ห้องคลังของเซียวหลันยวนใหญ่โตมาก มีลัง ตู้วางอยู่เต็มไปหมด แล้วยังเห็นชั้นที่เป็นช่องตารางใส่ยาบางส่วนอีกด้วยแม้ในลังในชั้นวางอะไรไว้จะมองไม่เห็น แต่ฟู่จาวหนิงใช้แค่นิ้วเท้าก็ยังคิดออก ที่นี่จะต้องมีของวางอยู่ไม่น้อยแน่นอนไม่แน่ว่าพวกตราประทับแคว้นเจาที่ไท่ซ่างหวงให้มาพวกนั้นก็อาจจะเก็บอยู่ที่นี่เซียวหลันยวนจะต้องร่ำรวยมากแน่ๆถ้าเป็นของทั่วไปเขาไม่จำเป็นต้องซ่อนไว้ในห้องลับนี้ วางเอาไว้ด้านนอกได้เลยลังเหล็กสิบกว่าลังที่นำกลับมาจากตงฉิงวางกองไว้อยู่มุมหนึ่งของห้องฟู่จาวหนิงเดินตรงไปกล่องใหญ่ใบนั้นใส่เสื้อผ้าเครื่องประดับไว้ นางเองก็รู้อยู่เปิดฝาออก ฟู่จาวหนิงก็ย้ายเสื้อผ้าเครื่องประดับที่วางซ้อนกันด้านในออกมาทีละชุด หลายชุดที่อยู่ด้านบนล้วนดูสูงค่าทรงสง่า มีความน่าเกรงขามอหังการ แดงล้วนกับทองล้วนสองสี ทอแสงสดใสนี่คือชุดคลุมจักรพรรดิของตงฉิง ต้องไม่เหมาะแน่ๆรื้อต่ำลงไป ฟู่จาวหนิงมือก้ลูบไปเจอความอ่อนนุ่มลื่นเย็น พอเพ่งตาดู เป็นชุดกระโปรงผ้าไหมอ่อนนุ่มชุดหนึ่ง สีน้ำเงิน ตกแต่งด้วยไข่มุก ไหมเงินปักหยกขาวไว้ สุกสกาวทรงสง่านางยกกระโปรงขึ้นมา กางออกเบาๆ ด้านบนมีผ้าแพรนุ่
ยิ่งไปกว่านั้นบนชุดกระโปรงยังประดับเต็มไปด้วยอัญมณีไข่มุก ดูสูงสง่าอย่างมาก แล้วยังขับเด่นฟู่จาวหนิงสุดๆ อีกด้วยหงจั๋วกับเฝิ่นซิงตะลึงงันไป"พระชายา สวยมากจริงๆ""ใช่เลย ชุดกระโปรงนี้สวยยิ่งกว่าชุดแสงไหลนั่นเสียอีก"ฟู่จาวหนิงโบกแขนเสื้อเบาๆ "เย็นสบายมากเลย"จะสวยแค่ไหนนางไม่ได้สนใจมากนัก หลักๆ คือไม่รู้ว่าเนื้อผ้าคืออะไร หลังจากสวมแล้วทั้งเบานุ่มและระบายลมดี เย็นสบายสุดๆ"กระทั่งข้าน้อยยืนอยู่ที่นี่ยังรู้สึกว่าเย็นสบายเลย""ใช่เลยใช่เลย มองแล้วรู้สึกเย็นสดชื่อเหมือนน้ำทะเลสาบเลย"หงจั๋วกับเฝิ่นซิงเองก็ทอดถอนใจชื่นชมไม่ขาดปาก"ยิ่งไปกว่านั้นชุดกระโปรงนี้พระชายาใส่แล้วกลับพอดีเลย" หงจั๋วเอ่ยขึ้นฟู่จาวหนิงเองก็รู้สึกเกินคาด พอเห็นเช่นนี้ เซวียนหยวนซือตอนอายุยังน้อยน่าจะพอพอกับนางรอจนนางแต่งหน้าเสร็จ ยืนขึ้นหน้ากระจก หงจั๋วตาเคลิบเคลิ้มไปแล้ว"พระชายาเป็นคนที่สวยที่สุดเท่าที่ข้าน้อยเคยเห็นมาจริงๆ"สวยเพริศพริ้งเอามากๆฟู่จาวหนิงเองก็เตรียมจะติดของบางส่วนไป พอได้ยินก็ยิ้ม "ปากหวาน"แต่ตอนนี้เองนางก็อดคิดถึงองค์หญิงหนานฉือขึ้นมาไม่ได้ และไม่รู้ว่าทางฝั่งองค์หญิงหนานฉือจะเป
