“ว้าว แม่จ๋าสวยมาก ๆ เลยค่ะ แม่เป็นแม่ที่สวยที่สุดในโลกเลย!” ไอโนะยืนอยู่ด้านหลังเซบาสเตียนเงยหน้ามองขึ้นไปที่แม่ของจนด้วยความประหลาดใจ "ใครเป็นคนซื้อเสื้อผ้าพวกนี้ให้แม่เหรอคะ? มันน่ารักมาก ๆ เลยค่ะ"“พวกเขาเอามาจากพ่… ” ซาบริน่าไม่แน่ใจว่าเธอควรตอบคำถามอย่างไรดี ในทางกลับกัน เซบาสเตียนดูทำท่าทางทะเล้นขณะรอคำตอบของซาบริน่าซาบริน่าก้มศีรษะลงเล็กน้อย เธอต้องยอมรับว่าเสื้อผ้าที่เขาส่งมานั้นเหมาะกับเธอมาก ทั้งในด้านขนาดและสไตล์ เขายังสามารถหาชุดชั้นในที่เหมาะสมกับเธอได้ด้วย ความใส่ใจในรายละเอียดของชายผู้คนนี้นั้นช่างไม่ธรรมดาเสียจริง“เจ้าตูดหมึก! เจ้าตูดหมึกเป็นคนซื้อเสื้อผ้าพวกนี้ให้แม่เหรอ?” ไอโนะสืบทอดความฉลาดของเซบาสเตียนมา แม้ว่าแม่ของเธอจะยังไม่ทันพูดจบประโยค แต่เธอก็คิดได้ทันทีว่าแม่ของเธอกำลังจะพูดถึงเซบาสเตียน“เข้าชุดกันดีนิ” เซบาสเตียนแสดงความคิดเห็นขณะสำรวจซาบริน่า เสียงของเขาต่ำลงอย่างมีนัยแฝง "เธอนอนหลับเต็มอิ่มแล้วใช่ไหม?"“ค่ะ” ซาบริน่าตอบเสียงเบา“มานี่สิ” เซบาสเตียนจับมือไอโนะด้วยมือซ้าย และยื่นมือขวาไปจับมือของซาบริน่า และเธอก็ยื่นมือของตนออกไปจับมือเขาเอาไว้ต
“ฉันลงหมดหน้าตักเลยว่าสาวงามทั้งสองจะต้องเป็นหัวหน้าของผู้อำนวยไปตลอดชีวิตแน่ ๆ!”“ผู้อำนวยการต้องตายแน่ ๆ เลยถ้ากล้าหือกับพวกเธอ เนี่ย ฉันอิจฉาจนไม่รู้ว่าเย็นนี้จะกระเดือกข้าวลงแล้วรึเปล่า”การพูดคุยในสำนักงานไม่ได้ระมัดระวังนัก และบางความคิดเห็นก็ได้ยินทั้งเซบาสเตียนและซาบริน่า แต่เซบาสเตียนตัดสินใจที่จะเพิกเฉยต่อพวกเขาในทางกลับกัน ซาบริน่าหันกลับมาทันทีแม้ว่าทั้งสามจะอยู่ห่างจากทางเข้าไม่กี่เมตรการนินทาอย่างเผ็ดร้อนหยุดลงทันทีเมื่อทุกสายตาต้องตกตะลึงกับรูปลักษณ์หน้าตาของเธอความงามของเธอเปรียบได้กับความงามของเทพีอโฟรไดท์ เทพแห่งความงามในตำนาน ความบริสุทธิ์ ความสงบ ความเฉยเมย และความเปราะบาง คุณสมบัติทั้งหมดเหล่านี้ดูเหมือนจะผสมผสานกันอย่างลงตัวเพื่อสร้างรูปลักษณ์ของเธอให้ดูน่าหลงใหลขนาดนี้ไม่มีคำอธิบายใดจะเหมาะสมกับความงามของเธอได้เลย ซึ่งใกล้เคียงกับคำว่าแก่นแท้แห่งความงามทั้งมวลที่มนุษย์เดินดินรู้จัก แม้ว่ามันจะซับซ้อนและลึกซึ้ง แต่ความงามของเธอก็บริสุทธิ์ในเวลาเดียวกันสายตาที่เหลียวหลังกลับไปมองไม่ได้แสดงถึงความรู้สึกตื่นตระหนกเลย แต่กลับกัน ทุกสายตาที่สบกันดวงตาของเธอ
