Share

บทที่ 15

ผ่านไปครู่หนึ่ง เสิ่นลั่วเข้ามาช่วยนางทำแผล

เสิ่นอวี้มองดูเขา นึกถึงชาติที่แล้วเขาเดือดร้อนเพราะตนเอง กระดูกสันหลังหักได้รับความขุ่นเคือง เบ้าตาอดไม่ได้ที่จะแดง นางกล่าว “พี่ชายรอง ขอโทษเจ้าค่ะ เป็นเพราะข้าไม่รู้ความ ทำให้จวนโหวเดือดร้อน…”

เสิ่นลั่วตะลึงงัน มองนางอย่างประหลาดใจแวบหนึ่ง จากนั้นเผยให้เห็นรอยยิ้มที่อบอุ่น “ยายเด็กโง่ พูดเหลวไหลอะไร?วันนี้เจ้าทำได้ดีมากที่จวนอ๋อง ทำให้พี่ชายรองต้องมองเจ้าใหม่แล้ว!”

“เพียงแต่ดูท่าทางของแม่นางซ่งในวันนี้ เกรงว่าต้องคับแค้นใจแน่”

“เจ้ากับนางอยู่ใก้ลกัน ต่อไปต้องระวังตัวให้มาก อย่าไปหลงกลนางล่ะ พรุ่งนี้ข้าจะไปคุยกับท่านแม่ ในเมื่อแม่นางซ่งปักปิ่นนานแล้ว ก็รีบหาใครสักคนแต่งออกไปเถอะ ไม่เช่นนั้นอยู่บ้านจะสร้างปัญหาอีก”

ชาติที่แล้วตอนเขาพูดคำพูดนี้ เสิ่นอวี้ปกป้องซ่งหว่านฉิ่งจนแตกหักกับเขา ต่อมาก็ไม่ยอมเรียนแพทย์กับเขาอีก ทั้งสองคนห่างเหินกันขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเขาถูกลงทัณฑ์เลาะกระดูกตาย ทั้งสองก็ไม่มีโอกาสได้คุยกัน

ในใจเสิ่นอวี้รู้สึกผิดมาก

ครั้งนี้นางพยักหน้าอย่างเชื่อฟังมาก “ข้าฟังพี่ชายรองเจ้าค่ะ”

เสิ่นลั่วได้ยินแล้วอดไม่ได้ที่จะเผยยิ้ม หลังจากทำแผลเสร็จก็กล่าว “เดิมทีร่างกายของเจ้าก็อ่อนแออยู่แล้ว ยังต้องพักฟื้นให้มาก…ข้าจะช่วยเจ้าจับตาดูทางด้านท่านอ๋องเอง เจ้ารีบพักผ่อนเถอะ”

“พี่ชายรองก็นอนเร็วหน่อยเจ้าค่ะ”

เสิ่นอวี้มองดูแผ่นหลังที่เดินจากไปของเขา เบ้าตาเปียกชุ่มเล็ก

เมื่อเสิ่นลั่วไป สาวใช้เย่ว์กุ้ยก็เดินเข้ามา

“คุณหนู ฮูหยินใหญ่โกรธมาก สั่งให้คนโบยคุณหนูซ่งยี่สิบไม้ แล้วจับข้างในห้องบรรพชนเจ้าค่ะ!”

นางมีใบหน้าที่เล็กเรียว คิ้วบางทรงสวย ดูอ่อนโยนที่สุดในบรรดาสาวใช้สี่คน และนิสัยก็ค่อนข้างดีกว่าเล็กน้อย

แต่ครั้งนี้ก็ยังโมโหมาก นางกล่าว “คิดไม่ถึงจริงๆ ตระกูลเสิ่นเลี้ยงนางตั้งหลายปี คุณหนูท่านก็ดีกับนางเช่นนั้น นางกลับตอบแทนบุญคุณด้วยความแค้น ทำเรื่องที่ต่ำตมเช่นนี้ออกมาได้!”

