เซียวหลันยวนถูกพวกเขาเอะอะกันพักหนึ่งจึงเข้าใจขึ้นมา ว่าตนเองสลบไปหลายวันแล้วพอเห็นว่าฟู่จาวหนิงหลายวันนี้ผอมลงไปมาก อารมณ์เขาก็ซับซ้อนขึ้นมาจนไม่รู้จะพูดอะไรทันทีเดิมทีเขาก็ตัดสินใจว่าจะไม่ทำให้ฟู่จาวหนิงต้องเหนื่อยแล้ว คิดไม่ถึงว่าตอนนี้จะถูดกนางลากกลับมาจากประตูนรกอีกแล้ว แล้วยังทำให้นางต้องเหนื่อยจนแค่จะพูดก็ยังไม่มีแรงเลยและมองต่อไปยังคนอื่น ก็ล้วนเป็นคนที่เดินผ่านวังยมโลกมาแล้วกันทั้งนั้น"ประคองข้าไปดูคนเหล่านั้นหน่อย"เซียวหลันยวนพอมีกำลังวังชาขึ้นหน่อยก็ให้องครักษ์ประคองเขาไปยังจุดที่ฝังองครักษ์ทั้งสิบเอ็ดคนองครักษ์พอได้ยินเขาก็ยังไม่ขยับ แต่มองไปยังฟู่จาวหนิงด้วยสัญชาตญาณพวกเขาใช้สายตาสอบถามมองไปทางฟู่จาวหนิงเซียวหลันยวนมองออกแล้ว ถ้าฟู่จาวหนิงไม่พยักหน้า พวกเขาก็จะไม่ฟังคำพูดพวกเขาแล้ว แล้วคงจะไม่ประคองเขาออกไปด้วย"ข้าจะไปดูพวกเขา จะกล่าวขอบคุณกับพวกเขาเสียหน่อย" เซียวหลันยวนถอนหายใจเบา เอ่ยกับฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงพยักหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉยองครักษ์จึงประคองตัวเซียวหลันยวนออกไปชิงอีเองก็เจ็บหนัก แต่ก็ตามออกไปภายใต้การประคองของเองครักษ์ตระกูลเสิ่นระหว่าง
เซียวหลันยวนก็ไม่ได้พูดอะไรต่อพอไปถึงหน้าหลุมศพเหล่าองครักษ์ เซียวหลันยวนก็นั่งลงหน้าหลุมศพ "ไปหากระดานไม้มาแผ่นหนึ่ง ข้าจะสลักป้ายหลุมศพให้พวกเขา"องครักษ์รีบออกไปเซียวหลันยวนถัดจากนี้จึงนั่งลงสลักป้ายหน้าหลุมศพสุสานขององครักษ์ผู้ซื่อสัตย์แห่งจวนอ๋องเจวี้ยนเซียวหลันยวนยืนขึ้นป้ายไม้ตั้งขึ้น เขายื่นมือประคอง เอ่ยขึ้นเสียงต่ำ "ข้าขอบคุณพวกเจ้ามาก และรู้สึกผิดต่อพวกเจ้าด้วย หลังจากนี้จะให้คนมาย้ายหลุมศพพวกเจ้ากลับไปยังเมืองหลวง จะไม่ให้พวกเจ้าต้องอยู่ที่นี่ไปตลอดแน่""ท่านอ๋อง ควรกลับได้แล้ว"ชิงอีเองก็อยู่ที่นี่ด้วยตลอด แต่เห็นว่าเวลาที่ออกมาก็นานมากแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังมีลมแล้วด้วย เขาจึงรีบเตือนให้เซียวหลันยวนกลับไปถ้านานเกินแล้วยังไม่กลับไป เกรงว่าพระชายาจะโกรธเอาเซียวหลันยวนถูกประคองลุกขึ้นยืน "จำตำแหน่งนี้ไว้ หลังจากนี้จะให้คนมาย้ายหลุมศพพวกเขากลับเมืองหลวง""ขอรับ"กลับไปยังจุดที่พวกเขาตั้งค่าย เซียวหลันยวนก็เห็นฟู่จาวหนิงที่นั่งอยู่หน้ากระโจมที่ตั้งขึ้นชั่วคราวหลังหนึ่งฟู่จาวหนิงพอเห็นเขากลับมา ก็หมุนตัวเข้าไปในกระโจมทันที ไม่พูดอะไรสักคำเดียวเซียวหลันยวนค