ยังจำตอนงานเลี้ยงครั้งที่แล้วได้ อ๋องเจวี้ยนกับพระชายาสามีภรรยาพอปรากฎตัว ก็งามสะพรั่งไปทั้งงานครั้งนี้พวกเขาก็คาดหวังไว้สูงเช่นกันเดิมคิดว่าจะเห็นอ๋องเจวี้ยนจูงมือพระชายาเดินเคียงมาด้วยกัน แต่ที่คิดไม่ถึงก็คือ คนที่เดินเข้ามามีเพียงพระชายาอ๋องเจวี้ยนคนเดียวนางดูสง่างาม ตอนที่เดินเข้ามาชุดสีฟ้าบนตัวก็ราวกับตะวันเฉิดฉายกลางนภา เพียงพริบตาก็ทำให้คนรู้สึกว่าเบื้องหน้าสว่างไสว ดูผ่อนคลายสบายๆตอนเริ่มรู้สึกว่าผ่อนคลายสบาย แต่พอมองอย่างละเอียด ก็พบว่ามันดูหรูหราอย่างมาก!ด้ายเงินบนกระโปรง ประดับไว้ด้วยอัญมณีไข่มุก ระหว่างที่นางเดินก็เปล่งแสงที่น่าหลงใหลออกมามีคนมองออกถึงความพิเศษ"ชุดกระโปรงของพระชายาอ๋องเจวี้ยน เหมือนจะแตกต่างจากที่พวกเราเห็นกันบ่อยๆ นะ"ชุดกระโปรงนี้ขับเด่นทรวดทรงท่อนบน แล้วยังขับช่วงเอวออกมาด้วย แตกต่างกับชุดกระโปรงพันหน้าอกหน้าร้อนของพวกนาง มองแล้วยิ่งเผยรูปร่างออกมาอย่างแจ่มชัดคอเสื้อไขว้นั้นเห็นได้บ่อย แต่ที่รวบเอวขึ้นสูงก็ทำให้กระโปรงดูยาวเอามากๆ ขับเด่นให้คนดูตัวสูงขึ้นพอควรดูมีบุคลิกอย่างมากพอเห็นชุดกระโปรงปลิวสยายยังรู้สึกได้ว่าเนื้อผ้าเบามาก ดึง
ตอนนั้นอ๋องเจวี้ยนยังเป็นชายหนุ่มอยู่ครั้งนั้นก็มีข่าวลือเป็นระลอกๆ แต่เพราะตอนนั้นอ๋องเจวี้ยนกลับมาแค่ไม่กี่วัน และไม่ได้เปิดเผยหน้าตาเท่าไรนัก ไม่นานก็กลับยอดเขาโยวชิงไป ดังนั้นทุกคนจึงไม่ได้ลือต่อตอนนี้มีคนคิดถึงเรื่องในอดีตขึ้นมาอีกครั้ง ก็ยิ่งตกตะลึงไป"หลายปีมานี้ใบหน้ายังต้องพันผ้าไว้อีกหรือ? นี่มันเน่าเฟะมาโดยตลอด หรือก็คือถ้าไม่พันไว้จะมาพบปะผู้คนไม่ได้เลยสินะ?""คงจะน่ากลัวมากกระมัง?"ไม่ใช่คนทั้งหมดที่จะกล้าวิพากษ์วิจารณ์อ๋องเจวี้ยน เพียงแต่มีบางส่วนที่อยู่ห่างออกไปหน่อย นั่งอยู่ในหลืบมุม รู้สึกว่าอ๋องเจวี้ยนน่าจะไม่ได้ยิน ถึงได้กล้าพูดเสียงเล็กกันออกมา"ข้าเองก็รู้สึกเป็นไปได้มากว่าใบหน้านั้นคงจะน่ากลัวมาก ไม่เช่นนั้นตัวตนฐานะอย่างอ๋องเจวี้ยน หล่อเหลาขนาดนี้ ต่อให้มีแค่แผลเป็นเล็กๆ ก็คงไม่ส่งผลกระทบอะไร ถึงอย่างไรก็มีคนอยากแต่งงานกับเขาอยู่แล้ว แต่เจ้าลองคิดดู หลายปีมานี้ มีแค่ท่านอหญิงอวิ๋นเหยาที่อยากจะแต่งกับเขา ไม่สิ ตอนนี้ไม่ใช่ท่านหญิงแล้ว แต่เป็นซ่งอวิ๋นเหยา"การคาดเดาเช่นนี้ทำให้คนรู้สึกใกล้เคียงความจริงยังมีอีกหนึ่งความจริง..."อ๋องเจวี้ยนนั่งเกี้ยวเบาถู
