ทันทีที่เข้าไปในลานบ้าน ผู้หญิงคนนั้นก็ตะโกนไปทางห้องโถงของบ้าน“พ่อของหงเหมย ออกมาเร็วเข้า! พ่อหนุ่มจางหยวนคนนั้นมาถึงแล้ว!”ในไม่ช้า ชายวัยกลางคนอายุรุ่นราวคราวเดียวกับพ่อของเขาจางต้าซานก็เดินออกมาจากห้องโถง น่าจะเป็นหลิวเซียนไห่เมื่อหลิวเซียนไห่เห็นจางหยวน ก็ยิ้มเหอะๆแล้วเดินขึ้นไปจับมือกับเขา"เสี่ยวจาง! ขอบคุณนายมากที่สามารถมาได้! หมูที่บ้านฉันเลี้ยงเอาไว้มีปัญหานิดหน่อย ช่วงนี้ความอยากอาหารน้อยลงมาก!รบกวนนายช่วยตรวจให้หน่อยนะ"จางหยวนพยักหน้า และกำลังจะขอให้หลิวเซียนไห่พาตนเองไปดูหมูคิดไม่ถึงว่าในขณะนี้ ก็มีเสียงผู้หญิงที่เต็มไปด้วยความประชดประชันดังขึ้น“เขาเหรอ? คู่ควรที่จะรักษาโรคให้หมูบ้านพวกเราหรือเปล่า?”จางหยวนหันกลับไป และเห็นว่าคนที่พูดเป็นหญิงสาวที่แต่งตัวทันสมัย สวมเสื้อยืดอินเทรนด์และกางเกงยีนส์ขาสั้นคนหนึ่งขาเรียวยาวอันขาวผ่องที่อยู่ใต้กางเกงขาสั้นนั้น สะดุดตาเป็นอย่างมากผู้หญิงคนนี้ค่อนข้างสวย แต่แต่งหน้าเข้มไปหน่อยในขณะนี้เธอกำลังยืนกอดอกอยู่ที่ประตูห้องโถง แล้วมองจางหยวนด้วยใบหน้าที่ประชดประชันจางหยวนขมวดคิ้ว นี่มันเรื่องอะไรกัน?ทันใดนั้นสีหน้า
เมื่อได้ยินข้อเสนอนี้นี้ จางหยวนก็ปฏิเสธไปตามสัญชาตญาณในเมื่อหลิวเซียนไห่หาคนอื่นแล้ว เขาก็จะไม่ต้องยุ่งวุ่นวาย!คิดไม่ถึงว่าเจิ้งปินที่อยู่ด้านข้างกลับพูดเยาะเย้ยขึ้นมาว่า: "ในเมื่อมาแล้ว ก็อย่าเพิ่งไปเลย! ฉันจะให้คนป่าเถื่อนอย่างนายเปิดหูเปิดตาสักหน่อย จะได้รู้ว่าหมอสัตว์เลี้ยงมืออาชีพมันเป็นยังไง!"คำพูดของเจิ้งปิน กระตุ้นความโกรธของจางหยวนแม้ว่าจางหยวนจะไม่เคยอ้างว่าตนเป็นสัตวแพทย์แต่อีกฝ่ายเหยียดหยามกันซึ่งๆหน้าแบบนี้ ทำให้จางหยวนรู้สึกเกรี้ยวโกรธเป็นอย่างมากเขาเหลือบมองเจิ้งปิน: "เอาล่ะ! ถ้าอย่างนั้นฉันก็อยากจะดูว่า คุณมีความสามารถมากแค่ไหน!"เมื่อหลิวเซียนไห่เห็นดังนี้ หลิวเซียนไห่ก็รีบเรียกพาทุกคนไปที่ลานหมูด้านหลังระหว่างทางไปลานหลังบ้าน หลิวหงเหมยก็เดินขึ้นไปที่ข้างๆเจิ้งปิน ขมวดคิ้วแล้วถามว่า“เจิ้งปิน ทำไมคุณต้องให้นายคนนี้อยู่ต่อด้วย? ให้เขาไปเลยไม่ได้เหรอ?”เจิ้งปินกหลับยิ้ม: "หงเหมย ถ้าไม่ให้เขาอยู่ต่อ แล้วความสามารถของฉันจะโดดเด่นขึ้นมาได้ยังไง?"เมื่อพูดถึงจุดนี้ จู่ๆเจิ้งปินก็ลดเสียงให้ต่ำลง น้ำเสียงของเขาก็ดูเลวร้ายขึ้นมาทันที“หงเหมย พวกเราสองคนตกลง
