ตระกูลหวังมีธรรมเนียมทางสังคมที่เข้มงวด ผู้อาวุโสสามารถสั่งสอนผู้อายุน้อยกว่าได้ แม้แต่การดุด่าและตบตีผู้อายุน้อยกว่า ผู้อายุน้อยกว่าก็ไม่กล้าดูหมิ่นและขัดขืนแม้แต่น้อย“แกยังกล้าบอกว่าไม่ได้ล่วงเกินอีกเหรอ? เมื่อกี้แกไม่ได้ยินเหตุผลที่ประธานชู๋ไล่ฉันออกหรือยังไง? ก็เพราะแกไปล่วงเกินคนที่ไม่ควรล่วงเกินไง แกยังกล้าบอกว่าไม่ได้ทำอีกเหรอ?” หวังยีต๋าตวาด“ลุงรองคะ เทียนเฟิงอยู่กับหนูทุกวัน หนูเป็นพยานให้เขาได้นะคะ เขาไม่ได้ไปล่วงเกินใครเลยจริงๆ ค่ะ! เขาไม่ผิดนะคะ คุณลุงลองคิดดูว่ามีอะไรผิดพลาดตรงไหนหรือเปล่าคะ!” ซูชิงเอ๋อร์ที่อยู่ข้างๆ พูดช่วยหวังเทียนเฟิงหวังเทียนเฟิงและซูชิงเอ๋อร์ไม่มีทางคิดได้ว่าคนที่พวกเขาล่วงเกินจะเป็นหลินเซียว!แม้ว่าพวกเขาทั้งสองจะล่วงเกินหลินเซียวไปทั้งเมื่อคืนวานและเมื่อช่วงสายของวันนี้ก็ตาม แต่พวกเขาไม่รู้สึกว่าเศษสวะคนหนึ่งจะมีอำนาจมากขนาดนี้ที่จะไล่หวังยีต๋าออกจากหนานหูกรุ๊ปได้เลยดังนั้น ทั้งสองก็ไม่ได้พูดเรื่องที่ไปมีเรื่องกับหลินเซียวออกมา“ตรงนี้ไม่มีที่ให้เธอพูด! ฉันโดนไล่ออกแล้ว ตระกูลซูของพวกเธอก็ไม่อาจผลักความรับผิดชอบได้! เมื่อกี้ไม่ได้ยินที่ประ
“อยากจะลงมือกับฉันใช่ไหม? มาสิ ทำไมไม่กล้าแล้วล่ะ!” หลินเซียวพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังหวังเทียนเฟิงในเวลานี้ยังจะกล้าพูดอะไรมากไปกว่านี้อีก เผชิญกับพลานุภาพอันทรงพลังของหลินเซียว กำแพงความกล้าในใจของเขาได้ทลายลงไปตั้งนานแล้ว แม้แต่หายใจเสียงดังก็ยังไม่กล้า“คิดจริงๆ หรือว่าฉันคนนี้ล่วงเกินได้ง่ายๆ แบบนี้! ถ้าเป็นเมื่อก่อนนะ พฤติกรรมแบบนี้ของพวกแกก็คงตายห่าไปตั้งนานแล้ว! ตอนนี้ฉันขี้เกียจใส่ใจกบในกะลาอย่างพวกแกก็แค่นั้น”เมื่อพูดจบ หลินเซียวก็สแกนปลดล็อกรถจักรยานสาธารณะ และปั่นจากไปอย่างสง่าผ่าเผยทิ้งไว้เพียงหวังเทียนเฟิงและซูชิงเอ๋อร์ที่ยืนเอ๋อและตื่นตระหนกตกใจมากเอาไว้“เทียนเฟิง คุณยังโอเคไหม!” ซูชิงเอ๋อร์รีบพยุงหวังเทียนเฟิงที่ตกใจกลัวจนวิญญาณแทบจะหลุดออกจากร่างขึ้นมา ก่อนจะถามขึ้นอย่างเป็นห่วง“ไม่ ไม่มีอะไร” หวังเทียนเฟิงตอนนี้ยังรู้สึกหวาดกลัวอยู่บ้าง“แววตาของไอ้ชั่วนั่นปานจะกินคน! ทำไมมันมีสีหน้าท่าทางแบบนี้นะ?” ตอนนี้ซูชิงเอ๋อร์ยังรู้สึกว่าหลินเซียวเมื่อครู่เหมือนกับปีศาจไม่มีผิด“ใช่เหรอ? เหมือนจะธรรมดานะ? เมื่อกี้ผมก็แค่ยืนไม่มั่นคงถึงได้ล้มไง ไม่งั้นนะผมต่อยมันฟันร่ว