เสิ่นอวี้มองนางตั้งแต่หัวจรดเท้า สองมือสั่นเล็กน้อย

นางไม่ได้เจอเย่ว์กุ้ยมานานหลายปีแล้ว

เมื่อชาติที่แล้ว นางดึงดันทำไปแจ้งข่าวให้องค์ชายสามที่คอกล่าสัตว์ห่างออกไปร้อยลี้ตามอำเภอใจ แต่ใครจะคาดคิดว่ากลับถูกล้อมสังหาร เย่ว์กุ้ยเพื่อปกป้องนาง จึงตายเพราะรับกระบี่แทน

ส่วนจื่อซูที่ถือรังนกเข้ามาตามหลัง ก็ถูกนางหลิ่วผลักออกไปเป็นแพะรับบาปให้ซ่งหว่านฉิ่ง สุดท้ายโดนทัณฑ์แดงชาดหนึ่งจั้ง ถูกตีตายทั้งเป็นต่อหน้าต่อตานาง

นางร้องไห้หนักมาก สุดท้ายยังถูกนางหลิ่วตำหนิ บอกว่านางเป็นถึงคุณหนูของจวนโหว จะหลั่งน้ำตาเพื่อบ่าวไพร่ได้อย่างไร?หากอยู่ในวังหลวง คนรับใช้เช่นนี้ถูกฆ่าตามอำเภอใจ มันก็เป็นเรื่องปกติ

และว่านางเป็นเช่นนี้ จะรับหน้าที่สำคัญอย่างการเป็นมารดาแห่งแผ่นดินได้อย่างไร?

ภายใต้การถูกนางหลิ่วค่อยๆ ล้างสมอง นางคิดว่าพวกนางตายอย่างคุ้มค่า ผ่านไปไม่นาน ก็ลืมเลือนเรื่องนี้แล้ว พยายามสนับสนุนองค์ชายสามอย่างเต็มที่ และปกป้องซ่งหว่านฉิ่งกับนางหลิ่วต่อไป

จนกระทั่งสุดท้ายตระกูลเสิ่นล่มสลาย องค์ชายสามกับซ่งหว่านฉิ่งเผยธาตุแท้ออกมา ภาพในอดีตตราบตรึงอยู่ในใจ นางรู้ว่าตนเองทำผิดมหันต์เพียงใด!

เวลานี้มองสาวใช้สองคนตรงหน้าที่เปี่ยมล้นด้วยชีวิตชีวา เสิ่นอวี้รู้สึกเพียงน้ำตาอุ่นพุ่งพรวดขึ้นมาที่เบ้า

จื่อซูกลับคิดว่านางได้รับความขุ่นเคืองตอนอยู่จวนอ๋อง จึงรีบกล่าวปลอบใจ “คุณหนู ท่านรีบนอนเถอะเจ้าค่ะ พวกเราจะเฝ้าอยู่ข้างๆ เอง ท่านไม่ต้องกลัว…”

เสิ่นอวี้อ้าปาก ท้ายที่สุดก็เพียงแค่พยักหน้า

คำพูดมากมายติดอยู่ในลำคอไม่สามารถพูดออกมา อย่างไรก็ตามมีเพียงนางคนเดียวที่เกิดใหม่ เรื่องราวเมื่อชาติที่แล้ว ก็ทำได้เพียงทรมานอยู่ในใจตนเอง

สุดท้ายไม่รู้ว่าหลับไปตั้งแต่เมื่อไร

ฝันเห็นภาพตระกูลเสิ่นล่มสลาย จ้านอวิ๋นเซียวถูกตีตายทั้งเป็นอีกแล้ว ภาพสุดท้ายตรงหน้าเหลือเพียงสีเลือด ซ่งหว่านฉิ่งชี้เศษเนื้อบนพื้น หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “เห็นหรือไม่ นี่ก็คือเลือดเนื้อของพ่อและพี่ชายเจ้า!”