“เขาพยายามป้อนข้าวต้มฉันเหรอ?” ซาบริน่ารู้สึกไม่สบายใจกับความคิดนั้น แต่ก่อนที่เธอจะทันได้ตอบโต้ เซบาสเตียนก็ตักโจ๊กปลาเข้าปากของเธอไปแล้วหนึ่งช้อนเต็ม ๆ ซาบริน่าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องกลืนโจ๊กเข้าไปอย่างว่าง่ายข้าวต้มอยู่ในอุณหภูมิที่เหมาะสม ซึ่งทำให้กลืนง่าย รสชาติถูกปรุงมาเป็นอย่างดี และชิ้นเนื้อปลาก็มีเนื้อสัมผัสที่เด้งนุ่มลิ้นเมื่ออาหารถึงท้อง เธอรู้สึกว่าทั่วทั้งร่างของเธออบอุ่นขึ้น นอกจากนี้เธอยังรู้สึกงุนงงกับการท่าทีแบบนั้น ราวกับว่าทั้งสองคนเป็นคู่รักที่รักกันจริง ๆ หรือสามีภรรยาที่อยู่ด้วยกันด้วยความเข้ากันได้ดีมาเป็นเวลาหลายปีเธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกใจเต้น เซบาสเตียนกลอกตาไปมองซาบริน่า และยื่นมือไปสัมผัสแขนเรียวเล็กของเธอ“ผอมเกินไปแล้วนะ” เขาเยาะเย้ย “หนังหุ้มกระดูกแบบนี้ ไม่น่ากอดเลยนะ”"..." ซาบริน่าไม่รู้จะตอบกลับอย่างไร จนกระทั่ง เซบาสเตียนป้อนข้าวต้มให้เธออีกคำหนึ่ง ตอนนั้นเธอนึกอะไรบางอย่างได้และหัวเราะเยาะภายในใจตัวเองผู้ชายคนนี้ไม่ได้เป็นห่วงเธอจริง ๆ เขาแค่ไม่พอใจที่เธอกอดไม่ได้และขายได้ในราคาที่ไม่ดี แค่เธอคิดว่าเขาห่วงใยเธอ หัวใจของเธอก็จมอยู่กับความ
เขาพาเธอไปที่บริษัทของเขาและแนะนำให้เธอรู้จักกับผู้จัดการทุกคนที่มีความสำคัญในการสร้างตัวตนของเธอในฟอร์ด กรุ๊ปเขาให้คิงส์ตันพาเธอไปที่ร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์เพื่อรับประทานสเต๊กสำหรับเด็กโดยเฉพาะ เขายังให้นักออกแบบที่เก่งที่สุดในวงการมาเตรียมชุดให้เธอ และสิ่งเดียวที่เขาได้ตอบแทนมาคือการถูกเรียกว่า "พ่อตูดหมึก"“ว่า” เซบาสเตียนตอบรับด้วยความจำยอม อย่างน้อยไอโนะก็ใช้คำว่า "พ่อ" นับได้ว่าเป็นพัฒนาการที่ดีหลังจากเรียก "เจ้าตูดหมึก" มานาน“แม่หนูหลับอยู่รึเปล่า?” เขาถามต่อ ไอโนะพยักหน้า“งั้นหนูก็ไปนอนเองเถอะ ตอนนี้หนูโตแล้วนะ หนูต้องเริ่มหัดทำอะไรด้วยตนเอง และนอนคนเดียวได้แล้ว!” เซบาสเตียนกำชับ วิธีสอนลูกของพ่อถูกกำหนดให้แตกต่างไปจากวิถีของแม่“ก็ได้…” ไอโนะเชื่อฟังคำสั่งของพ่ออย่างน่าประหลาดใจ แต่เมื่อเขาอุ้มซาบริน่าและหันหลังเดินออกไป ไอโนะก็ดูกังวลและถามอย่างเร่งรีบว่า “พ่อ...ตูดหมึกจะพาแม่จ๋าไปไหน?”“หนูต้องนอน แม่หนูก็เหมือนกัน” เซบาสเตียนไม่อยากอธิบายอะไรมากมาย“อย่ามายุ่งกับแม่หนูนะ!”“ถ้าฉันไม่ได้ยุ่งอะไรกับแม่หนู หนูก็คงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้หรอก” ซาบาสเตียนโต้กลับ“…” ไ