"ทุกคนกำลังมองท่านเช่นนี้ ท่านเห็นสายตาของฮูหยินใหญ่โม่ไหม?"ฟู่จาวหนิงเห็นฮูหยินใหญ่โม่แล้ว นางเข้าไปอยู่ข้างๆ เซียวหลันยวน เอ่ยกับเขาแผ่วเบา"นั่นต้องเป็นสายตาเห็นใจข้าแน่ๆ""เห็นใจเจ้า?" เซียวหลันยวนเหลือบมองออกไป เต็มไปด้วยพลานุภาพ ทำเอาคนเหล่านั้นล้วนต้องหันหน้าออกไม่มองมาทางเขาอีกเอาแต่จ้องตลอดแบบนี้มันชัดเจนเกินไปแล้วถ้าหากอ๋องเจวี้ยนพบว่าพวกเขารู้สึกว่าเขาน่าเวทนา พิการไปแล้ว และแทบจะเดินมาจนถึงบั้นปลายชีวิตแล้ว คงจะกระตุ้นถึงเขามากเลยกระมัง?ดังนั้นตอนนี้จึงไม่มีใครกล้าสบตากับอ๋องเจวี้ยนที่สำคัญที่สุดคือ ถ้ามองมาตลอดก็คงจะอดมองไปยังครึ่งใบหน้าที่พันอยู่นั้นไม่ได้แน่นอนแล้วก็อดมองที่ขาเขาไม่ได้ด้วยเซียวหลันยวนหัวเราะเสียงเย็นชา"พวกเขาน่าจะรู้สึกว่าไม่ควรเรียกข้าว่าอ๋องเจวี้ยน น่าจะเรียกอ๋องพิการมากกว่า" คำว่าพิการของพิกลพิการ พิการอ่อนแอ โรคพิการ พิการทางใบหน้าถึงอย่างไรก็คือพิกลพิการนั่นล่ะ"ฮูหยินใหญ่โม่พวกนางก็น่าจะรู้สึกว่าข้าน่าจะใกล้อยู่เป็นม่ายแล้ว" ฟู่จาวหนิงเหล่ยิ้มๆแค่กๆเซียวหลันยวนพอได้ยินคำนี้ก็คิดฟุ้งซ่านทันที "พวกเราตอนนี้ยังไม่ได้ทำอะไรกันเ
ฟู่จาวหนิงไม่ได้ปิดบังฮูหยินใหญ่โม่แต่ว่าฮูหยินใหญ่โม่ก่อนหน้านี้ก็รู้เรื่องสุขภาพของอ๋องเจวี้ยนอยู่ ยืนยันแล้วว่าไม่ใช่เรื่องดีนัก นางกระทั่งรู้สึกว่าถ้าไม่มีฟู่จาวหนิง อ๋องเจวียนตอนนี้คงจะออกมานอกบ้านไม่ได้แม้แต่ก้าวเดียวไปแล้วดังนั้นนางจึงรุ้สึกว่าฟู่จาวหนิงบางทีอาจจะเพระาไม่สะดวกพูดความจริง"ถ้าเป็นเช่นนี้ ท่านก็ต้องเตรียมใจไว้บ้าง เกรงว่าองค์จักรพรรดิจะสร้างความลำบากให้เอา" ฮูหยินใหญ่โม่คิดแทนฟู่จาวหนิงอย่างจริงใจ"ข้ารู้แล้ว ขอบคุณฮูหยินมาก"ฮูหยินใหญ่โม่ไม่กล้าพูดอะไรมากกับฟู่จาวหนิง ทำได้เพียงเดินจากไปอย่างกังวล"โต๊ะที่นั่งจัดเตรียมเสร็จแล้ว ขอให้ทุกท่านเคลื่อนตัวไปยังโถงงานเลี้ยง" คนมีในวังเข้ามาเชิญพวกเขาผู้คนก็เชิญให้อ๋องเจวี้ยนนำไปก่อนอ๋องเจวี้ยนแน่นอนว่าไม่เกรงใจ กวักกวักมือ องครักษ์สองคนข้างๆ ก็ยกเกี้ยวเบาขึ้นมาอีกครั้ง เขาบอกกับฟู่จาวหนิงว่า "พระชายา ไปเถอะ พวกเราไปนั่งที่โต๊ะอาหารกัน"รอจนอ๋องเจวี้ยนออกไป คนอื่นๆ จึงตามขึ้นมาเพราะวันนี้อากาศร้อนแล้ว งานเลี้ยงครั้งนี้จึงจัดที่ตำหนักฮวาเซียวตำหนักฮวาเซียวเปิดประตูได้ทั้งสี่ด้าน เสาระเบียงด้านนอกแขวนม่านบ
