Share

บทที่ 11

อย่างไรก็ตาม คำพูดง่ายๆ ของหลินเซียวทำให้ความมั่นใจของซูหว่านเอ๋อร์หายไป

"ขอบคุณที่ประธานซูสละเวลา วันนี้ผมมาบริษัทเพื่อขอลาออกครับ"

ซูหว่านเอ๋อร์ตะลึงทันที เธอคิดว่าหลินเซียวไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธเธอ

แต่เอาเข้าจริงแล้วก็คือหลินเซียวไม่ใช่แค่ปฏิเสธซูหว่านเอ๋อร์ แถมยังปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมาด้วย

เมื่อเธอกำลังจะถามเหตุผลของหลินเซียว เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา

ซูหว่านเอ๋อร์หยิบมือถือมาแล้วเดินออกไปรับสายที่ข้างนอก

หลินเซียวไม่ได้ยินเสียงคนที่โทรมา แต่เขาได้ยินซูหว่านเอ๋อร์พูดเรื่องอะไร

"เถ้าแก่จ้าวค่ะ อย่าตกใจฉันนะคะ ก่อนหน้านี้ฉันถามคุณหลายครั้งแล้ว คุณบอกว่าตัดสินใจลงทุนโครงการนี้ ฉันได้ลงทุนหมดแล้ว ตอนนี้ โครงการไปได้แค่ครึ่งทาง แล้วคุณบอกว่าคุณไม่ลงทุนต่อแล้ว นี่คุณล้อเล่นใช่ไหมคะ?"

“ฉันรู้ว่าเราไม่ได้เซ็นสัญญาโครงการนี้ นี่ไม่ใช่ความเชื่อใจเหรอคะ? ห่วงโซ่เงินทุนของฉันกำลังจะขาดแล้ว คุณยังไม่อยากลงทุนตอนนี้ แล้วคุณจะให้ฉันทำยังไงล่ะคะ?"

"เถ้าแก่จ้าวคะ คุณคิดว่า ... เฮ้ เถ้าแก่จ้าวคะ เฮ้ นังนี่หนิ!!!"

หลังจากนั้น ซูหว่านเอ๋อร์รู้สึกเหมือนจะเป็นลม ถอยโซเซ มือถือก็จะหลุดจากมือ

มือถือตกพื้นดังปั้ง

ทันใดนั้นซูหว่านเอ๋อร์ก็ได้สติ และรีบหยิบมือถือขึ้นมา

"โชคดีที่แค่ฟิล์มกระจกแตก ... " เธอโล่งใจตอนที่เช็คหน้าจอมือถือดู

เธอไม่ใช่เสียดายมือถือ แต่เป็นเธอกังวลว่าถ้ามือถือเสีย เธอจะติดต่อเถ้าแก่จ้าวไม่ได้ทันใจเธอ

ซูหว่านเอ๋อร์ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ผลักเปิดประตูห้องประธานอีกครั้งแล้วพูดว่า "อย่าเพิ่งกลับไปนะ รอฉันกลับมาก่อน"

หลินเซียวมองไปที่ซูหว่านเอ๋อร์ที่รีบไป และมีความคิดอะไรเกิดในใจ

เมื่อวานนี้เขาฟังเพื่อนร่วมงานคุยซุบซิบกันว่าบริษัทได้รับโครงการหนึ่งมา แต่น่าจะหมุนเงินไม่ทัน ซูหว่านเอ๋อร์ก็เลยขอให้เถ้าแก่จ้าวลงทุนช่วย

พอได้ยินเรื่องนี้ เถ้าแก่จ้าวก็รับคำทันที

แต่ยังไงแล้ว บริษัททั้งสองไม่ได้ลงนามสัญญาการเงินกับโครงการนี้

เถ้าแก่จ้าวใช้ความไว้วางใจในตัวซูหว่านเอ๋อร์ ให้ซูหว่านเอ๋อร์จ่ายเงินล่วงหน้าเพื่อเริ่มทำงานในโครงการและสัญญาว่ากองทุนของเขาจะเรียบร้อยในสองสามวันนี้

