“องค์หญิง นี่มันหมายความว่าอย่างไร?” ใบหน้าของลู่หยุนเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ลู่ถิงเองก็ตกตะลึงเช่นกัน หลิงเฟิงซั่วเริ่มนิ่งและเย็นชาลงพร้อมถามว่า "ซวงเอ๋อ เจ้าใส่ยาอะไรลงไป?""ข้าเปล่า!" หลินหนิงซวงมองหลิงเฟิงซั่วด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่เชื่อ“ท่านพี่ซั่ว! แม้แต่ท่านก็ไม่เชื่อซวงเอ๋อหรือ..?.” “ใช่ เจ้าหนะไม่กล้าใส่พิษหรอก” เจียงหยุนลั่ววางชามยาลงบนโต๊ะอย่างหมดความอดทน เธอเบื่อที่จะต้องมองหลิวหนิงซวงแสดงละครอีกครั้ง จึงตะโกนออกมาว่า “เป่ยเฉิน!” “ขอรับ!” เป่ยเฉินที่รออยู่ข้างนอกเดินเข้ามาทันทีที่ได้ยินเสียง เขาก็หยิบห่อกระดาษขึ้นมาและโยนมันลงไปกับพื้น นั่นคือสิ่งที่เจียงหยุนลั่วฝากให้เขาทำเป็นอย่างที่สอง “นี่คือ......” ลู่หยุนมองอย่างตั้งใจแล้วกล่าวอย่างไม่แน่ใจว่า “นี่คือ....กากยาหรือ?” เป่ยเฉินตอบว่า “ใช่ นี่คือกากของยาที่ต้มวันนี้” “วันนี้?” ลู่หยุนตกใจสุดขีด แม้เธอจะไม่รู้เรื่องการแพทย์มากนัก แต่เธอก็มองออกว่า กากยาที่ต้มนี้เป็นยาที่กินได้หลายวัน “ช่างเป็นของที่ดีจริงๆ โสม... เขากวาง... และเห็ดหลินจือ แต่ว่า...” เจียงหยุนลั่วหยุดกล่าว พ
แม้ว่าจะคาดเดาได้ว่าผลลัพธ์อาจเป็นเช่นนี้ แต่เมื่อมาได้ยินด้วยตัวเองก็รู้สึกว่า เหตุใดบนโลกจึงมีชายอย่างหลิงเฟิงซั่วที่ตาบอดได้ถึงเพียงนี้! มองดูชายหญิงสองคนนี้แล้วข้ารู้สึกหดหู่ใจยิ่งนัก! "หากรู้มาก่อนว่าองค์ชายจะใจกว้างถึงเพียงนี้ ไม่สนใจแม้แต่ชีวิตของแม่ทัพลู่ ข้าก็คงไม่ยุ่งเรื่องรักษาเขาไปให้เสียแรง และคงไม่ต้องทำให้ข้าต้องถูกโบยแส้ถึงยี่สิบครั้ง!" เจียงหยุนลั่วเน้นถ้อยคำสุดท้ายอย่างหนักเป็นพิเศษ "แส้? แส้อะไรรึ?" ลู่ถิงไม่เข้าใจ สีหน้าของหลิงเฟิงซั่วแปรเปลี่ยนไปในทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น เจียงหยุนลั่วเดินออกไปอย่างรวดเร็ว เหลือไว้เพียงแค่เงาจากด้านหลังของเธอ สิ่งที่ควรพูดก็ได้พูดหมดแล้ว อีกทั้งร่างกายเธอก็ยังไม่ได้ฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์จากบาดแผล และเมื่อไม่นานมานี้เธอยังโดนลมหนาวที่ภูเขาอีก แทนที่จะเอาเวลามาดูความรักที่หวานชื่นของพวกเขา ข้ากลับไปพักผ่อนเสียดีกว่า!หลิงเฟิงซั่วปกป้องหลินหนิงซวงถึงเพียงนี้ ต่อไปเขาจะต้องเจ็บปวดจากเธอในเร็ววันเป็นแน่! เธอเพียงแค่รอชมความบันเทิงเท่านั้น!เจียงหยุนลั่วคิดพร้อมกับเร่งฝีเท้า แต่จู่ๆก็มีเสียงฝีเท้าตามหลังมาเบาๆ เพ
