เมื่อได้ยินที่หลินเซียวพูดแบบนั้น ทุกคนในงานต่างตกตะลึงเป็นอย่างมากทุกคนต่างกำลังกระซิบกระซาบกันว่าตระกูลเยว่ไปทำเรื่องอะไรร้ายแรงผิดมนุษย์ไว้กันแน่“บังอาจ! ตระกูลเยว่ใช่ที่คนอย่างแกบุกเข้ามาได้ง่ายๆ งั้นเหรอ? ยังกล้าเหลวไหลที่นี่อีก มานี่หน่อย เอาพวกมันสองคนนี้ออกไปให้พ้น!” เยว่ชิ่วหรงตะคอกออกมาด้วยความเดือดดาลบอดี้การ์ดหลายคนก็พุ่งออกมาในทันที เป้าหมายก็คือหลินเซียวและเหลิ่งซวงตระกูลใหญ่ที่เหมือนกับตระกูลเยว่ต่างจะต้องมียอดฝีมือรับผิดชอบดูแลความปลอดภัยของตระกูล บอดี้การ์ดหลายคนนี้ก็คือยอดฝีมือที่ตระกูลเยว่เลี้ยงเอาไว้ แต่ละคนต่างมีทักษะฝีมือที่ยอดเยี่ยมทั้งนั้น!เยว่ยี่เฟิงเห็นว่าบอดี้การ์ดอยู่ด้วยก็มีความมั่นใจในทันที จึงเดินถามเข้าไปชี้หน้าด่าหลินเซียวยกใหญ่: “แกคิดว่าแกเป็นใคร? ถึงได้กล้าบุกเข้ามาในตระกูลเยว่ และยังกล้าเอาโลงศพมาให้คุณย่าของฉันในงานวันเกิดอีก แกเข้ามาง่าย แต่ออกยาก! หักขาพวกมันซะ ให้พวกมันคลานกลับออกไป!”เยว่ยี่เฟิงคุ้นเคยกับความรู้สึกที่ยโสโอหังมองไม่เห็นหัวผู้อื่นแบบนี้“แกคือเยว่ยี่เฟิงใช่ไหม?” หลินเซียวถาม“ใช่ ก็ฉันเนี่ยแหละ! ฉันไม่สนใจว่าแกจะเป็น
ถูกผู้หญิงคนเดียวจัดการงั้นเหรอ?สาวสวยข้างกายของหลินเซียวเพียงคนเดียวก็สามารถทำให้เหล่าองครักษ์ลงไปนอนกองกับพื้นจนหมด เธอเป็นใครกันแน่?สาวสวยคนนี้เหมือนจะทำตามคำสั่งของหลินเซียวอย่างเคร่งครัด แม้แต่คนข้างกายยังแข็งแกร่งขนาดนี้? งั้นความสามารถที่แท้จริงของหลินเซียวจะไม่เก่งจนคาดไม่ถึงเลยหรอ?“ยังมีใครอยากจะตายอีกไหม?” เหลิ่งซวงยื่นนิ้วชี้ออกไปกวักเรียกการตายของจ้าวหลานทำให้เธอเองก็โกรธมากเช่นกัน อยากจะสั่งสอนตระกูลเยว่ให้หนักสักหน่อยคราวนี้เยว่ชิ่วหรงรู้สึกลนลานเล็กน้อย พวกเขาเตรียมตัวมาเป็นอย่างดีจริงๆ ด้วย“รีบไปเชิญคุณหวังมาเร็ว” เยว่ชิ่วหรงกระซิบกับคนรับใช้ที่อยู่ข้างๆ“ค่ะ!” คนรับใช้คนนั้นรีบไปออกมาจากนั้นก็มีผู้อาวุโสสวมเสื้อคลุมสีดำคนหนึ่งเดินออกมาจากทางด้านหลังของห้องโถงผู้ชายคนนั้นเต็มไปด้วยพลังอันมีพลานุภาพ จิตสังหารวนเวียนรอบกายของเขา“คุณหวัง รบกวนคุณลงมือไล่สองคนนี้ออกไปด้วยเถอะค่ะ” เยว่ชิ่วหรงพูดผู้อาวุโสด้วยความเคารพผู้อาวุโสคนนี้มีชื่อว่าหวังฉวนชุน เขาเป็นยอดฝีมือที่แท้จริง เพราะความสามารถที่แท้จริงเหนือกว่าผู้อื่น ก็แม้แต่แม่เฒ่าเยว่ก็ยังต้องยอมรับเขา