ใครจะคิดว่า ซูหว่านเอ๋อร์จะเทหมดหน้าตักกับโครงการนี้ แต่เถ้าแก่จ้าวเห็นว่าห่วงโซ่เงินทุนกำลังจะเสียดุลเลยคิดว่าเขาจะไม่ลงทุนแล้ว

เริ่องนี้ต้องมีเงื่อนงำแน่นอน

เรื่องนี้ หลินเซียวไม่ต้องคิดอะไรก็รู้ว่าเถ้าแก่จ้าวคนนี้เล่นไม่ซื่อแน่ๆ

พอคิดดูแล้ว หลินเซียวตัดสินใจที่จะลองช่วยซูหว่านเอ๋อร์ดู

ไม่ใช่แค่เพื่อคำพูดของซูหว่านเอ๋อร์เท่านั้น ยังรวมถึงในฐานะซูหว่านเอ๋อร์คนนี้ด้วย

หลังจากการสังเกตของหลินเซียว เรื่องของซูหว่านเอ๋อร์เขารู้สึกว่าซูหว่านเอ๋อร์เป็นผู้หญิงที่มีใจในการทำงาน เข้มแข็ง ทั้งยังมีความกล้าหาญและความสามารถอีกด้วย

ยิ่งไปกว่านั้น หลินเซียวทุ่มเงินหลายสิบล้านเพื่อลงทุนในบริษัทก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย

พอนึกได้ เขาก็เลยไปห้องประธานเพื่อเรียกร้องให้ซูหว่านเอ๋อร์หยุด

แต่พอเขามาถึงประตู ซูหว่านเอ๋อร์ก็ขับรถออกไปพอดี

หลินเซียวไม่มีทางเลือก ได้แค่กลับไปรอที่บริษัท

เมื่อเขากลับไปที่บริษัท สายตาที่ดูถูกเหยียดหยามและเสียงแว่วผสมกับความโกรธจากเพื่อนร่วมงาน ต่างก็รุมเข้ามา

"โอ้ หลินเซียว แกเก่งมากนะ กล้าไปหาประธานซูพูดเรื่องแย่ๆเกี่ยวกับพวกเรา ทำให้ทุกคนถูกหักเงิน พวกเราแค่เล่าเรื่องตลกนั่นแหละ ทำไมแกถึงจะต้องทำร้ายพวกเราด้วย "

"ถูกต้องเลย เราเป็นเพื่อนร่วมงานมาเกือบปีแล้ว แกก็ทำแบบนี้กับเราหรอ หมาฉันเลี้ยงมาปีนึง เจอเราก็ยังยิ้มและแกว่งหาง แม่งเอ๊ย แกกลับสู้หมาไม่ได้แน่”

"หลินเซียว แกฟังเราให้ดีๆ เงินเดือนที่ถูกหักเมื่อเช้านี้ เราต้องได้ก่อนเลิกงานวันนี้เท่านั้น ถ้าแกไม่ให้ อย่าโทษว่าเราจะทำอะไรไม่ดีกับแกนะ!"

"หลินเซียว แกกินบนเรือนขี้รดบนหลังคา ... "

ทำตัวเหมือนหมัด ท่าทางหมาเห่าใบตองแห้ง ทำให้หลินเซียวรู้สึกโมโห

รอซูหว่านเอ๋อร์ก็กลับมา แล้วหลินเซียวพูดคุยกับเธอเกี่ยวกับเรื่องลงทุน

ยิ่งกว่านั้นเขาต้องกลายเป็นผู้ถือหุ้นที่ใหญ่ที่สุดของบริษัทนี้

เขาต้องการที่จะเห็นว่าหลังจากที่เขากลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทนี้ ใครหน้าไหนจะยังกล้าเดินป้วนเปี้ยนเขาอีกไหม

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status