พนักงานต้อนรับรีบโค้งคำนับ “ขอบคุณค่ะ คุณพูล” หลังจากขอบคุณเขา พนักงานต้อนรับก็หันหลังและวิ่งออกไปอเล็กซ์มองไปที่หญิงสาวตรงหน้าเขา เธอมีออร่าแห่งความห่างเหินและสงบอยู่รอบตัวเธอ แต่อเล็กซ์เห็นความโกรธที่ไม่สามารถระงับได้ อเล็กซ์พูดด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย “อ่าว พี่สะใภ้ ในที่สุดก็ยอมปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนสักทีสินะ ไอ้เราก็คิดว่าพี่ชายตัวดีจะซ่อนคุณไว้จนสิ้นอายุขัยแล้วนะเนี่ย”ใบหน้าของซาบริน่าแดงเล็กน้อย “ขอโทษนะคะ แต่ฉันไม่ใช่พี่สะใภ้ของคุณค่ะ ฉันมาที่นี่เพราะว่ามาตามหาลูกสาวของฉันก็เท่านั้น”เมื่อพูดเช่นนั้น ซาบริน่าก็มองไปที่เซบาสเตียน “เซบาสเตียน ไอโนะเพิ่งมาที่เมืองเซ้าท์ ซิตี้เป็นครั้งแรกนะ ลูกไม่คุ้นเคยกับอาหารและทุกอย่างที่นี่ ตอนนี้ก็เลยบ่ายมาแล้วนะ บอกฉันทีว่าเธออยู่ที่ไหน! ขอร้องแหละบอกมาเถอะ!"เมื่อเธอพูดจบ ร่างคนหนึ่งก็พุ่งเข้ามาจากทางด้านหลังเธอ“เซบาสเตียน นี่ใช่ผู้หญิงที่ชื่อว่าซาบริน่า สก๊อตต์นั่นรึเปล่า?” โรสยืนอยู่ข้างหลังซาบริน่าและพูดด้วยน้ำเสียงแดกดัน“คุณป้าครับ” อเล็กซ์พูดขณะยืนขึ้นและโค้งตัวเล็กน้อย“อืม… ” น้ำเสียงของโรสอ่อนลง “อ่าว นี่นายน้อยรองของตระกูลพูลจ
ซาบริน่าไม่ได้แสดงอาการทันที และโพล่งออกมาว่า “แผลอะไร?”เซบาสเตียนโกรธเคืองผู้หญิงคนนี้เข้าใจเรื่องราวได้ช้าเป็นเต่าจริง ๆ เลย!“ฉันไม่ได้มีอะไรกับเธอมาตั้งหกปีนะ แล้วฉันเอาก็ยัดเข้าไปทั้งอย่างนั้นด้วย ต่อให้ไม่เป็นไร แต่ตรงนั้นมันก็ฉีกได้อยู่ดี! ฉันถึงถามไงว่าแผลน่ะหายแล้วรึยัง?” เซบาสเตียนกล่าวอย่างละเอียด“ฮ่า!” อเล็กซ์ซึ่งนั่งอยู่บนโซฟาไม่สามารถยั้งตัวเองไว้ได้และระเบิดเสียงหัวเราะออกมา หลังจากที่เขาหัวเราะ เขาก็พูดว่า “เซบาสเตียน นายสูงใหญ่แถมรูปร่างดีอีก ดูสิ พี่สะใภ้ฉันตัวแค่เนี้ยเองนะ ช่วยทำอะไรใจเย็น ๆ กว่านี้หน่อยไม่ได้รึไง?”ใบหน้าของซาบริน่าเปลี่ยนเป็นสีแดงเลือดทันที“นี่คุณ… ” เธอเอามือทั้งสองปิดหน้าราวกับว่าจะทำให้ไม่มีใครเห็นใบหน้าสีแดงของเธอได้“ผู้หญิงขี้อายเหมือนพี่สะใภ้หายากขึ้นทุกวันแล้วนะ ไม่แปลกใจแล้วแหละที่นายไม่ยอมพาเธอไปไหนมาไหนด้วย นายกลัวว่าสภาพแวดล้อมจะทำให้ความบริสุทธิ์ผุดผ่องของเธอต้องแปดเปื้อนสินะ”“แต่ว่านะ เซบาสเตียน…” อเล็กซ์แอบมองเซบาสเตียนในขณะนี้ เซบาสเตียนอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เพื่อทำการปรับเปลี่ยนบางอย่างมีจอฉายภาพขนาดเล็กอยู่ที่ผนังฝั่