เยว่ยี่เฟิงกลัวจนตัวสั่นเทา ใจตุ้มตุ้มต่อมต่อม เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงติดขัดด้วยความกลัว อ้อนวอนหลินเซียว:” อย่าฆ่าฉัน อย่าฆ่าฉันเลยนะ! ไม่ว่าแกจะขออะไรฉันก็จะยอมให้แกหมดเลย อยากได้เงินเท่าไหร่ก็บอกมาได้เลยนะ”“เงินสำหรับฉันมันก็เหมือนกับก้อนดิน มีเงินเยอะแล้วมันให้แม่บุญธรรมของฉันฟื้นได้ไหมล่ะ?” หลินเซียวพูดสีหน้าเย็นชา“ขอร้องล่ะ อย่าฆ่าลูกชายของฉันเลย!” หูเสี่ยวเหลียนเห็นว่าหลินเซียวเตรียมกำลังจะลงมือกับลูกชายของตัวเอง ก็ตื่นตระหนกตกใจจนทำอะไม่ถูก จึงรีบคุกเข่าขอร้อง“ในตอนที่ภรรยาของฉันคุกเข่าขอร้องต่อหน้าลูกชายของแก ทำไมมันไม่ไว้ชีวิตแม่บุญธรรมของฉันบ้างล่ะ” หลินเซียวใช้น้ำเสียงเย็นชาตอบ“ตอนนี้เขาสำนึกผิดแล้ว โปรดให้โอกาสเขาสักครั้ง ไว้ชีวิตเขาด้วยเถอะนะ ต่อไปฉันจะสั่งสอนเขาให้ดีแน่นอน” หูเสี่ยวเหลียนพูดอ้อนวอน“การที่เยว่ยี่เฟิงอวดดีและใช้อำนาจบาตรใหญ่แบบนี้ก็เป็นเพราะแกตามใจทั้งนั้นถึงทำให้มันไม่เห็นหัวใคร เอาแต่ใจตัวเอง มันสายเกินไปที่จะพูดอะไรตอนนี้” หลินเซียวพูดจบก็ยกเท้าของตัวเองขึ้นมา ก่อนจะกระทืบไปยังหว่างขาของเยว่ยี่เฟิง“ฟู่.....” เสียงอันอึดอัดดังขึ้น“อ๊าก!” เย
“แม่อาจจะรู้สึกว่าอยู่ที่นี่ไม่สบายเหมือนอยู่คฤหาสน์ตระกูลซูล่ะมั้ง กลางวันฉันกับพ่อก็ไปทำงาน ทั้งคฤหาสน์มีแค่แม่อยู่อ้างว้างคนเดียว ไม่มีใครคุยเป็นเพื่อนแม่ แม่อาจจะรู้สึกเหงาถึงได้ย้ายออกไปเองน่ะ” ซูหว่านเอ๋อร์พูดขึ้นแม้ว่าซูหว่านเอ๋อร์จะกำลังโกหก แต่เธอก็โกหกอย่างไม่มีช่องโหว่ สีหน้าไม่เปลี่ยนสี ไม่รู้สึกตื่นเต้นเลยสักนิดหลินเซียวไม่มีความสงสัยในคำพูดของซูหว่านเอ๋อร์เลย“คุณทำงานที่หนานหูกรุ๊ปเป็นไงบ้าง?” หลินเซียวถามขึ้น“หลังจากที่เกิดเรื่องขึ้นกับแม่บุญธรรม ฉันก็ลาหยุดยาว” ซูหว่านเอ๋อร์ถอนหัวใจแล้วพูดขึ้น“ตอนนี้ก็ดีขึ้นแล้ว หลังจากที่คุณกลับมา ชีวิตของฉันก็กลับมาเป็นปกติ แล้วกองทัพจัดภารกิจให้คุณอีกไหม?” ซูหว่านเอ๋อร์ถามขึ้น“ยังไม่มีหรอก ผมแค่ลาหยุดกลับมาสักพัก ถ้ามีสถานการณ์ก็จะมีโอกาศที่จะต้องออกเดินทางได้ทุกเมื่อ” หลินเซียวลูบผมของซูหว่านเอ๋อร์ด้วยความเอ็นดูแล้วพูดขึ้น“ทำไมต้องกลับไปอีกล่ะคะ?” ซูหว่านเอ๋อร์ถามขึ้นด้วยความสงสัย“ใช่ อาณาจักรมังกรไม่มีผมไม่ได้” หลินเซียวยิ้มแล้วพูดขึ้น“คุณก็โม้ไปเถอะ คุณเป็นแค่ทหารคนหนึ่งจะไปเกี่ยวกับงานใหญ่ระดับอาณาจักรได้ไง!” ซู
