เขาพาเธอไปที่บริษัทของเขาและแนะนำให้เธอรู้จักกับผู้จัดการทุกคนที่มีความสำคัญในการสร้างตัวตนของเธอในฟอร์ด กรุ๊ปเขาให้คิงส์ตันพาเธอไปที่ร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์เพื่อรับประทานสเต๊กสำหรับเด็กโดยเฉพาะ เขายังให้นักออกแบบที่เก่งที่สุดในวงการมาเตรียมชุดให้เธอ และสิ่งเดียวที่เขาได้ตอบแทนมาคือการถูกเรียกว่า "พ่อตูดหมึก"“ว่า” เซบาสเตียนตอบรับด้วยความจำยอม อย่างน้อยไอโนะก็ใช้คำว่า "พ่อ" นับได้ว่าเป็นพัฒนาการที่ดีหลังจากเรียก "เจ้าตูดหมึก" มานาน“แม่หนูหลับอยู่รึเปล่า?” เขาถามต่อ ไอโนะพยักหน้า“งั้นหนูก็ไปนอนเองเถอะ ตอนนี้หนูโตแล้วนะ หนูต้องเริ่มหัดทำอะไรด้วยตนเอง และนอนคนเดียวได้แล้ว!” เซบาสเตียนกำชับ วิธีสอนลูกของพ่อถูกกำหนดให้แตกต่างไปจากวิถีของแม่“ก็ได้…” ไอโนะเชื่อฟังคำสั่งของพ่ออย่างน่าประหลาดใจ แต่เมื่อเขาอุ้มซาบริน่าและหันหลังเดินออกไป ไอโนะก็ดูกังวลและถามอย่างเร่งรีบว่า “พ่อ...ตูดหมึกจะพาแม่จ๋าไปไหน?”“หนูต้องนอน แม่หนูก็เหมือนกัน” เซบาสเตียนไม่อยากอธิบายอะไรมากมาย“อย่ามายุ่งกับแม่หนูนะ!”“ถ้าฉันไม่ได้ยุ่งอะไรกับแม่หนู หนูก็คงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้หรอก” ซาบาสเตียนโต้กลับ“…” ไ
ในตอนนั้นเอง ซาบริน่าสังเกตเห็นว่าเขากำลังเกร็งกล้ามเนื้อราวกับว่ากลั้นหายใจ และอุณหภูมิร่างกายเขาก็สูงขึ้น ซาบริน่ากังวลว่าเขาจะเป็นไข้ เธอถามทันทีว่า "อะไรน่ะ...คุณเป็นอะไรไป?"“หยุดขยับตัวสักที!” เขาตะคอก“คุณไม่สบายรึเปล่า? เราไปหาหมอกันดีกว่าไหม? คือฉัน...ฉันอุ้มคุณไปไม่ไหวแน่”"..." เซบาสเตียนลุกขึ้นโดยไม่พูดอะไรและผละตัวไปให้ห่างจากซาบริน่าเพื่อลุกจากเตียง ทันใดนั้นซาบริน่าก็อ้าปากค้างเมื่อเห็นภาพตรงหน้าเธอ ชายคนนั้นเปลือยเปล่าอย่างสมบูรณ์ แต่เขาก้าวลงจากเตียงอย่างสบายใจและสวมรองเท้าแตะต่อหน้าซาบริน่า ขณะที่ซาบริน่านั้นกลายเป็นสีแดงตั้งแต่หัวจรดเท้า“ทำอย่างกับไม่เคยเห็นมาก่อนอย่างนั้นแหละ” เขาสูดลมหายใจและเดินเข้าไปในห้องน้ำพร้อมกับรองเท้าแตะ ตามด้วยเสียงดัง “ปัง!” ของประตูซาบริน่าห่มผ้าแน่นและตัวสั่นในความเงียบ เธอคิดว่าเขาอาจจะโผเข้ากอดเธอได้ทุกเมื่อ เธอรออย่างใจจดใจจ่อเมื่อเวลาผ่านไปสองชั่วโมงโดยที่ชายคนนั้นไม่ก้าวออกมาจากห้องน้ำเลย ห้องพักเงียบสนิท ยกเว้นเสียงน้ำไหลในห้องอาบน้ำซาบริน่ารู้สึกประหม่าเกินกว่าจะกลับไปนอนต่อ ดังนั้นเธอจึงรอ ผ่านไปอีกครึ่งชั่วโมง ในที่สุด