"อ๋องเจวี้ยน" ไป๋หู่เห็นเซียวหลันยวนเดินตามฟู่จาวหนิงไป ก็อดเรียกเขาขึ้นมาไม่ได้แค่คิดก็รู้ว่าคุณหนูของพวกเขาจะออกไปทำอะไร แล้วอ๋องเจวี้ยนตามไปมันเหมาะสมหรือ?เซียวหลันยวนชะงัก "ข้าไม่วางใจ จะคุ้มกันอยู่ห่างๆ"ตอนที่ฟู่จาวหนิงตื่นขึ้นมาเขาก็สังเกตเห็นแล้ว จึงลุกขึ้นตามออกมาทันที เขาเดิมทีก็คอยจับตาดูการเคลื่อนไหวของนางอยู่ตลอดที่นี่คือในป่าเขา กลางค่ำกลางคืน นางคนเดียวไปในกอหญ้า เขาเองก็ไม่ค่อยจะวางใจนักไป๋หู่คิดว่าถึงอย่างไรพวกเขาก็เป็นสามีภรรยา เขาเองก้เหมือนจะไม่มีคุณสมบัติไปห้าม ยิ่งไปกว่านั้นเขาเองก็กังวลฟู่จาวหนิงด้วย จึงไม่ได้พูดอะไรอีกแม้ว่าอ๋องเจวี้ยนสุขภาพตอนนี้จะย่ำแย่มากก็ตามเซียวหลันยวนรักษาระยะห่างไว้ฟู่จาวหนิงจัดการภารกิจภายในเรียบร้อย ก็มองเห็นเขา แต่ก็ไม่พูดอะไร เดินผ่านข้างตัวเขาไป"..." เซียวหลันยวนริมฝีปากขยับ แต่พอคิดถึงใบหน้าตนเอง ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกมาดี จึงทำได้เพียงเดินตามหลังนางอยู่เงียบๆไป๋หู่เห็นพวกเขาคนหนึ่งนำหน้าอีกคนหนึ่งเดินตามกลับเข้ามา ก็ไม่ได้ถามอะไร ยื่นกระบอกไม้ไผ่ใบหนึ่งให้ฟู่จาวหนิง"คุณหนูจาวหนิง น้ำเพิ่งต้ม ระวังลวกด้วย"
ด้วยความสามารถของนาง นางเดิมทีควรจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้ มั่นคงกว่านี้นางเดิมทีควรจะถูกคนมากมายเคารพเชิดชูนอบน้อมด้วยตัวตนฐานะหมอเทวดา ไม่ใช่มาเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยน แล้วต้องเจอกับอันตรายจากการถูกลอบสังหารได้ตลอดเวลาเช่นนี้เซียวหลันยวนอยากจะเดินเข้าไป ไปบอกกับนาง แต่เขาก็กดความคิดนี้ลงไปก่อนต่อมาพวกเขาก็หยุดอีกสองวัน ในช่วงนี้ พวกองครักษ์ลับที่ติดตามพวกเขามาก่อนหน้านี้ยังไม่พบตัวพวกเขาฟู่จาวหนิงหลังจากพักผ่อนเรียบร้อยก็ฝังเข็มจัดยาให้พวกเขาทุกวัน เซียวหลันยวนก็ไม่ได้ตกหล่นแต่ว่าระหว่างพวกเขายังคงไม่พูดคุยกันเพราะท่านอ๋องกับพระชายาไม่พูดคุยกันเลย บรรยากาศจึงกดดันมาก ทำให้คนอื่นๆ แทบไม่กล้าจะหายใจกันแต่พวกเขาก็ยังต้องไปเขาอวี้เหิงผ่านไปสองวันพวกเขาก็เก็บของเพื่อเดินทางต่อตอนแรกที่เร่งระยะทางก็ยังดีอยู่ เพราะเซียวหลันยวนกับฟู่จาวหนิงอยู่รถม้าคนละคันวันนี้ตอนกลางวัน ขณะที่คนทั้งหมดพักผ่อน ชิงอีในที่สุดก็ทนไม่ไหวแล้ว"ท่านอ๋อง ท่านคิดจะเป็นเช่นนี้กับพระชายาต่อไปหรือ?" ชิงอีอึดอัดจะแย่อยู่แล้ว เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าออกมารอบเดียว ท่านอ๋องกับพระชายาจะเปลี่ยนไปเป็นเช่นนี้ก่อ