ก็เห็นว่าจางหยวนมีสีหน้าที่ไร้ความรู้สึกในเวลานี้ เขาได้หมุนเวียนแก่นพลังลมปราณปิดกั้นการรับกลิ่นในจมูกของเขาแล้วหลิวเซียนไห่ที่ไม่รู้เรื่อง เห็นจางหยวนไม่ได้ใส่หน้ากากอนามัย กลับไม่ได้รับผลกระทบจากกลิ่นสาปหมูเลยแม้แต่น้อย ก็อดไม่ได้ที่จะตาเป็นประกายในความคิดของเขา ในฐานะสัตวแพทย์ที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน จะต้องเป็นเหมือนจางหยวนถึงจะถูก!แพทย์สัตว์เลี้ยงที่สําอางค์อย่างเจิ้งปิน เข้ามาในฟาร์มหมูก็ต้องสวมหน้ากากอนามัย ดูไม่เหมือนสัตวแพทย์เลยแม้แต่น้อยหลังจากได้ตัดสินจางหยวนและเจิ้งปินอย่างเงียบๆในใจแล้ว หลิวเซียนไห่ก็กล่าวว่า:“นี่ก็คือหมูที่ฉันเลี้ยง! ดูสิพวกมันสิ ผอมลงกว่าเดิมมาก! อีกอย่างพวกมันยังอารมณ์ไม่ดีเป็นพิเศษ! ครั้งที่แล้วตอนที่ให้อาหารหมู เกือบจะโดนพวกมันกัด!”เมื่อได้ยินดังนี้ เจิ้งปินก็เหลือบมองจางหยวน: "เฮ้ นายก่อนหรือฉันก่อนดีล่ะ? ถ้าฉันลงมือก่อน นายก็ไม่มีความหมายแล้ว!"“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นก็เชิญนายก่อนเลย! ถ้านายรักษาหมูให้หายได้ ฉันจะรีบหันหลังกลับแล้วจากไปทันที!” จางหยวนพูดอย่างสงบนิ่ง“นาย ฮึ่ม!” เจิ้งปินทำเสียงฮึดฮัดอย่างเย็นชา แล้วก็ยิ้มกับหลิวหงเหมยอย่า
"เดี๋ยวก่อน ผมเหมือนเคยได้ยินโรคพลาสเทอร์โรซีสในหมู เหมือนว่าหมูที่เป็นโรคพลาสเทอร์โรซีส จะเปลี่ยนไปฉุนเฉียวและโมโหง่าย อีกทั้งมักจะต่อสู้กัน ปริมาณอาหารก็ลดลง!"“อาการเหล่านี้ เหมือนกับหมูที่ครอบครัวของพวกผมเลี้ยงเอาไว้เป๊ะ ๆ เลย!” หลิวเซียนไห่พูดกับตัวเองจางหยวนพยักหน้า: "ไม่ผิด! คุณหลิว คุณใช้ลานบ้านเลี้ยงหมู เป็นวิธีการที่ดีที่แปลกใหม่แหวกแนวกว่าผู้อื่นจริง ๆ นั่นแหละครับ แต่สภาพแวดล้อมของที่นี่แย่เกินไป!""สภาพแวดล้อมในการเลี้ยงหมูนั้นแย่เกินไป ประกอบกับการจัดการที่ไม่เหมาะสม ก็ทำให้หมูเป็นโรคพลาสเทอร์โรซีสได้ง่าย!"หลิวเซียนไห่เข้าใจในทันทีถึงแม้ตอนนี้เขาจะเลี้ยงหมูเป็นสิบกว่าตัว แต่ยังใช้วิธีการแบบเก่าที่เลี้ยงหมูแบบขังในคอกหนึ่งถึงสองตัวเหมือนเมื่อก่อนวิธีการแบบเก่าเลี้ยงหมูหลายตัวขนาดนี้ ต้องมีปัญหาเกิดขึ้นอยู่แล้ว!เขาตบท้ายทอยตัวเองอย่างแรง: "ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง! ผมผิดเองครับ ตอนที่เลี้ยงหมูไม่ได้ใช้สมอง! ผลปรากฏว่าเกิดปัญหาขึ้นมา!"ครู่หนึ่ง หลิวเซียนไห่ก็มองไปทางจางหยวนด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวัง"เสี่ยวจาง ในเมื่อคุณรู้แล้วว่าหมูของครอบครัวผมเป็นโรคพล
