รับข่าวจากตู้กุยหยวนทันทีว่า คนทั้งสี่กลุ่มที่หยุนเจิงส่งไปมีกลุ่มหนึ่งกลับมาแล้ว!คนไม่ได้เป็นอะไรมาก เพียงแต่ทั้งเหนื่อยทั้งง่วง จะต้องพักผ่อนสักหน่อยสำหรับหยุนเจิงแล้ว คนทั้งแปดคนนี้ล้วนแต่เป็นวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ ดังนั้นจะพักอย่างไรก็ไม่มีปัญหา!สมควรแล้ว!บัดนี้เหลือเพียงกลุ่มสุดท้ายแล้ว!หากกลุ่มนั้นกลับมาอย่างปลอดภัยเช่นกันล่ะก็ ศึกหุบเขามรณะครั้งนี้ก็สมบูรณ์แบบอย่างแท้จริงแล้วแต่ทว่าตอนนี้หยุนเจิงเองก็ไม่สามารถไปตามหาคนกลุ่มนั้นเช่นกันเป็นไปได้ว่าเป่ยหวนอาจจะเดิมพันด้วยชีวิตจริงๆ ดังนั้นเขาจำเป็นต้องเตรียมตัวไว้ถึงแม้จะไม่สามารถจำลองชัยชนะครั้งใหญ่ของหุบเขามรณะได้อีกต่อไป แต่ก็ต้องพยายามลดจำนวนคนบาดเจ็บและเสียชีวิตให้ได้มากที่สุดเช่นกันพวกเขามีกำลังคนทั้งหมดเพียงเท่านี้ ไม่สามารถสูญเสียต่อไปได้อีกสองสามวันต่อจากนี้ หยุนเจิงก็เริ่มยุ่งขึ้นมาระหว่างนั้น คนกลุ่มสุดท้ายก็กลับมาถึงแล้วซึ่งเท่ากับว่า หยุนเจิงกำจัดคนเป่ยหวนหลายหมื่นคนด้วยอัตราการสูญเสียเท่ากับศูนย์น่าเสียดายที่รายละเอียดการ
ทหารส่งสาร์นรีบหยิบป้ายอาญาสิทธิ์ออกมาพลางเอ่ยจริงจังว่า “กองทหารใหญ่หนึ่งแสนห้าหมื่นนายของเป่ยหวนได้ข้ามโขดแม่น้ำไป๋สุ่ยขณะที่ฟ้ายังสว่างเมื่อวาน และได้โจมตีกองทหารใหญ่ที่ประจำการอยู่ที่โขดแม่น้ำ บัดนี้เหล่าทหารได้ล้อมรอบป้อมเมืองสุยหนิงแล้ว! แม่ทัพใหญ่จึงมีคำสั่งให้ทุกฝ่ายของซั่วฟางเตรียมพร้อมรบเสมอ! ส่วนแม่ทัพหลักของแต่ละฝ่ายให้รีบกลับไปยังฐานค่าย! ผู้ใดที่ช้าให้ประหารทันที!”ได้ยินคำพูดของทหารส่งสาร์นแล้ว ฝูงชนพลันหน้าเปลี่ยนไปในบัดดลเป่ยหวนเริ่มโจมตีแล้วจริงๆ!โจมตีป้อมเมืองฝ่ายหน้าของเป่ยหยวนโดยตรง!กองทหารใหญ่หนึ่งแสนห้าหมื่นนายล้อมรอบป้อมเมืองสุยหนิง!กองทหารใหญ่หนึ่งแสนห้าหมื่นนายเชียวนะ!เป่ยหวนไปเอากำลังพลมากมายเพียงนี้มาจากไหนกัน?“หยุนเจิงรับคำสั่ง!”หยุนเจิงรีบรับป้ายอาญาสิทธิ์มาพร้อมถามทหารส่งสาร์นว่า “กองทหารใหญ่หนึ่งแสนห้าหมื่นนายของเป่ยหวนมีการจัดวางแนวรบอย่างไร? แล้วทหารป้อมเมืองฝ่ายหน้าของข้าเป็นอย่างไรบ้าง?”ทหารส่งสาร์นตอบ “กองทหารใหญ่สามหมื่นนายที่ประจำการอยู่ที่เป่ยหยวนของเราเสียชีวิตไปมากกว่าครึ่ง เป่ยหวนเองก็เจ็บหนักไม่แพ้กัน…”การสูญเสียของเป่ยหวน