ในตอนนั้นเอง ซาบริน่าสังเกตเห็นว่าเขากำลังเกร็งกล้ามเนื้อราวกับว่ากลั้นหายใจ และอุณหภูมิร่างกายเขาก็สูงขึ้น ซาบริน่ากังวลว่าเขาจะเป็นไข้ เธอถามทันทีว่า "อะไรน่ะ...คุณเป็นอะไรไป?"“หยุดขยับตัวสักที!” เขาตะคอก“คุณไม่สบายรึเปล่า? เราไปหาหมอกันดีกว่าไหม? คือฉัน...ฉันอุ้มคุณไปไม่ไหวแน่”"..." เซบาสเตียนลุกขึ้นโดยไม่พูดอะไรและผละตัวไปให้ห่างจากซาบริน่าเพื่อลุกจากเตียง ทันใดนั้นซาบริน่าก็อ้าปากค้างเมื่อเห็นภาพตรงหน้าเธอ ชายคนนั้นเปลือยเปล่าอย่างสมบูรณ์ แต่เขาก้าวลงจากเตียงอย่างสบายใจและสวมรองเท้าแตะต่อหน้าซาบริน่า ขณะที่ซาบริน่านั้นกลายเป็นสีแดงตั้งแต่หัวจรดเท้า“ทำอย่างกับไม่เคยเห็นมาก่อนอย่างนั้นแหละ” เขาสูดลมหายใจและเดินเข้าไปในห้องน้ำพร้อมกับรองเท้าแตะ ตามด้วยเสียงดัง “ปัง!” ของประตูซาบริน่าห่มผ้าแน่นและตัวสั่นในความเงียบ เธอคิดว่าเขาอาจจะโผเข้ากอดเธอได้ทุกเมื่อ เธอรออย่างใจจดใจจ่อเมื่อเวลาผ่านไปสองชั่วโมงโดยที่ชายคนนั้นไม่ก้าวออกมาจากห้องน้ำเลย ห้องพักเงียบสนิท ยกเว้นเสียงน้ำไหลในห้องอาบน้ำซาบริน่ารู้สึกประหม่าเกินกว่าจะกลับไปนอนต่อ ดังนั้นเธอจึงรอ ผ่านไปอีกครึ่งชั่วโมง ในที่สุด
อาหารเช้าของพวกเขาเป็นอาหารไม่หนัก ซาบริน่าประหลาดใจที่พบว่าความอยากอาหารของเธอมากขึ้นเมื่อเทียบกับเมื่อวาน และไอโนะก็มีความสุขกับการรับประทานอาหารเช้าทุกคำ“แม่คะ บ้านของเจ้าตูดหมึกกินอาหารเช้าดีกว่าที่บ้านเก่าเราอีกนะ” ไอโนะอุทาน เธอตั้งใจจะกลับไปเรียกเซบาสเตียนว่า "เจ้าตูดหมึก" ต่อหน้าแม่ของเธอเซบาสเตียนเริ่มชินกับการเรียกชื่อแบบนั้นแล้ว และไม่แสดงท่าทีใด ๆ ออกมาเมื่อไอโนะเรียกเขาว่า "เจ้าตูดหมึก" เขาจดจ่อกับข้าวต้มโดยไม่แม้แต่จะกะพริบตา เขารับประทานอาหารเช้าเสร็จอย่างรวดเร็ว เพราะเขาไม่เคยชอบพูดคุยระหว่างมื้ออาหาร“ไอโนะ กินเสร็จยัง?” เซบาสเตียนมองไปที่ไอโนะด้วยท่าทางเย็นชาตามปกติ“ค่ะ เสร็จแล้ว” ไอโนะตกใจและพยักหน้าตอบทันทีจากนั้นเซบาสเตียนก็หันไปมองซาบริน่า “แล้วเธอล่ะ?”“เสร็จแล้วค่ะ” ซาบริน่าหยุดครู่หนึ่งก่อนจะถามอย่างระแวดระวังว่า “ถ้าคุณจะพาฉันไปด้วย จำเป็นไหมที่ไอโนะจะต้องไปด้วย?”เขาไม่ตอบคำถามและลุกขึ้นจากที่นั่ง เขาเปลี่ยนเป็นชุดทำงานและหยิบกระเป๋าเอกสารของเขา ซาบริน่าไม่สามารถรวบรวมความกล้าที่จะถามต่อและล้มเลิกความคิดที่จะพูดอะไรต่อ เธอจับมือไอโนะและตามชายคนนั้น