ฟู่จาวหนิงเองก็สายตาลุกวาวเสียเช่นกันถ้าหากไม่ใช่เพราะสถานที่ไม่อำนวย นางคงจะผิวปากออกมาแล้วเอ้อ เหมือนจะดูนักเลงหน่อยๆ แฮะ นางลูบปลายจมูกเบาๆแต่ก็รู้สึกสนใจกับปฏิกิริยาของเซียวหลันยวนขึ้นทันที นางมองไปทางเขา และก็เห็นเซียวหลันยวนกำลังมององค์หญิงหนานฉือขึ้นมาจริงๆๆ สายตานั่นดูจะลึกซึ้งหน่อยๆฟู่จาวหนิงตกตะลึงไปครู่หนึ่งชั่วขณะหนึ่ง นางเองก็บอกไม่ถูกว่าตนเองตอนนี้มีความรู้สึกอย่างไรก่อนหน้านี้นางเคยรู้สึกว่า การชื่นชมต่อความงามเป็นสัญชาตญาณของคนทุกคนอยู่แล้ว และเป็นเรื่องที่ปกติ ดังนั้นต่อให้ทั้งสองคนจะมีคู่รักแล้ว แต่การชื่นชมต่อความงามของคนอื่นก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้แต่ตอนนี้เซียวหลันยวนมององค์หญิงหนานฉือ แต่นางกลับรู้สึกปวดร้าวเล็กๆ หรือ?นางอยากจะยื่นมือออกไปแล้วแบะหน้าเขาออกอย่างนั้นหรือ?นางแปลกไปหรือเปล่า?เซียวหลันยวนยื่นนิ้วชี้ จิ้มลงไปที่หลังมือนาง เอ่ยขึ้นเสียงต่อ "ทำอะไรน่ะ? จะแบะนิ้วตัวเองออกหรือ?"เขาแค่เหลือบมององค์หญิงหนานฉือผาดเดียว ก็ไม่ใช่ขนาดว่าองค์หญิงหนานฉือหน้าตาอย่างไรก็ไม่รู้ องค์หญิงหนานฉือนั่นงดงามกว่าที่เขาคาดไว้จริงๆ แต่เห็นคนงามขนาดนี้ ในใ
ตรงข้ามคือเซียวหลันยวนกับฟู่จาวหนิงดวงตาของนางเบิกโพลง สีหน้าชะงักด้วยความสนใจ"องค์หญิงหนานฉือเดินทางมาไกล แล้วยังนำน้ำใจมาให้กับแคว้นเจาอีก เหล่าขุนนางที่รักยิ่ง มา ข้าจะชูแก้วขึ้นพร้อมพวกท่าน ต้อนรับองค์หญิงหนานฉือ"องค์จักรพรรดิยกแก้วสุราขึ้นมาก่อน คนอื่นเองก็ชูแก้วยืนขึ้นมา"ยินดีต้อนรับองค์หญิงหนานฉือ องค์หญิงเหน็ดเหนื่อยมาตลอดทางเสียแล้ว"คนทั้งหมดล้วนพูดขึ้นพร้อมกัน ชูกแก้วสุราขึ้นเคารพตอนที่คนทั้งหมดลุกขึ้นยืน มีอ๋องเจวี้ยนเท่านั้นที่ไม่ยืน ฟู่จาวหนิงเดิมทีก็คิดจะยืน แต่เซียวหลันยวนกุมมือของนางไว้ ไม่ให้นางลุกขึ้นนางจึงแค่ชูแก้วขึ้นเซียวหลันยวนไม่ยกแก้วด้วยซ้ำ มือหนึ่งกุมฟู่จาวหนิงไว้ มืออีกข้างยันโต๊ะไว้ กดลงไปที่หน้าผากทำท่าเหมือนยังไม่ทันดื่มสุราแต่ก็ทนฤทธิ์สุราไม่ไหวแล้วอย่างไรอย่างนั้น ดูแล้วเหมือนคนที่ป่วยหนักเอามากๆโต๊ะนี้ของพวกเขาก็ชัดเจนเป็นพิเศษองค์จักรพรรดิเอ่ยขึ้นมาทันที"อ๋องเจวี้ยน พระชายาอ๋องเจวี้ยน พวกเจ้าทำไมไม่เคารพองค์หญิงล่ะ? องค์หญิงเป็นแขกคนสำคัญที่เดินทางมาไกลเลยนะ"แต่ว่า พอเขาเห็นหน้าตาฟู่จาวหนิงอย่างชัดเจนก็อดตกตะลึงไม่ได้ฮองเฮาเ