ซาบริน่าไม่รู้จะตอบไปว่าอย่างไรดีเขาติดหนี้ค่าเลี้ยงดูใช่รึเปล่านะ?ต้องใช่สิ!แต่อีกเแง่หนึ่ง เขาจะยอมจ่ายรึเปล่านะ?เขาไม่มีวันยอมรับไอโนหรอก เขาจะถือว่าไอโนะเป็นความอัปยศของเขาเท่านั้นซาบริน่าบังคับให้ตัวเองกลืนความข่มขืนทั้งหมดลงไป จากนั้นจึงพูดกับไอโนะด้วยรอยยิ้มว่า “ไอโนะ บอกแม่หน่อยว่าตอนนี้หนูอยู่ที่ไหนจ๊ะ? หนูทานอาหารกลางวันแล้วรึยังเอ่ย? อาหารที่นี่ถูกปากหนูไหมจ๊ะ? รู้สึกกลัวหรือคิดถึงแม่จ๋าบ้างไหมลูก?”ไอโนะครุ่นคิดเล็กน้อยและพูดว่า “แม่คะ จริง ๆ แล้วเจ้าตูดหมึกค่อนข้างนิสัยดีกับหนูนะคะ เขาป้อนคัสตาร์ดอร่อย ๆ กับพายฟักทองเป็นมื้อกลางวันให้หนูด้วย ของโปรดหนูทั้งนั้นเลยค่ะ ก็คิดถึงแม่นิดหน่อยนะคะ แม่มาหาหนูเหรอ? หนูอยู่อีกชั้นหนึ่งค่ะ อยู่ชั้นบนห้องทำงานเจ้าตูดหมึกแหละ เอ่ยที่นี่ที่ไหนนะคะ?"ไอโนะหันกลับมามองเด็กหนุ่มที่เธอปาสไลม์ไปก่อนหน้านี้ “พี่คะ ที่นี่ที่ไหนคะ?”เด็กหนุ่มรูปงามตอบทันทีว่า “ขออนุญาตบอกกับเจ้าหญิงนายว่าที่นี่คือส่วนงานของแผนกวางแผนครับ”“หนูอยู่ที่แผนกวางแผนค่ะแม่”'แผนกวางแผน'ซาบริน่าลุกขึ้นและต้องการออกไปโดยไว แต่เซบาสเตียนกลับโอบกอดจากทางด้
สีหน้าของเซบาสเตียนเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน "พูดว่าอะไรนะ?"หัวใจของซาบริน่าด้านชา เธอเจอเซลีนทันทีที่ออกจากบ้าน และเธอได้ยินสิ่งที่เซลีนพูดอย่างชัดเจน เซลีนยังคงเป็นคู่หมั้นของเซบาสเตียน ในทางกลับกัน ซาบริน่าเป็นหนึ่งในเครื่องมือของเขา เครื่องมือเพียงเพื่อสร้างรายได้และเพื่อชำระหนี้เท่านั้น ผู้ชายที่นั่งอยู่บนโซฟามีฐานะสูงส่ง หาใช่ผู้ชายเดินดินไม่เขาคนนั้นนั่งอยู่ในห้องทำงานของเซบาสเตียนและเริ่มพูดคุบกับเธอเรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาควรจะเป็นหนึ่งในลูกค้าของเซบาสเตียนแน่เซบาสเตียนขอให้เธอเตรียมตัวไปปรนนิบัติแขกคนนั้นแล้วสินะเธอยืนอยู่บนจุดเริ่มต้นแล้ง ทว่า จุดจบของเรื่องนี้มันอยู่ตรงไหนกันละ? คงเป็นวันที่เธอเน่าเฟะและเหม็นเน่านอนรอความตายนั่นแหละซาบริน่าอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสารและเศร้าโศกที่โชคชะตาช่างเล่นตลกกับเธอมากขนาดนี้แขนที่โอบกอดไอโนะก็กระชับขึ้นเล็กน้อย “ฉันจะเชื่อฟังทุกคำสั่งของคุณเลย ไม่ว่าจะขอหรือสั่งอะไรมาฉันยอมพลีกายทำให้ทั้งนั้น แต่ของเพียงแค่อย่างเดียวเท่านั้น ได้โปรดไว้ชีวิตไอโนะด้วยเถอะนะ ช่วยเห็นแก่ที่เธอเป็นลูกสาวของคุณด้วย ถ้าคุณไม่อยากเลี้ยงเธอห