ก่อนหน้านี้หลิวหงเหมยบอกว่า ไม่ให่เขาเอาเรื่องอาชีพของหลิวหงเหมยบอกหลิวเซียนไห่และภรรยาถ้าเขาเอาเรื่องนี้มาข่มขู่หลิวหงเหมยล่ะ?ดูเหมือนว่าจะตระหนักได้ถึงความคิดของเจิ้งปิน จู่ๆหลิวหงเหมยก็เยาะเย้ยขึ้นมาทันทีว่า“เจิ้งปิน ถ้าคุณไม่กลัวตาย คุณก็ลองดูสิ! แม้ว่าฉันจะไม่ใช่ที่หนึ่งในคลับของพวกเรา แต่ฉันก็เป็นหนึ่งในเจ้าหญิงในคลับ ที่มีผลงานที่ดีเช่นกัน!”“ถ้าเป็นเพราะคุณเอาเรื่องอาชีพของฉันบอกพ่อแม่ของฉัน แล้วทำให้ฉันต้องลาออก พอถึงเวลานั้นคลับก็จะสูญเสียบ่อเงินบ่อทองอย่างฉันไป คุณคิดว่าเถ้าแก่ของพวกเราจะส่งคนมาจัดการกับคุณหรือเปล่า?” หลิวหงเหมยกล่าวอย่างเยาะเย้ยรูม่านตาของเจิ้งปินหดตัวลง คลับที่หลิวหงเหมยอยู่ ภูมิหลังของเถ้าแก่ที่อยู่เบื้องหลังน่ากลัวมากอาจกล่าวได้ว่า ถ้าอีกฝ่ายยินยอม เจิ้งปินก็สามารถหายตัวไปจากโลกนี้ได้ตลอดเวลา!จู่ๆเจิ้งปินก็มีเหงื่อเย็นไหลออกมา เสื้อที่อยู่ด้านหลังบนหลังก็เปียกโชกไปด้วยเหงื่อเพื่อเล่นสนุกกับผู้หญิง จะต้องเอาชีวิตน้อยๆของตนเข้าไปเสี่ยง ไม่คุ้ม ไม่คุ้มเลยจริงๆ!เจิ้งปินฝืนยิ้มออกมา: "หงเหมย คุณกำลังพูดอะไรอยู่? รอให้ผมได้รับโบนัสในช่วงสิ้นปี
“พี่สะใภ้ชิวจวี๋ อย่าดูดนะ มันเจ็บ!”“อาหยวน พี่อดทนอีกนิดนึงนะ อีกเดี๋ยวพี่สะใภ้ก็จะดูดมันออกมาได้แล้ว!”“พี่สะใภ้ชิวจวี๋ เจ็บมากเลย... ซี๊ด…”“เอาล่ะเอาล่ะ ออกมาแล้ว!”ตอนบ่าย ณ ทุ่งข้าวโพดหน้าหมู่บ้านเซี่ยวานจางหยวนผู้มีใบหน้าที่โง่เขลา มองไปที่หญิงสาวที่กำลังนั่งยอง ๆ อยู่ตรงหน้าด้วยหน้าตาที่บูดบึ้งหญิงสาวชื่อหลี่ชิวจวี๋ อยู่ในวัยที่บรรลุนิติภาวะแล้วไม่เพียงแต่หน้าตาสะสวยผิวขาวผุดผ่องแล้ว รูปร่างก็โค้งเว้าสมส่วน เป็นที่สะดุดตาเป็นอย่างมากเธอสวมเสื้อกั๊กคอวีสีชมพูหลวม ๆ ตัวหนึ่งเนื่องจากกำลังนั่งยอง ๆ แค่จางหยวนก้มศีรษะลงไปเล็กน้อย ก็จะสามารถเห็นผิวขาวกระจ่างใสที่คอเสื้อของหลี่ชิวจวี๋ได้แล้วถ้าเปลี่ยนไปเป็นกุ๊ยเหล่านั้นในหมู่บ้าน เมื่อเห็นภาพฉากนี้ ก็คงจะกลืนน้ำลายไปหลายอึกแล้วแต่นอกจากจางหยวนจะไม่แยแสแล้ว ยังกล่าวด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความหดหู่ใจว่า:“พี่สะใภ้ชิวจวี๋ พี่ดูดจนผมเจ็บไปหมดแล้ว!”เมื่อได้ยินดังนี้ หลี่ชิวจวี๋ที่กำลังเช็ดเลือดออกจากมุมปากก็กลอกตาใส่:“พี่นี่มันโง่จริง ๆ ! พี่รู้ไหมว่าเมื่อกี้มันอันตรายมากแค่ไหน? ถ้าไม่ใช่เพราะพี่สะใภ้ดูดเลือดพิษออก