เขาไม่ชอบกลิ่นยาแท้ๆ แต่เหตุใดกลิ่นยาจากกายของเธอกลับผสมผสานกับกลิ่นหอมอันประหลาดนั้น... หรือนั่นจะเป็น... กลิ่นกายของเธอเอง...?เมื่อคิดเช่นนั้น จู่ๆภายในอกก็เกิดความรู้สึกร้อนแรงที่คุ้นเคยขึ้น หลิงเฟิงซั่วเหมือนถูกมนต์สะกด ร่างกายที่ไม่รู้ตัวจึงพลันกดต่ำลง... เจียงหยุนลั่วยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยและขยับเข้ามาใกล้มากขึ้น ลมหายใจของหลิงเฟิงซั่วนั้นค่อยๆร้อนแรงขึ้น…ริมฝีปากบางที่เย้ายวนอยู่เสมอนั้นเกือบจะสัมผัสที่แก้มของเขา และปลายนิ้วก็วนอยู่ที่หน้าอกของเขาอย่างช่ำชอง พร้อมกับกระซิบเบาๆว่า “หากองค์ชายแอบหึงหวงข้าจริง ก็บอกข้ามาตรงๆ อย่าได้เล่นเล่ห์กลครอบครองใจนาง อย่างไรเสีย... ในโลกนี้ก็มีชายมากมายที่ปรารถนาในตัวของข้า เจ้าควรรีบจับจองครอบครองไว้ก่อนเสีย..."“อย่ามาคิดเพ้อฝันไร้สาระ!!!” หลิงเฟิงซั่วถูกคำพูดเหลวไหลของเธอกระตุ้นให้ฟื้นคืนสติในทันที เขาผลักเธอออกไป แล้วถอยหลังกลับไปหลายก้าวอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ดึงขวดเล็กๆขว้างมาที่เธอ“หมับ!!” เจียงหยุนลั่วรับมันไว้ได้อย่างมั่นคง แต่ยังไม่ทันได้ตรวจดู หลิงเฟิงซั่วก็พูดขึ้นมาว่า “ยานี้สามารถทำให้แผลที่หลังของเจ้าไม่เห
ด้านนอกที่พำนัก เฮยเอี้ยนรออยู่อย่างเงียบๆ จากนั้นเขาก็เห็นเจียงหยุนลั่วและลู่หยุนก้าวเดินออกมาด้วยกัน“องค์หญิง ข้าจะกลับไปก่อน หากในภายหลังท่านต้องการกระไรในค่ายทหารนี้ โปรดส่งคนมาบอกข้า” เมื่อพูดจบ ลู่หยุนก็เดินจากไปเมื่อเฮยเอี้ยนได้ยินคำพูดของเธอ การแสดงออกของเขาก็ดูสับสน ในตอนนี้ ทุกคนในกองทัพรู้แล้วว่าองค์หญิงหยุนลั่วพาลู่ถิงกลับมามีชีวิตจากประตูนรก และเธอก็คิดประดิษฐ์อาวุธเฉกเช่นเฟยอี้เพื่อช่วยเมืองอี้เฉิงอีก! มันช่างแตกต่างจากข่าวลือเสียจริงๆ“เฮ้! เจ้ากำลังคิดกระไรอยู่รึ?” น้ำเสียงที่ดูไม่จริงจังนั้นก็ดึงเขากลับมา เฮยเอี้ยนกลับมามีสติสัมปชัญญะอีกครั้ง เขาเงยหน้าขึ้นมองและเห็นนิ้วบางๆห้านิ้วโบกไปมาต่อหน้าต่อตาของเขา แล้วจึงกล่าวอีกครั้งว่า “ข้า...”"เอาล่ะ ข้าเข้าใจแล้ว" เจียงหยุนลั่วขัดจังหวะเขา จากนั้นเธอก็หาวอย่างสบายๆ“นำสารไปบอกแก่องค์ชายของเจ้า ข้ายังไม่ได้ชำระกายหรือรับประทานอาหารใดๆ และข้าจะไปก็ต่อเมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว”เฮยเอี้ยนขมวดคิ้วเล็กน้อย "องค์หญิง..."“ข้าลาหละ” เจียงหยุนลั่วโบกมือของเธอ จากนั้นก็หันหลังกลับและเข้าไปในที่พำนัก