“ไอ้เจ้าหลินเซียวเหมือนจะไม่ธรรมดาเลยนะ ดูจากมันจัดงานแต่งงานเมื่อเดือนก่อน แขกเหรื่อที่ให้เกียรติมาร่วมงานแต่งของมันต่างเป็นคนที่มีหน้ามีตามากมาย และคุณชายจากทั้งห้าตระกูลใหญ่ของเมืองหลวงด้วย ก็แม่แต่วังต้าไห่นายพลระดับสูงของชายแดนใต้ก็มีร่วมขบวนงานของมันด้วย!”“งานแต่งงานยิ่งใหญ่อลังการก็จริง แต่เหมือนฉันจะได้ยิ่งข่าวมาบ้างว่าที่งานแต่งงานจัดได้ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ก็เป็นเพราะวังต้าไห่ ไม่เกี่ยวกับหลินเซียวเลย หลินเซียวเคยช่วยชีวิตเขาไว้ วังต้าไห่ถึงได้มาชดใช้หนี้บุญคุณที่ติดค้างเอาไว้”“นายพลวังคงไม่มาเอาเรื่องตระกูลเยว่ของเราเพราะทหารองครักษ์นายเดียวหรอกนะ? ยังไงซะความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ลึกซึ้ง พูดให้ดีก็คือมันคนละเรื่องกัน บุญคุณก็ตอบแทนแล้ว นายพลวังก็ไม่มีเหตุผลที่จะช่วยหลินเซียวอีกแล้ว”“ตระกูลเยว่ของพวกเรามีคนเก่งมากความสามารถมากมาย มีคนแบบไหนที่ไม่มีบ้าง แค่หลินเซียวคนเดียวจะทำอะไรได้? ติดต่อคนของกรมกำกับดูแลให้จับมัน ตั้งข้อหามัน แล้วฆ่ามันให้ตายซะ!”ทุกคนต่างพูดคุยและแสดงความคิดเห็นเห็นว่าทุกคนต่างแย่งกันพูด แม่เฒ่าเยว่จึงจะใช้แผนการของตัวเอง: “เงียบให้หมด! ยังไงก็
“ก็จริงอยู่ แต่นั่นเป็นเขตอิทธิพลของแก๊งชิงหลงนะ พี่เป็นถึงราชามังกร ทำให้ตัวเองตกอยู่ในอันตรายไม่ได้เด็ดขาด เรื่องนี้ให้จัดการเองทั้งหมดเถอะนะคะ” เหลิ่งซวงพูดขึ้นอีก“ฆ่าคนแล้วก็ต้องชดใช้ด้วยชีวิต เลือดมันต้องล้างด้วยเลือด! เรื่องการแก้แค้นฉันจะต้องทำมันด้วยตัวเอง!” หลินเซียวพูด“พี่หลิน ยังมีอีกเรื่องที่ฉันจะรายงานให้พี่ฟัง” เหลิ่งซวงพูด“เรื่องอะไร?” หลินเซียวถามขึ้น“เมื่อกี้ฉันได้รับคำสั่งจากเบื้องบนมา เบื้องบนสังเกตว่าเมืองหนานหูช่วงนี้ไม่ค่อยสงบ บุคลากรระดับสูงจำนวนมากทำเรื่องผิดกฎหมาย ฉะนั้นจึงได้จัดตั้งทีมตรวจสอบขึ้นมา และต้องการให้กวาดล้างเมืองหนานหูค่ะ” เหลิ่งซวงพูด“งั้นเรื่องนี้คงจะไม่เกี่ยวอะไรกับฉันหรอกนะ?” หลินเซียวพูด“จะไม่เกี่ยวกับพี่ได้ไงล่ะ? เบื้องบนรู้ว่าตอนนี้พี่อยู่ที่เมืองหนานหูก็เลยอยากให้พี่เป็นคนรับผิดชอบทีมตรวจสอบนี้ค่ะ” เหลิ่งซวงพูด“เข้าใจอะไรผิดรึเปล่า? ฉันลาพักร้อนอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?” หลินเซียวตอบอย่างไม่ยินยอม“พี่หลิน งั้นพี่ต้องพิจารณาถึงตำแหน่งนี้สักหน่อยนะ ถ้าหากพี่นั่งอยู่บนตำแหน่งนี้แล้ว และวันหยุดก็ต้องรอตรวจสอบเรื่องนี้เสร็จสิ้นก่อนถึงจ
