“ฮ่าๆ ถ้าแกอยากจะหนีตอนนี้เกรงว่าจะสายไปแล้ว เจ้าหนู รีบบอกฉันมาว่าสมบัติของตระกูลฉู่ซ่อนไว้อยู่ที่ไหน ไม่เช่นนั้นฉันจะทำให้แกอยากตายมากกว่ามีชีวิตรอด!” เมื่อเห็นว่าฉู่เฉินได้ค้นพบอะไรบางอย่างแล้ว ฉีหู้กัวก็หยุดเสแสร้งและเผยธาตุแท้ออกมา ท้องฟ้าถูกปกคลุมด้วยค่ายกลทันที และที่ระดับความสูงหลายพันเมตรเหนือเมืองหลวง ร่างของคนทั้งสองจึงหายไปจากอากาศ“ทั้งหมดนี้มันเป็นการเสแสร้งงั้นเหรอ? แกจงใจทำแบบนี้ใช่ไหม?” ฉู่เฉินตระหนักว่าเขาติดกับดักของฉีหู้กัว จึงถามอย่างเย็นชา“ใช่แล้ว เริ่มต้นตั้งแต่ที่ตระกูลฉี แกคิดจริงๆหรือเปล่าว่าเด็กน้อยระดับอย่างแกสามารถหนีจากฉันได้? ฉันปล่อยให้แกหนีไปไกลขนาดนี้เพราะฉันอยากจะหาโอกาสให้กับตัวเอง พูดตามตรง กริชนี้ไม่ใช่มีแค่ตระกูลฉีเท่านั้นที่มี แต่ยังมีตระกูลทรงอำนาจอีกหลายแห่งที่มีมันไว้เพื่อยืนยันตัวตนของแก แกไม่คิดว่าหลังจากที่แกออกจากภูเขาหลงหู่แล้ว จะไม่มีใครคอยจับตาดูแกหรือไง ตั้งแต่วินาทีแรกที่แกก้าวเข้าสู่คคฤหาสน์ ตระกูลฉี ฉันก็คอยจับตาดูแกอยู่แล้ว” ฉีหู้กัวหัวเราะเสียงดังเมื่อเห็นค่ายกลของเขาเข้าปิดล้อมฉู่เฉิน“แกรู้ไหมว่ามีคนกี่คนในโลกยุทธภพที่กำลังต
เพียงแค่คิดอย่างเดียวก็เพียงพอที่จะบดขยี้เขา โดยไม่ต้องออกแรง แม้จะอยู่ที่จุดสูงสุดของขั้นเก้าของระดับมหากาฬก็ตาม“โจมตีตรงนั้น!”ในขณะนั้น เสียงของจวินหวู่หมิงก็ดังก้องอยู่ในใจฉู่เฉินไม่ลังเลดึงดาบดาราเจ็ดแสงออกมาและเปลี่ยนเป็นเงาดาบ จากนั้นพุ่งเข้าหาทิศทางที่จวินหวู่หมิงบอกไว้อย่างรวดเร็วทันใดนั้น ฉู่เฉินก็รู้สึกว่าดาบของเขาฟาดไปที่จุดแข็งมาก ซึ่งเป็นความแข็งแกร่งที่ไม่อาจจินตนาการได้ แม้แต่ดาบดาราเจ็ดแสงก็ไม่สามารถฟันทะลุได้“อย่ามั่นใจไปหน่อยเลย แม้ว่าแกจะอยู่ในระดับเก้าของมหากาฬหรือแม้แต่ระดับเดียวกันกับฉัน เมื่อติดอยู่ในค่ายกลของฉัน แกก็ลืมเรื่องหาทางออกมาได้เลย” ฉีหู้กัวยิ้มเยาะขณะที่เฝ้าดูฉู่เฉินฟันดาบใส่ค่ายกลซ้ำแล้วซ้ำเล่า“ไอ้หนู อย่าไปสนใจเขาเลย ตั้งใจเอาไว้ดีกว่า ถ้าเขาอยู่ข้างหน้าฉันนะ ฉันจะจัดการเขาด้วยนิ้วเดียว” เสียงของจวินหวู่หมิงยังคงดังอยู่ในใจของฉู่เฉินทันทีที่คำพูดจบลง"ตู้ม!"เสียงที่คล้ายกับลูกแก้วแตกก็ดังสะท้านไปทั่วทั้งท้องฟ้า“เป็นไปได้ยังไง? เด็กคนนี้สามารถทะลวงออกมาจากค่ายกลของฉันได้ยังไง!”ฉีหู้กัวมองไปที่ฉู่เฉินด้วยสีหน้าหวาดกลัว ในขณะที่เข