“เว่ยเหวินจงไอ้ระยำนี่ทำสงครามอะไรของมัน?”“ตำแหน่งสำคัญอย่างโขดเป่ยหยวนนั่น เขากลับส่งไปแค่สามหมื่นนาย?”“ข้าสงสัยจริงๆ ว่าไอ้ระยำนั่นเป็นไส้ศึกของเป่ยหวน!”ระหว่างทางสู่ค่ายเหนือ เสิ่นลั่วเยี่ยนพลางก่นด่าเว่ยเหวินจงไม่หยุดเท่าที่นางดูแล้ว ในสถานการณ์ที่รู้ว่าเป่ยหวนคิดจะเดิมพันด้วยชีวิตนั้น เว่ยเหวินจงควรจะส่งกำลังพลไปที่โขดเป่ยหยวนจำนวนเจ็ดแปดหมื่นนาย เช่นนั้นถึงคนของเป่ยหวนจะไม่กลัวตายอย่างไร ก็ไม่สามารถโจมตีผ่านเข้ามาได้บัดนี้ป้อมเมืองสุยหนิงถูกล้อม ซั่วฟางสุ่มเสี่ยงล้วนแต่เป็นฝีมือของเว่ยเหวินจงทั้งนั้นหยุนเจิงส่ายศีรษะกล่าว “เรื่องนี้ โทษเว่ยเหวินจงไม่ได้จริงๆ”“เหตุใดถึงไม่ได้?”เสิ่นลั่วเยี่ยนกล่าวด้วยน้ำเสียงโมโห “ท่านยังจะช่วยไอ้ระยำนั่นแก้ต่างอีก?”“ไม่ได้แก้ต่างให้เขา แต่เราต้องพูดตามความจริง”หยุนเจิงอธิบาย “โขดเป่ยหยวนมีพื้นที่แค่นั้น ส่งกำลังพลไปสามหมื่นนายก็ถือว่ามากแล้ว! หากมากกว่านี้คงไม่สามารถขยายวงกว้างได้แล้ว! อีกอย่าง ป้อมเมืองสุยหนิงและจิ้งอันก็ยังมีกองทหารใหญ่รักษาการณ์อยู่ ซึ่งสามารถเข้าไปสนับสนุนได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว! เว่ยเหวินจงวางแนวรบเช่นนี้ ไม่
แต่ถึงพละกำลังทางกายของทหารเป่ยหวนจะดีขนาดไหน ก็คงไม่ห้าวหาญถึงขนาดนี้หรอก!หากเป็นการโจมตีธรรมดา อวี๋ซื่อจงมั่นใจว่าไม่ว่าเป่ยหวนจะส่งทหารมาโจมตีมากเพียงใด ขอแค่มอบคนสามหมื่นคนให้กับเขา อย่างน้อยเขาก็สามารถอดทนต่อไปได้อย่างต่ำครึ่งเดือนแน่นอนบุคคลที่เว่ยเหวินจงส่งไปรักษาการณ์ที่โขดเป่ยหยวนสถานที่สำคัญเพียงนี้ได้ย่อมต้องไม่ใช่คนย่อท้ออยู่แล้วเรื่องนี้ต้องมีบางอย่างที่พวกเขาไม่รู้แน่นอนอวี๋ซื่อจงวิเคราะห์ คนส่วนใหญ่เห็นด้วยกองทหารใหญ่สามหมื่นนายพ่ายแพ้เร็วเกินไปจริง!เกิดเรื่องผิดปกติย่อมต้องมีมาร!“ไม้กลายเป็นเรือแล้ว ถึงจะเจรจาว่าเป่ยหวนโจมตีมาได้อย่างไรต่อไป ก็ไม่มีประโยชน์”หยุนเจิงแบมือ “บัดนี้ เป่ยหวนมีแผนล้อมป้อมเมืองสุยหนิง แต่ไม่โจมตี เห็นได้ชัดว่าต้องการขัดขวางเส้นทางการสื่อสารของป้อมเมืองสุยหนิง บังคับให้เว่ยเหวินจงส่งทหารไปช่วยเหลือ แล้วฉวยโอกาสกำจัดกองทหารหลักของกองทหารมณฑลฝ่ายเหนือ…”“จริง!”ตู้กุยหยวนพยักหน้าเบาๆ “แต่ทว่าพวกเขามีกองทหารใหญ่หนึ่งแสนห้าหมื่นนาย อย่างน้อยก็ต้องสูญเสียไปสองสามหมื่นนายแล้วกระมัง? กำลังพลที่เหลืออยู่ พวกเขายังแบ่งออกเป็นกองทหารใหญ