“แม่ทัพเฉินเป็นผู้นำในการขอโทษข้าแล้ว หลิงเฟิงซั่ว แล้วเจ้าหละ?” ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกมา สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไปในทันที! เหตุใดองค์หญิงจึงยังคิดถึงเรื่องนี้อยู่?! ร่างกายของหลิงเฟิงซั่วรู้สึกหนาวเย็นไปทั่วร่างกาย และกล่าวถามด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา "เจียงหยุนลั่ว เจ้ายังต้องการกระไรอีก!" เขารู้ว่าเจียงหยุนลั่วโกรธ ดังนั้นไม่ว่าคนอื่นจะเชยชมเธอหรือขอโทษเธอเมื่อครู่ เขาก็ไม่ได้คิดที่จะหยุดพวกเขา ตอนนี้เธอชักจะเหิมเกริมเกินไปเสียแล้ว!“ข้าต้องการกระไรงั้นรึ?” เจียงหยุนลั่วพบว่ามันช่างน่าขันนัก และรอยยิ้มบนริมฝีปากของเธอก็ค่อยๆกลายเป็นความเย้ยหยัน“หลิงเฟิงซั่ว เจ้าคือคนที่ขอความช่วยเหลือ ไม่ใช่ข้า และข้าไม่เคยลืมสิ่งที่เจ้าทำ!” เธอทนไม่ไหวกับการกระทำของหลิงเฟิงซั่ว แม้ว่าเขาจะทำสิ่งที่ผิดอย่างชัดเจนก็ตาม แต่เขาก็ยังทำเหมือนมันถูกต้อง!จู่ๆ บรรยากาศก็ตึงเครียด….หลิงเฟิงซั่วกำหมัดแน่น ริมฝีปากของเขากดเป็นเส้นตรง ใบหน้าของเขาเต็มก็ไปด้วยความเย็นชาราวกับว่าเขากำลังจะลากเจียงหยุนลั่วออกไปในทันใด แต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดออกมา หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็สะบัดมืออย่างร
คำสั่งที่กะทันหันนี้ทำให้ทุกคนต้องสะดุ้ง เจียงหยุนลั่วก็ตกอยู่ในอาการงุนงงเช่นกันจากนั้นแม่ทัพเฉินก็โค้งคำนับและถอยกลับไปพร้อมกับแม่ทัพอีกหลายคน เหลือเพียงแค่เธอกับหลิงเฟิงซั่วแค่สองคนในที่พำนักหลิงเฟิงซั่วถามออกไปตรงๆว่า "เจ้ามีความคิดใดบ้างแล้วหรือยัง?" เจียงหยุนลั่วตกใจเมื่อได้ยินเช่นนั้นเธอคิดอะไรบางอย่างได้แล้ว... หลิงเฟิงซั่วรู้ได้อย่างไร? เขากลายเป็นพยาธิตัวกลมในท้องเธอตั้งแต่เมื่อใดกัน?"ตอนนี้ยังไม่มี" เมื่อตระหนักว่าหลิงเฟิงซั่วยังคงจ้องมองเธออยู่ เจียงหยุนลั่วก็สงบลงอย่างรวดเร็ว เธอไม่ชอบความรู้สึกที่มีใครสักคนรู้ทันความคิดของเธอได้อย่างง่ายดายก่อนที่หลิงเฟิงซั่วกล่าวอะไรบางอย่างออกมาเพิ่ม เจียงหยุนลั่วก็ชิงพูดก่อนว่า "มีบางสิ่งที่ข้าต้องการยืนยันอีกครั้ง เกี่ยวกับความปรารถนาของข้าที่เจ้าเพิ่งกล่าวถึงมัน ... "“ข้าเป็นคนรักษาคำพูด!” หลิงเฟิงซั่วรู้อยู่แล้วว่าเธอต้องการจะกล่าวสิ่งใด เขารู้ว่าเธอต้องการจะพูดสิ่งใดอีกแล้ว เจียงหยุนลั่วรู้สึกโกรธเคืองเล็กน้อย“เอาหละ องค์หญิงผู้นี้ก็หวังว่าเจ้าจะจำสิ่งที่เจ้ากล่าวไว้ในวันนี้ได้!” เธอจากไปโดยไม่หั
