สีหน้าของเซบาสเตียนเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน "พูดว่าอะไรนะ?"หัวใจของซาบริน่าด้านชา เธอเจอเซลีนทันทีที่ออกจากบ้าน และเธอได้ยินสิ่งที่เซลีนพูดอย่างชัดเจน เซลีนยังคงเป็นคู่หมั้นของเซบาสเตียน ในทางกลับกัน ซาบริน่าเป็นหนึ่งในเครื่องมือของเขา เครื่องมือเพียงเพื่อสร้างรายได้และเพื่อชำระหนี้เท่านั้น ผู้ชายที่นั่งอยู่บนโซฟามีฐานะสูงส่ง หาใช่ผู้ชายเดินดินไม่เขาคนนั้นนั่งอยู่ในห้องทำงานของเซบาสเตียนและเริ่มพูดคุบกับเธอเรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาควรจะเป็นหนึ่งในลูกค้าของเซบาสเตียนแน่เซบาสเตียนขอให้เธอเตรียมตัวไปปรนนิบัติแขกคนนั้นแล้วสินะเธอยืนอยู่บนจุดเริ่มต้นแล้ง ทว่า จุดจบของเรื่องนี้มันอยู่ตรงไหนกันละ? คงเป็นวันที่เธอเน่าเฟะและเหม็นเน่านอนรอความตายนั่นแหละซาบริน่าอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสารและเศร้าโศกที่โชคชะตาช่างเล่นตลกกับเธอมากขนาดนี้แขนที่โอบกอดไอโนะก็กระชับขึ้นเล็กน้อย “ฉันจะเชื่อฟังทุกคำสั่งของคุณเลย ไม่ว่าจะขอหรือสั่งอะไรมาฉันยอมพลีกายทำให้ทั้งนั้น แต่ของเพียงแค่อย่างเดียวเท่านั้น ได้โปรดไว้ชีวิตไอโนะด้วยเถอะนะ ช่วยเห็นแก่ที่เธอเป็นลูกสาวของคุณด้วย ถ้าคุณไม่อยากเลี้ยงเธอห
ชายคนนั้นเยาะเย้ย “นี่คุณผู้หญิง อยากไปอยู่กับผู้ชายมากขนาดนั้นเลยไม่ใช่เหรอเนี้ย? อยากมากขนาดนั้นเลยเหรอ?”ซาบริน่าตะกุกตะกัก “อะ… อะไรนะคะ?” ฟันของเธอกระทบกันเพราะความกลัว อย่างไรก็ตาม ชายคนนั้นไม่ได้หยุดการกระทำให้เธอกลัวเขาเดินเข้าไปใกล้เธอทีละก้าวซาบริน่าถอยหลังทีละน้อยจนชนเข้ากับโซฟา และตอนนี้ไม่เหลือที่ให้ถอยหนีอีกแล้ว ชายคนนั้นก้าวเท้ายาวและรีบเข้าไปประชิดตัว ด้วยการโค้งตัวแล้วเขาก็อุ้มผู้หญิงคนนั้นไว้ในอ้อมแขน "นี่คุณผู้หญิง! นี่อยากออกไปเริงร่ากับผู้ชายขนาดนั้นเลยเหรอ?”ซาบริน่าตกใจจนน้ำตาแทบไหล “ก็คุณเป็นคนบอกให้ฉันออกไปกับพวกนั้นเองไม่ใช่เหรอ?”“คุณจับลูกสาวของฉันเป็นตัวประกัน!”“ตอนนี้คุณก็พาเธอออกไปไหนมาไหนตามใจ ทีนี้ ก็ช่วยบอกฉันมาทีเถอะค่ะ ว่ามีอะไรให้ฉันทำต่ออีกบ้าง?”“คุณเป็นคำบอกให้ฉันออกไปปรนนิบัติพวกผู้ชายนั้นเอง แล้วค่อย ๆ ปอกลอกเอาเงินจากพวกนั้นเพื่อเอามาชดใช้หนี้ที่ฉันติดคุณอยู่ แต่ตอนนี้คุณกลับมาตั้งคำถามแบบนี้กับฉันเนี้ยนะ”“หรือเป็นเพราะว่าเราทั้งคนแม่ลูกเป็นแค่เด็กกำพร้าพ่อกับแม่เลี้ยงเดียวที่ไม่มีปัญญาตอบโต้อะไรคุณได้ เราก็เลยไม่สมควรแบกหน้ามีชีวิ