ร้อนแรงจนควบคุมตนเองไม่ได้ หลี่ชิวจวี๋ยื่นมือออกไป แล้วแตะไปที่เอวของจางหยวน...แต่ในเวลานี้ จางหยวนรู้สึกราวกับว่าถูกคนเหยียบหางของเขา"โอ๊ย……"เขากรีดร้องแล้วกระโดดขึ้น จากนั้นก็วิ่งไปที่สระน้ำโดยไม่หันกลับมามองอีกเลยสีหน้าของหลี่ชิวจวี๋เปลี่ยนไปเป็นอย่างมากน้ำที่อยู่ตรงขอบสระ ไม่ได้ลึกมาก แต่ส่วนที่ลึกที่สุดกลับลึกจนไม่เห็นก้นสระ"พี่หยวน อย่าวิ่ง รีบกลับมา…""พี่หยวน..."หลี่ชิวจวี๋ตะโกน แต่จางหยวนกลับวิ่งเข้าใกล้ส่วนที่ลึกของสระน้ำมากขึ้นเรื่อย ๆหลี่ชิวจวี๋จึงรีบไล่ตามเขาไปแต่หลังจากวิ่งไล่ตามไปได้ไม่นาน น้ำก็ขึ้นมาจนถึงคอของเธอเธอมองดูจางหยวนที่วิ่งไปที่ส่วนลึกของสระน้ำด้วยความจนใจ คนทั้งคนกระพือแขนในน้ำอยู่ครู่หนึ่ง กลืนน้ำเข้าไปหลายอึก แล้วก็จมลงไป"พี่หยวน..."หลี่ชิวจวี๋ตกใจทันทีเธอรีบกลับเข้าฝั่ง แล้วตะโกนว่า "ใครก็ได้ ช่วยฉันด้วย...""ใครก็ได้ช่วยด้วย..."หลี่ชิวจวี๋พลางตะโกน พลางหาท่อนไม้ยาวท่อนหนึ่งมาช้อนตัวจางหยวนแต่กลับช่วยอะไรไม่ได้เลย"ฮือฮือ..."“พี่หยวน พี่สะใภ้ขอโทษ!”“ใครก็ได้ช่วยด้วย...”หลี่ชิวจวี๋ร้องไห้ฟูมฟายในขณะนี้“เอ๊ะ นี่หลี
“พี่หยวน ฮือฮือ...”“หากพี่มาช้าไปกว่านี้ ฉันจะต้องสูญเสียความบริสุทธิ์ไปแล้วแน่ ๆ” หลี่ชิวจวี๋ร่ำไห้จางหยวนโอบกอดหลี่ชิวจวี๋เอาไว้ ก้มหน้าลงเพื่อจะพูดปลอบใจสักสองสามคำคิดไม่ถึงว่าทันทีที่สายตาโฟกัสลงไปด้านล่าง ก็เห็นว่าเสื้อผ้าของหลี่ชิวจวี๋ยุ่งเหยิงหน้าอกที่ขาวราวหิมะ เผยให้เห็นครึ่งหนึ่ง และกำลังแนบชิดกับหน้าอกของจางหยวน...พอเขาได้สัมผัสถึงความนุ่มนวลของหลี่ชิวจวี๋ สูดดมกลิ่นหอมจากร่างกายของ เธอ จางหยวนที่เพิ่งจะมีสติสัมปชัญญะก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกฟุ้งซ่านเล็กน้อย และรู้สึกคันจมูกขึ้นมาทันทีโดยเฉพาะตอนที่เขานึกถึงการกระทำก่อนหน้านี้ของหลี่ชิวจวี๋ จางหยวนรู้สึกได้ถึงแรงกระตุ้นอันแผ่วเบาในใจผู้หญิงที่เป็นผู้ใหญ่เช่นนี้ แถมยังเป็นม่ายมาหลายปี หรือว่า จะทำกิจที่ยังทำกับหลี่ชิวจวี๋ไม่เสร็จต่อไป...แต่พอจางหยวนสังเกตเห็นว่า เสื้อผ้าที่หลี่ชิวจวี๋ใส่ ดูเหมือนจะเป็นเสื้อผ้าแบบเดียวกับตอนที่เธอใส่ตอนแต่งงานเข้ามาในหมู่บ้านเซี่ยวาน เขาก็อดไม่ได้ที่จะลังเลเฮ้อ!พี่ชิวจวี๋ก็เป็นคนที่น่าสงสารเหมือนกันแถมยังเป็นผู้มีพระคุณของจางหยวนด้วยครอบครัวของหลี่ชิวจวี๋และครอบครัวของจางหย