อาหารเช้าของพวกเขาเป็นอาหารไม่หนัก ซาบริน่าประหลาดใจที่พบว่าความอยากอาหารของเธอมากขึ้นเมื่อเทียบกับเมื่อวาน และไอโนะก็มีความสุขกับการรับประทานอาหารเช้าทุกคำ“แม่คะ บ้านของเจ้าตูดหมึกกินอาหารเช้าดีกว่าที่บ้านเก่าเราอีกนะ” ไอโนะอุทาน เธอตั้งใจจะกลับไปเรียกเซบาสเตียนว่า "เจ้าตูดหมึก" ต่อหน้าแม่ของเธอเซบาสเตียนเริ่มชินกับการเรียกชื่อแบบนั้นแล้ว และไม่แสดงท่าทีใด ๆ ออกมาเมื่อไอโนะเรียกเขาว่า "เจ้าตูดหมึก" เขาจดจ่อกับข้าวต้มโดยไม่แม้แต่จะกะพริบตา เขารับประทานอาหารเช้าเสร็จอย่างรวดเร็ว เพราะเขาไม่เคยชอบพูดคุยระหว่างมื้ออาหาร“ไอโนะ กินเสร็จยัง?” เซบาสเตียนมองไปที่ไอโนะด้วยท่าทางเย็นชาตามปกติ“ค่ะ เสร็จแล้ว” ไอโนะตกใจและพยักหน้าตอบทันทีจากนั้นเซบาสเตียนก็หันไปมองซาบริน่า “แล้วเธอล่ะ?”“เสร็จแล้วค่ะ” ซาบริน่าหยุดครู่หนึ่งก่อนจะถามอย่างระแวดระวังว่า “ถ้าคุณจะพาฉันไปด้วย จำเป็นไหมที่ไอโนะจะต้องไปด้วย?”เขาไม่ตอบคำถามและลุกขึ้นจากที่นั่ง เขาเปลี่ยนเป็นชุดทำงานและหยิบกระเป๋าเอกสารของเขา ซาบริน่าไม่สามารถรวบรวมความกล้าที่จะถามต่อและล้มเลิกความคิดที่จะพูดอะไรต่อ เธอจับมือไอโนะและตามชายคนนั้น
"ใช่สิ!" เซบาสเตียนยืนยันด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ไอโนะเป็นตัวประกันของฉันก็จริง แต่ฉันจะให้เจ้าตัวเล็กเนี้ยเดินตามต้อย ๆ ทั้งวันก็ใช่เรื่อง เธอไม่เห็นเหรอว่าทุกวินาทีมันมีค่าสำหรับฉันมากแค่ไหน? เธอจ้างฉันเป็นพี่เลี้ยงเด็กไม่ได้!”“…” ซาบริน่าถึงกับพูดไม่ออกในทันที“ฉันก็เลยอยากส่งไอโนะไปเรียนอนุบาล ค่าเล่าเรียนของไอโนะจะบวกเพิ่มในหนี้ที่เธอติดฉันไว้ วันที่เธอจ่ายเงินคืนให้ฉันเท่ากับที่เธอติดไว้จะเป็นวันที่เธอและลูกสาวได้เป็นอิสระ” เซบาสเตียนพูดอย่างไร้อารมณ์ในขณะเดียวกัน คิงส์ตันซึ่งยืนอยู่ข้างหลังเซบาสเตียนพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะกลั้นเสียงหัวเราะของตนไว้ เขาเป็นคนเดียวที่รู้ว่านายท่านเซบาสเตียนทุ่มเทแค่ไหนในการตามหาซาบริน่าในช่วงหกปีที่ผ่านมา เซบาสเตียนแทบไม่ได้พักผ่อนเลย เขาเดินทางไปรอบโลกตามสัญญาณเพียงเล็กน้อยในการปรากฏตัวของซาบริน่า เขายกเลิกงานแต่งงานกับเซลีนเพราะเห็นแก่ซาบริน่าและไม่ได้แตะต้องผู้หญิงคนอื่นเลยนับตั้งแต่ซาบริน่าหายตัวไปเซบาสเตียนใช้เวลาทั้งหกปีในการติดตามหาซาบริน่าและในที่สุด ก็ได้เธอมาไว้ข้างกาย เขาไม่ได้ทรมานซาบริน่าจากปัญหาที่เธอสร้างให้เขาอย่างที่ท