ตอนตกใจตื่น ข้างนอกยังมีฝนตก

เสียงของซงลู่ดังมาจากใต้ชายคา “คุณหนูซ่งถูกโบยและกักบริเวณแล้ว หลิ่วอี๋เหนียงปวดใจแทบตาย ไปขอร้องนายท่านตั้งแต่เช้า ปล่อยคนออกมา…”

“แต่ด้วยนิสัยของฮูหยินใหญ่ เมื่อไรที่ตัดสินใจแล้ว ใช่เรื่องที่นายท่านเกลี้ยกล่อมสองสามคำก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้หรือ? ยิ่งกว่านั้นคุณหนูซ่งทำเรื่องเช่นนี้ ยังไม่รู้ว่านายท่านจะโกรธมากแค่ไหน!”

“หลิ่วอี๋เหนียงก็จริงๆ เลย ลูกสาวแท้ๆ ของตัวเองไม่ดูแล วันๆ เอาแต่ไปเป็นแม่ให้ลูกสาวคนอื่น!”

“คาดว่าอีกเดี๋ยวต้องมาหาคุณหนูของเราแน่เลย!”

เสิ่นอวี้คอยฟังเสียงข้างนอก ค่อยๆ หวนคืนสติจากฝันร้าย นึกถึงหลิ่วอี๋เหนียง

ตามหลักแล้ว หลิ่วอี๋เหนียงเป็นมารดาแท้ๆ ของนาง

แต่ที่น่าแปลกคือตั้งแต่ซ่งหว่านฉิ่งเข้าจวนโหว หลิ่วอี๋เหนียงก็อ้างว่านางยังมีความรักจากบิดามารดาและพี่ชายแท้ๆ แต่ซ่งหว่านฉิ่งสูญเสียบิดามารดา น่าเวทนาอย่างยิ่ง จึงมอบความรักของมารดาให้ซ่งหว่านฉิ่งทั้งหมด

ก่อนหน้านี้นางอยู่เรือนเสาหฺวาที่เป็นมาตรฐานเดียวกับพี่หญิงใหญ่ พี่ชายใหญ่และพี่ชายรอง

หลังจากซ่งหว่านฉิ่งมา เพื่อปลอบใจซ่งหว่านฉิ่ง หลิ่วอี๋เหนียงเกลี้ยกล่อมนางยกเรือนเสาหฺวาให้ซ่งหว่านฉิ่ง และขอให้นางย้ายไปอยู่เรือนชิวเย่ว์ที่มีขนาดใหญ่ไม่ถึงครึ่งของเรือนเสาหฺวาและเปลี่ยวด้วย

ตอนนั้นฮูหยินใหญ่โกรธมาก เรียกนางไปต่อว่า “เจ้าเป็นถึงคุณหนูรองของจวนโหว ยกเรือนของตนเองให้คนนอกคนหนึ่งได้อย่างไร?”

นางพูดเถียงฮูหยินใหญ่ “แม่นางซ่งไม่ใช่คนนอก นางเป็นพี่หญิงของข้า และเป็นญาติที่สนิทที่สุดของข้า”

ฮูหยินใหญ่โมโหแทบตาย

แต่ตอนนั้นนางยังเด็กอยู่ และมีหลิ่วอี๋เหนียงคอยเป่าหูทุกวัน คำพูดนี้ย่อมเป็นผลมาจากการที่หลิ่วอี๋เหนียงพูดข้างหูนางซ้ำๆ นับไม่ถ้วน

ชาติที่แล้ว ภายใต้การล้างสมองของหลิ่วอี๋เหนียง นางก็รู้สึกเช่นนี้จริงๆ

แต่ตอนนี้จึงจะพบว่าการกระทำนี้ของหลิ่วอี๋เหนียงผิดปกติ!