"เข้าใจผิด ก็เข้าใจผิดไปแล้วกัน" เซียวหลันยวนถอนหายใจ "ช่างเถอะ"ชิงอีแทบจะไปต่อไม่เป็นไม่ใช่สิ ท่านอ๋อง อะไรคือช่างเถอะกัน?เขาไม่เข้าใจท่านอ๋องขึ้นมาเสียแล้ว ท่านอ๋องก่อนหน้านี้ก็ไม่ใช่พวกมีนิสัยชักช้าอืดอาดนี่นาแต่พอเซียวหลันยวนไม่คิดจะพูดต่อ เขาก็ไม่กล้าจะเอาแต่ถามพวกเขาในที่สุดก็มาถึงเขาอวี้เหิงระหว่างนี้ยังอ้อมพวกที่แอบติดตามมาหลายต่อหลายครั้ง ในที่สุดก่อนที่จะเข้าเขาอวี้เหิงจึงสลัดพวกเขาหลุดออกมาได้"พวกเราต้องเร็วขึ้นหน่อยแล้ว เพราะพวกเขาเองก็อาจจะหาเขาอวี้เหิงเจอก็ได้"เซียวหลันยวนรู้ว่าสลัดคนเหล่านี้ออกไปได้แค่ชั่วคราว แต่ว่าพวกเขาที่มีคนตั้งมากมายรถม้าอีกหลายคัน อย่างไรก็ต้องทิ้งร่องรอยไว้บ้าง คนเหล่านั้นถ้ายังหาต่อ จะช้าเร็วก็ต้องตามขึ้นมาได้อยู่ดีสิ่งที่พวกเขาทำได้ ก็คือการเพิ่มความเร็วแล้วรีบหาสิ่งของให้เจอในความเป็นจริงเซียวหลันยวนเองก็ไม่รู้ว่าสิ่งยืนยันสามชิ้นนี้เกี่ยวข้องกับสิ่งของอะไร แล้วจะทำให้เขาหาอะไรพบกันแน่ไท่ซ่างหวงต้องเอาของมาซ่อนไว้ไกลถึงพันลี้นี้เพื่ออะไรพวกเขาไม่ได้หยุดพัก พุ่งเข้าไปในเขาอวี้เหิงทันทีตอนนี้ที่ตีนเขาอวี้เหิงกับช่วงกลาง
เซียวหลันยวนเห็นฟู่จาวหนิงวิ่งไปไวขนาดนั้น จนแทบจะตะโกนเรียกนางให้วิ่งช้าหน่อย เดี๋ยวจะหกล้ม!แต่คำพูดติดอยู่ที่มุมปาก เขากลับกลืนกลับลงไปฟู่จาวหนิงยังวิ่งไม่ถึงข้างหน้าก็เริ่มนับจำนวนของต้นผลไม้เหล่านี้แล้ว"หนึ่งสองสามสี่ห้าหกเจ็ดแปด"ยังขาดอีกต้นหรือ?นางขมวดคิ้วเซียวหลันยวนค่อยเดินมาจนถึงอีกด้านหนึ่ง มองนางผาดหนึ่ง เหมือนเดาได้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่ พูดออกมาคำหนึ่ง"ด้านหลังหินใหญ่นั่นยังมีอีกต้น"ฟู่จาวหนิงมองออกไป แล้วก็เห็นเข้าจริงๆ"เช่นนั้นก็เก้าต้น!"นางร้องขึ้นอย่างยินดีเซียวหลันยวนคิดไม่ถึงว่าเรื่องจะบังเอิญขนาดนี้ เขาตอนนี้เองก็เชื่อสิ่งที่ชิงอีพูดไว้ก่อนหน้านี้ ที่บอกว่าฟู่จาวหนิงเป็นคนที่มีโชคคนหนึ่งเดิมทีคิดว่าเขาอวี้เหิงที่ใหญ่โตขนาดนี้ ค้นหาทั่วทั้งเขาก็ยังไม่รู้เลยว่าต้องใช้เวลานานสักเท่าไร เขากระทั่งคิดว่าอาจจะต้องใช้เวลาสักสิบวันครึ่งเดือนก็คงยังเดินแกร่วอยู่นั่นล่ะอันที่จริงก็คิดไม่ถึงเลยว่าพอมาถึงก็หาพบแล้วแค่นกตัวเดียวชี้นำให้นางหรือ?เซียวหลันยวนมองท้องฟ้าผาดหนึ่ง และไม่รู้ว่าไท่ซ่างหวงรู้หรือไม่ว่าเขาจะรับพระชายาที่โชคดีขนาดนี้มาคนหนึ่ง แต