“หว่านเอ๋อร์ คุณก็รู้ว่าใจของผมไม่ถือสาอดีตที่ผ่านมาของคุณเลยสักนิด คุณยอมแต่งงานกับผมไหมครับ?” หูหมิงหาวพูดขึ้นอีกครั้งทว่า หยางฮุ้ยฟางยังมีความกังวลใจอยู่เล็กน้อย เลยรีบพูดแทรกขึ้นว่า: “ถึงหว่านเอ๋อร์จะแต่งงานกับไอ้ชั่วนั่นแล้ว แต่พวกเขายังไม่ได้หลับนอนด้วยกันนะ ตอนนี้หว่านเอ๋อร์ยังเป็นสาวพรหมจรรย์อยู่”“คุณแม่! พูดเรื่องพวกนี้ทำไมคะ!” ซูหว่านเอ๋อร์พูดขึ้นอย่างลนลานและอับอาย“ฉันพูดเรื่องจริงน่ะสิ มีปัญหาอะไรไหม?” หยางฮุ้ยฟางพูดขึ้น“อย่าพูดต่อไปมากกว่านี้เลยนะ หลินเซียวรับปากฉันแล้วว่าวันที่ 30 ที่จะถึงนี้เขาจะจัดงานแต่งที่ยิ่งใหญ่อลังการให้กับฉัน และฉันก็เชื่อใจเขาค่ะ!” ซูหว่านเอ๋อร์พูด“แกโดนมันวางยาแล้วใช่ไหม ถึงเชื่อคำพูดโป้ปดของมันได้! เศษสวะที่ไม่มีแม้งานที่เป็นหลักแหล่งจะจัดงานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่อลังการให้แกได้ไง! มันหลอกแกทั้งนั้น!” หยางฮุ้ยฟางพูด“ถึงเขาจะไม่ได้รวย ฉันก็ไม่ทิ้งเขาไปอยู่ดี! ฉันไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้ ขอแค่เขาดีกับฉันอย่างสุดหัวใจก็พอแล้ว! พวกคุณอย่าพูดอีกเลยค่ะ!” ความอดทนของซูหว่านเอ๋อร์หมดลงคำพูดของซูหว่านเอ๋อร์ทำให้หลินเซียวเข้าใจทัศนคติและความแน่วแ
หยางฮุ้ยฟางและซูหว่านเอ๋อร์เห็นหลินเซียวลงมือในทันใดต่างก็ตกตะลึง“แกทำอะไรน่ะ….รีบ รีบปล่อยเดี๋ยวนี้นะ!” หูหมิงหาวเจ็บจนหน้ายู่เข้าหากัน“นี่แกหูหนวกหรือไง? หว่านเอ๋อร์พูดแล้ว เธอไม่ตอบตกลงแก หากแกยังตอแยเมียฉันอีก ฉันก็ไม่เกรงใจที่จะหักขาแกหรอกนะ!” หลินเซียวพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบแม้แต่ซูหว่านเอ๋อร์ก็เพิ่งจะเคยเห็นหลินเซียวมีพละกำลังแบบนี้ กล้าแม้แต่ลงมือกับหูหมิงหาว“แก ไอ้เศษสวะชาติชั่ว กล้าลงมือกับคุณชายหู แกอยากตายแล้วใช่ไหม! รีบปล่อยอุ้งเท้าของแกออกซะ!” หยางฮุ้ยฟางตะคอกออกในทันทีทั้งที่ยังไม่ทันหายตะลึง“ถึงได้พูดไงผมก็เป็นสามีของหว่านเอ๋อร์นะ คุณแม่ไม่เข้าข้างผมเลย แต่ไปเข้าข้างคนอื่นเหรอ?” แน่นอนว่าหลินเซียวโกรธบ้างแล้ว“คุณชายหูเป็นลูกเขยที่ฉันต้องการต่างหากล่ะ ส่วนแก ไม่คู่ควรกับหว่านเอ๋อร์แม้แต่น้อย รีบขอโทษคุณชายหูเดี๋ยวนี้นะ ไม่งั้นละก็แกต้องโดนดีแน่!” หยางฮุ้ยฟางพูดใจของหลินเซียวจมดิ่ง ถ้าหากตัวเองใช้กำปั้นจัดการไอ้ชั่วหูหมิงหาวนี่ เหมือนจะไม่มีความหมายอะไร ก็เลยต้องปล่อยมือออกไปหยางฮุ้ยฟางและหูหมิงหาวที่ยืนอยู่ข้างๆ ต่างคิดว่าหลินเซียวถูกตัวตนของหูหมิงหาวทำใ