ชายคนนั้นเยาะเย้ย “นี่คุณผู้หญิง อยากไปอยู่กับผู้ชายมากขนาดนั้นเลยไม่ใช่เหรอเนี้ย? อยากมากขนาดนั้นเลยเหรอ?”ซาบริน่าตะกุกตะกัก “อะ… อะไรนะคะ?” ฟันของเธอกระทบกันเพราะความกลัว อย่างไรก็ตาม ชายคนนั้นไม่ได้หยุดการกระทำให้เธอกลัวเขาเดินเข้าไปใกล้เธอทีละก้าวซาบริน่าถอยหลังทีละน้อยจนชนเข้ากับโซฟา และตอนนี้ไม่เหลือที่ให้ถอยหนีอีกแล้ว ชายคนนั้นก้าวเท้ายาวและรีบเข้าไปประชิดตัว ด้วยการโค้งตัวแล้วเขาก็อุ้มผู้หญิงคนนั้นไว้ในอ้อมแขน "นี่คุณผู้หญิง! นี่อยากออกไปเริงร่ากับผู้ชายขนาดนั้นเลยเหรอ?”ซาบริน่าตกใจจนน้ำตาแทบไหล “ก็คุณเป็นคนบอกให้ฉันออกไปกับพวกนั้นเองไม่ใช่เหรอ?”“คุณจับลูกสาวของฉันเป็นตัวประกัน!”“ตอนนี้คุณก็พาเธอออกไปไหนมาไหนตามใจ ทีนี้ ก็ช่วยบอกฉันมาทีเถอะค่ะ ว่ามีอะไรให้ฉันทำต่ออีกบ้าง?”“คุณเป็นคำบอกให้ฉันออกไปปรนนิบัติพวกผู้ชายนั้นเอง แล้วค่อย ๆ ปอกลอกเอาเงินจากพวกนั้นเพื่อเอามาชดใช้หนี้ที่ฉันติดคุณอยู่ แต่ตอนนี้คุณกลับมาตั้งคำถามแบบนี้กับฉันเนี้ยนะ”“หรือเป็นเพราะว่าเราทั้งคนแม่ลูกเป็นแค่เด็กกำพร้าพ่อกับแม่เลี้ยงเดียวที่ไม่มีปัญญาตอบโต้อะไรคุณได้ เราก็เลยไม่สมควรแบกหน้ามีชีวิ
ซาบริน่าพูดไม่ออกแน่นอน เธอรู้ว่าเขาหมายถึงอะไรจากการที่เขาบอกว่า "สั่งสอนเด็กดื้ออย่างเธอ"เธอใช้มือทั้งสองข้างดันเซบาสเตียนให้หลุดพ้นเธอไม่สามารถบอกให้เขารู้ได้ว่า การที่เธอซ่อนตัวจากการที่ถูกไล่ล่าในที่ต่าง ๆ นั้น ลึก ๆ แล้ว เธอยังคงโหยหารูปร่างหน้าตาและอ้อมกอดของเขาอยู่ ผู้หญิงสันหลังหวะอย่างเธอสมควรโดนดูหมิ่นเช่นนี้แล้ว"ไม่นะ!" เธอผลักเขาออกไปสุดแรงเท่าที่จะทำได้"ไม่อะไร?" ชายคนนั้นยิ้มเยาะ “เมื่อกี้นี้ เธอยังรีบขอฉันให้ส่งตัวไปอยู่กับผู้ชายอยู่เลย แล้วทำไมตอนนี้กลับบอกว่าไม่เอาแล้วล่ะ? เล่นตัวอีกแล้วรึไง?”แก้มของซาบริน่าแดงขึ้นเพราะคำพูดของเซบาสเตียนเธอรู้สึกผิดอย่างยิ่งและพูดอย่างติดขัด “ก็ใช่ ฉันรีบจริง! ไม่ใช่เพราะคุณขอให้ฉันคืนเงินให้คุณสิบล้านคืนให้เร็วที่สุดเหรอ? ฉันเป็นหนี้คุณสิบล้าน ลูกสาวของฉันอยู่ในกำมือคุณ บอกฉันทีว่าฉันควรทำยังไง?” ซาบริน่าร้องไห้สะอื้นเขาพยายามจะกดดันเธอให้ตายอย่างนั้นเหรอ?“ควรทำยังไงเหรอ เธอก็รู้ดีอยู่แก่ใจ!” ชายคนนั้นพูดขณะกัดฟันซาบริน่ากลืนน้ำตาของเธอ “แต่ตอนนี้เราอยู่ในห้องทำงาน พื้นที่เปิดแบบนี้เนี้ยนะ คุณควรจะคิดถึงเรื่องนี้ก