เซียวหลันยวนยังคิดว่านางจู่ๆ ที่เห็นหน้าเขา แล้วจะถูกแผลเป็นพิษทำให้ตกใจเสียอีก ใจกระตุกขึ้นมาฉับพลันเมื่อครู่เขาเห็นนางหยิบกล่องใบนี้ขึ้นมาแนบข้างหู รู้สึกว่านางจะพบอะไรเข้า ดังนั้นจึงเดินเข้ามา คิดไม่ถึงว่านางจะตกใจสะดุ้งโหยงอย่างนี้แล้วแบบนี้ยังคิดจะนอนคู่เคียงหมอนกับนางอีกหรือ?ประเดี๋ยวประด๋าวคงทำเอานางสะดุ้งโหยงตลอดเวลาเลยกระมัง?ฟู่จาวหนิงยืนมั่นคงแล้ว นางกลับไม่ได้คิดอะไรเยอะตอนนี้หาสิ่งของสำคัญที่สุด ก่อนหน้านี้เขาเองก็พูดไว้แล้วนี่ ว่านี่คืองาน"กล่องใบนี้ส่งเสียงลอดออกมาได้ ดังนั้นข้าจึงรู้สึกว่า ด้านในไม่แน่ว่าจะมีของอยู่ ก็แค่นั้น" ฟู่จาวหนิงส่งกล่องใบนั้นให้เขาเซียวหลันยวนรับไป สูดปากขึ้นมาด้วยสัญชาตญาณ นิ้วมืองอเล็กน้อย"เย็นมากหรือ?""อืม"แม้จะเย็นมาก เขาก็ยังทำเหมือนนางก่อนหน้านี้ ยกมันขึ้นแนบหู ตั้งใจฟังแต่เขาก็ยังใช้หน้าอีกครึ่งที่ยังดีอยู่หันหาฟู่จาวหนิงด้วยสัญชาตญาณ"เสียงอื้ออึง""ใช่ไหม? ท่านเองก็ได้ยิน" ฟู่จาวหนิงยื่นมือมารับกล่องใบนี้กลับไป ถึงอย่างไรเขาก็เย็นจนนิ้วแทบจะขาวซีดไปหมดแล้ว"ของสิ่งนี้คงไม่ได้นำมาเพื่อยืนยันจุดตำแหน่งหรอกกระมัง?"
เซียวหลันยวนกับฟู่จาวหนิงถอยออกไป มองดูพวกเขาขึ้นหน้าไปพร้อมกัน เตรียมจะผลักหินยักษ์เปิดออก"ระวังหน่อย เหมือนหินก้อนนี้จะไม่ค่อยมั่นคง อย่าให้ถูกทับเข้า"ฟู่จาวหนิงดูกังวลหน่อยๆ เพราะหินก้อนนี้ใหญ่จริงๆ ปีนขึ้นไปนั่งได้หลายคนเลยก้อนที่พวกเขาจะไปผลักแม้จะดูเล็กลงหน่อย แต่ก็ยังใหญ๋โตอยู่"จะผลักให้เคลื่อนที่ได้ไหม?"ฟู่จาวหนิงมองแล้วยังสงสัยหน่อยๆหินก้อนใหญ่ขนาดนี้ ลำพังพวกเขาจะผลักได้หรือ?ชิงอีได้ยินคำพูดนาง ก็ถูฝ่ามือ เอ่ยเตือนขึ้นว่า "พระชายา เป็นเพราะตอนนี้ท่านอ๋องใช้วรยุทธ์ไม่ได้ ไม่เช่นนั้นด้วยกำลังภายในของท่านอ๋อง สามารถผลักหินก้อนนี้ออกได้แน่นอน"หรือก็คือ กำลังภายในของเซียวหลันยวนนั้นลึกล้ำมากเมื่อครู่เขาก็ไม่ได้คิดจะลองดูอยู่หรือไรกัน?"แล้วถ้าตอนนั้นเจ็บหน้าอก หรือเลือดลมไหลย้อน จนพิษระงับไม่อยู่ ข้าก็ไม่มียาจะให้เขาหรอกนะ" ฟู่จาวหนิงไม่มองเซียวหลันยวน แต่คำพูดคือพูดกับเขาอยู่"ข้าจะไม่ขยับ ฟังคำกำชับของหมอ" เซียวหลันยวนสีหน้าจริงจังฟังคำกำชับของหมอเป็นคำที่ฟู่จาวหนิงพูดอยู่ตลอด ตอนนี้พวกเขาเองก็จดจำไว้ในใจแล้ว"พระชายา ข้าแค่จะบอกว่ากำลังภายในของท่านอ๋องร้า