ไอโนะเป็นเด็กที่ฉลาดมาก เธอไม่ต้องการความช่วยเหลือมากนักในการทำความเข้าใจสถานการณ์ที่เธอนั้นเผชิญอยู่ ย้อนกลับไปตอนที่เธอเรียนอยู่ในโรงเรียนอนุบาลแห่งเดิม เธอมักจะก่อเหตุทะเลาะวิวาททุกครั้งที่มีคนพูดเรื่องแย่ ๆ เกี่ยวกับแม่ของเธอและทุบตีจนพวกเขายอมคืนคำพูดของตนเอง แต่ครั้งนี้ต่างออกไป เธอทะเลาะกับเด็กคนหนึ่ง ไม่เพียงแต่ทำให้แม่ของเธอมีปัญหากับครูเท่านั้น เธอยังทำให้แม่ของตนต้องเสียเงินเป็นจำนวนมากอีกด้วยไอโนะทำท่าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดกับคิงส์ตันว่า “ลุงคิงส์ตัน ต่อจากนี้ไปอย่าเรียกหนูว่าเจ้าหญิงอีกเลยนะคะ หนูไม่ชอบเลย เรียกหนูว่าลูกกำพร้าเหมือนคนอื่น ๆ ก็ได้ หนูไม่โกรธค่ะ ถ้าหนูได้ยินมันบ่อย ๆ บางทีหนูอาจจะไม่รู้สึกว่าต้องต่อยใครอีกต่อไปในตอนที่ได้ยินแบบนั้น”คำพูดของเด็กไร้เดียงสาและเป็นความจริงเสมอ เธอไม่ได้หมายความอย่างนั้น แต่ทั้งเซบาสเตียนและคิงส์ตันได้รับความสะเทือนใจอย่างเห็นได้ชัด ซาบริน่ารู้สึกจุกในลำคอขณะที่เธอก้มหน้าลง หัวใจของเธอเต้นรัวด้วยความเจ็บปวดไม่กี่นาทีหลังจากนั้น คิงส์ตันก็ตอบว่า “เจ้าหญิงน้อย ไม่ต้องห่วง เด็กอนุบาลทุกคนจะต้องเรียกหนูว่าเจ้าหญิงน้อยนับ
“ฉันว่าการยอมแพ้ก็ไม่มีอะไรแย่ ฉันเข้าใจคุณผิด อย่างน้อยคุณก็ไม่ใจร้ายกับลูกสาวฉัน ฉันมีความสุขตราบใดที่ลูกสาวได้ไปโรงเรียนและได้รับการศึกษาเหมือนเด็กคนอื่น ๆ ฉันไม่อยากคิดมากเรื่องนี้อีกแล้ว จากนี้ไปฉันจะทำทุกอย่างที่คุณขอ ชีวิตของฉันอยู่ในมือคุณแล้ว” ซาบริน่าพูดเสียงต่ำ ราวกับเธอยอมแพ้ต่อการดิ้นรนแล้ว ขณะที่เธอซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเซบาสเตียน อันที่จริง เธออยากจะบอกว่าเธอยอมรับชะตากรรมและจะไปอยู่กับทุกคนที่เซบาสเตียนส่งเธอไป เธอจะติดตามเขาไปตลอดทั้งชีวิตถ้านั่นคือสิ่งที่เขาต้องการ เธอจะไม่ขัดขืนใด ๆ อีกเลย ในตอนนี้ เธอเหน็ดเหนื่อยทั้งทางใจและทางกาย ถ้าเธอไม่มีลู่ทางจะหนีจากชายคนนี้ไปตั้งแต่แรก แล้วจะต้องต่อต้านเขาไปทำไม? เธอจะยอมเป็นผู้หญิงเลวร้ายอย่างที่ทุกคนคิดว่าเธอเป็นและมีความสุขกับทุกช่วงเวลาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ในอ้อมแขนของเซบาสเตียนหน้าอกของเขาอบอุ่นและเต็มไปด้วยกล้ามเนื้ออันทรงพลัง และซาบริน่าก็อดไม่ได้ที่จะถูไถเขาราวกับว่าเธอกำลังพยายามหาที่ที่ดีที่สุดเพื่อซ่อนตัว เซบาสเตียนรู้สึกว่ามีไฟลุกโชนจากส่วนลึกในตัวเขา ไฟนั้นท่วมท้นจนเกือบทำให้เขามืดบอดในชั่วพริบตา ในขณะนั้น