ซาบริน่าพูดไม่ออกแน่นอน เธอรู้ว่าเขาหมายถึงอะไรจากการที่เขาบอกว่า "สั่งสอนเด็กดื้ออย่างเธอ"เธอใช้มือทั้งสองข้างดันเซบาสเตียนให้หลุดพ้นเธอไม่สามารถบอกให้เขารู้ได้ว่า การที่เธอซ่อนตัวจากการที่ถูกไล่ล่าในที่ต่าง ๆ นั้น ลึก ๆ แล้ว เธอยังคงโหยหารูปร่างหน้าตาและอ้อมกอดของเขาอยู่ ผู้หญิงสันหลังหวะอย่างเธอสมควรโดนดูหมิ่นเช่นนี้แล้ว"ไม่นะ!" เธอผลักเขาออกไปสุดแรงเท่าที่จะทำได้"ไม่อะไร?" ชายคนนั้นยิ้มเยาะ “เมื่อกี้นี้ เธอยังรีบขอฉันให้ส่งตัวไปอยู่กับผู้ชายอยู่เลย แล้วทำไมตอนนี้กลับบอกว่าไม่เอาแล้วล่ะ? เล่นตัวอีกแล้วรึไง?”แก้มของซาบริน่าแดงขึ้นเพราะคำพูดของเซบาสเตียนเธอรู้สึกผิดอย่างยิ่งและพูดอย่างติดขัด “ก็ใช่ ฉันรีบจริง! ไม่ใช่เพราะคุณขอให้ฉันคืนเงินให้คุณสิบล้านคืนให้เร็วที่สุดเหรอ? ฉันเป็นหนี้คุณสิบล้าน ลูกสาวของฉันอยู่ในกำมือคุณ บอกฉันทีว่าฉันควรทำยังไง?” ซาบริน่าร้องไห้สะอื้นเขาพยายามจะกดดันเธอให้ตายอย่างนั้นเหรอ?“ควรทำยังไงเหรอ เธอก็รู้ดีอยู่แก่ใจ!” ชายคนนั้นพูดขณะกัดฟันซาบริน่ากลืนน้ำตาของเธอ “แต่ตอนนี้เราอยู่ในห้องทำงาน พื้นที่เปิดแบบนี้เนี้ยนะ คุณควรจะคิดถึงเรื่องนี้ก
เลขานุการผลักประตูเปิดออก และดวงตาของเธอก็เบิกกว้างด้วยความตกใจทันทีที่เห็นคนตรงหน้าเธอผู้อำนวยการนั่งตัวตรงบนเก้าอี้ห้องทำงานสุดหรูที่ทำขึ้นสำหรับเขาโดยเฉพาะ และมีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่บนตักของเขาเสื้อสูทของผู้อำนวยการคลุมผู้หญิงเอาไว้ และผมของเธอก็พันกัน และตอนนี้เธอเอนศีรษะลงบนไหล่ของชายคนนั้น แขนของเธอโอบกอดผู้อำนวยการเอาไว้เลขาไม่ใช่คนโง่แม้ว่าไม่ได้เห็นใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นเพื่อบอกว่าเธอเป็นใครกันแน่ แต่เลขาก็รับรู้ได้จากสัญชาตญาณว่าผู้หญิงคนนี้ต้องใกล้ชิดกับผู้อำนวยการมากอย่างแน่นอนเลขานุการทำงานที่ฟอร์ด กรุ๊ป มาเป็นเวลาสามปีแล้ว และตลอดช่วงเวลาการทำงานนั้น เธอได้นำรายงานต่าง ๆ มาให้ผู้อำนวยการทุกวันเพื่อให้เขาลงนามในสัญญาเธอไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนอยู่ในห้องทำงานของผู้อำนวยการเลย นับประสาอะไรกับการที่ผู้หญิงคนหนึ่งนั่งบนตักของผู้อำนวยการล่ะเลขาสรุปทันทีว่าเธอคงมาเคาะประตูผิดเวลาเสียแล้ว“ดิฉัน… ดิฉันขอโทษค่ะ ผู้อำนวยการ ดิฉัน… ดิฉันไม่ทราบว่าภรรยาผู้อำนวยการอยู่ด้วย… ” เธอพูดตะกุกตะกัก เพราะรู้ดีว่าผู้หญิงบนตักของผู้อำนวยการไม่ใช่ใครอื่น ต้องเป็นคุณนายฟอร์ดอย่างแน