“ฉันเคยสู้กับทหารเป็นพันเป็นหมื่นนาย เคยเข้าร่วมสงครามทั้งน้อยใหญ่กว่าพันครั้งแล้ว มีอะไรที่ฉันไม่เคยเห็นบ้าง มีอะไรให้ต้องตื่นเต้นเป็นกังวลด้วยรึไง?” หลินเซียวพูดขึ้น“ยังไงก็ระวังสักหน่อยแล้วกัน อะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ ตระกูลเยว่และแก๊งชิงหลงที่เล็ก ๆ ให้ฉันเป็นคนจัดการก็พอค่ะ หรือพี่สั่งให้กองทหารบุกเข้ามาได้ก็บดขยี้พวกมันได้เลยค่ะ!” เหลิ่งซวงพูดขึ้นอย่างร้อนใจ“ที่นี่ไม่ใช่สงคราม และไม่ใช่สถานที่ที่จะให้กำลังอาวุธได้สบาย ๆ นะ อยากทำลายตระกูลเยว่และแก๊งชิงหลงมันง่ายมาก แต่อำนาจที่อยู่เบื้องหลังของพวกมันล่ะ? ก็ต้องลากมันออกมาจัดการพร้อมกันสิ” หลินเซียวพูดขึ้น“ฉันเข้าใจแล้วค่ะ!” เหลิ่งซวงพยักหน้า“เธอเข้าใจก็ดีแล้ว เรื่องนี้จำเป็นต้องทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป วางแผนการใหญ่ต้องรอให้พวกมันทุกคนไม่ระวังตัวแล้ว และพวกกมันเผยโฉมออกมาทุกตัวก็ถึงเวลาเก็บแห่ของเราแล้ว” หลินเซียวพูดขึ้น“แต่ฉันยังกลัวว่าพี่จะเป็นอะไรไป พี่เป็นเสาหลักของทั้งอาณาจักรมังกรเลยนะคะ!” เหลิ่งซวงพูดขึ้น“วางใจเถอน่า ยังมีกองทหารตั้งค่ายอยู่ด้านนอกไม่ใช่เหรอ มีสถานการณ์เกิดขึ้นแล้วก็สามารถให้พวกเขาเคลื่อนพลเข้ามาในเมื
จางเหยากลัวจนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เธอไม่แน่ใจว่าตัวเองไปล่วงเกินใครเข้า ทำไมถึงถูกลักพาตัวเธอคิดอยากจะร้องขอชีวิต แต่ก็ขยับตัวไม่ได้เลย และไม่สามารถอ้าปากได้ด้วยสถานการณ์เกิดขึ้นด้วยความรวดเร็ว ทำให้จางเหยาหวาดกลัวจนถึงขีดสุดคนบนรถควบคุมจางเหยาเอาไว้ จากนั้รถก็แล่นออกไปอย่างรวดเร็วโดยขับมุ่งหน้าไปยังชานเมืองทางตะวันตกของเมืองหนานหูจางเหยาเป็นกังวลอย่างมาก ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นต่อไปเขาพยายามขัดขืนสุดชีวิต แต่ผู้ชายร่างใหญ่สองคนตรงหน้าทำให้เธอไม่มีแรงที่จะขัดขืน และไม่หลุดจากการถูกพันธนาการได้หลังจากผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง จางเหยาก็ถูกพาตัวมาถึงชานเมืองฝั่งตะวันตกของเมืองหนานหู และถูกพาลงจากรถเธอถูกปิดหน้าปิดตามาตลอดทาง ดังนั้นไม่สามารถรู้ได้เลยว่าตัวเองอยู่ที่ไหนจากนั้นเธอก็รู้สึกว่าตัวเองกำลังบันไดไปหลายขั้น เหมือนกับถูกพาลงไปในห้องใต้ดินเมื่อประตูถูกเปิดออกก็มีเสียงดังแว่วมา ด้านในมีเสียงดนตรีดังจนหูแทบจะแตก……หลังจากจางเหยาถูกพาเข้ามาไม่กี่นาที หลินเซียวและเหลิ่งซวงก็มาถึงชานเมืองฝั่งตะวันตกตำแหน่งที่แน่ชัดของคลับสวรรค์บนดิน เหลิ่งซวงตรวจสอบมาอย่างดีแล้ว