ยังไงซะเธอก็เป็นถึงรองประธานของหนานหูกรุ๊ป ดังนั้นต้องคำนึงถึงบริษัทด้วย“เธอพูดไร้สาระอะไรเยอะแยะ ทำตามที่สั่งก็พอ ส่วนความเสียหายแค่นี้ ไม่ต้องไปใส่ใจ!” หลินเซียวใช้คำพูดที่ไม่อาจปฏิเสธได้เขาเป็นถึงราชามังกร เงินแค่นี้สำหรับเขาไม่มีความหมายตั้งนานแล้ว เป็นแค่ตัวเลขเย็นๆ ก็เท่านั้นตอนนี้ได้เตะตระกูลหูออกแล้ว ถึงตอนที่ซูหว่านเอ๋อร์มาสมัครงานก็สามารถให้เธอแสดงฝีมือได้อย่างเต็มที่“ทราบแล้วค่ะท่านประธาน ฉันจะไปดำเนินการเดี๋ยวนี้เลยค่ะ” ทีนี้ชู๋ยู่หยานไม่กล้าพูดอะไรอีก“นอกจากนี้ บอกตระกูลหูด้วยว่า ความเสียหายของพวกเขาเกิดจากการที่หูหมิงหาวไปล่วงเกินคนที่ไม่ควรล่วงเกิน!” หลินเซียวพูดขึ้น“เข้าใจแล้วค่ะ!” ชู๋ยู่หยานพูดขึ้น……ณ ห้องรับแขก ในตอนที่หูหมิงหาวยังอยากตอแย่ซูหว่านเอ๋อร์อยู่ โทรศัพท์เขาก็มีสายเรียกเข้าจากผู้มีอำนาจของตระกูลหู หูต้าไห่ ท่านปู่ของหูหมิงหาว“ท่านปู่ครับ ว่าไงครับ? มีธุระเหรอครับ?” หูหนิงหาวถามขึ้น“ไอ้เจ้าชั่ว แกไปก่อเรื่องอะไรไว้? แกไปล่วงเกินผู้มีอำนาจคนไหนกัน?” ผู้เฒ่าหูถามขึ้นด้วยความโกรธจัดหูหมิงหาวสับสนไปหมด ทำไมท่านปู่ถึงโมโหขนาดนี้ เขาเพิ่งจะเคยเ
“คุณ?” ซูหว่านเอ๋อร์ตกใจจนอ้าปากเล็กๆของเธอกว้าง “ใช่น่ะสิ คุณไม่สังเกตหรือไง? เมื่อกี้หูหมิงหาวขอคุณแต่งงานต่อหน้าผม ก็คือล่วงเกินผม” หลินเซียวพูด“ถึงเขาล่วงเกินคุณ แล้วมันไปเกี่ยวกับกับหนานหูกรุ๊ปได้ไงล่ะ?” ซูหว่านเอ๋อร์ถามขึ้น “เพราะผมก็คือประธานคนใหม่ของหนานหูกรุ๊ป” หลินเซียวพูดอย่างจริงจัง“จะเป็นไปได้ไงกัน? คุณคือประธานคนใหม่ของหนานหูกรุ๊ปเนี่ยนะ? คุณจะโม้ก็โม้ให้มันเชื่อถือได้หน่อย พูดจามั่วซั่วไปเรื่อย หนานหูกรุ๊ปเป็นถึงบริษัททางธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหนานหูเลยนะ!” ซูหว่านเอ๋อร์ไม่เชื่อคำพูดของหลินเซียวแม้แต่น้อย“……” หลินเซียวหมดหนทางเล็กน้อย ทั้งที่ตัวเองพูดความจริงแล้ว แต่เธอกลับไม่เชื่อซะอย่างนั้นสำหรับสถานการณ์แบบนี้ หลินเซียวคิดไว้ตั้งนานแล้ว จู่ๆก็บอกเรื่องนี้กับซูหว่านเอ๋อร์ แน่นอนว่าเธอจะต้องไม่มีทางเชื่อแน่ๆมีเพียงรอให้ความสามารถที่แท้จริงของตนได้แสดงออกมาอย่างช้าๆ ซูหว่านเอ๋อร์จึงจะเชื่อในตัวเขาจริงๆ “แล้วค่อยพูดเรื่องนี้กันทีหลัง วันนี้ผมเพิ่งรู้ข่าวหนึ่งที่สำคัญมากมา” หลินเซียวพูดขึ้น“อะไร?” ซูหว่านเอ๋อร์ถามขึ้นทั้งที่หลินเซียวไม่มีเส้นสาย แล้ว