ทันใดนั้นเธอก็ตกใจมากจนพูดไม่ออก“ฟึ่บ——!” แนวไฟพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า! ดวงตาของเจียงหยุนลั่วกระชับขึ้น สายตาของเธอก็เคลื่อนตามแนวไฟไปในทันที จากนั้นก็เห็นแนวไฟจำนวนมากผ่านเธอไปเหมือนดั่งอุกกาบาต!ที่ด้านหน้าค่ายหลัก——คันธนูในมือของหลิงเฟิงซั่วนั้นเหมือนกับพระจันทร์เต็มดวง เขามองดูลูกธนูเพลิงที่พุ่งเข้าไปปักที่อาวุธเฟยอี้อย่างแม่นยำอันหนึ่ง แต่มันไม่ได้ลุกเป็นไฟเหมือนอย่างที่คาดคิดไว้!พวกซีฉีไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร อาวุธเฟยอี้นี้ทนไฟได้จริงๆ!“ฝ่าบาท! เราควรทำเยี่ยงไรดี?” แม่ทัพเฉินกัดฟันกล่าวด้วยความกังวล และในขณะที่เขากล่าว ลูกธนูก็พุ่งลงมาจากท้องฟ้าราวกับเป็นการตอบโต้ หลังจากนั้นฝนลูกธนูก็พากันตกลงมาจำนวนมากในทันที!"ทุกคน! หลบ!" แม่ทัพหวังคำรามและนำคนของเขาไปซ่อนตัวอยู่หลังที่กำบังหลิงเฟิงซั่วกวาดลูกธนูที่บินอยู่ตรงหน้าเขาออกไปด้วยลูกธนูหนึ่งดอก ความดุร้ายและความรุนแรงเพิ่มขึ้นในดวงตาของเขาเขากระโดดขึ้นไปบนที่พำนักอย่างคล่องแคล่ว เล็งไปที่ผู้คนบนท้องฟ้า แล้วชักธนูยิงออกไป"ฟึ่บ!"คันธนูและลูกธนูในมือของคู่ต่อสู้หลุดออกไปทันที! อาวุธเฟยอี้ได้ก็สั่นอย่างร
ความสามารถในการต่อสู้ของอีกานั้นน่าทึ่งเป็นอย่างมาก พวกมันใช้เวลาเพียงไม่ถึงครึ่งก้านธูปในการจัดการกับ "มนุษย์บิน"ทั้งหมดบนท้องฟ้า ซึ่งเปรียบเหมือนลมแรงที่พัดผ่านไปอย่างรวดเร็ว“ฝ่าบาท เราได้ตรวจสอบแล้วพบว่ายังมีพวกมันสามคนที่ยังมีชีวิตรอด ส่วนที่เหลือ...ได้ล้มตายกันไปหมดแล้วขอรับ” เฮยเอี้ยนได้รับคำสั่งให้นำคนกลุ่มหนึ่งไปทำความสะอาดพื้นที่ แล้วกลับมารายงานสถานการณ์ให้หลิงเฟิงซั่วทราบ“ดี รักษาคนพวกนั้นและทรมานพวกมันให้สาหัสปางตาย” หลิงเฟิงซั่วสั่ง และในขณะที่เขากล่าว เขาก็เหลือบมองไปบนท้องฟ้าโดยไม่รู้ตัวพระจันทร์สว่างไสว ดวงดาวที่เลือนลางกระจัดกระจาย ไม่มีแม้แต่เมฆ ไม่สามารถบอกได้เลยแม้แต่น้อยว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่เมื่อสักครู่นี้“องค์ชาย เมื่อสักครู่...ที่พวกอีกามาที่นี่นั้นดูเป็นเรื่องชั่วร้ายนัก พระองค์ต้องการที่จะตรวจสอบเพิ่มเติมหรือไม่?” แม่ทัพเฉินยังคงรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อยเมื่อนึกถึงฝูงอีกาเมื่อครู่“แล้วจะตรวจสอบเช่นไรหละ?” หลิงเฟิงซั่วโยนคำถามกลับ"ก็......" แม่ทัพเฉินตอบไม่ได้ใครจะรู้บ้างว่านกพวกนั้นกำลังคิดสิ่งใดอยู่?มันคงไม่สามารถถูกสั่งการโดยใครได