"ใช่สิ!" เซบาสเตียนยืนยันด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ไอโนะเป็นตัวประกันของฉันก็จริง แต่ฉันจะให้เจ้าตัวเล็กเนี้ยเดินตามต้อย ๆ ทั้งวันก็ใช่เรื่อง เธอไม่เห็นเหรอว่าทุกวินาทีมันมีค่าสำหรับฉันมากแค่ไหน? เธอจ้างฉันเป็นพี่เลี้ยงเด็กไม่ได้!”“…” ซาบริน่าถึงกับพูดไม่ออกในทันที“ฉันก็เลยอยากส่งไอโนะไปเรียนอนุบาล ค่าเล่าเรียนของไอโนะจะบวกเพิ่มในหนี้ที่เธอติดฉันไว้ วันที่เธอจ่ายเงินคืนให้ฉันเท่ากับที่เธอติดไว้จะเป็นวันที่เธอและลูกสาวได้เป็นอิสระ” เซบาสเตียนพูดอย่างไร้อารมณ์ในขณะเดียวกัน คิงส์ตันซึ่งยืนอยู่ข้างหลังเซบาสเตียนพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะกลั้นเสียงหัวเราะของตนไว้ เขาเป็นคนเดียวที่รู้ว่านายท่านเซบาสเตียนทุ่มเทแค่ไหนในการตามหาซาบริน่าในช่วงหกปีที่ผ่านมา เซบาสเตียนแทบไม่ได้พักผ่อนเลย เขาเดินทางไปรอบโลกตามสัญญาณเพียงเล็กน้อยในการปรากฏตัวของซาบริน่า เขายกเลิกงานแต่งงานกับเซลีนเพราะเห็นแก่ซาบริน่าและไม่ได้แตะต้องผู้หญิงคนอื่นเลยนับตั้งแต่ซาบริน่าหายตัวไปเซบาสเตียนใช้เวลาทั้งหกปีในการติดตามหาซาบริน่าและในที่สุด ก็ได้เธอมาไว้ข้างกาย เขาไม่ได้ทรมานซาบริน่าจากปัญหาที่เธอสร้างให้เขาอย่างที่ท
ไอโนะเป็นเด็กที่ฉลาดมาก เธอไม่ต้องการความช่วยเหลือมากนักในการทำความเข้าใจสถานการณ์ที่เธอนั้นเผชิญอยู่ ย้อนกลับไปตอนที่เธอเรียนอยู่ในโรงเรียนอนุบาลแห่งเดิม เธอมักจะก่อเหตุทะเลาะวิวาททุกครั้งที่มีคนพูดเรื่องแย่ ๆ เกี่ยวกับแม่ของเธอและทุบตีจนพวกเขายอมคืนคำพูดของตนเอง แต่ครั้งนี้ต่างออกไป เธอทะเลาะกับเด็กคนหนึ่ง ไม่เพียงแต่ทำให้แม่ของเธอมีปัญหากับครูเท่านั้น เธอยังทำให้แม่ของตนต้องเสียเงินเป็นจำนวนมากอีกด้วยไอโนะทำท่าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดกับคิงส์ตันว่า “ลุงคิงส์ตัน ต่อจากนี้ไปอย่าเรียกหนูว่าเจ้าหญิงอีกเลยนะคะ หนูไม่ชอบเลย เรียกหนูว่าลูกกำพร้าเหมือนคนอื่น ๆ ก็ได้ หนูไม่โกรธค่ะ ถ้าหนูได้ยินมันบ่อย ๆ บางทีหนูอาจจะไม่รู้สึกว่าต้องต่อยใครอีกต่อไปในตอนที่ได้ยินแบบนั้น”คำพูดของเด็กไร้เดียงสาและเป็นความจริงเสมอ เธอไม่ได้หมายความอย่างนั้น แต่ทั้งเซบาสเตียนและคิงส์ตันได้รับความสะเทือนใจอย่างเห็นได้ชัด ซาบริน่ารู้สึกจุกในลำคอขณะที่เธอก้มหน้าลง หัวใจของเธอเต้นรัวด้วยความเจ็บปวดไม่กี่นาทีหลังจากนั้น คิงส์ตันก็ตอบว่า “เจ้าหญิงน้อย ไม่ต้องห่วง เด็กอนุบาลทุกคนจะต้องเรียกหนูว่าเจ้าหญิงน้อยนับ