สมาชิกผู้บริหารระดับสูงจำนวนนับไม่ถ้วนมาหาเซบาสเตียนในช่วงที่เหลือของวัน ไม่ว่าจะเพื่อหารือเรื่องสนธิสัญญาหรือโครงการที่พวกเขากำลังทำงานร่วมกันอยู่ทว่า เมื่อเห็นป้ายหน้าห้องทำงาน พวกเขาทั้งหมดต่างต้องนึกถึงเด็กสาวตัวน้อยที่ผู้อำนวยการพามาที่สำนักงานเมื่อเช้าวันนี้พวกเขาทุกคนล้วนเป็นคนมีไหวพริบที่ดีมากพอจะรู้ว่าเมื่อเด็กสาวตัวน้อยคนนั้นปรากฏตัวมา แสดงว่าแม่ของเธอก็ต้องอยู่ไม่ไกลอย่างแน่นอนในที่สุด ซาบริน่าก็ฟื้นคืนสติเมื่อย้ายไปนั่งข้างหน้าต่างห้องนอนด้านใน พวกเขาอยู่บนชั้น 66 ของอาคาร และเธอสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์โดยรอบได้โดยไม่มีอะไรมากขวางกั้น และคนอื่นภาพนอกก็สามารถมองเข้ามาได้เช่นกันถ้าเลือกจะทำเช่นนั้นซาบริน่ารู้สึกราวกับว่าเธอกำลังโกหกตัวเองมาทั้งชีวิต และผู้หญิงในปัจจุบันคือตัวตนที่แท้จริงของเธอเธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกละอายใจกับตัวตนที่แท้จริงของเธอมากเสียจนไม่กล้าเผชิญกับความจริงที่ว่าผู้ชายอย่างเซบาสเตียนเป็นคนที่กระชากตัวตนนั้นของเธอออกมาลมหนาวพัดพาความคิดของเธอให้ปลอดโปร่ง และในที่สุด เธอก็สามารถเข้าใจสถานการณ์ได้อย่างสมบูรณ์เธอรีบเอาแขนที่โอบรอบคอของชายผู้นั้นไ
“หนูอยากเจอแม่!” ไอโนะตะโกนโดยไม่ลังเลประตูเปิดออกทันที และคิงส์ตันก็เปิดค้างไว้เป็นสัญญาณว่าเขากำลังจะออกไป ไอโนะก้าวเข้าไปราวกับว่าแม่หนูตัวน้อยเป็นเจ้าของสถานที่และพบว่าแม่ของตนกำลังพักผ่อนอยู่ในห้องนอน“แม่คะ ทำไมมานอนบนเตียงอีกแล้วล่ะ?” เธอถามด้วยความสงสัย“อืม แม่รู้สึกไม่ค่อยสบายน่ะจ้ะ ลูกรัก ไหนบอกแม่หน่อยสิว่าสเต๊กอร่อยไหม?” ซาบริน่าเอ่ยถาม“แม่จ๋า ไอโนะกินเยอะจนท้องป่องเลย สนุกสุด ๆ เลย ลุงคิงส์ตันเล่าให้หนูฟังตั้งเยอะเลยด้วย” ไอโนะพูด แม้ว่าเธอเริ่มคิดว่าลุงคิงส์ตันและเจ้าตูดหมึกน่ารำคาญน้อยลงเรื่อย ๆ แต่ถ้าไม่ใช่เพราะแม่ของเธอกลัวผู้ชายคนนี้ ไอโนะอาจเริ่มเรียกเจ้าตูดหมึกว่า ‘พ่อ’“แม่คะ ไม่สบายรึเปล่าคะ? เป็นไข้รึเปล่าคะ?” ไอโนะแตะหน้าผากของซาบริน่าอย่างกังวลใจ“แม่ไม่เป็นไรจ้ะ” ซาบริน่าลดเสียงลง รู้สึกผิดขณะพูด “แม่แค่รู้สึกเสียใจที่แม่ลืมนึกถึงหนูกับคุณลุงของหนูไปชั่วขณะน่ะจ้ะ”"ไอโนะ แม่ของหนูต้องพักผ่อน ออกมาซะ!" เซบาสเตียนสั่งด้วยท่าทีเคร่งขรึมแม้ว่าไอโนะจะไม่ยอมรับ แต่เธอก็ยังรู้สึกกลัวเจ้าตูดหมึกเล็กน้อยและไม่กล้าโต้เถียง เธอพยักหน้าอย่างว่าง่ายและยอมให้เซบ