"งั้นก็ดี"เมื่อเห็นผู้นำวิหารหานยังคงดูไม่เต็มใจชายชราพูดต่ออย่างแผ่วเบา“ใช่แล้ว หลานชายของนาย หานชงก็ถูกฉู่เฉินฆ่าด้วยเช่นกัน”เพียงประโยคเดียว ผู้นำวิหารหานก็กลายร่างเป็นลำแสงและรีบออกจากดินแดนลับไป……ฉู่เฉินหนีออกจากค่ายกลของฉีหู้กัวแล้วบินตรงไปทางทิศตะวันออก หลังจากที่ยืนยันแล้วว่าฉีหู้กัวไม่ได้ไล่ตามเขามาแล้ว เขาก็ค่อยๆ ลงมาและร่อนลงบนพื้นฉู่เฉินโชกไปด้วยเลือด ซึ่งการทะลวงผ่านค่ายกลของจอมยุทธไม่ใช่เรื่องง่าย การปล่อยพลังออกมาอย่างเดียวทำให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสฉู่เฉินสงสัยว่าทำไมฉีหู้กัวถึงไม่ไล่ตามเขาต่อ“อยากรู้ใช่ไหมว่าทำไมเขาถึงไม่ตามมา?” จวินหวู่หมิงพูด"ใช่"“นายรู้ไหมว่าแม้ในขณะที่จอมยุทธสองคนต่อสู้กัน พวกเขาแทบจะไม่สามารถกางค่ายกลอย่างไม่ไตร่ตรองมาก่อน เพราะความเสียหายใดๆ ต่อค่ายกลนั้นรุนแรงมาก”“มีเพียงจอมยุทธที่ต้องการกลั่นแกล้ง คนที่มาจากระดับต่ำกว่าเท่านั้นที่จะใช้งานมัน”“ในระดับที่สูงกว่า เช่นจอมยุทธหรือเซียนวรยุทธ จะไม่มีปัญหามากมายเช่นนี้”“ในทางตรงกันข้าม สำหรับจอมยุทธ หากค่ายกลได้รับความเสียหายนั้น พวกเขาจำเป็นต้องพักฟื้นเป็นเวลานาน หรืออย่าง
“ใครบอกแกว่าฉันมาจากระดับมหากาฬขั้นหก!” ฉู่เฉินจ้องมองร่างสีดำตรงหน้าอย่างเย็นชาและพูดอย่างเฉยเมยเมื่อเงาเริ่มรวมตัวกันเป็นรูปร่าง ฉู่เฉินก็เริ่มโจมตีอีกครั้ง จากนั้นจับดาบดาราเจ็ดแสงในมืออย่างแน่น เงาดาบแวบวับ และดาบก็ฟาดเข้าไปที่คอของเงาในทันทีเลือดกระจายสาดบนลำคอของเงาดำเงานั้นจับคอของตัวเอง เหมือนอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่คอได้ถูดบั่นจนเกือบขาด จึงไม่สามารถพูดอะไรได้เมื่อมองไปที่ฉู่เฉิน เงาก็ทรุดตัวลงกับพื้นทันที“ฮึ่ม! เป็นแค่ระดับมหากาฬขั้นเจ็ดก็กล้าเสนอหน้ามาฆ่าฉันงั้นเหรอ? อยากตายมากใช่ไหม!” ฉู่เฉินมองดูศพด้วยสายตาอย่างเย็นชาและพ่นคำพูดเหล่านี้ออกมาแม้ว่าตั้งแต่เริ่มต้น เงาสีดำจะไม่ได้เผยรัศมีใดๆ เลย ทำให้ฉู่เฉินฉุกคิดว่ากำลังเผชิญหน้ากับจอมยุทธอีกคน แต่ หลังจากที่ตามทัน จู่ๆ ฉู่เฉินก็ตระหนักได้ว่าคนที่มานั้นเป็นเพียงนักฆ่าระดับมหากาฬขั้นเจ็ด ฉู่เฉินตัดสินใจล่อให้เขาปรากฏตัวและลงมือฆ่าเขาอย่างรวดเร็วเมื่อมองดูร่างที่ยังไม่ร่วงตกลงสู่พื้น ฉู่เฉินก็จุดไฟในมือ แล้วเหวี่ยงไฟนรกขุมโลกันต์ไปในอากาศ จากนั้นร่างก็ติดไฟและเผาไหมแม้แต่พืชจิตวิญญาณที่ปลูกโดยจอมยุทธก็สามารถถูก