มีมารดาคนใดบ้างที่ไม่รักลูกที่หลุดออกมาจากท้องของตนเอง? กลับกันทุ่มเทให้ลูกสาวคนอื่นทั้งใจ ทั้งดูแลทุกอย่าง ทั้งช่วยคนอื่นแย่งการแต่งงานของลูกสาวตนเอง

เกรงว่าต่อไปเมื่อมีเวลาว่าง ต้องตรวจสอบเรื่องนี้เสียหน่อยแล้ว

กำลังครุ่นคิด หลิ่วอี๋เหนียงได้เดินโวยวายเข้ามาในเรือนแล้ว “อวี้เอ๋อร์ล่ะ?อวี้เอ๋อร์ตื่นหรือยัง ตะวันโด่งฟ้าแล้วยังจะนอนอีกหรือ?”

ซงลู่ได้ยินแล้วกล่าวเสียงแข็ง “หลิ่วอี๋เหนียงล้อเล่นเก่งจริงๆ ฝนตกหนักเช่นนี้ ตะวันโด่งฟ้ามาจากไหน? เมื่อคืนคุณหนูของเรานอนดึก ยังไม่ตื่น…”

“เจ้าไสหัวไป!”

หลิ่วอี๋เหนียงผลักซงลู่ออก ‘โครมคราม’ เปิดประตูเข้าไป

ลมหนาวตรงประตูตีกลับเข้ามา ใจเสิ่นอวี้หนาวยิ่งกว่าร่างกาย หันไปมองนาง สายตาก็เย็นชาลง

ผู้หญิงตรงหน้าแม้อายุเกินสี่สิบปี แต่ยังคงมีเสน่ห์ บนร่างกายถูกปกคลุมด้วยผ้าไหมทอที่งดงาม แทบสวมเครื่องประดับไว้บนศีรษะทั้งหมด ทุกชิ้นล้วนหรูหรามาก

แต่ของเหล่านี้สวมใส่อยู่บนร่างกายนาง กลับแลดูสีสันฉูดฉาด สีหน้าที่เปลี่ยนแปลงทางอารมณ์นั้นเย้ายวนมีเสน่ห์ ดูแล้วไม่เหมือนอนุภรรยาของจวนโหว แต่เหมือนนางคณิกาอันดับหนึ่งในหอนางโลมเสียมากกว่า

นางมีดวงตาหงส์ที่เรียวงาม หางตาตวัดขึ้น คางแหลมนั้นเหมือนซ่งหว่านฉิ่งมาก ทว่าเสิ่นอวี้ที่เป็นลูกสาวแท้ๆ กลับมีใบหน้ากลม และดวงตากลมโตแก้มอิ่ม ไม่เหมือนนางเลยสักนิด

นางยังมักจะพูดหยอกล้อเสมอ “เจ้าดูฉิ่งเอ๋อร์สิ หน้าตาเหมือนข้าอี๋เหนียงคนนี้มาก สืบทอดความงามจากยายเจ้าแน่เลย แต่อวี้เอ๋อร์เจ้ากลับเหมือนพ่อของเจ้า”

รูปร่างเสิ่นจิ้นก็กลมป่องจริงๆ

ชาติที่แล้วเสิ่นอวี้ไม่เคยสงสัยเลย

แต่ตอนนี้กลับมีความตื่นรู้บางอย่าง

สายตาทั้งคู่ประสานกัน ในใจเสิ่นอวี้ผลุบโผ่ล ดวงตาทั้งคู่กลับนิ่งราวบ่อน้ำเย็น

ประมาณว่าหลิ่วอี๋เหนียงเพิ่งเคยเห็นสีหน้าเช่นนี้ของนางครั้งแรก สีหน้าแข็งทื่อทันที

แต่ก็ไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจอะไรมากนัก ไม่นานก็เริ่มโวยวาย “อวี้เอ๋อร์ ในเมื่อเจ้าตื่นแล้ว ก็รีบไปขอร้องฮูหยินใหญ่ของเจ้าเถอะ! นางจับฉิ่งเอ๋อร์ขังไว้แล้ว!”