เธอไม่สนใจ ตราบใดที่ลูกสาวของเธอไปโรงเรียนและทั้งสองยังมีชีวิตอยู่ ก็ไม่มีอะไรสำคัญสำหรับซาบริน่า เธอรู้สึกราวกับยกภูเขาลูกหนึ่งออกจากอก เธอทำใจสงบสติอารมณ์กับเรื่องราวที่เพิ่งเกิดขึ้นได้แล้ว หลังจากที่เซบาสเตียนจากไป เธอก็นอนลงบนเตียงอย่างเกียจคร้านในจุดที่ต่างกันออกไป เธอก็ยังนอนไม่หลับ เธอจึงลุกขึ้นไปอาบน้ำ อ่างอาบน้ำของเซบาสเตียนในห้องน้ำนั้นใหญ่โตอย่างไม่จำเป็นพร้อมกับฟังก์ชันมากมายทำให้ดูหรูหรากว่าอ่างอาบน้ำอื่น ๆ ที่พบเห็นได้ในสปาระดับไฮคลาสซาบริน่านั่งอยู่คนเดียวในอ่างอาบน้ำซึ่งปกติแล้วเซบาสเตียนจะนั่งและปล่อยตัวปล่อยใจไปกับคลื่นของน้ำอุ่นที่ไหลเวียนจากก้นอ่างราวกับน้ำพุร้อน เธอค่อย ๆ หลับตาลงขณะที่เธอจมดิ่งสู่ประสบการณ์อันมหัศจรรย์ โดยไม่รู้ว่าเธอกำลังถูกจับตามองอยู่ในห้องทำงานของเขา เซบาสเตียนสังเกตทุกการเคลื่อนไหวจากกล้องวงจรปิดที่เขาติดตั้งไว้ในห้องของเขา เขาไม่ได้ตั้งใจจะสอดแนมซาบริน่า เขาเพียงอยากจะมั่นใจว่าเธอทำตามคำสั่งของเขาที่จะพักผ่อน แต่แล้วเขาก็ต้องสะดุดเข้ากับภาพนั้นเขามองดูขณะที่เธอก้าวออกจากอ่างอาบน้ำพร้อมหยดน้ำทั่วร่างกาย หลังจากนอนเล่นอยู่ราวครึ่งชั่วโมง
สีหน้าของเซบาสเตียนมืดมนลงในทันที เขาขมวดคิ้ว “เธอพูดอะไร?” ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยหยุดที่จะทำให้เขาประหลาดใจด้วยความสามารถในการทำให้เขาโกรธเคืองได้เลยนะ!“ฉันพูดว่า คุณพูลดูเป็นคนสง่างามมีมาตรฐาน ฉันบอกได้เลยว่าเขาน่าจะได้รับการเลี้ยงดูที่มีสถานะคล้ายกับคุณ เขาจะไม่รังเกียจคนอย่างฉันหรอกเหรอ?” ซาบริน่าพูดซ้ำอย่างใจเย็นเซบาสเตียนเอื้อมมือไปคว้าคอของซาบริน่าอย่างกะทันหัน “เธอจะไม่พูดถึงตัวเองแบบนั้นอีกนะ!”ครู่หนึ่ง ซาบริน่าสำลักและหายใจลำบาก เธอพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้ เธอไม่ควรพูดถึงมัน หลังจากที่เขาปล่อยมือออก เธอไอเหมือนปลาที่ขาดน้ำและพยายามสูดอากาศบริสุทธิ์ ตอนนั้นเองที่มีคนมาเคาะประตู“เข้ามา” เซบาสเตียนพูดหลังจากกระแอมในลำคอพนักงานขายชั้นยอดของร้านก้าวเข้ามา "คุณฟอร์ดคะ นี่เป็นขนาดที่คุณให้กับทางเรา และรูปแบบได้รับการออกแบบตามคำอธิบายของคุณเรียบร้อยค่ะ เอ่อ...ผู้หญิงคนนี้ใช่ไหมคะที่จะลองสวม?" พนักงานขายมองไปที่ซาบริน่าซาบริน่าหน้าแดงเมื่อถูกการกล่าวถึง ตอนที่เซบาสเตียนพามาที่นี่ เธอสัมผัสได้ถึงสายตาที่ทุกคนตัดสินเธอ และเธอมั่นใจว่าพวกเขาคิดว่าเธอเป็นเพียงแค่ภรรยาอีกคนของเขาเ