“คนนี้ต้องมีความสัมพันธ์สนิทชิดเชื้อกับประธานคนใหม่ของหนานหูกรุ๊ปแน่นอน!”คนในตระกูลพากันพูดเซ็งเซ่เกรียวกราว ต่างพูดความคิดเห็นของตัวเองออกมา“สถานการณ์แบบนี้ในตอนนี้ แค่ถอนหายใจอยู่ที่นี่ไปมันไม่มีประโยชน์ ตำแหน่งผู้อำนวยการโครงการของหนานหูกรุ๊ปว่างพอดี ถ้าใครสักคนในตระกูลซูเราสามารถแทนที่ตำแหน่งนี้ได้ จากนี้ยังต้องกังวลว่าจะไม่มีสัญญาให้เซ็นในอนาคตอีกไหม?” แม่เฒ่าซูพูดขึ้น“ใช่ค่ะ ท่านย่าพูดถูกที่สุดเลยค่ะ ตระกูลซูของเรามีคนเก่งมากความสามารถมากมาย พวกเราไปหนานหูกรุ๊ปลองสมัครดูได้นะคะ” ซูชิงเอ๋อร์พูดขึ้น“พี่ครับ พี่พูดถูกต้องที่สุดเลย ผมจะรีบไปสมัครเดี๋ยวนี้ครับ” ซูจื้อเฉียงพูดขึ้น……ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ตระกูลหูและตระกูลหวังต่างทำการประชุมประจำตระกูลเพราะหวังเทียนเฟิงไปล่วงเกินคนที่ไม่ควรล่วงเกินจนทำให้หวังยีต๋าผู้เป็นลุงโดนไล่ออกเลย สูญเสียคู่ความร่วมมือที่แข็งแกร่งและยิ่งใหญ่อย่างหนานหูกรุ๊ปแบบนี้ไป ในการประชุม เหล่าผู้อาวุโสต่างด่าเขาจนเวียนหัวในใจของหวังเทียนเฟิงรู้สึกหดหู่ใจมาก ช่วงนี้เขามีเรื่องกับไอ้เศษสวะหลินเซียวเล็กน้อย ส่วนคนอื่น เขาก็ไม่ได้ล่วงเกินใครเลยสถา
“ใช่ค่ะ แค่เซ็นชื่อก็ได้แล้วค่ะ!” ชู๋ยู่หยานเห็นสีหน้าตกใจของซูหว่านเอ๋อร์ ในใจก็คิดว่า ถ้าคุณรู้ตัวตนของสามีของตัวเอง เกรงว่ายิ่งตกตะลึงยิ่งกว่านี้อีกนะ?“ค่ะ ฉันเซ็นเดี๋ยวนี้ค่ะ” ซูหว่านเอ๋อร์ตอบด้วยความตื่นเต้นซูหว่านเอ๋อร์เซ็นชื่อเสร็จแล้ว ชู๋ยู่หยานก็พูดขึ้น: “คุณซูคะ ยินดีต้อนรับคุณเป็นอย่างยิ่ง นับตั้งแต่วันนี้ไปคุณก็เป็นส่วนหนึ่งของหนานหูกรุ๊ปของพวกเราแล้ว หากไม่มีสถานการณ์อะไรที่พิเศษ พรุ่งนี้ก็สามารถเข้าทำงานได้เลยนะคะ”“ได้ค่ะ ขอบคุณประธานชู๋นะคะ!” ซูหว่านเอ๋อร์ตอนนี้ดีใจจนปกปิดไว้ไม่อยู่ ดูท่าแล้วหลินเซียวคงจะไม่ได้หลอกตัวเอง ความสัมพันธ์ของเขาและเพื่อนร่วมชั้นเรียนคนนั้นน่าจะสนิทสนมกันมาก“คุณซูเกรงใจเกินไปแล้วค่ะ คนมีความสามารถอย่างคุณสามารถเข้าร่วมหนานหูกรุ๊ปได้ค่ะ และพวกเราก็ดีใจมากค่ะ” ซูหว่านเอ๋อร์ไม่ช้าก็เร็วก็ต้องเป็นประธานของหนานหูกรุ๊ป ซู๋ยู่หยานจะไม่เกรงใจได้ยังไงกัน“ประธานชู๋ชมกันเกินไปแล้วค่ะ ฉันจะทำงานของตัวเองอย่างสุดความสามารถแน่นอนค่ะ” ถูกรองประธานหนานหูกรุ๊ปชมขนาดนี้ ซูหว่านเอ๋อร์ก็รู้สึกเขินอายอยู่บ้าง“ตั้งแต่พรุ่งนี้ไป การบริหารจัดการของโครงการว