ฝ่ามือซัดตรงไปที่ใบหน้าของฉู่เฉินฉู่เฉินตอบสนองอย่างรวดเร็ว ยกมือขึ้นเพื่อป้องกันการโจมตีลมปราณหมุนไหลเวียนระหว่างทั้งสองคน ฉู่เฉินถูกฝ่ามือที่ฟาดมาเพียงฝ่ามือเดียวถูกกระแทกออกไป ร่างของเขาทะลุกำแพงหลายชั้นและกระจกทุกบานของโรงฝึกแตกกระจายจอมยุทธอีกแล้ว!ฉู่เฉินตกใจคนที่สามารถส่งฟาดเขากระเด็นได้ด้วยฝ่ามือเดียว ไม่มีใครอื่นสามารถทำได้อีกนอกจากจอมยุทธเมื่อมองดูโรงเรียนศิลปะการต่อสู้ทั้งหลังกลายเป็นซากปรักหักพังจากคนทั้งสอง โชคดีที่ตอนนี้เป็นเวลากลางคืนและไม่มีคนอยู่ข้างใน แม้เฉินเฟยอวิ๋นจะโดนลูกหลง แต่ก็ยังมีชีวิตอยู่ จู่ๆ ร่างของฉู่เฉินก็ระเบิดและทะยานบินขึ้นไปบนท้องฟ้า“แกคิดว่าจะหนีไปไหน!” ชายชราก็บินไล่ตามไปทั้งสองทะยานผ่านตึกระฟ้า ขึ้นไปจนสูงหลายพันเมตร จากนั้นหานเหอผิงก็เร่งความเร็วขึ้นและขวางหน้าฉู่เฉินเอาไว้“ไม่ต้องห่วง ต้าเซี่ยมีกฎห้าม ฉันจะไม่ฆ่าพลเรือนผู้บริสุทธิ์ แม้ว่าแกจะไม่ได้มาที่นี่ ฉันก็ยังมีความยับยั้งชั่งใจอยู่” หานเหอผิงพูด“ไม่คาดคิดว่า แกเป็นสัตว์ร้ายจะเห็นอกเห็นใจพวกคนธรรมดาสามัญแบบนี้ด้วย”หากฉีหู้กัวจงใจปกปิดตัวตนเอาไว้ก่อนหน้านี้ ไม่เพียงแต่จะไ
“ฉู่เฉินถูกสงสัยว่าเป็นสายเลือดของตระกูลฉู่ในตอนนั้น ฉันควรรอใช่ไหม?”จอมยุทธคนหนึ่งพูดอย่างเป็นนัย“ช่างมันเถอะ นั่นเป็นเพียงข่าวลือ แม้ว่าจะเป็นเรื่องจริง นายจะได้ประโยชน์อะไรจากวิหารวรยุทธ?” จอมยุทธอีกคนหนึ่งลังเล“ก็จริง ยังไงก็คือวิหารวรยุทธ” ……สถานที่ลึกลับ แห่งหนึ่งในเมืองหลวง“ท่านครับ มีบางอย่างผิดปกติ!” มีร่างหนึ่งบุกเข้าไปในห้องทำงานซึ่งมีคนสูงอายุสองคนกำลังหารือกันอยู่ และชาบนโต๊ะก็ยังคงร้อนจัดเมื่อเห็นผู้บุกรุกเข้ามาอย่างกะทันหันผู้เฒ่าคนหนึ่งหันกลับมา จิบน้ำชาแล้วพูด: "ชิงหลง ฉันบอกกี่ครั้งแล้วว่า อย่าทำอะไรหุนหันพลันแล่น? ใจเย็นๆ ก่อน"ผู้บุกรุกคือชิงหลงชิงหลงสงบสติอารมณ์และพูด: "ผู้อาวุโสเฉิน ฉู่เฉินมาถึงเมืองหลวงแล้ว และกำลังต่อสู้อยู่บนท้องฟ้า!"“อะไร? กับใคร? ที่ไหน?” ชายชราโยนถ้วยชาทิ้ง แล้วถามอย่างรีบร้อน“ผู้อาวุโสเฉิน ใจเย็นๆ ฉู่เฉินกำลังต่อสู้กับหานเหอผิง ผู้นำแห่งวิหารวรยุทธทางตอนเหนือของเมืองหลวง”ชิงหลงทราบข่าวมาจากคนอื่นอีกที“ใครนะ? หานเหอผิง? เร็วเข้า รีบไป ถ่ายทอดคำสั่งของฉันออกไป ส่งเครื่องบินขับ J-7 ออกไปและหยุดทั้งสองไม่ให้ปะทะกั