“ว้าว แม่จ๋าสวยมาก ๆ เลยค่ะ แม่เป็นแม่ที่สวยที่สุดในโลกเลย!” ไอโนะยืนอยู่ด้านหลังเซบาสเตียนเงยหน้ามองขึ้นไปที่แม่ของจนด้วยความประหลาดใจ "ใครเป็นคนซื้อเสื้อผ้าพวกนี้ให้แม่เหรอคะ? มันน่ารักมาก ๆ เลยค่ะ"“พวกเขาเอามาจากพ่… ” ซาบริน่าไม่แน่ใจว่าเธอควรตอบคำถามอย่างไรดี ในทางกลับกัน เซบาสเตียนดูทำท่าทางทะเล้นขณะรอคำตอบของซาบริน่าซาบริน่าก้มศีรษะลงเล็กน้อย เธอต้องยอมรับว่าเสื้อผ้าที่เขาส่งมานั้นเหมาะกับเธอมาก ทั้งในด้านขนาดและสไตล์ เขายังสามารถหาชุดชั้นในที่เหมาะสมกับเธอได้ด้วย ความใส่ใจในรายละเอียดของชายผู้คนนี้นั้นช่างไม่ธรรมดาเสียจริง“เจ้าตูดหมึก! เจ้าตูดหมึกเป็นคนซื้อเสื้อผ้าพวกนี้ให้แม่เหรอ?” ไอโนะสืบทอดความฉลาดของเซบาสเตียนมา แม้ว่าแม่ของเธอจะยังไม่ทันพูดจบประโยค แต่เธอก็คิดได้ทันทีว่าแม่ของเธอกำลังจะพูดถึงเซบาสเตียน“เข้าชุดกันดีนิ” เซบาสเตียนแสดงความคิดเห็นขณะสำรวจซาบริน่า เสียงของเขาต่ำลงอย่างมีนัยแฝง "เธอนอนหลับเต็มอิ่มแล้วใช่ไหม?"“ค่ะ” ซาบริน่าตอบเสียงเบา“มานี่สิ” เซบาสเตียนจับมือไอโนะด้วยมือซ้าย และยื่นมือขวาไปจับมือของซาบริน่า และเธอก็ยื่นมือของตนออกไปจับมือเขาเอาไว้ต
“ฉันลงหมดหน้าตักเลยว่าสาวงามทั้งสองจะต้องเป็นหัวหน้าของผู้อำนวยไปตลอดชีวิตแน่ ๆ!”“ผู้อำนวยการต้องตายแน่ ๆ เลยถ้ากล้าหือกับพวกเธอ เนี่ย ฉันอิจฉาจนไม่รู้ว่าเย็นนี้จะกระเดือกข้าวลงแล้วรึเปล่า”การพูดคุยในสำนักงานไม่ได้ระมัดระวังนัก และบางความคิดเห็นก็ได้ยินทั้งเซบาสเตียนและซาบริน่า แต่เซบาสเตียนตัดสินใจที่จะเพิกเฉยต่อพวกเขาในทางกลับกัน ซาบริน่าหันกลับมาทันทีแม้ว่าทั้งสามจะอยู่ห่างจากทางเข้าไม่กี่เมตรการนินทาอย่างเผ็ดร้อนหยุดลงทันทีเมื่อทุกสายตาต้องตกตะลึงกับรูปลักษณ์หน้าตาของเธอความงามของเธอเปรียบได้กับความงามของเทพีอโฟรไดท์ เทพแห่งความงามในตำนาน ความบริสุทธิ์ ความสงบ ความเฉยเมย และความเปราะบาง คุณสมบัติทั้งหมดเหล่านี้ดูเหมือนจะผสมผสานกันอย่างลงตัวเพื่อสร้างรูปลักษณ์ของเธอให้ดูน่าหลงใหลขนาดนี้ไม่มีคำอธิบายใดจะเหมาะสมกับความงามของเธอได้เลย ซึ่งใกล้เคียงกับคำว่าแก่นแท้แห่งความงามทั้งมวลที่มนุษย์เดินดินรู้จัก แม้ว่ามันจะซับซ้อนและลึกซึ้ง แต่ความงามของเธอก็บริสุทธิ์ในเวลาเดียวกันสายตาที่เหลียวหลังกลับไปมองไม่ได้แสดงถึงความรู้สึกตื่นตระหนกเลย แต่กลับกัน ทุกสายตาที่สบกันดวงตาของเธอ