เป่ยหวน ไม่จำเป็นต้องพึ่งทหารม้าเสมอไป!สิ้นเสียงหยุนเจิง ฝูงชนต่างก็อึ้งไปตามกัน“องค์ชายหมายความว่า เป่ยหวนบุกโจมตีด้วยทหารราบนั้นหรือ?”เฝิงอวี้ขมวดคิ้ว “ทว่าทหารราบคงไม่เร็วปานนี้หรอกกระมัง?”ให้ตายอย่างไร ทหารราบก็วิ่งได้มากสุดสามสี่สิบลี้เท่านั้น เงื่อนไขคือเพียงแค่เดินทัพเท่านั้นกองทหารใหญ่เป่ยหวนสามารถไปล้อมรอบป้อมเมืองสุยหนิงได้รวดเร็วปานนี้ น่าจะไม่ใช่ทหารราบหรอก?“องค์ชายหมายความว่า ทหารม้าเองก็สามารถกลายเป็นทหารราบได้ต่างหาก!”ตู้กุยหยวนส่ายหน้า แล้วเงยหน้ามองหยุนเจิง “เราลืมเรื่องนี้ไปจริงๆ ด้วย! แต่ทว่าองค์ชายคิดว่าเป่ยหวนจะทำเช่นนี้จริงหรือ?”หยุนเจิงนวดขมับ แล้วเอ่ยจริงจังว่า “หากเป็นข้า ข้าจะทำเช่นนี้”ตู้กุยหยวนเงียบไปชั่ขณะ แล้วยิ้มขมขื่น “ในสถานการณ์คับขัน ข้าเองก็คงทำเช่นนี้เช่นกัน! ขอแค่สามารถโจมตีกองทหารมณฑลฝ่ายเหนือได้ เสียหายแค่นี้ไม่ใช่ปัญหา”ระหว่างพูด ตู้กุยหยวนก็ยิ้มขมขื่นอีกครั้ง“พวกเจ้าพูดอะไรอยู่กันแน่?”เสิ่นลั่วเยี่ยนมองทั้งสองอย่างไม่เข้าใจนางไม่ได้บกพร่องทางการสื่อสารต่อสองคนนี้นี่!เหตุใดถึงฟังไม่รู้เรื่องเลยว่าสองคนนี้พูดอะไรกันอยู
ทว่าหากคนตาย ก็เท่ากับไม่มีอะไรแล้วจริงๆต้องยอมรับว่าวิธีของเป่ยหวนนี้เด็ดขาดจริงๆตัดเรื่องส่วนตัวออก จริงๆ เป่ยหวนนับว่ากล้าหาญมากจริงๆยอมเสียเปรียบทั้งสองอย่างก็ไม่ยอมก้มหัวให้ต้าเฉียน“บัดนี้น่าจะพอรู้การวางแนวรบของกองทหารใหญ่ทั้งสามเส้นทางของเป่ยหวนแล้ว”หยุนเจิงลุกขึ้นเดินไปยังตรงหน้าแผนที่แล้วชี้กล่าวว่า “กองทหารใหญ่สามเส้นทางน่าจะวางแนวรบเป็นลักษณะแถวหน้ากระดาษ กองทหารใหญ่เป่ยหวนที่อยู่ป้อมเมืองสุยหนิงทางทิศใต้และป้อมเมืองจิ้งอันทางทิศตะวันตกน่าจะเป็นทหารราบที่สังหารม้าศึก! ส่วนกองทหารเส้นกลางสายหนึ่งนี้ น่าจะเป็นทหารม้าที่เป็นกำลังหลักเหมือนเดิม…”“องค์ชายพูดถูก!”อวี๋ซื่อจงพยักหน้า “ทหารม้าที่อยู่เส้นกลางสามารถเข้าไปสนับสนุนกองทหารใหญ่อีกสองเส้นทางได้อย่างรวดเร็ว! ในสถานการณ์ที่ยึดครองโขดเป่ยหยวนแล้วนั้น พวกเขาไม่น่าจะมีปัญหาในการจัดหาอาหารให้กับทหารม้าสายหนึ่ง”การจัดวางแนวรบเช่นนี้ ไม่ว่ากองทหารมณฑลฝ่ายเหนือจะโจมตีจากทางไหน ก็ล้วนพบเจอกับการลอบโจมตีจากทหารม้าชั้นยอดของเป่ยหวนแน่นอนอย่าคิดว่ากองทหารมณฑลฝ่ายเหนือจะมีม้าศึกแสนกว่าตัว ถึงแม้จะบอกว่ามีทหารม้าแสนกว่าน