ขณะที่ฉู่เฉินกำลังคิดว่าจะอธิบายอย่างไรเครื่องบินขับไล่ไอพ่นก็บินมาจากระยะไกลเมื่อเครื่องบินเข้าใกล้ก็เกิดเสียงประกาศดังขึ้น“การต่อสู้กันเป็นเรื่องห้ามของต้าเซี่ย โปรดแยกกันโดยเร็ว!”ยากที่จะจินตนาการถึงภาพดังกล่าว ที่กลุ่มนักสู้ที่ยืนอยู่ในอากาศ และเครื่องบินขับไล่ไอพ่นกำลังไกล่เกลี่ยสถานการณ์จากด้านข้างฉู่เฉินก็ตกตะลึงเช่นกันเมื่อเห็นภาพเช่นนี้หานเหอผิงเมินไม่สนใจ และกลายเป็นเงาอีกครั้ง พร้อมมุ่งหน้าตรงไปยังฉู่เฉินผู้อาวุโสเฉินปรากฏตัวอยู่หน้าจอ LCD ซึ่งแสดงภาพของคนหลายคน เมื่อเห็นว่าหานเหอผิงไม่ฟังคำเตือน เขาก็พูดด้วยความโกรธทันทีว่า "เชื่อมต่อเสียงให้ฉัน""ครับท่าน!""หยุด!"เสียงอันแก่ชราของผู้อาวุโสเฉินดังสนั่นออกมาจากเครื่องบินขับไล่ไอพ่นเมื่อได้ยินคำพูดนี้ หานเหอผิงก็หยุดชะงัก แต่จากนั้นก็เพิกเฉยต่อคำพูดเหล่านี้ และยังมุ่งหน้าตรงไปยังฉู่เฉิน ตอนนี้ ผู้นำวิหารวรยุทธได้ทำสมาธิรวบรวมลมปราณ เพราะต้องการฆ่าด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวเมื่อฉู่เฉินสัมผัสได้ถึงสิ่งนี้ ขนก็ลุกซู่ และความรู้สึกถึงวิกฤตความเป็นความตายก็ผุดขึ้นในใจหากที่เรื่องไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้น ฉู่
ฉู่เฉินรู้ว่าผู้อาวุโสเฉินแค่ล้อเล่น โดยมีสีหน้าเคอะเขินเล็กน้อย แต่ไม่ได้พูดอะไรผู้อาวุโสเฉินไม่สนใจมากนักและหันไปแนะนำผู้ชายที่อยู่ข้างๆ “นี่คือชิงหลง ฉู่เฉิน นี่เป็นครั้งแรกที่พวกคุณได้พบกัน”ฉู่เฉินเหลือบมอง เขาสวมชุดสูทสีดำทั้งร่าง ดูแก่กว่าตัวเองสองสามปี หรืออายุประมาณสามสิบปี ระดับวรยุทธของเขาอยู่ระดับมหากาฬขั้นเก้า ซึ่งห่างออกไปเพียงหนึ่งก้าวจะเข้าสู่ระดับจอมยุทธคนคนนี้คือชิงหลง และคิดเสมอว่าชิงหลงเป็นคนแก่ แต่ไม่เคยคาดหวังว่าเขาจะอายุเท่านี้“สวัสดี นี่เป็นการพบกันครั้งแรก หวังว่าจะได้รับคำแนะนำจากฉู่ซวนหวู่ในอนาคต” ชิงหลงเป็นฝ่ายที่จะยื่นมือออกไปฉู่เฉินจับมือของเขากลับ“เอาล่ะ ชิงหลงจะอธิบายในส่วนต่อไป ซึ่งเป็นเรื่องของนักสู้” ผู้อาวุโสเฉินพูดก่อนจะออกจากห้องฉู่เฉินแสดงสีหน้าอยากรู้อยากเห็น ตัวเองถูกเรียกตัวมา เพื่อทำความรู้จักกับชิงหลงหรือเปล่า?ขณะที่กำลังสงสัยชิงหลงก็พูดขึ้น“ฉู่ซวนหวู่ คุณยังไม่รู้เหรอ? มีการค้นพบดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งใหม่ในเมืองหลวง!”“ดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์อะไร?” ฉู่เฉินไม่เข้าใจ“มันเป็นสิ่งที่เรียกว่าดินแดนเร้นลับ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์น