“ห้องบรรพชนนั่นมืดครึ้ม และยังเป็นสถานที่บูชาคนตาย ฉิ่งเอ๋อร์เป็นคนขวัญอ่อน แค่ตกใจก็ตกใจตายได้แล้ว! ฮูหยินใหญ่ยังไม่อนุญาตให้พวกเราไปส่งของกินด้วย บวกกับพายุฝนรอบนี้ และเมื่อคืนก็ถูกผู้หญิงอำมหิตคนนั้นออกคำสั่งโบยสามสิบไม้…นี่ทั้งหนาวทั้งเจ็บทั้งหิวทั้งกลัว หากเกิดอะไรขึ้น…”

เสิ่นอวี้มองดูริมฝีปากของนางประเดี๋ยวเปิดประเดี๋ยวปิด เอ่ยปากขัดนางกะทันหัน “ข้าหมดสติเจ็ดวัน หลิ่วอี๋เหนียงเคยมาเยี่ยมไม่กี่ครั้ง ข้าถูกกระบี่แทง หลิ่วอี๋เหนียงก็ไม่เคยถามอาการบาดเจ็บของข้าเป็นอย่างไร…คนที่ไม่รู้ คิดว่าพี่หญิงจึงจะเป็นลูกสาวแท้ๆ ของท่านเสียอีก!”

ลมหายใจหลิ่วอี๋เหนียงชะงัก

แต่ท้ายที่สุดกะจิตกะใจก็ไม่ได้อยู่บนตัวนาง จึงไม่ได้ครุ่นคิดว่าเพราะเหตุใดจู่ๆ เสิ่นอวี้ถึงเฉยเมยเช่นนี้ ไม่นานก็เผยให้เห็นรอยยิ้มจางๆ และเจ้าเล่ห์เหมือนในอดีต “เจ้าก็มีแม่และพ่อของเจ้าไม่ใช่หรือ อีกอย่างคนทั้งบ้านก็รักเจ้า ไม่เหมือนฉิ่งเอ๋อร์มีข้าอี๋เหนียงคนนี้คนเดียว…”

พูดไปพูดมา รอยยิ้มบนใบหน้าค่อยๆ แข็งทื่อ กลายเป็นร้อนตัวทีละนิด

เพราะนางพบว่าเสิ่นอวี้ไม่ได้แสดงสีหน้าที่ไม่สบอารมณ์ ตะคอกบอกนางว่าเลิกโวยวาย นางไปขอร้องก็สิ้นเรื่องเหมือนเมื่อก่อน

แต่ใช้สายตาที่มืดมน เงียบสงัด และเปี่ยมล้นไปด้วยความเย็นชาจ้องนาง ทำให้นางไม่มีทางหนี

นางพูดต่อไปไม่ไหวแล้ว!

สุดท้ายสายตาลุกลี้ลุกลน “เจ้าไม่อยากไปก็ช่าง พักฟื้นให้ดีเถอะ อา…”

พูดพลางหมุนกายเดินออกจากห้องอย่างเร่งรีบ ในใจกลับเกิดข้อสงสัย “บ้าจริง สายตาที่มองคนของนางหนูนี่น่ากลัวเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไร?”

เจอผีแล้วจริงๆ!

เสิ่นอวี้ครุ่นคิดสีหน้าเมื่อครู่ของนางเหมือนมีบางอย่าง

ผ่านไปครู่หนึ่ง มีเสียงฝีเท้าที่คุ้นเคยดังมาจากนอกประตู คนไม่ทันเข้ามา เสียงก็เข้ามาก่อนแล้ว “อวี้เอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?”

พลันเบ้าตาเสิ่นอวี้ร้อน หันมองไปทางประตู

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status