เลขานุการผลักประตูเปิดออก และดวงตาของเธอก็เบิกกว้างด้วยความตกใจทันทีที่เห็นคนตรงหน้าเธอผู้อำนวยการนั่งตัวตรงบนเก้าอี้ห้องทำงานสุดหรูที่ทำขึ้นสำหรับเขาโดยเฉพาะ และมีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่บนตักของเขาเสื้อสูทของผู้อำนวยการคลุมผู้หญิงเอาไว้ และผมของเธอก็พันกัน และตอนนี้เธอเอนศีรษะลงบนไหล่ของชายคนนั้น แขนของเธอโอบกอดผู้อำนวยการเอาไว้เลขาไม่ใช่คนโง่แม้ว่าไม่ได้เห็นใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นเพื่อบอกว่าเธอเป็นใครกันแน่ แต่เลขาก็รับรู้ได้จากสัญชาตญาณว่าผู้หญิงคนนี้ต้องใกล้ชิดกับผู้อำนวยการมากอย่างแน่นอนเลขานุการทำงานที่ฟอร์ด กรุ๊ป มาเป็นเวลาสามปีแล้ว และตลอดช่วงเวลาการทำงานนั้น เธอได้นำรายงานต่าง ๆ มาให้ผู้อำนวยการทุกวันเพื่อให้เขาลงนามในสัญญาเธอไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนอยู่ในห้องทำงานของผู้อำนวยการเลย นับประสาอะไรกับการที่ผู้หญิงคนหนึ่งนั่งบนตักของผู้อำนวยการล่ะเลขาสรุปทันทีว่าเธอคงมาเคาะประตูผิดเวลาเสียแล้ว“ดิฉัน… ดิฉันขอโทษค่ะ ผู้อำนวยการ ดิฉัน… ดิฉันไม่ทราบว่าภรรยาผู้อำนวยการอยู่ด้วย… ” เธอพูดตะกุกตะกัก เพราะรู้ดีว่าผู้หญิงบนตักของผู้อำนวยการไม่ใช่ใครอื่น ต้องเป็นคุณนายฟอร์ดอย่างแน
สมาชิกผู้บริหารระดับสูงจำนวนนับไม่ถ้วนมาหาเซบาสเตียนในช่วงที่เหลือของวัน ไม่ว่าจะเพื่อหารือเรื่องสนธิสัญญาหรือโครงการที่พวกเขากำลังทำงานร่วมกันอยู่ทว่า เมื่อเห็นป้ายหน้าห้องทำงาน พวกเขาทั้งหมดต่างต้องนึกถึงเด็กสาวตัวน้อยที่ผู้อำนวยการพามาที่สำนักงานเมื่อเช้าวันนี้พวกเขาทุกคนล้วนเป็นคนมีไหวพริบที่ดีมากพอจะรู้ว่าเมื่อเด็กสาวตัวน้อยคนนั้นปรากฏตัวมา แสดงว่าแม่ของเธอก็ต้องอยู่ไม่ไกลอย่างแน่นอนในที่สุด ซาบริน่าก็ฟื้นคืนสติเมื่อย้ายไปนั่งข้างหน้าต่างห้องนอนด้านใน พวกเขาอยู่บนชั้น 66 ของอาคาร และเธอสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์โดยรอบได้โดยไม่มีอะไรมากขวางกั้น และคนอื่นภาพนอกก็สามารถมองเข้ามาได้เช่นกันถ้าเลือกจะทำเช่นนั้นซาบริน่ารู้สึกราวกับว่าเธอกำลังโกหกตัวเองมาทั้งชีวิต และผู้หญิงในปัจจุบันคือตัวตนที่แท้จริงของเธอเธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกละอายใจกับตัวตนที่แท้จริงของเธอมากเสียจนไม่กล้าเผชิญกับความจริงที่ว่าผู้ชายอย่างเซบาสเตียนเป็นคนที่กระชากตัวตนนั้นของเธอออกมาลมหนาวพัดพาความคิดของเธอให้ปลอดโปร่ง และในที่สุด เธอก็สามารถเข้าใจสถานการณ์ได้อย่างสมบูรณ์เธอรีบเอาแขนที่โอบรอบคอของชายผู้นั้นไ